เกาะยอ

 เกาะยอ เป็นเกาะเล็ก ๆ ในทะเลสาบสงขลา เดินทางโดยข้ามสะพานติณสูลานนท์ ไปตามเส้นทาง จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 407 และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 4083 ทางไปอำเภอสิงหนคร เกาะยอมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 9,275 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นไหล่เขาและที่ราบตามเชิงเขา เหมาะแก่การเกษตรกรรม บนเกาะยอมีการทำสวนผลไม้แบบสุมรุม หมายถึงผลไม้จะผลัดกันให้ผลผลิตตลอดปี เช่น ส้มโอ มะพร้าว ขนุน ผลไม้ที่มีชื่อของเกาะยอคือ จำปาดะ ลักษณะคล้ายขนุนแต่ลูกเล็กกว่า สามารถนำไปทอดเหมือนกล้วยแขก หรือจะกินสดก็ได้ และผ้าทอเกาะยอ เป็นผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากผู้นิยมสวมใส่ผ้าไทย มีลายที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ลายราชวัตถ์ ดอกพิกุล ดอกพะยอม เนื้อผ้าดูแลรักษาง่าย นอกจากนั้นเกาะยอยังเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงขาวในกระชังในทะเลสาบสงขลาอีกด้วย

 สิ่งที่เชิดหน้าชูตาเกาะยอมากอีกอย่างก็คือ สถาบันทักษิณคดีศึกษา ซึ่งได้รวบรวมและจัดแสดงศิลปวัตถุและโบราณวัตถุ รวมทั้งวิถีชีวิตของชาวใต้ไว้เป็นหมวดหมู่ ทั้งหมดอยู่ภายใน พิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา สถาบันทักษิณฯ ยังมีหอชมวิวไว้ให้ชมทิวทัศน์สวยๆ ของเกาะยอและทะเลสาบสงขลา แล้วยังมีที่พักไว้บริการอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานหาดใหญ่ 0 7423 1055, 0 7423 1055, 0 7423 8518
http://www.tourismthailand.org/hatyai

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

มุ่งหน้าสู่เกาะยอ การเดินทางเที่ยวจังหวัดสงขลาของเราในวันนี้ เราเลือกเดินทางด้วยเครื่องบิน ซึ่งไม่บ่อยนักสำหรับเว็บท่องเที่ยวที่ถนัดด้านการขับรถเที่ยวอย่างเรา เกาะยอเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดสงขลา คงไม่มีสนามบินไหนจะสะดวกเท่ากับหาดใหญ่อีกแล้ว หาเที่ยวบินที่มีราคาโปรโมชั่น ตอนนี้ถูกกว่าขึ้นรถทัวร์ยังมีเลย สะดวกดีเหมือนกันไม่เหนื่อยด้วย

ข้ามสะพานติณสูลานนท์ ลงจากเครื่องบินที่สนามบินเพื่อนที่รออยู่ที่หาดใหญ่รับเรามาจากนั้นใช้เส่นทางเลี่ยงเมืองสงขลา จากตัวเมืองสงขลาจะไปเกาะยอก็ต้องใช้สะพานติณสูลานนท์ ซึ่งทอดจากเกาะยอไปยังเมืองสงขลา หรือมาจากนครศรีธรรมราชใช้สะพานติณสูลานนท์ 2 ทอดจากเกาะยอไปยังเกาะใหญ่ สะพานทั้งสองมีเกาะยออยู่ตรงกลางเป็นสะพานที่มีวิวสวยมากเดี๋ยวเราจะพาไปสำรวจกันให้รอบเลย

วัดพระนอนแหลมพ้อ พอข้ามสะพานมาแล้วเราจะมาสะดุดตากับพระนอนองค์ใหญ่มาก แต่จากบนถนนเราจะเห็นด้านหลังขององค์พระ แน่นอนว่าเราจะผ่านไปเฉยๆ คงไม่ได้ เลยแวะเข้ามานมัสการพระก่อน ถือว่าเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย พระนอน เป็นคำเรียกของชาวบ้านทั่วไป ซึ่งหมายถึงพระพุทธรูปประทับนอนทั้งปางไสยาสน์ และปางปรินิพานองค์นี้ ทางวัดสร้างได้เด่นเป็นที่สะดุดตาของผู้คนที่สัญจรผ่านระหว่างเกาะยอไปยังเมืองสงขลา พระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานอยู่ที่เชิงสะพานพอดีด้านขวามือมีขนาดใหญ่ โดยทางวัดตั้งใจสร้างพระพุทธรูปปางปรินิพานองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ข้อมูลเพิ่มเติมของวัดพระนอนแหลมพ้อ อ่านได้ที่ วัดพระนอนแหลมพ้อ

