www.touronthai.com

หน้าหลัก >> กาญจนบุรี >> สันคมมีด เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

สันคมมีด เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

 เขาช้างเผือก อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งต้องเดินทางไปเริ่มต้นที่บ้านอิต่อง โดยมากนักท่องเที่ยวจะเดินทางไปให้ถึงบ้านอิต่องก่อนสว่างเพื่อเตรียมตัวเดินทางผจญภัยบนเส้นทางวัดใจสันคมมีด เพื่อพิชิตยอดเขาช้างเผือก ระยะทางประมาณ 4,000 เมตร ยอดเขาช้างเผือกสูงจากระดับน้ำทะเล 1,249 เมตร ทั้งนี้ก่อนที่จะเดินทางขึ้นเขาช้างเผือกนักท่องเที่ยวต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อจองวันเดินทาง ลูกหาบ และเจ้าหน้าที่ เพราะเขาช้างเผือกสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เพียง 60 คน เท่านั้น

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ อยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 60 กิโลเมตร ตามทางหลวง 3272 มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายจุด สำหรับจุดชมวิวทิวทัศน์มี 2 แห่ง คือ ดอยต่องปะแล ซึ่งต้องจอดรถและเดินขึ้นเขาไปประมาณ 300 เมตร เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นน้ำตกจ๊อกกะดิ่นอยู่ไม่ไกล ส่วนเนินกูดดอย สามารถนำรถขึ้นไปจอดได้ เป็นจุดชมวิวทิวเขาซับซ้อนสุดสายตา มองเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณและเขาช้างเผือกภูเขาที่สูงที่สุดในอุทยานฯ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ น้ำตกจ๊อกกะดิ่น น้ำตกผาแป น้ำตกเจ็ดมิตร ต้องติดต่อว่าจ้างเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทาง น้ำตกเหล่านี้อยู่ในเขตตำบลปิล๊อก ซึ่งเดิมเป็นเหมืองแร่ดีบุก วุลแฟรม ตั้งอยู่พรมแดนไทย-พม่า อุดมด้วยป่าดิบ ปกคลุมด้วยหมอกเกือบตลอดทั้งปี ซึ่งต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ

ข้อมูลน่ารู้สำหรับการเที่ยวเขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

- เขาช้างเผือกเปิดให้เที่ยวได้ตั้งแต่ ตุลาคม-กุมภาพันธ์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ควรโทรสอบถามเจ้าหน้าที่ค่ะ

- ยอดเขาช้างเผือกสูงจากระดับน้ำทะเล 1,249 เมตร ไม่สูงมาก สามารถเดินได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ขึ้นอยู่สภาพร่างกาย

- การเดินขึ้นเขาช้างเผือกจะเดินจาก บ้านอีต่อง ซึ่งไม่ได้อยู่ที่ทำการอุทยานฯ การเดินเริ่มจากเดินเรียบๆ ไปสัก 2 กม.แล้วขึ้นเขาไปเรื่อยๆ แล้วเดินเลาะ ไปตามสันเขาเรื่อยๆ ขึ้นบ้าง ลงบ้าง ไม่ชันมาก แต่ร้อน เพราะเดินบนสันเขาระหว่างทางไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่ ระยะทางการเดินจากบ้านอีต่องไปลานกางเต้นท์ ประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่สภาพร่างกาย

- ศึกษาข้อมูลการเดินทาง จะได้ทราบว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรและตอบคำถามให้ตัวเองว่าจะไปหรือไม่ เราเขียนการเดินทางบรรยายพร้อมภาพไว้แล้วอย่างละเอียดตลอดการเดินทาง

สิ่งอำนวยความสะดวก ณ ลานกางเต้นท์

- มีแต่ห้องส้วมหลุมปิดมิดชิด  ไม่มีห้องอาบน้ำ ไม่มีน้ำ ควรเตรียมทิชชูเปียกไปทำความสะอาดร่างกายจ้า

- ไม่มีน้ำใช้และน้ำกิน ต้องเตรียมขึ้นไป ให้ลูกหาบแบก คำนวณให้ดี ถ้ามากไปจะหนักโดยใช่เหตุ

- อาหารที่นำขึ้นไปปรุงบนเขา ควรเป็นอาหารไม่ใช้น้ำมาก และเหลือขยะน้อยที่สุด เพราะต้องให้ลูกหาบแบกขยะกลับลงมาด้วย

การเตรียมตัวจองเที่ยวเขาช้างเผือก update ล่าสุด ปี 57-58

การจองวันขึ้นเขาช้างเผือก จำกัดนักท่องเที่ยว 60 คนต่อวันเท่านั้น

1 แจ้งรายชื่อ นามสกุล เพศ อายุ เลขที่บัตรประชาชน และที่อยู่ ของสมาชิกทั้งหมด ระบุวันที่ขอขึ้นเขาช้างเผือก จองเจ้าหน้าที่ จำนวนลูกหาบ ใส่กระดาษ แล้ว Fax ไปที่ เบอร์ 034-510979 ก่อนเดินทาง 7 วันเท่านั้น ไม่รับจองนานกว่า 7 วัน

2 ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่นำทาง update ปี 57-58 เจ้าหน้าที่ดูแลนำทาง 900 บาท อาจจะเพิ่มเป็น 1200 บาท / เจ้าหน้าที่ 1 ท่าน ต่อจำนวนนักท่องเที่ยว 10 ท่าน

3 ค่าลูกหาบ update ปี 57-58 ลูกหาบ 900 บาท ต่อคน / ลูกหาบ 1 คน แบกของได้ 25-30 กิโลกรัม

4 เช่าเต้นท์ของอุทยาน เต้นท์ 1 หลัง นอนได้ 2 คน หลังละ 270 บาท

5 กรณี นำเต้นท์ไปเอง ไม่เสียค่าพื้นที่กางเต้นท์

6 ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 30 บาท รถคันละ 30 บาท

สิ่งที่ต้องเตรียม เมื่อเดินขึ้นเขาช้างเผือก

- การเตรียมกระเป๋า ควรแยกเป็นเป้ 2 ใบ

* ใบแรกใส่เสื้อผ้า 2 ชุด สำหรับใส่นอนและวันเดินลง เสื้อกันหนาวทิชชูเปียก อุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟัน อุปกรณ์ที่จำเป็น เอาขึ้นไปบนเขา

