ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานฉะเชิงเทรา โทร.038 514 009
https://www.facebook.com/TAT-Chachoengsao-175554016247495/
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ปราสาททราย-ร่วมพาช้างป่ากลับคืนสู่ป่า เริ่มชิ้นงานแรกหลังจากที่จอดรถในลานจอดรถของปราสาททราย ก่อนที่จะกล่าวถึงชิ้นงานใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นมาหลังจากที่งานมหกรรมปั้นทรายโลกได้ผ่านพ้นไปแล้วว่ามีความเป็นมากันยังไง
มหกรรมปั้นทรายระดับโลกเกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีก่อน ในแถบยุโรปประมาณ 6-7 ประเทศ ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ฮอลแลนด์ เยอรมันนี อังกฤษ และ เดนมาร์ก ความงดงามยิ่งใหญ่ในการก่อสร้างประติมากรรมทรายสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ซึ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังไม่มีประเทศใดเคยจัดมหกรรมปั้นทรายนี้ ดังนั้น ปลายปี 2550 บริษัท เอ็ดดูเทนเม้นท์ แพลนเน็ท จำกัด จึงได้ทำการก่อสร้างประติมากรรมทรายขึ้นที่อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ เนื่องใน วโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 80 พรรษา และพัฒนาเป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะทางธรรมชาติเชิงทัศนศึกษา คู่บ้านคู่เมืองแปดริ้ว ตลอด
ปัจจุบันผลงานหลายชิ้นได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ภายใต้แนวคิดใหม่ๆ แต่ก็ยังคงมีผลงานอีกหลายชิ้นที่ยังคงเก็บรักษาไว้ตั้งแต่ปี 2008 ผลงานหลายชิ้นที่แสดงอยู่ด้านหน้าตรงห้องจำหน่ายบัตรค่าเข้าชม ก็สวยงามมากแล้วครับ
ปราสาททราย-ศิลปะไทยหน้าทางเข้า ก่อนที่จะเข้าไปภายในซึ่งมีผลงานจำนวนมากรออยู่ก็เก็บภาพตรงด้านหน้าไว้ก่อนครับ มีผลงานหลายชิ้นที่แสดงเรียงกันอยู่ โดยมากจะเป็นขนาดใหญ่ๆ สำหรับลวดลายศิลปะแบบไทยกินรีในป่านี้มีรายละเอียดสวยงามมากครับจนไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นมาจากทราย ในการปั้นผลงานชิ้นต่างๆ ในปราสาททรายหรือมหกรรมปั้นทรายโลกซึ่งมีหลายประเทศมาสร้างผลงานไว้ที่นี่ได้แก่
ทีมนักปั้นต่างประเทศ : ได้แก่ ทีมนักปั้นจาก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สาธารณรัฐเช็ก และไอร์แลนด์ ซึ่งเคยก่อสร้างประติมากรรมทรายที่สูงที่สุดในโลก (สูง 21 เมตร) และได้รับการบันทึกไว้ใน กินเนสบุ๊ค เวิลด์ ออฟ เลคคอร์ส
ทีมนักปั้นของไทย : ได้แก่ ทีมอาจารย์พิเศษภาควิชาศิลปกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ทีมแชมป์แกะสลักประเทศไทย 3 ปีซ้อน ทีมแชมป์แกะสลักน้ำแข็งที่ประเทศสิงคโปร์ ทีมช่างปั้นต้นแบบเซรามิค และทีมผู้สร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติงานมหามงคล 80 พรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ทีมช่างปั้นหุ่นขี้ผึ้งต้นแบบพระนเรศวรทรงม้า ทีมแชมป์ลายเส้นระดับประเทศ และทีมประติมากรรมช็อกโกแลต
