สวนสาธารณะเทศบาลเมืองหาดใหญ่

 สวนสาธารณะเทศบาลเมืองหาดใหญ่ ริมถนนกาญจนวนิช ไปตามเส้นทางหาดใหญ่-สงขลา ห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่ 6 กิโลเมตร เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวหาดใหญ่และอำเภอใกล้เคียง บริเวณสวนตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับอย่างงดงาม มีศาลากลางน้ำ สวนนก มีร้านอาหารไว้บริการ จากเชิงเขาใกล้กับสวนนกเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนเชิงเขาด้านทิศใต้ใกล้กับค่ายลูกเสือมีทางรถยนต์ขึ้นเขาเพื่อไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมหยก ถัดขึ้นเขาไปอีกจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมงคลมหาราช และจุดชมวิว จากนั้นจะมีทางต่อไปยังศาลท้าวมหาพรหม เส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างสูงชันและคดเคี้ยว ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานหาดใหญ่ 0 7423 1055, 0 7423 1055, 0 7423 8518
http://www.tourismthailand.org/hatyai

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

สวนสาธารณะหาดใหญ่ ที่เชิงเขาเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่เห็นมอเตอร์ไซค์จอดเรียงรายอยู่ในรูปเป็นการทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ทำความสะอาดสวนสาธารณะหาดใหญ่ในวันวาเลนไทน์

ณ ลานพระบรมรูปนี้จะเป็นสถานที่จัดงานลำรึกวันเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่ ๕ เป็นประจำทุกปี โดยมีการถวายพวงมาลารำลึกพระมหากรุณาธิคุณ และประดับดอกไม้อย่างสวยงาม

พระบรมรูปสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นสถานที่แห่งหนึ่งในสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เป็นที่สำหรับถ่ายรูปของช่างภาพหลายกลุ่ม และโรงเรียนสอนถ่ายภาพ

ช้างเอราวัณ (ช้าง 3 เศียร) หลังจากที่ได้ชมบริเวณเชิงเขาและสวนสาธารณะบนพื้นที่ราบกันแล้วก็เป็นอันได้เวลาพาขึ้นมาชมสถานที่ที่น่าสนใจของสวนสาธารณะขนาดใหญ่บนเขา อันดับแรกเป็นศาลท้าวมหาพรหม ขับขึ้นเขามาจะมีที่จอดรถสังเกตุไม่ยากมีป้ายบอกทางสำหรับเดินขึ้นบันไดมายังศาลท้าวมหาพรหมแห่งนี้ และจะได้เห็นช้างเอราวัณขนาดใหญ่สร้างอย่างสวยงามเด่นตระหง่านอยู่ด้านหน้า มีบันไดทางขึ้นอีกทีไปยังศาลท้าวมหาพรหม

ศาลท้าวมหาพรหมสวนสาธารณะหาดใหญ่ ขึ้นบันไดข้างช้าง 3 เศียรมาแล้วจะเห็นศาลท้าวมหาพรหมอยู่กลางลานกว้าง เป็นลานที่สามารถมองเห็นพระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่อยู่อีกด้านหนึ่งของเขาลูกนี้

ท้าวมหาพรหม ภายในศาลท้าวมหาพรหมจะมีนักท่องเที่ยวที่เคารพศรัทธาในองค์พระพรหม เดินทางมากราบไหว้บูชาอย่างต่อเนื่องทั้งชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยความศรัทธาบางทีเราจะได้เห็นม้านั่ง ม้าหินอ่อนที่มีคนนำมาถวายเพื่อเป็นสาธารณะประโยชน์ลงชื่อผู้บริจาคด้วยภาษาจีน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานที่แห่งนี้ได้รับความศรัทธาจากทุกสารทิศ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณศาลท้าวมหาพรหม นอกจากศาลท้าวมหาพรหมแล้วก็ยังมีศาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีประชาชนศรัทธาอย่างมากอยู่ได้แก่ พระศิวะ พระแม่อุมาเทวี พระพิฆเณศ ที่น่าสังเกตุคือมีช้างจำนวนมากอยู่รอบๆ บริเวณนี้ อันหมายความว่าผู้คนนิยมการนำรูปปั้นช้างขนาดต่างๆ มาถวาย