* ใบที่สอง หรือถุงผ้า ใส่เสื้อผ้า 1 ชุด สำหรับอาบน้ำแล้วใส่กลับตอนเดินลงมาจากเขาแล้ว เอาเก็บไว้ที่รถ ไม่ต้องเอาขึ้นไป มันจะหนักเปล่าๆ

* ใครที่ไม่ได้แบกเป้เสื้อผ้าเอง ควรมีเป้เล็ก ติดตัวเอาไว้ใส่น้ำ ข้าวกลางวัน ของใช้ส่วนตัว

- ควรมาถึงบ้านอีต่อง แต่เช้ามืด กินอาหารเช้าและเตรียมอาหารกลางวันกินระหว่างทางที่ร้านอาหารในหมู่บ้าน เตรียมของให้ลูกหาบแบก

- เตรียมน้ำดื่มระหว่างทาง 1-2 ขวด ขึ้นอยู่กับแต่ละคน

- เสื้อผ้าที่ใส่ขึ้นเขาต้องเป็นผ้าที่ยืดหยุ่น คล่องตัว แต่ไม่รุ่มร่าม ไม่ควรใส่ยีนส์เพราะไม่คล่องตัว ปีนป่ายไม่สะดวก

- รองเท้า ควรใส่ผ้าใบ หรือรองเท้ายาง มีสายรัดข้อเท้า พื้นดอกยางลึกๆ

- อุปกรณ์กันแดด แว่นกันแดด หมวก เสื้อแขนยาว ปลอกแขน เพราะบางช่วงต้องเดินท่ามกลางหญ้าคา อาจโดนบาด

- ถุงมือ มีบางช่วงต้องปีนโดยต้องจับเชือก ยาดม ยาหม่อง ยาประจำตัว

- ถุงกันทาก สเปรย์กันทาก เดือน ตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน อาจยังมีทากอยู่

- ห้ามทิ้งขยะระหว่างทางเดิน เท่าที่ผ่านมามีเปลือกท้อฟฟี่และถุงขนมเยอะมาก สัตว์ป่าจะกินเข้าไปนะอันตราย

การเดินทาง ห่างจาก อ.ทองผาภูมิ ประมาณ 59 กม. โดยเป็นเส้นทางลาดยาง แต่เป็นทางขึ้นเขาและมีโค้งหักศอกอยู่มากจึงต้องขับอย่างระมัดระวัง สำหรับบ้านอิต่องอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตร

บริเวณอุทยานฯ มีบริการบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08 1382 0359 หรือ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตู้ ปณ.18 อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 71180

ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร. 08 1382 0359
http://dnp.go.th/

แก้ไขล่าสุด 2017-06-15 09:34:39 ผู้ชม 82144

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ
เดินทางถึงบ้านอิต่อง

เดินทางถึงบ้านอิต่อง กล่าวถึงการเดินทางขึ้นพิชิตเขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีขั้นตอนก่อนเดินทางง่ายๆ คือ ควรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเพื่อจองวันเดินทางที่แน่นอนก่อนนะครับเพราะเขาช้างเผือกมีพื้นที่สำหรับการกางเต็นท์ค่อนข้างจำกัด รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 60 คน เท่านั้น เมื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ได้แล้วแจ้งจำนวนนักท่องเที่ยวในกลุ่มของเรา วันที่ต้องการเดินทางขึ้นและลง ถ้าหากวันนั้นว่างเจ้าหน้าที่จะแจ้งยอดเงินสำหรับที่ต้องโอนก่อนเดินทางให้เราทราบ ยอดค่าใช้จ่ายเหล่านั้นได้แก่เจ้าหน้าที่นำทาง ลูกหาบ ฯลฯ เมื่อโอนเงินไปแล้วให้แฟกซ์ใบสลิปให้เจ้าหน้าที่ ในวันเดินทางให้ไปติดต่อที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิซึ่งอยู่ก่อนหมู่บ้านอิต่องประมาณ 15 กิโลเมตร จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่นำทางพร้อมลูกหาบมาให้เราโดยพบกันที่หมู่บ้านอิต่อง เราเดินทางมาถึงหมู่บ้านอิต่องก่อนสว่างเพื่อเตรียมตัวกันให้พร้อมและรอเจ้าหน้าที่กับลูกหาบ ขั้นตอนทั้งหมดนี้หากไม่แน่ใจสอบถามที่ร้านอาหารคุณหน่อยในหมู่บ้านได้ครับ ร้านคุณหน่อยจะอำนวยความสะดวกและช่วยเราได้หลายอย่าง เมื่อเรามาถึงแต่เช้าตรู่เราก็ออกตระเวนหาพื้นที่สำหรับปักหลักรอพระอาทิตย์ขึ้น ปรากฏว่าพบวัดแห่งหนึ่งอยู่บนเชิงเขาค่อนข้างสูงเห็นวิวหมู่บ้านอิต่องได้ทั่วก็เลยเลือกที่นี่ หลังจากชมวิวพระอาทิตย์โผล่ขึ้นจากสันเขาอันสวยงามแล้วก็เข้าหมู่บ้านหาอาหารเช้าและอาหารกลางวันที่ต้องเตรียมติดตัวไปด้วยระหว่างการเดินทางซึ่งก็หาได้จากร้านคุณหน่อยนั่นเองสะดวกที่สุด