วิวสวยบนเกาะยอ หลังจากผ่านวัดพระนอนมาได้สักพักเราจะเริ่มเห็นตลาดที่ชาวบ้านจะเอาของมาขายริมทาง ส่วนมากจะมาขายผลไม้ หลายร้านเอาผลไม้จากในสวนที่ปลูกบนเกาะยอมาขาย ส่วนของที่ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งคือผ้า ร้านผ้าร้านใหญ่ตรงทางแยก เป็นทางสายหลักเข้าหมู่บ้านบนเกาะยอ ส่วนถ้ายังไม่อยากเข้าไปที่หมู่บ้านแนะนำให้ขับมาเรื่อยๆ ตามทางหลัก ใกล้ๆ จะสุดเกาะยอก่อนจะข้ามสะพานติณสูลานนท์ 2 จะมีทางแยกซ้ายมือขึ้น สถาบันทักษินคดีศึกษา บนนี้จะมีเรื่องราวต่างๆ ของภาคใต้ให้เราศึกษาหาความรู้และที่สำคัญเป็นจุดที่อยู่สูง มองเห็นวิวรอบๆ เกาะยอได้หลายด้าน ด้านที่มองเห็นสะพานจะมีคนมาเที่ยวพักผ่อนชมวิวกันเยอะมาก เพราะเป็นจุดชมวิวสะพานติณสูลานนท์ที่สวยที่สุด

บรรยากาศรอบเกาะยอ หลังจากชมวิวบนจุดสูงๆ กันแล้วลงจากสถาบันทักษินคดีศึกษากลับรถใต้สะพานติณสูลานนท์ กลับมาถึงทางแยกร้านผ้าทางเข้าหมู่บ้าน ตอนนี้เราจะไปหาที่พักกันสำหรับคืนนี้ มาเที่ยวเกาะยอแนะนำให้พักบนเกาะยอ ซึ่งส่วนมากจะมีโฮมสเตย์ให้บริการกันเยอะ จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน บนเกาะยอนี้มีโฮมสเตย์อยู่เจ้าเดียวตอนนี้มีไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง พอมาถามชาวบ้านว่า เกาะยอโฮมสเตย์ไปทางไหน ชาวบ้านถามกลับว่าจะไปหลังไหนละมีตั้งหลายหลัง พอบอกชื่อลุงเดชา ไปเค้าก็บอกไม่รู้ ต้องบอกหมู่มาว่าเป็นโฮมสเตย์หมู่ไหน โอ้โห มีมากขนาดนี้เลยเหรอนี่ หมู่ 3 ก็มี หมู่ 8 ก็มี เลยต้องโทรถามทางกับลุงเดชาเจ้าของบ้านแล้วขับไปเรื่อยๆ ถนนสายบนเกาะยอ จะมีหลายช่วงที่เลียบกับทะเล ทำให้เราได้เห็นวิวสวยๆ ซึ่งชาวบ้านหลายหลังคาเรือนประกอบอาชีพเลี้ยงปลากระชัง และวางไซดักกุ้ง ระหว่างทางจะมีศาลาเป็นจุดชมวิวอยู่เป็นระยะ แสงอาทิตย์สาดส่องลอดลงมาเป็นลำต้อนรับเราในวันนี้ จอดถ่ายรูปสักนิดก่อนเดินทางกันต่อไป

เกาะยอโฮมสเตย์ (ลุงเดชา) เราค้นหาที่พักบนเกาะยอทางอินเตอร์เน็ด เจอบ้านลุงเดชาน่าสนใจ มีคนเขียนรีวิวเอาไว้พอสมควรเราจึงเลือกที่นี่ บ้านของลุงอยู่หมู่ 8 จากบ้านลุงไปอีกไม่ไกลก็เข้าเขตท้ายเกาะ จุดสังเกตุคือมีศาลเจ้าไท้ก๋ง อยู่ตรงข้ามกับหน้าบ้านที่เป็นบ้านแสนธรรมดาๆ จนดูไม่ออกว่าจะติดทะเลตรงไหน พอเจอลุงเดชาเราก็เดินเข้าไปทักทายแล้วรีบไปดูหลังบ้านว่าจะมีโฮมสเตย์ติดทะเลหรือเปล่า ก็เจอทางเดินปูนไปยังบ้านที่เปิดให้พัก มีเรือจอดอยู่ข้างทางเดิน ขึ้นบ้านตรวจตราดูว่าจะเป็นยังไง