เตาจุดประทัดศาลท้าวมหาพรหม หากไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนบางทีเราก็จะสังเกตุได้ว่าประชาชนศรัทธามากน้อยขนาดไหนได้จากเศษของประทัดในเตา อย่างที่เห็นในรูปนี้ก็พอบอกได้ว่าแต่ละวันมีประชาชนเดินทางมากราบไหว้บูชาองค์พระพรหมที่สวนสาธารณะหาดใหญ่มากแค่ไหน

ความเชื่อเมื่อมาไหว้องค์พระพรหม การผูกผ้ายันต์สีแดงบนต้นไม้และรูปปั้นช้างที่บนเขาสวนสาธารณะหาดใหญ่จะเห็นได้มากในสถานที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เห็นรอบๆ ศาลท้าวมหาพรหมแห่งนี้ และวิหารพระแม่กวนอิมอีกแห่งหนึ่งที่จะเห็นยันต์สีแดงเหล่านี้อยู่เต็มไปหมด

พระพุทธมงคลมหาราช ด้านหนึ่งของศาลท้าวมหาพรหมจะสามารถมองเห็นลานพระพุทธมงคลมหาราช ได้ชัดเจนและเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ซึ่งจะเป็นสถานที่ต่อไปที่จะเดินทางไปที่นั่น

วิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ หลังจากเดินลงมาจากศาลท้าวมหาพรหมแล้ว ก็ขับรถตามทางมาเรื่อยๆ ไปยังพระพุทธมงคลมหาราช ก่อนหน้านั้นจะเห็นอาคารทรงกลมรูปร่างประหลาดใกล้ๆ กันมีวิหารอยู่ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

ส่วนอาคารทรงกลมแปลกๆ นั้นเป็นศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์นครหาดใหญ่ โดมทรงกลมนี้มีหลังคาเปิดปิดได้ ด้านหลังมีห้องเล็กๆ สร้างทางเดินเชื่อมถึงกัน รูปร่างคล้ายยานอวกาศ ที่จุดนี้มีห้องน้ำบริการ ทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการตกแต่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในไม่ช้า ถ้ามีเวลาลองแวะไปดูกันครับ

พระพุทธมงคลมหาราช บนยอดเขาของสวนสาธารณะเทศบาลเมืองหาดใหญ่ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมงคลมหาราช เป็นพระพุทธรูปประทับยืนองค์ใหญ่สามารถมองเห็นได้แต่ไกล พระพุทธรูปองค์นี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นองค์ประธานพิธีเททองพระหัตถ์ ณ มณฑลพิธีพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามพระพุทธรูป พระมงคลมหาราช ตามหนังสือเลขที่ รล.0003/15359 ณ วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2542

อีกมุมหนึ่งของพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เดินมาหามุมอีกมุมหนึ่งที่จะได้เห็นความงดงามขององค์พระปฏิมากร บนฐานยกสูงมีลานประทักษินรอบ มีบันไดทางขึ้นด้านหน้าองค์พระ และมีลานประทักษินที่ชั้นล่างอีกชั้น ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว และศาลา 2 หลังด้านหน้า

คำบูชาพระและคำอธิษฐาน สวด นะโม ๓ จบ แล้วว่าดังนี้ "ข้าพเจ้า....... ขอกราบนมัสการบูชาพระพุทธมงคลมหราช ด้วยเครื่องสักการะนี้ขอความเป็นมงคลอันยิ่งใหญ่ ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองทั้งหลาย จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า ขอปราศจากความทุกข์ทั้งปวง โรคภัยไข้เจ็บ ศัตรูหมู่มารอันตรายใดๆ อย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำบุญในวันนี้ ขอจงสำเร็จแก่ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้อง ลูกหลานทั้งหลายของข้าพเจ้าที่ยังอยู่ก็ดีที่ล่วงลับไปแล้วก็ดี ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติจงมารับส่วนบุญส่วนกุศลของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ เมื่อรับผลบุญแล้ว จงอโหสิกรรม ซึ่งกันและกันนับแต่เวลานี้เป็นต้นไป ท่านทั้งหลายที่ต้องทุกข์ ขอให้พ้นทุกข์ ท่านทั้งหลายที่สุขขอให้สุขยิ่งๆ ขึ้นไปเทอญ"

พระพุทธมงคลมหาราช เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ศูนย์รวมจิตใจชาวหาดใหญ่ และประชาชนที่เดินทางมาหาดใหญ่ส่วนมากจะต้องขึ้นมาสักการะนมัสการพระพุทธรูปองค์นี้เพื่อความเป็นสิริมงคลเสมอ