หมู่บ้านอิต่อง

หมู่บ้านอิต่อง สภาพภายในหมู่บ้านที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้านอิต่อง มีหลายคนที่ได้เปลี่ยนแปลงการค้าขายมาขายของที่ระลึก อย่างเช่นร้านโปสการ์ดซึ่งมีอยู่ร้านเดียวที่นี่ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะหาของที่ระลึกในการมาเยือนสถานที่แห่งนี้ เวลาล่วงเลยไปจนถึง 8.00 น. เจ้าหน้าที่พร้อมกับลูกหาบก็จะทยอยกันเดินทางมาถึงที่นี่ เมื่อพบกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลกลุ่มเราแล้วจากนั้นก็ออกเดินทางได้ สัมภาระที่เตรียมมาไม่ควรเตรียมมามากเกินความจำเป็นเพราะบนเขาช้างเผือกไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใดๆ ไม่มีน้ำให้อาบด้วย ทิชชู่เปียกก็น่าจะเป็นของอย่างหนึ่งที่ควรเอามาด้วย เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเพื่อใส่นอน ส่วนชุดที่จะใส่ลงส่วนมากจะใส่ตัวเดียวกับที่ใส่ขึ้นเขาเพื่อเป็นการประหยัดชุดที่ต้องลุยป่า กับเหม็นเหงื่อตัวเอง

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงแรก

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงแรก เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเราก็ออกเดินทาง โดยเดินทะลุหลังหมู่บ้านไปยังจุดเริ่มต้นที่เชิงเขา ช่วงแรกเป็นทางที่ไม่ชันมากนักมีป่าโปร่งตลอดทางมองเห็นวิวหมู่บ้านอิต่องไกลๆ จากนั้นก็จะไม่เห็น เส้นทางเดินไปตามเชิงเขายังไม่สูงจากระดับน้ำทะเลมากนักพ้นช่วงแรกจะเห็นลูกหาบนั่งพักในร่มไม้ โดยปกติจุดที่เหมาะในการพักของการเดินทางจะมี 4 จุดหลักๆ แต่เส้นทางพิชิตยอดเขาไม่ไกลมากนักเมื่อเทียบกับเส้นทางเดินป่าที่อื่นๆ ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็ถึงลานกางเต็นท์

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงที่สอง

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงที่สอง ช่วงนี้เป็นการเดินขึ้นเขาไม่ชันมากนักแต่ก็ขึ้นๆ ลงๆ บ่อยๆ เป็นเนินเขาเล็กๆ ต่อเนื่องกันค่อยๆ ไต่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพภูมิประเทศ ทำให้เริ่มที่จะเห็นวิวสวยๆ ระหว่างทางได้สวยขึ้น ตลอดเส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกเป็นป่าโปร่งทั้งหมดครับ จะมองเห็นคนที่อยู่หน้าและหลังเราได้ตลอดเวลาถ้าเดินไม่ห่างกันมากนัก ส่วนใหญ่จะเห็นเลยว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นยังไงต่อ บริเวณที่ถ่ายรูปวิว 2 รูปบนมีต้นไม้ใหญ่ หลายคนจะหยุดพักที่นี่ 1 ครั้ง ไม่เพียงแค่การพักเอาแรงให้หายเหนื่อยแต่เป็นการพักเพื่อถ่ายรูปวิวไปด้วย

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกครึ่งทาง

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกครึ่งทาง หลังจากเวลาผ่านพ้นไปพอสมควรก็มาถึงจุดที่น่าจะประมาณได้ว่าเป็นครึ่งทางของทางเดินจากจุดเริ่มต้นไปยังลานกางเต็นท์ (ขอย้ำว่าไปลานกางเต็นท์นะครับ ไปถึงสันคมมีดและยอดเขาช้างเผือกยังต้องไปอีกไกลครับ) บริเวณนี้จะมีการไต่ระดับที่ค่อนข้างชันอย่างที่เราเห็นนี้ละครับ เมื่อขึ้นพ้นจุดนี้หลายๆ คนก็จะต้องทรุดตัวลงนั่งพักให้หายเหนื่อยกันพักใหญ่เหมือนกัน โชคดีอยู่อย่างที่ตอนนี้จะเริ่มเห็นทางฟ้าเปิดสดใสหลังจากที่ครึ้มมาตลอดทางทำให้เริ่มที่จะเก็บภาพวิวสวยๆ กันได้มากขึ้น

ครึ่งทางเข้าช้างเผือก

ครึ่งทางเข้าช้างเผือก จุดนี้เป็นจุดที่เราชอบมากจุดหนึ่งเพราะมีลักษณะเป็นผาหินเล็กๆ ยื่นออกไป ใกล้ๆ กันมีต้นไม้ใช้เป็นฉากหลัง ท้องฟ้าสีครามที่เพิ่งจะเริ่มปรากฏให้เราเห็นเป็นภาพสวยงามของการเดินสู่เขาช้างเผือกที่ประทับใจมาก

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงที่สาม

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงที่สาม เส้นทางช่วงนี้เป็นช่วงที่เราจะได้เดินข้ามเนินเขาเล็กๆ ค่อนข้างต่อเนื่องครับ หากมองไกลๆ เหมือนโหนกบนหลังอูฐที่เราจะต้องเดินข้ามเนินแล้วเนินเล่า คำถามที่เริ่มจะได้ยินบ่อยๆ จากเพื่อนร่วมทางก็คืออีกไกลมั้ยครับ และเจ้าหน้าที่จะคอยตอบคำถามเดิมๆ เป็นระยะๆ เพราะความเหนื่อยของนักผจญภัยอย่างพวกเราเริ่มแสดงอาการชัดขึ้นๆ โดยเฉพาะเมื่อเห็นเนินอยู่ข้างหน้ากับภาพการเดินอย่างช้าๆ ของคนที่ล่วงหน้าไปก่อนรู้สึกว่าจะเพิ่มความเหนื่อยให้เราได้เป็นอย่างดี ช่วงนี้เราจะเห็นสันคมมีดได้ชัดขึ้นๆ สันคมมีดก็คือช่วงที่เร้าใจหวาดเสียวที่สุดของเส้นทางผจญภัยพิชิตเขาช้างเผือกแห่งนี้ซึ่งก่อนที่เราจะไปถึงตรงนั้นจะต้องไปแวะพักที่ลานกางเต็นท์กันก่อนเพื่อทำการกางเต็นท์ ก่อนที่จะลุยกันต่อบนสันคมมีด หรือถ้าหากหมดแรงยังไม่อยากลุยให้จบวันนี้ก็ต้องไปเช้าวันรุ่งขึ้น แต่จะทำให้เวลาในการเดินลงยาวขึ้นด้วยเหมือนกัน