ปราสาททราย-ศิลปะแบบขอม ด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ได้นำเอาภาพกราฟฟิคมาประกอบเป็นฉากเพื่อสร้างงานปั้นทรายที่เข้ากับฉากนั้นๆ ได้เป็นอย่างดีเป็นสิ่งหนึ่งที่ได้มีการพัฒนาขึ้นมาจากมหกรรมปั้นทรายโลก ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการสร้างผลงานปั้นทราย
ศิลปะการปั้นทราย เป็นศิลปะรูปธรรมทางธรรมชาติที่สัมผัสได้ ใช้แค่ทรายเท่านั้น ผลงานส่วนใหญ่สะท้อนและสื่อให้เห็นถึงจินตนาการ และความสามารถในการออกแบบของนักปั้นซึ่งมีปรัชญาที่ต้องการหลุดพ้นจากการสร้างผลงานทางศิลปะใน รูปแบบเดิมๆ
ตำนานกล่าวไว้ว่า มนุษย์รู้จักประโยชน์ของทรายมาตั้งแต่โบราณกาลสังเกต จากการก่อสร้างสฟิงค์ทรายและปิระมิดในยุคอียิปโบราณ ศิลปะทรายเริ่มมีการพัฒนามากขึ้นในศตวรรษที่ 20 เนื่องจากช่างศิลป์ในยุคนั้นค้นพบลักษณะพิเศษของทราย กล่าวคือ เมื่อนำทรายมาอัดแน่นและใช้น้ำช่วยไล่อากาศออกจากทรายจนหมด ทรายจะมีความหนาแน่น สามารถแกะและปั้นเป็นรูปร่างต่างๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์
ทรายที่นำมาใช้ปั้น เรียกว่าทรายบก หรือ ทรายบ่อ ในวงการก่อสร้างเรียกว่า ทรายแป้ง มีลักษณะที่ละเอียดมาก ขนาดไม่เกิน 0.5 มิลลิเมตร ทรายที่เกิดจากการแตกตัวของหินทรายที่อยู่ใต้พื้นดินลึกประมาณ 20 เมตร สีทรายที่นิยมนำมาใช้ในการปั้น คือ สีน้ำตาลอ่อน
ในการก่อสร้างประติมากรรมทราย นักปั้นจะนำชิ้นงานที่ต้องการปั้นไปออกแบบโดยใช้ ความชื่นชอบ ประสบการณ์ และจินตนาการของตนเอง สำหรับประติมากรรมทรายที่นี่ นักปั้นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจะมุ่งเน้นชิ้นงานที่สะท้อน ศิลปะและวัฒนธรรมของไทย นำเสนอเรื่องราวที่เป็นการให้ความรู้ ก่อสร้างชิ้นงานแฟนตาซีที่เหนือจินตนาการ รวมถึงงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
เทวรูปทราย เป็นชิ้นงานศิลปะอีกชิ้นหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าประตูสู่ภายในเพื่อชมอีกหลายๆ ชิ้น นี่ขนาดเพียงด้านนอกยังสวยขนาดนี้เลย
ประตูเข้าปราสาททราย แม้แต่ประตูก็สร้างกันด้วยทราย มีรูปลวดลายศิลปะอ่อนช้อยบนเสา 2 ต้น มองเข้าไปด้านในเห็นงานอื่นๆ อีกเล็กน้อย อย่างงี้ก็ต้องเดินเข้าแล้วละถึงจะได้เห็นกันทั้งหมด
ปราสาททราย-วัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นผลงานชิ้นหนึ่งที่โดดเด่นและสวยงามมาก ในงานมหกรรมปั้นทรายโลกก็มีสร้างไว้ในอีกโซนหนึ่ง แต่ตอนนี้มาสร้างใหม่ไว้ส่วนนอกสุดเลย
ปราสาททราย-วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ฉากกราฟฟิคของบริเวณวัดนำเอาประกอบกับผลงานศิลปะปั้นทรายบางส่วนของวัด ที่เด่นๆ ก็คือยักษ์ทวารบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน
เจ้าแม่กวนอิม เป็นงานปั้นทรายที่เกี่ยวกับศาสนาเป็นส่วนใหญ่ในโซนแรกที่เข้าไป ซึ่งสุดท้ายเมื่อเดินเข้าไปชมตามเส้นทางต่างๆ แล้วโซนนี้ก็จะกลายเป็นโซนสุดท้ายและทางออกเป็นทางเดียวกับทางเข้า