พระแม่กวนอิม เมื่อมาอยู่ด้านหน้าองค์พระพุทธมงคลมหาราช จะมองเห็นทิวทัศน์กว้างไกลของเมืองหาดใหญ่ ที่โดดเด่นสะดุดตามากคือองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือพระแม่กวนอิม หรือเจ้าแม่กวนอิม เป็นหยกขาวองค์ใหญ่มากประดิษฐานบนวิหารแปดเหลี่ยม ซึ่งมีทางขับรถลงไปได้

เง็กเซียนฮ่องเต้ เทพผู้อยู่สูงสุดตามความเชื่อแบบมหายาน สร้างอยู่บนเนินเขาระหว่างทางเดินที่เชื่อมต่อกันระหว่างพระพุทธมงคลมหาราชกับพระแม่กวนอิม (อย่างที่บอกว่าทั้งสองแห่งมีทางที่รถยนต์ขับขึ้นลงได้ แต่คิดว่าเห็นเจ้าแม่กวนอิมอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่เลยลองเดินลงมาดู ปรากฏว่าไกลกว่าที่คิดแถมยังต้องเดินกลับขึ้นไปอีกรอบ รู้อย่างนี้ขับรถลงมาด้วยก็ดี)

พระแม่กวนอิม 12 นักษัตร เป็นรูปพระแม่กวนอิมอยู่ในวิหารหลังเล็กๆ โดยจะมีรูปปั้นสัตว์ต่างๆ ตามปี 12 นักษัตร เป็นพาหนะ ให้ประชาชนได้สักการะพระแม่กวนอิมประจำปีเกิดของตนเอง

เจ้าแม่กวนอิม 1,000 องค์ เจ้าแม่กวนอิมองค์สีทองจำนวนมากที่เรียงรายอยู่ในวิหารเจ้าแม่กวนอิม 12 นักษัตร และวิหารเจ้าแม่กวนอิมหยกขาว มีจำนวนมากน่าจะมากกว่า 1000 องค์ แต่ข้อมูลส่วนนี้ยังไม่แน่ชัดจึงเขียนว่า 1000 ไว้ก่อนแต่เท่าที่เห็นมีมากจริงๆ ครับ

พระสังกัจจายน์ บริเวณใกล้เคียงกับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ มีพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่มาก มีประชาชนมากราบไหว้บูชาและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพราะขนาดที่ใหญ่และความงดงามของทิวทัศน์เขาคอหงส์ด้านหลัง

ตามความเชื่อแบบมหายาน องค์พระสังกัจจายน์ก็คือ พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ทรงเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระศรีศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) แต่ท่านมิได้เป็นเพียงสาวกธรรมดาของพระพุทธองค์ องค์สมเด็จพระศรีศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้พบกับทานที่สววรค์ชั้นดุสิต และได้มอบหมายให้ท่านเป็นผู้สืบทอด ในฐานะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ถัดไป ในอีก 5,000 ปีข้างหน้า หลังจากช่วงพุทธศาสนาของพระองค์ท่าน พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ยังรู้จักกันในนามของ "พระยิ้ม" ซึ่งในพุทธลักษณ์แบบจีนของท่านนั้นจะมีรูปลักษณะอ้วนท้วนสมบูรณ์ และมีรอยยิ้มกว้าง โดยมือหนึ่งถือถุงย่าม และอีกมือถือลูกประคำ ผู้คนเชื่อว่าท่านสามารถพยากรณ์อากาศได้ และชีวิตของท่านนั้นเต็มไปด้วยเหตุการณ์มหัศจรรย์ โดยวัดจีนส่วนใหญ่นั้นมักจะมีรูปหล่อของพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์สำหรับให้ผู้คนได้สักการะบูชา และผู้คนมักจะขอพรจากท่านให้มีสุขภาพแข็งแรงและร่ำรวยทรัพย์

ประตูมังกรและเทพเจ้ากวนอู จากพระสังกัจจายน์ ทางเดินลงมายังวิหารพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาว จะผ่านซุ้มประตูมังกร ว่ากันว่าถ้าได้เดินผ่านประตูมังกรนี้จะมีโชคดี เดินลงมาได้ไม่ไกลจะเห็นเทพเจ้ากวนอูอยู่ตรงทางเข้าวิหารแปดเหลี่ยมและเป็นทางขึ้นไปยังองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาว

สถานที่จุดประทัด อีกจุดหนึ่งที่จะมีคนมาจุดประทัดกันมากมายบนเขาคอหงส์นอกจากบริเวณศาลท้าวมหาพรหมแล้วก็มีที่ใกล้ๆ กับพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาว ดูจากเศษประทัดก็บอกได้ว่าแต่ละวันมีคนมาจุดกันมากขนาดไหน การจุดประทัดจะใช้ประทัดที่ผูกเรียงกันเป็นเส้นยาวๆ แล้วดึงด้วยรอกขึ้นไปสูงๆ แล้วจุดจากด้านล่างขึ้นไป

ภายในวิหาร ได้เวลาเข้ามาในวิหารแล้ว ที่เห็นนี้ก็เป็นองค์พระแม่กวนอิมองค์เล็กๆ สีทองแบบเดียวกันกับที่เห็นในวิหาร 12 นักษัตร นอกจากรอบบริเวณเสาแล้วยังมีที่ผนังด้านในอีกเป็นจำนวนมาก

เทพเจ้าทั้ง 8 (โป๊ยเซียน) ในวิหารทรงแปดเหลี่ยมมีเทพเจ้าทั้ง 8 ที่จะเรียกกันว่า โป๊ยเซียน ข้อมูลความเป็นมาที่ปัจจุบันก็เริ่มจะลางเลือนไปบ้างแล้ว เรารู้จักเทพทั้ง 8 โดยเรียกรวมๆ ว่า โป๊ยเซียน แต่เราแทบจะไม่รู้เลยว่า มีความเป็นมายังไง ข้อมูลเรียงตั้งแต่ภาพบนซ้าย ตามแถวบนไปเรื่อยๆ จนภาพสุดท้ายที่ภาพล่างขวามีดังนี้

เซียน เช่า ก๊ก กู่ สมัยของพระเจ้าไทโจ๊วกาว ฮ่องเต้ ราชวงศ์ ซ้อง (พ.ศ. 1503-1819) มาจากในวังได้รับพระราชทานเหรียญทองในการออกแสวงบุญตามที่ต่างๆ จนสำเร็จได้เป็นเซียนองค์สุดท้าย ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งยศฐาบรรดาศักดิ์ การเข้ารับราชการ และการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

เซียน ฮั่น เซียง จื้อ อยู่ในสมัยพระเจ้าถัง เต็กจง ฮ่องเต้ ราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1323-1345) ชอบทางธรรมะ เป็นรูปชายหนุ่มแต่งชุดนักพรต หรือชุดบัณฑิต เป่าขลุ่ย ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งเทพผู้พยากรณ์ หยั่งรู้และการดนตรีจินตกวี

เซียน นางฮ่อเซียนโกว หรือ นางเฮอซานกู้ เป็นหญิงสาวยืนถือใบบัวบ้างหรือบางทีก็เป็นแส้ หรือบางทีก็เป็นผลท้อ ยืนเหยียบอยู่บนเมฆ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยผงไข่มุก และแสงจันทร์ (เป็นอาหาร) และผลท้อ เป็นสัญลักษณ์แห่งความดี เป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์

เซียน น่า ไซ หัว หรือ หลัน ช่าย เหอ มีชีวิตอยู่ในแผ่นดินฉางอาน ชอบถือกระเช้าดอกไม้ (ตะกร้า) เสื้อผ้าขาดหวิ่น คาดเข็มขัดไม้ สวมรองเท้าข้างเดียว เป็นวณิพก เร่ร่อน ขอทานเลี้ยงชีพ ชอบดื่มสุรา ชอบพูดปริศนาธรรม สั่งสอนให้เป็นคนดี มีจิตใจงามไม่สนใจเงินทอง เหลือกินก็จะทิ้งตามถนน เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นเทพแห่งมวลบุปผาชาติ

เซียน เจียง กั๋ว เส้า สภาพแก่ชรา มีหนวดเคราสีขาวยาวในมือถือเครื่องดนตรี ทำจากไม้ไผ่ พร้อมที่ตี 2 อัน เรียกว่า "ยูกู" มีลาเผือกกายสิทธิ์ เป็นพาหนะ ไม่กินน้ำหรือหญ้า ชอบนั่งหันหลังไปข้างหน้าลา เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งอายุยืน และมีสุขภาพดี