โฮมสเตย์ของลุงเดชาเป็นบ้าน 3 หลัง หลังใหญ่อยู่บนฝั่ง อีกสองหลังต้องนั่งเรือไป เดิมทีบ้านพักกลางทะเลสาบคือ ขนำ ที่สร้างเอาไว้สำหรับนอนเฝ้าปลาในกระชัง ดัดแปลงมาให้เป็นที่พัก (เหมือนโฮมกระเตงของสุมทรสงครามที่สร้างไว้เฝ้าฟาร์มหอย) มีไฟฟ้าถึงทุกหลัง แต่ละหลังนอนได้เกิน 10 คน เราเลยเลือกหลังที่อยู่บนฝั่ง เพราะไม่อยากวุ่นวายนั่งเรือกลับไปกลับมา เข้ามาดูตัวบ้านเดี๋ยวเราก็ออกไปหาข้าวเย็นกินก่อนจะเข้ามานอน บนบ้านหลังใหญ่มี 3 ห้องนอน กับห้องโถงใหญ่นอนได้อีกไม่ต่ำกว่า 6 คน มี 2 ห้องน้ำ กับอีก 1 ห้องครัว มีระเบียงยื่นออกไปหน้าบ้านสำหรับการทำกิจกรรมปิ้งย่าง และนั่งรับลมเล่นๆ ข้อดีคือไม่มียุง

สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวบนเกาะยอที่ อบต.เกาะยอ 0-7445-0433
ส่วนเกาะยอโฮมสเตย์ของลุงเดชา โทร. 08-7633-5476

การเลือกพักที่บ้านลุงเดชา (เดชา มีสุวรรณ) เกาะยอโฮมสเตย์ เพราะว่าลุงเป็นผู้บุกเบิกการเปิดโฮมสเตย์ก่อนใคร ตั้งแต่ปี 2548 ได้รางวัลมากมาย และจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผนังบ้านมีรูปภาพ ใบประกาศรางวัลต่างๆ ที่ลุงได้รับ บนภาพจะมีข้อความที่เขียนได้โดนใจมากว่า ที่ทำไปเพราะใจรักที่จะทำ ลุงมุ่งมั่นให้บริการโฮมสเตย์มานาน มีแขกเข้ามาพักหลายต่อหลายคณะ ลองอ่านในสมุดเยี่ยมจะเห็นเรื่องราวน่าประทับใจของแต่ละคณะที่เข้ามาพักที่นี่ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีคนเปิดโฮมสเตย์มากมายหลายแห่งบนเกาะยอก็ตาม

สิ่งอำนวยความสะดวกของเกาะยอโฮมสเตย์ พอเลือกบ้านริมน้ำหลังใหญ่ เดินดูบรรยากาศรอบบ้าน คราวนี้มาดูในบ้านบ้าง ด้านหน้ามีป้ายวิสาหกิจชุมชน เกาะยอโฮมสเตย์ หน้าบ้านมีระเบียงยื่นออกไปกว้างพอประมาณ ในตัวบ้านมีห้องโถงใหญ่ตรงกลาง ห้องนอน 3 ห้อง แต่เราทุกคนเลือกนอนห้องโถงกลางเพราะโล่งดี ^^ เครื่องครัวอุปกรณ์ครบครัน ทำอาหารได้ทุกอย่าง กุ้งหอยปูปลาจัดหากันมาเอง ที่สะดุดตาก็คือห้องโถงกลางมีผนังด้านหนึ่งทำเป็นชั้นวางของ ที่นอนหมอนมุ้ง หรือแม้แต่ทีวีซ่อนอยู่ในผนังทั้งหมด เป็นระเบียบเรียบร้อย จะใช้ค่อยเอาออกมา ไอเดียเก๋กว่าที่เห็นภายนอกจริงๆ

ชมพระอาทิตย์ตกที่เกาะยอ กิจกรรมหนึ่งที่จะพลาดเสียไม่ได้ คือการได้ชมพระอาทิตย์ ขึ้นและตก บนเกาะยอ ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ มีถนนรอบด้าน จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นก็ไปด้านตะวันออก ส่วนหน้าบ้านลุงเดชา หันไปทางด้านตะวันตก วิวสวยมากๆ หรือจะขับรถออกมาชมวิวที่มุมอื่นๆ หรือจุดชมวิวที่สร้างไว้บริการก็สะดวกสบายไปหมด รอบๆ เกาะมีโฮมสเตย์มากมายให้เลือก ถ้าไม่ได้จองล่วงหน้ามาลองขับรถเลือกดูไปเรื่อยๆ ก็ได้ หลังจากที่เราเอาของเก็บที่บ้านลุงเดชาเราก็ออกมากินข้าวเย็น เข้าไปจะได้นอนเลย ระหว่างมากินข้าวที่ร้านน้ำเพียงดินเห็นฟ้าสีแดงๆ คิดว่าพระอาทิตย์ต้องตกสวยมากแน่ๆ เลยขับรถลงมาจากร้านมาที่ท่าน้ำที่ใกล้ที่สุด ภาพที่เห็นนี้ถ้าอยู่บ้านลุงเดชาก็จะเห็นเหมือนกัน