มองย้อนหลัง

มองย้อนหลัง ภาพที่เห็นนี้เป็นวิวที่สวยวิวหนึ่งเมื่อเราได้เดินมาจนถึงจุดนี้จะมีผาหินที่ทุกคนต้องเดินผ่านและค่อนข้างจะใช้เวลากับมันค่อนข้างมาก ผาหินนี้ไม่ใหญ่มาก และไม่ชันมาก แต่ก็ต้องอาศัยการป่ายปีนกันเล็กน้อย เมื่อขึ้นมาได้แล้วหลายคนหยุดพักที่บนหินนี้ก่อนที่จะเดินต่อไป เราเองก็ด้วยทำให้มีเวลาเก็บภาพรอบๆ บริเวณนี้มา

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงที่ผ่านมา

เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกช่วงที่ผ่านมา เมื่อท้องฟ้าเปิดฟ้าสีครามกับเมฆสีขาวก็มาช่วยกันตกแต่งให้ทิวทัศน์ที่เราได้เห็นมีความสวยงามมากขึ้นเทือกเขาสลับซับซ้อนสุดสายตาเป็นเส้นทางอันยาวไกลที่เราได้พิชิตมันจนมาถึงที่นี่ ต้นไม้แต่ละต้นที่เป็นที่พักระหว่างทางของเราเราก็จะจำได้หมดครับ

พักรอนักท่องเที่ยว

พักรอนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่นำทางที่เราได้ติดต่อไว้ก่อนเดินทางมาทำหน้าที่นำทางให้กับพวกเราหลายคนในกลุ่ม เส้นทางพิชิตเขาช้างเผือกแม้ว่าจะเห็นเส้นทางเดินที่ชัดเจนแต่ก็มีบางจุดที่มีทางแยกที่น่าสงสัย เป็นต้นเหตุให้เกิดการหลงป่าเมื่อนักท่องเที่ยวเดินผิดทาง แต่ละคนในกลุ่มมีความสามารถในการเดินป่าไม่เท่ากัน บางคนเร็วบางคนช้า เจ้าหน้าที่มีน้อยก็ต้องชั่งใจว่าจะเดินตามคนเดินเร็ว หรือรอคนที่เดินช้า เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทุกๆ คนให้ถึงที่หมาย

วิวผาหินเขาช้างเผือก

วิวผาหินเขาช้างเผือก จุดที่ผมยืนถ่ายรูปอยู่นี้เป็นยอดเขาเล็กๆ ที่อยู่เหนือผาหินที่เจ้าหน้าที่นั่งรอนักท่องเที่ยวจนมากันครับแล้วและออกเดินทางกันต่อไปวิวบนยอดเขานี้สวยมาก เห็นคนที่เดินผ่านผาหินตัวเล็กนิดเดียว นอกเหนือจากการชมวิวแล้วไม่มีอย่างอื่นที่น่าสนใจเลย เขาช้างเผือกเป็นเส้นทางเดินป่าที่หาดอกไม้ป่าชมได้ยากครับ เห็นมีแค่ป่าโปร่งเท่านั้น

ลานกางเต็นท์เขาช้างเผือก

ลานกางเต็นท์เขาช้างเผือก วิวด้านหนึ่งบนยอดเขาที่ผมขึ้นมามองเห็นลานกางเต็นท์กับเส้นทางวัดใจพิชิตสันคมมีดได้ชัดมากขึ้น ยอดเขาสูงๆ แหลมๆ ในรูปนี้เป็นจุดหมายที่แท้จริงของการพิชิตยอดเขาช้างเผือก แต่ในระหว่างนี้ในใจของเราคิดแค่ว่าเมื่อไหร่จะถึงลานกางเต็นท์เท่านั้นเอง หากกางเต็นท์เสร็จแล้วเรามีเวลาพักกันยาวๆ ช่วงหนึ่งก่อนที่จะเดินลุยสันคมมีดพิชิตยอดเขากันต่อไป หลายๆ กลุ่มจะตกลงผลัดเป็นเช้าวันที่สองก็ว่ากันไปเพราะวันแรกหมดแรงไปแล้ว

สิ้นสุดเส้นทางช่วงที่สาม

สิ้นสุดเส้นทางช่วงที่สาม เวลาการเดินข้ามเขาอันยาวนานของเราผ่านไปเรื่อยๆ หลายคนเลือกบริเวณร่มไม้เป็นที่พักที่จะจัดการอาหารกลางวันที่เตรียมกันมาเป็นส่วนตัว การไต่ระดับสูงขึ้นๆ อย่างต่อเนื่องก็ทำให้เราได้เห็นวิวที่สวยๆ มากขึ้นและมองได้ไกลกว่าเดิม สิ่งที่เราเห็นบนนี้คือเทือกเขาที่สลับซับซ้อนหลายชั้นสวยมากครับ กว่าจะเดินมาถึงตรงนี้ก็ถ่ายรูปไปไม่น้อยกว่า 400 รูปเข้าไปแล้ว

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด จากจุดที่นั่งพักกินข้าวเดินต่อมาอีกหน่อยเดียวจะเห็นเนินสูงเนินนี้ อยากให้เป็นเนินสุดท้ายทุกทีแต่ก็ต้องผิดหวัง เนินสูงๆ นี้จะมีอีก 2-3 เนินแล้วจะเป็นทางลงเนินที่ชันมากไปจนถึงลานกางเต็นท์เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางครึ่งแรก แต่ก่อนหน้านั้นต้องพิชิตเนินนี้ให้ได้ซะก่อนซึ่งพอเห็นคนกลุ่มหนึ่งกับลูกหาบขนของเดินขึ้นเนินชันๆ ข้างหน้าแล้ว เริ่มท้อเหมือนกันครับ