งานศิลปะจากจินตนาการ นอกเหนือไปจากการปั้นที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ผลงานหลายชิ้นก็สร้างจากจินตนาการล้วนๆ ปิศาสหน้าตาน่ากลัวนี้ก็เหมือนกันจินตนาการภาพจากหนังสือ หรือการ์ตูน ออกมาเป็นสิ่งที่มีมิติด้วยทราย ส่วนรูปปั้นทรายที่เกี่ยวกับศาสนาก็ไม่ได้มีแต่ศาสนาพุทธ เท่านั้นมีอีกหลายชิ้นในพื้นที่ใกล้เคียงกัน
เทวรูปทราย
เทวรูปและบูรพาจารย์ ถัดไปอีกไม่ไกลมีงานการสร้างพระบูรพาจารย์ 3 รูปด้วยกันโดยสร้างให้อยู่บนฐานเดียวกันเป็นชิ้นเดียวกัน มี 3 ด้าน ได้แก่หลวงปู่แหวน หลวงปู่ทวด เป็นต้น
พระบูรพาจารย์ปั้นทราย อีก 2 ภาพกับงานชิ้นเดียวกันครับ 3 ด้านสวยงามทั้ง 3 ด้าน
ปราสาททราย 12 นักษัตร งานศิลปะปั้นทรายศิลปะแบบจีน เพราะความเชื่อเกี่ยวกับ 12 นักษัตร มีอิทธิพลมาจากจีน
พระพุทธรูปปางไสยาสน์วัดโพธิ์ พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่วัดโพธิ์หรือวัดพระวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเป็นพระพุทธรูปที่งดงามมาก ที่พระพุทธบาทมีการประดับมุกภาพมงคล 108 ประการที่บริเวณฝ่าพระบาทตามที่คัมภีร์ปฐมสมโพธิกถาของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส พระพุทธบาทที่ประดับด้วยลายมงคล 108 ประการนั้น ปรากฏมานานแล้วตั้งแต่ในศิลปะสุโขทัยและอยุธยา อย่างไรก็ดี ระบบการเรียงมงคลนั้นกลับแตกต่างกันออกไปตามยุคสมัย
บริเวณติดกับนิ้วพระบาท ปรากฏภาพพรหม 16 ชั้น ซึ่งแสดงเป็นรูปพรหม 4 หน้าประทับนั่งบนบัลลังก์ ถัดลงมาได้แก่เขาพระสุเมรุซึ่งแสดงเป็นรูปโขดหินที่มีวิมานของพระอินทร์ตั้งอยู่ โดยที่มีพระอาทิตย์ พระจันทร์ โคจรอยู่โดยรอบ ด้านล่างจักรกลางพระบาท ปรากฏสระอโนดาตซึ่งมีปากสระ 4 ปาก คือปากรูปช้าง ปากรูปม้า ปากรูปโค และปากรูปสิงห์ รวมถึงแก้ว 7 ประการของพระจักรพรรดิซึ่งประกอบด้วย ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว แว่นแก้วและจักรแก้ว
การนำเอาจักรวาลทั้งหมดมาไว้ที่ใต้พระบาท ย่อมแสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นโลกุตระ ทรงอยู่เหนือภูมิสาม คือ กามภูมิ รูปภูมิและอรูปภูมิทั้งมวล นอกจากนี้ ยังอาจตีความได้ว่า พระพุทธองค์ทรงปฏิเสธมนุษยสมบัติ เทวสมบัติและพรหมสมบัติ ทั้งหมดจึงมาอยู่ใต้พระบาทของพระพุทธองค์
วิหารที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ก็มีลักษณะที่น่าสนใจ เป็นตัวอย่างของอาคารทรงไทยประเพณีผสมอิทธิพลจีน-ฝรั่งในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ เป็นอาคารที่มีหน้าบันแบบไทยประเพณี คือมีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันเป็นลายเครือเถาซึ่งเป็นลักษณะที่นิยมในรัชกาลนี้ อย่างไรก็ตาม เสากลับเป็นเสาสี่เหลี่ยมไม่ย่อมุมและไม่มีบัวหัวเสา อันเป็นลักษณะพระราชนิยม นอกจากนี้ ซุ้มประตูหน้าต่าง ยังเป็นซุ้มที่ประกอบไปด้วยลายจีนกับลายฝรั่งผสมกัน อันแสดงให้เห็นอิทธิพลจีน-ฝรั่งที่เข้ามามีบทบาทสูงในงานศิลปกรรมระยะนี้
เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช มีเฉพาะส่วนหนึ่งของเรือพระที่นั่ง แต่ด้วยฝีมือการสร้างสรรค์ งานที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำจากทรายชิ้นนี้จึงตั้งแสดงอยู่ที่นี่ ลวดลายเล็กๆ น้อยๆ ก็เก็บออกมาได้ละเอียดแบบที่ต้องไปดูเองเท่านั้น