ใกล้ๆ ร้านน้ำเพียงดินจะมีที่พักได้แก่ ชมเลโฮมสเตย์ 089-6532746, อ่าวทรายโฮมสเตย์ 089-6575211 หรือ 085-1222591

วิวสวย เกาะยอ

ความสวยงามของเกาะยอยามเย็นในวันนี้ ทำให้เราเก็บภาพจนถึงแสงสุดท้าย แม้ว่าพระอาทิตย์ไม่โผล่มาเป็นดวงกลมๆ แดงๆ ให้เราเก็บภาพ แต่แสงสีที่พุ่งขึ้นมา จากเส้นขอบฟ้าตรงหน้า ก็สวยประทับใจเอามากๆ ทริปพักผ่อนของเราทริปนี้ที่สงขลาและหาดใหญ่คงจะไปได้ดีแน่ๆ อีกอย่างน้ำในทะเลสาบก็เป็นน้ำกร่อย เกือบๆ จะจืด ทำให้ลมที่พัดเข้ามาไม่ทำให้ตัวเหนียว แหม่ นี่แหละแบบที่เราชอบเลย

ชมวิวร้านน้ำเพียงดิน ร้านอาหารร้านนี้อยู่เกือบสุดเกาะยอใกล้ทางขึ้นสถาบันทักษินคดีศึกษา มองเห็นสะพานติณสูลานนท์ 2 ที่เชื่อมไปหาเกาะใหญ่ได้เลย เบื้องล่างรถราวิ่งกันขวักไขว่ ตามเส้นทางโค้งขึ้นเนินเขา อาหารทะเลรสเลิศของร้านนี้ก็มีหลายอย่างที่เราได้ชิม ปูตัวใหญ่ๆ ก้ามใหญ่ๆ แกงส้ม หรือว่าแกงเหลือง ยำ นิดหน่อย พักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ แล้วก็เข้าไปนอนบ้านลุงเดชา จบการพักผ่อนวันแรกอย่างน่าประทับใจสุดๆ

บรรยากาศยามเช้าของเกาะยอ เช้าวันต่อมาลุงเดชามาปลุกเราแต่เช้า กิจกรรมแรกของวันนี้คือการไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวประมงบนเกาะยอกัน เรือหางยาวของลุงเดชาแล่นช้าๆ ผ่าน ขนำ ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นบ้านพักกลางทะเลสาบสุดชิลไปแล้ว แล้วก็ค่อยๆ แล่นออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ โฮมสเตย์หลายหลังที่บริเวณเดียวกันกับของลุงเดชา จะหันไปทางตะวันตก ส่วนตอนพระอาทิตย์ขึ้นจะบังกับเขาที่อยู่ด้านหลังของตัวบ้าน เลยไม่ค่อยจะได้พระอาทิตย์ขึ้นสวยกันเท่าไหร่ แต่ถ้าพระอาทิตย์ตกละก็สวยไม่แพ้ที่อื่นแน่ๆ

ไซตักกุ้ง พอนั่งเรือออกมาไกลเรื่อยๆ พ้นแนวกระชังปลา เราจะเห็นเครื่องมือหน้าตาแปลกๆ เรียงรายเป็นแนวอยู่ทั่วพื้นที่ทะเลสาบ ไซ เป็นอุปกรณ์การดักกุ้งแบบแปลกๆ เพียงวางแนวตาข่ายไว้ใต้น้ำ กุ้งจะเดินขบวนตามตาข่ายมาเข้าไซ จากนั้นเราก็มายกไซขึ้นเพื่อเอากุ้งออกจากไซ นอกจากกุ้งแล้วก็ยังได้ปลามากมายหลายชนิด คนที่ดักไซเป็นอาชีพจะมีไซหลายชุด ส่วนของลุงเดชาเหลือเพียง 4 ชุด เก็บเอาไว้ให้คนที่มาพักได้ทำกิจกรรมเรียนรู้การประมงไปในตัว

ไซประเภทนี้เรียกว่าไซนั่ง ส่วนประเภออื่นนั้นเราไม่ได้เห็น เพราะไม่ค่อยนิยมกัน ที่เรียกว่าไซนั่งเพราะเวลาจะกู้ไซหรือยกไซ จะต้องนั่งลงไปปลดเชือกเอาไซออกจากหลักที่อยู่รอบไซ