พิชิตเนินเขาช่วงสุดท้ายของครึ่งแรก

พิชิตเนินเขาช่วงสุดท้ายของครึ่งแรก การเดินทางอันยาวนานเวลาผ่านไปใกล้จะเกิน 4 ชั่วโมงแล้วครับ (ออกเดินทางเกือบ 9.00 น. ตอนนี้ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว) เราเริ่มมองเห็นลานกางเต็นท์และคนที่เดินอยู่ที่ลานกางเต็นท์ผ่านเลนส์เทเลที่เตรียมไป แต่เส้นทางของเราก็ยังคงเหลืออยู่อีกกว่า 800 เมตรแถมยังเป็น 800 เมตร ที่ต้องผ่านเนินเขาขึ้นๆ ลงๆ อีกด้วย ยังดีว่าอากาศในวันนี้เย็นสบาย ลมพัดตลอดเวลาครับ เนื่องจากเขาช้างเผือกมีต้นไม้ใหญ่ไม่มาก โดยมากของพื้นที่เห็นเป็นป่าหญ้าที่สูงประมาณหน้าอก ลมที่พัดบนนี้เป็นลมที่แรงมากครับ ลานที่เหมาะในการกางเต็นท์แคมปิ้งพักแรมจึงมีอยู่เพียงแห่งเดียวคือช่องว่างระหว่างยอดเขาสูง 2 ด้านช่วยกันลมบางส่วนไม่ให้ปะทะกับเต็นท์ตรงๆ

สุดท้ายก่อนกางเต็นท์

สุดท้ายก่อนกางเต็นท์ ภาพบนซ้ายเป็นเนินสุดท้ายที่เราจะต้องไต่ขึ้นไป เส้นทางที่ผ่านมาหลายกิโลเมตร ช่วงที่เป็นเนินเขาชัน เจ้าหน้าที่จะขึงเชือกเส้นใหญ่ไว้ตลอดทางเป็นเชือกสำหรับจับยึดระหว่างการไต่ขึ้นมาบนเนินเขาสูง บางช่วงจะมีทางเดินแคบๆ เลียบผาน่าหวาดเสียวมาก หลังจากที่ขึ้นไปบนเนินเขาได้แล้วก็จะเป็นทางเดินบนสันเขาไปเรื่อยๆ จนสุดทางเหมือนในภาพบนขวา แล้วจากนั้นจะเป็นทางเดินลงที่ชันมากๆ มีเชือกให้เกาะเหมือนกันแต่ก็ยังน่ากลัวมากอยู่ดี ระหว่างการเดินลงเขามายังลานกางเต็นท์ถ่ายรูปไม่ได้เลยครับเก็บกล้องเข้ากระเป๋าแล้วเอา 2 มือเกาะเชือกไต่ลงไป น่าจะประมาณ 100 เมตรได้ครับที่เป็นทางลงต่อเนื่อง

สันคมมีดก่อนเดินลงลานกางเต็นท์

สันคมมีดก่อนเดินลงลานกางเต็นท์ หลังจากที่ถ่ายรูปนี้แล้วก็เก็บกล้องครับอย่างที่บอกว่าจากนี้ไปจะต้องเดินเกาะเชือกและใช้มือ 2 ข้าง ช่วยกันเดี๋ยวพลาดได้ ลานกางเต็นท์อยู่ระหว่างเนินเขาใหญ่ 2 ด้าน จึงช่วยกันลมได้เป็นอย่างดี ทั้งหมดที่เดินกันมาจากจุดเริ่มต้นมาถึงที่ลานกางเต็นท์นี้ เจ้าหน้าที่บอกว่าเหนือยเท่ากันกับการเดินจากลานกางเต็นท์ไปยอดเขาเลยครับ ดังนั้นเมื่อถึงลานกางเต็นท์และทำการกางเต็นท์กันแล้วเราจึงต้องพักกันยาวหน่อยก่อนที่จะเดินขึ้นยอดเขา แต่จะพักนานก็ไม่ได้ครับ เพราะการพิชิตยอดเขาช้างเผือกเราควรจะเดินลงก่อนเวลา 16.00 น. เพื่อให้ถึงลานกางเต็นท์ก่อนที่จะมืดเพราะสันคมมีดอันตรายมากที่จะเดินตอนมองไม่เห็นทาง

เริ่มต้นพิชิตเขาช้างเผือกของจริง

เริ่มต้นพิชิตเขาช้างเผือกของจริง หลังจากที่พักผ่อนกันจนได้ที่ ทุกคนมีกำลังกลับคืนมาแล้วก็พร้อมที่จะออกเดินทางพิชิตยอดเขาช้างเผือก และวัดใจกับสันคมมีดกันจริงๆ แล้วครับ มุมนี้เป็นอีกด้านหนึ่งของลานกางเต็นท์ ที่เราเห็นอยู่ลิบๆ ในระหว่างการเดินขึ้นยอดเขา

จุดวัดใจสันคมมีด

จุดวัดใจสันคมมีด เวลาผ่านไปนานพอสมควร การปีนป่ายและการไต่ด้วย 2 มือ 2 ขา ของแต่ละคนที่ตะเกียกตะกายผ่านหินขนาดต่างๆ และความเสียวกับสองข้างทางที่เป็นเหวลงไปลึกมากๆ ทุกคนพยายามข่มความกลัวของตัวเองและเดินหน้ากันต่อไป ถึงแม้ว่าหลายคนก็ยังคงสงสัยว่าหากพลาดหล่นลงไป ตัวเองจะไปหยุดอยู่ตรงไหนเพราะดูๆ แล้วมีแต่ทางลาดลงไปลึกมากทั้ง 2 ข้างหากกลิ้งไปตามเหวด้านข้างคงจะหยุดกลิ้งได้ยากหากไม่ติดต้นไม้ใหญ่ สุดท้ายทุกคนก็มาถึงตรงนี้ได้ทุกคนแต่จะเดินต่อไปหรือเปล่าก็ต้องวัดใจกัน การเดินข้ามช่วงนี้มีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือและมีเชือกให้จับตลอดเวลาที่ป่ายปีนสูงขึ้นไป แต่ดูเหมือนว่าเชือกเส้นนี้ไม่ได้ทำให้เราอุ่นใจได้มากนัก