พระรามแผลงศร ผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่สวยงามมาก และขนาดใหญ่มากด้วยครับ
งานศิลปะปราสาททราย ในโซนนี้ยังมีผลงานอีกหลายชิ้นจนไม่สามารถเอามาลงกันได้หมด เดี๋ยวไปโซนต่อไปกันเลยครับ
ปราสาททราย-โซนแสงสี ในโซนนี้จะเน้นความมืดและการเปิดไฟแสงสีต่างๆ ส่องไปยังงานปั้นทรายทุกชิ้น ทำให้เกิดความสวยงามแปลกตากว่าเดิมครับ สำหรับคนที่สนใจเข้าโซนนี้ควรเอาขาตั้งมาด้วยแล้วถ่ายแบบไม่มีแฟลชจะได้ภาพสวยกว่า
ปราสาททรายเมื่อปี 2008 ภาพนี้เป็นภาพที่เก็บไว้ตั้งแต่มหกรรมปั้นทรายโลก แต่มีความประทับใจเลยเลือกเอามาผสมกับภาพใหม่ๆ เพื่อเป็นที่ระลึก ในโซนนี้เมื่อครั้งเป็นงานมหกรรมปั้นทรายโลกเรียกว่า โซน 2 วรรณประวัติแห่งไทย (History&Literature of Thailand) เป็นการนำเสนอประติมากรรมในเต็นท์มืด ระบบแสง สี เสียง อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และวรรณประวัติแห่งไทย ได้แก่ ประติมากรรม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ยักษ์ทวารบาล ตัวละครสำคัญในวรรณคดีไทยเรื่อง พระอภัยมณี รามเกียรติ์ และประติมากรรมแฟนตาซี สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำยุตธหัตถี
มหกรรมปั้นทรายโลก
ปราสาททราย-อุโบสถวัดโสธรฯ ภาพนี้ก็ถ่ายไว้เมื่อปี 2008 แต่ชอบมากเหมือนกัน ผลงานที่สร้างใหม่ที่อยู่ด้านหน้าก็สวยไม่แพ้กันเพียงแต่ตั้งแสดงอยู่ในโซนสว่างไม่มีไฟส่องเท่านั้น
งานปั้นทรายนานาชาติ โซนที่ 3 แลนด์มาร์ค ออฟ เดอะ เวิลด์ (Landmarks of the world) เป็นการจัดแสดงประติมากรรมทราย ซึ่งเป็นผลงานการปั้นของนักปั้นชาวเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐเช็ก และประเทศไอร์แลนด์ นำเสนอสถานที่ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เช่น ประตูแบรนเดนเบิร์ก ประเทศเยอรมันนี จิตรกรชาวฝรั่งเศสกำลังวาดภาพหอไอเฟล ผู้หญิงกับกังหันลม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ทหารองครักษ์ของอังกฤษ กับหอนาฬิกาบิ๊กเบน อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ และภาพทิวทัศน์เมืองแมนฮัตตัน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โบสถ์เซนต์นิโคลัส ประเทศรัสเซีย นักเต้นฟลามิงโก ประเทศสเปน ประติมากรรมแฟนตาซี โรงละครโอเปร่า ประเทศออสเตรเลีย ภูเขาไฟฟูจิประเทศญี่ปุ่น บ้านโบราณประเทศเบลเยี่ยม กำแพงเมืองจีนกับรูปปั้นทหารกองทัพราชวงศ์ฉินประเทศจีน เป็นต้น
ชิ้นงานเหล่านี้หลายชิ้นก็มีชำรุดลงไป หลายชิ้นก็ยังคงอวดโฉมความสวยงามอยู่ที่เดิม ส่วนภาพนี้เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความอดทนและความพยายามสร้างสรรค์อย่างมาก เลยจะขอเอามาเป็นภาพปิดการเดินทางชมปราสาททรายของเรา ด้วยเอกลักษณ์ของการสร้างงานศิลปะด้วยทรายที่นี่ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย แบบนี้ไม่ไปให้เห็นกับตาตัวเองคงไม่ได้แล้วละครับ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