โพงพาง อีกหนึ่งเครื่องมือในการจับสัตว์น้ำ แต่วันนี้เราไม่ได้เห็นวิธีการใช้คงต้องรอโอกาสหน้า

พอถึงไซของลุง (แกรู้ได้ไงก็ไม่รู้ว่าเป็นไซของแก เพราะไซมันเหมือนกันไปหมดเลย) ลุงจะกู้ให้ดูก่อน 2-3 ชุดแล้วจะเปิดโอกาสให้เราได้ลองทำดูบ้างจะได้รู้ว่ามันยากขนาดไหนกว่าจะได้กุ้งหอยปูปลามาขาย ลุงจะคอยแนะนำอยู่ใกล้ๆ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆ ถือว่าเป็นกำไรของการมาพักที่นี่ แม้ว่าบนเกาะยอจะมีที่พักอยู่มากมาย แต่ที่จะได้ทำกิจกรรมแบบนี้คงมีแต่บ้านลุงเดชาคนเดียวเท่านั้น

กู้ไซกันครบ 4 ชุด ไซทั้งหมดจะถูกยกไว้เหนือน้ำ ลุงบอกเป็นการตากให้มันแห้ง ตอนเย็นจะเอาไซลงไปดักใหม่ ทำแบบนี้อยู่เป็นประจำ ก่อนที่จะมาเปิดโฮมสเตย์ลุงเล่าว่าการดักไซแบบนี้เป็นอาชีพหลักของแกเลยแต่ตอนนี้ร่างกายไม่ไหวแล้ว ก็ลดเหลือ 4 ชุดไว้ให้นักท่องเที่ยวดูเท่านั้น จากนั้นเราก็แล่นกลับบ้านพัก

ใกล้ๆ จะถึงบ้านพัก ลุงดับเครื่องปล่อยให้เรือไหลเข้าซองอย่างชำนาญ เรือไหลผ่านช่องจอดเรือเลยไปนิดเดียวตงหัวบันไดแบบพอดีเหมือนมีแม่เหล็กดูดเลย

พอถึงบ้านเราก็พักผ่อนอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวกินข้าวเช้า วันนี้ลุงมีข้าวต้มกุ้งไว้บริการ ระหว่างนี้ก็ชมวิวรอบๆ บ้านพักของลุงเดชาไปเรื่อยๆ

โคระ เห็นหน้าตาแปลกๆ แบบนี้วางอยู่กับพื้น คงไม่รู้สิว่าคืออะไร เอาไว้ทำไม เจ้าโคระ นี่เป็นของที่สานขึ้นมาเพื่อห่อ จำปาดะ ผลไม้ขึ้นชื่อของเกาะยอ ต่อมามีการผสมจำปาดะกับขนุน ก็เรียกรวมว่า จำปาดะขนุน ไปซะเลย ผลไม้ชนิดนี้หน้าตาเหมือนขนุน แต่จะยาวๆ อยู่บนต้นค่อนข้างดก เป็นที่หมายปองของแมลงวันทอง จะมาไชกินจนทำให้จำปาดะเน่า วิธีป้องกันคือการครอบจำปาดะด้วยโคระ สานจากทางมะพร้าว ดูเหมือนง่ายแต่ไม่ง่าย แต่ถ้ามาพักบ้านลุงเดชา จะสอนการสานโคระให้ด้วย เป็นอีกกิจกรรมสบายๆ ได้ความรู้ โคระจะเอาไปครอบจำปาดะตั้งแต่ลูกเล็กๆ จากนั้นอีก 3 เดือนจำปาดะก็จะสุกพอดีกิน

กิจกรรมสานโคระ เกาะยอโฮมสเตย์ ปิดท้ายการนำเที่ยวเกาะยอ ไว้เพียงเท่านี้ เวลา 24 ชั่วโมงที่ได้อยู่ที่นี่ ช่างมีอะไรมากมายเหลือเกินเหมือนได้เที่ยวไปหลายหนหลายแห่ง ขอขอบคุณลุงเดชาสำหรับการต้อนรับอันอบอุ่น ไว้โอกาสหน้าเราคงได้กลับมาพักผ่อน เรียนรู้อะไรอีกมากมายหลายอย่างจากบ้านนี้อีกเป็นแน่ ....

้ข้อมูลท่องเที่ยวบนเกาะยอ อบต.เกาะยอ โทร 0-7445-0433
เกาะยอโฮมสเตย์ของลุงเดชา โทร 08-7633-5476