สันคมมีด

สันคมมีด ช่วงหนึ่งที่เสียวที่สุดของสันคมมีด ใครจะรู้ล่ะว่าเมื่อปีนผาหินแคบๆ ขึ้นมาได้แล้วจะมาเจอกับทางเดินแบบนี้ ทางเดินบนสันคมมีดบางช่วงกว้างประมาณ 2 เท่าของฝ่าเท้าเท่านั้นเอง น้อยคนนักที่จะยืนอยู่บนนี้ได้อย่างไม่เกรงกลัว เชือกที่ขึงอยู่ที่นี่ใช้เป็นเครื่องช่วยในระหว่างการเดิน ลมพัดมาเอื่อยๆ แต่ก็เพิ่มความกลัวและความเสียวให้ทุกคนได้มาก ส่วนมากการผ่านตรงนี้จะทำด้วยการนั่งยองๆ แล้วกระดื้บๆ ไป

สันคมมีดแห่งเขาช้างเผือก

สันคมมีดแห่งเขาช้างเผือก ในที่สุดสมาชิกทุกคนของเราก็เดินผ่านสันคมมีดที่น่าหวาดเสียวมาจนได้ ถึงแม้ว่าจะมี 1 คน ที่ถอนตัวเดินกลับลงเขาไป อย่างที่บอกว่าเป็นจุดวัดใจของการเดินทางบนเส้นทางผจญภัยสายเขาช้างเผือก เราผ่านจุดที่หวาดเสียวที่สุดไปได้ด้วยดี หลังจากนี้ก็เหลือเพียงแค่การเดินพิชิตยอดเขา ด้วยแรงที่เหลืออยู่จากการเดินทางที่ค่อนข้างยาวในช่วงเช้าที่ผ่านมา ข้ามเนินเขาอีกหลายลูก

วิวสวยสันคมมีด

วิวสวยสันคมมีด เพื่อให้เห็นภาพความน่ากลัวน่าหวาดเสียวกันอย่างชัดเจนมากกว่าคำบอกเล่าหลายพันคำ ก็เลยเอารูปนี้มาให้ดูกันแบบไม่ย่อให้เล็กลง ตลอดช่วงความยาวของสันคมมีดที่เราเพิ่งผ่านพ้นมายังมีคนอีกหลายคนที่พยายามพิชิตใจตัวเองบนสันคมมีดด้วยการเดินเกาะเชือกเส้นเดียวมาอย่างช้าๆ และมั่นคง เป็นแนวยาวตามลำดับ ไม่ว่าจะเดินเก่งหรือไม่เก่งก็ต้องรอไปพร้อมกันที่จุดนี้ เบื้องหลังของผู้คนที่กำลังไต่ผ่านความกลัวก็คือลานกางเต็นท์ที่เห็นเป็นจุดสีฟ้าเล็กๆ เท่านั้น เมื่อการพิชิตยอดเขาช้างเผือกแห่งนี้เสร็จสิ้นลงทุกคนต้องเดินทางกลับผ่านสันคมมีดนี้อีกครั้งอย่างเร็วก่อนที่แสงตะวันจะลับหายไป

การเดินทางสู่ยอดเขาช้างเผือก

การเดินทางสู่ยอดเขาช้างเผือก ตลอดเส้นทางที่เดินจากสันคมมีดที่เล็กและเสียวที่สุดก็ยังคงเป็นเส้นทางที่น่าสะพรึงกลัวตลอดเวลาเหมือนกับว่าการวัดใจครั้งนี้มันเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เส้นทางจากลานกางเต็นท์ไปถึงยอดเขาช้างเผือกสั้นกว่าเส้นทางที่เดินจากหมู่บ้านอิต่องมายังลานกางเต็นท์ตั้งเยอะแต่ก็ใช้เวลาไปไม่น้อยในการเดินผ่านทางเล็กๆ ที่กว้างกว่าไม้บรรทัดเพียงนิดเดียว

เส้นทางบนสันเขาอันยาวไกล

เส้นทางบนสันเขาอันยาวไกล ตลอดเวลาที่พอจะมีจุดพักก็แวะเก็บภาพผู้คนที่เดินตามมาข้างหลังอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ยอดเขาช้างเผือกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมาชิกทั้งหมดด้วย ต่างคนต่างก็กระจายออกไปหามุมสวยๆ ของวิว 360 องศารอบยอดเขาช้างเผือก หลายคนจับกลุ่มพูดคุยเรื่องความน่ากลัวที่ตัวเองเพิ่งจะผ่านมันมาได้หยกๆ และจะต้องเดินกลับไปอีกครั้งในขากลับไปลานกางเต็นท์เพื่อพักผ่อนเตรียมตัวเดินกลับในเช้าวันรุ่งขึ้น

วิวสวยรอบเขาช้างเผือก

วิวสวยรอบเขาช้างเผือก ภาพรวมวิวรอบ 360 องศาของเขาช้างเผือกเท่าที่เก็บมาได้ เป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนตัวคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ แสงแดดจ้าตลอดวันนี้ได้หดหายไป เหลือเพียงท้องฟ้าที่มีเมฆปกคลุมไปหมด คนที่ยังเดินมาไม่ถึงก็พยายามเร่งฝีเท้า เห็นเป็นตัวเล็กๆ อยู่บนยอดเขาที่ห่างออกไปท่ามกลางความว่างเปล่าของอากาศลานเล็กๆ บนยอดเขาเท่านั้นที่เป็นที่พักเหนื่อยระหว่างการเดินทางไกล และยังเป็นสถานที่สำหรับปักหลักเก็บภาพทิวทัศน์ที่สวยงามรอบๆตัว

ยอดเขาช้างเผือก

ยอดเขาช้างเผือก ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,249 เมตร ไม่ใช่ความสูงที่เรียกว่าสูงมากเมื่อเทียบกับยอดเขาอื่นๆ ในประเทศไทย แต่เสน่ห์ของการเดินทางพิชิตยอดเขาช้างเผือกอยู่ที่เส้นทางระหว่างที่จะถึงยอดเขาที่มีความกว้างกว่า 2 คืบ แค่นิดเดียวในบางช่วง ความเสียวที่สุดของคนเราที่ได้เดินผ่านทางสายนี้เป็นสิ่งที่ชักนำนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้เดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเองทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ลานเล็กๆ แห่งนี้พอมีคนมายืนรวมกันหน่อยก็แน่นซะแล้ว เมื่อได้รูปที่ระลึกกับป้ายเขาช้างเผือกและธงชาติไทย ทุกคนก็จะเริ่มมองทางที่จะเดินกลับ เพราะเวลาก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเหลือไม่มากแล้ว จากยอดเขาที่สูงที่สุดของเขาช้างเผือกยังมีเทือกเขายื่นต่อออกไปอีก 2 ด้าน ทางหนึ่งเป็นสันเขาทางราบค่อนข้างเสมอกันยื่นออกไปอีกกว่ากิโลเมตร อีกทางเป็นสันเขาลาดชันลงอย่างมาก แต่ทั้ง 2 ทาง ไม่มีคนเดินไปต่อ เพราะมาถึงที่ยอดเขานี้ก็แทบจะหมดเวลาแล้ว หากต้องการเดินสำรวจต่อไปเห็นทีต้องมีการค้างแรมบนนี้อีกวัน แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ

กลับลานกางเต็นท์

กลับลานกางเต็นท์ ยอดเขาที่สูงมากยอดหนึ่งซึ่งเป็นทางผ่านที่เราผ่านตอนขามา และยังเป็นที่ๆ หลายคนหยุดพักและถ่ายรูปวิวสวยๆ กันแทบทุกคน ในตอนขากลับผมเดินตามหลังเพื่อนๆ สมาชิกได้ภาพซิลลูเอทสวยๆ มา 1 ภาพอย่างที่เห็น

เดินทางลงจากยอดเขาช้างเผือก

เดินทางลงจากยอดเขาช้างเผือก ภาพนี้ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่บ่งบอกสภาพรอบๆ ระหว่างทางการเดินลงจากยอดเขาได้ดี ด้านซ้ายมือสุดเป็นเนินเขาหนึ่งซึ่งชันมากก่อนที่จะถึงยอดเขาช้างเผือก ตรงกลางที่เห็นคนลิบๆ เป็นจุดที่คนหยุดพักและถ่ายรูปมากที่สุดจุดหนึ่ง เทือกเขายาวๆ ทอดไปทางขวาก็คือส่วนที่ยื่นออกไปจากยอดเขาช้างเผือกที่คนจะไม่ค่อยได้ไปกัน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลับหายไปจากขอบฟ้า แสงที่เหลืออยู่จะมีสีส้มผสมอยู่มาก เป็นบรรยากาศที่แตกต่างไปจากการเดินขาขึ้น แต่วิวทิวทัศน์ก็สวยไม่แพ้กัน

อัสดงตรงสันคมมีด

อัสดงตรงสันคมมีด ชื่อของภาพนี้เป็นชื่อที่ตั้งใจตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษ อาทิตย์อัสดงในวันนี้ส่องสีแดงขึ้นมาแต่งแต้มท้องฟ้า เมฆที่ปกคลุมท้องฟ้าจนครึ้มในช่วงเวลาที่ผ่านมากระจายหายไปหมดเหมือนเวทมนตร์ ทำให้ได้ภาพสวยกว่าที่คาดกันไว้ในตอนแรก คิดว่าเมฆจะปิดพระอาทิตย์จนมองไม่เห็นแล้วจากเราไปแบบดื้อๆ ซะอีก ภาพประทับใจเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นหากมัวแต่ก้มหน้าเดินลงจากเขาให้ทันเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกเพราะกลัวว่าจะมืดจนมองไม่เห็น แต่ในเมื่อเราอดทนรอก็ทำให้เราได้สมหวังกับภาพที่คิดว่าจะไม่ได้ตั้งแต่แรก

วิวสวยๆ ของเขาช้างเผือก

วิวสวยๆ ของเขาช้างเผือก อีกภาพหนึ่งที่พยายามจะเก็บให้ได้ก่อนที่จะต้องเดินลงจากเขาที่เป็นช่วงที่อันตรายที่สุดช่วงหนึ่งของเขาช้างเผือก หลังจากถ่ายรูปนี้ได้แล้วก็เก็บกล้องเข้ากระเป๋าเพื่อความปลอดภัยและมั่นใจ จับเชือกที่ขึงไว้ให้แล้วไต่ลงจาผาหินเล็กๆ อย่างช้าๆ ในที่สุดก็ถึงลานกางเต็นท์ ท้องฟ้าเริ่มหมดแสงของวันนี้ไปเรื่อยๆ กินข้าวเย็นด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เตรียมมาแล้วเข้านอน

เช้าวันใหม่ของเขาช้างเผือก

เช้าวันใหม่ของเขาช้างเผือก รุ่งสางพระอาทิตย์โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า สมาชิกในกลุ่มหลายคนตื่นออกจากเต็นท์ไปตั้งแต่ยังไม่สว่าง เดินขึ้นเขาที่เราเดินมาตอนแรก เพื่ออยู่บนที่สูงและถ่ายรูปวิวที่คิดว่าน่าจะสวยที่สุดในเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของเช้าวันใหม่ ผมยืนอยู่สุดลานกางเต็นท์ ตรงที่มีห้องน้ำที่สร้างกันแบบง่ายๆ ตามประสาชาวป่า หลายๆ คนที่อยากเข้าห้องน้ำพอเข้าไปแล้วก็ต้องถอยกลับออกมา มันเป็นเรื่องจริงที่ต้องรู้ไว้ก่อนการเดินทางและสภาพภูมิประเทศแบบนี้คงหาห้องน้ำดีๆ ได้ลำบาก หลังจากเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นเราก็กินข้าวเช้าซึ่งไม่พ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีก 1 มื้อ ด้วยความตั้งใจว่าเมื่อลงไปถึงหมู่บ้านอิต่อง เราจะกินกันให้เปรมเป็นมื้อใหญ่ การเดินทางกลับก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เราเก็บเต็นท์และสัมภาระกันเรียบร้อย

เส้นทางขาลงจากเขาช้างเผือก

เส้นทางขาลงจากเขาช้างเผือก ในวันที่สองของทริปนี้ ฟ้าสดใสตั้งแต่เช้าปฏิเสธไม่ได้เลยว่าขากลับ เราเก็บภาพกันไม่น้อยกว่าขาไปเท่าไหร่ วิวต่างๆ ที่เห็นว่าสวยตอนขามาก็สวยยิ่งกว่าในตอนขากลับ เพราะทิศทางของแสงท้องฟ้าจึงดูสดใสมากยิ่งขึ้น ขากลับเราเอาขยะใส่ถุงดำแบ่งออกเป็นถุงเล็กๆ ช่วยกันถือลงจากเขาระหว่างทางเก็บขยะที่ซุกซ่อนอยู่ตามป่าข้างทางเดินได้ขวดกับซองบะหมี่หลายซอง ก็เลยอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ชาวทัวร์ออน หากได้ไปเที่ยวเขาช้างเผือกก็ช่วยกันเที่ยวแบบหัวใจใหม่ รักษาทรัพยากรธรรมชาติซึ่งนับเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ของประเทศไทยเห็นขยะก็เก็บลงมาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเราเองก็ต้องไม่ทิ้งไว้ในป่านะครับ

ลาก่อนบ้านอิต่อง

ลาก่อนบ้านอิต่อง หลังจากเวลาผ่านไปไม่แตกต่างจากขาไปเท่าไหร่ ผมก็เดินลงมาถึงหมู่บ้านพร้อมถุงดำใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยขวด เมื่อเข้าไปถึงหมู่บ้านผมไปร้านของชำเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะมีขนมและเครื่องดื่มไม่กี่ชนิดแต่เพียงพอต่อความต้องการของคนในหมู่บ้าน ซื้อขนมมามากพอที่จะแจกเด็กๆ ในหมู่บ้านซึ่งทุกคนก็รีบมารับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากกินข้าวเที่ยงที่ร้านคุณหน่อยก็ออกเดินทางจากหมู่บ้านอิต่อง จุดหมายต่อไปคือที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพราะมีคำเล่าลือกันว่ามีนกเงือกตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นี่โดยไม่กลัวนักท่องเที่ยวที่ไปถ่ายรูปมันวันละหลายสิบคน

จุดชมวิวอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

จุดชมวิวอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิมีพื้นที่กว้างขวาง ลึกเข้าไปด้านในมีทางไปได้อีกเป็นกิโลเมตร มีบ้านพักบริการ มีพื้นที่ลานกางเต็นท์ และที่สำคัญคือจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นลานกางเต็นท์บนเขาช้างเผือกที่เราไปแคมปิ้งกันมาเมื่อคืนได้ค่อนข้างชัดเจน เลนส์เทเลถูกดึงออกมาประกบเข้ากับบอดี้ เก็บภาพลานกางเต็นท์จากจุดชมวิวติดมาด้วย เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพฯ ตามแผนของทริปนี้

นกเงือก น้องแจ๋วแหว๋ว

นกเงือก น้องแจ๋วแหว๋ว ปิดท้ายภาพเขาช้างเผือกอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิด้วยเจ้านกเงือกที่กว่าจะเก็บภาพมันมาได้ก็เหนื่อยแทบแย่ เราเจอมันเกาะอยู่บนต้นไม้ที่ใกล้ๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ถ่ายรูปมันอยู่นานมากกว่าจะได้รูปในภาพซ้ายมือ พอเราเลิกความพยายามเพราะมันเกาะอยู่สูงมาก เราย้ายมาชมวิวที่จุดชมวิวไกลจากจุดแรกเกือบกิโลเมตร ปรากฏว่ามันบินตามมาเกาะบนต้นไม้เตี้ยๆ แถมโพสต์ท่าเล่นกล้องอยู่ตั้งนาน จนเราได้รูปสวยๆ กันครบทุกคนแล้วก็เดินทางออกจากอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ...

0/0 จาก 0 รีวิว

10 ที่พัก/โรงแรมใกล้ เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
ปิล็อก ฮิลล์ เฮาส์ เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  8.94 km | แผนที่ | เส้นทาง
เเพวี.ไอ.พี. ทองผาภูมิ กาญจนบุรี
  32.91 km | แผนที่ | เส้นทาง
ภูไอยรา รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  37.98 km | แผนที่ | เส้นทาง
ทองผาภูมิเพลส เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  42.32 km | แผนที่ | เส้นทาง
ทองผาภูมิ ริเวอร์ เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  42.74 km | แผนที่ | เส้นทาง
บ้านริมดอย รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  43.22 km | แผนที่ | เส้นทาง
ภูไพร ธารน้ำ รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  43.67 km | แผนที่ | เส้นทาง
ทองผาภูมิ วัลเลย์ รีสอร์ต
  45.33 km | แผนที่ | เส้นทาง
RuenkruThai Bungalow เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  45.65 km | แผนที่ | เส้นทาง
ชิงเคว่ เทอเร่ รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  48.23 km | แผนที่ | เส้นทาง

*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ

Line id: @touronthai (ใส่ @)
www.touronthai.com