เซียน ลื่อ ทง ปิน หรือ (ลู่ ถง ปิ้น) เป็นบุตรของลื่อ หวี เจ้าเมืองไฮจิ๋ว ราชวงศ์ถัง ใฝ่ธรรมตั้งแต่เยาว์ เชี่ยวชาญอักษรศาสตร์ เป็นจินตกวี นักคิด นักปรัชญา และชอบดื่มสุรา เหมือนตาหงส์ ไฝดำที่คิ้วซ้าย จมูกใหญ่ ปากกว้าง แก้มเป็นพวง คอยาวระหง เป็นสัญลักษณ์แห่งเทพรักษาโรค และเทพแห่งช่างตัดผม

เซียน ฮั่น เจง หลี หรือ หวิน ฝาง ลูกเจ้าเมืองหุนตัง ราชวงศ์ฮั่น ระหว่างปี 337-376 เป็นเซียนลักษณะอ้วน มีพุงพลุ้ย สวมเสื้อเปิดพุง ในมือถือพัดศรีษะเถิก ค่อนข้างล้าน มีขมวดปอยผม 2 ข้าง เป็นเซียนแห่งความมีอายุยืนยาว เป็นเซียนแห่งโชคลาภ

เซียน ทิ ก๋วย ลี้ หรือ หลี่ ทิง ก้วย เดิมชื่อ ลิเทียน ร่างเดิมถูกเผา ต้องอยู่ในร่างของขอทานพิการ มีไม้เท้าแข็งเหมือนเหล็ก มีน้ำเต้าวิเศษ ซึ่งบรรจุยาวิเศษรักษาได้ทุกโรค ผู้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ ผู้ทำการค้าเรื่องยาต่างๆ ให้ความเคารพยิ่งนัก

เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว ประวัติการก่อสร้างองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม นครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานพรองค์นี้ สร้างด้วยหินหยกสีขาว โดยนายเคร่ง สุวรรณวงศ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ พร้อมด้วยคณะเทศมนตรีและข้าราชการพ่อค้าประชาชนรวมทั้งสมาคมมูลนิธิหาดใหญ่ทั้ง 13 สมาคม ร่วมใจกันสร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เนื่องในอภิลักขิตมงคลสมัยที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี พระโพธิสัตว์กวนอิมแกะสลักโดยช่างชาวจีนจากมณฑลเห่ยเป่ย ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งองค์แบ่งเป็นหินหยกขาว จำนวน 8 ท่อน ขนาดความสูง 9.90 เมตร น้ำหนักโดยรวมประมาณ 80 ตัน นำขึ้นประดิษฐานบนเขาคอหงส์ ภายในสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้ทำการพิธีมหาพุทธาภิเษกและสมโภชเป็นเวลา 3 วัน ในวันพุธที่ 7 เมษายน 2540 เริ่มต้นด้วยพิธีจีน นำโดยพระคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (เย็นเต็ก) เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายจีน พิธีพุทธาภิเษกนำโดยสมเด็จพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ เป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย พร้อมพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศกว่า 200 องค์ ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิต ในวันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2540 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ได้ถวายให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นองค์ประธานดับเทียนชัยและทำพิธีเปิดผ้าแพรคลุมองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เวลา 15.39 น. และก่อนถึงเวลาที่จะทำพิธีดับเทียนชัย ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก พอเสร็จพิธีกรรมของสงฆ์ฝนได้หยุดตกอย่างเป็นที่อัศจรรย์

เทพเจ้าทั้ง 4 ทิศ เป็นเทพที่อยู่รอบๆ องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาว 4 ทิศ หันหน้าเข้าหาเจ้าแม่กวนอิม สร้างด้วยลักษณะที่สวยงามทั้ง 4 องค์ ด้านหลังแขวนระฆังรอบทั้ง 8 ทิศตามทรงของวิหาร

พระพุทธรูปบนเขาคอหงส์ ตอนที่อยู่บนเขาบริเวณลานด้านหน้าของพระพุทธรูป มองลงมาเป็นวิวสวยกว้างไกล พอลงมาที่วิหารเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวมองขึ้นไปก็เห็นพระพุทธรูปองค์สูงใหญ่เด่นตระหง่านเหมือนกัน นักท่องเที่ยวจะขึ้นมาบนเขานี้กันมากในช่วงเย็น เพราะเป็นสถานที่ที่ชมพระอาทิตย์ตกได้สวย หลังจากมืดสนิทแล้วยังได้เห็นเมืองหาดใหญ่เปิดไฟสว่างไสวทั้งเมืองอีกด้วย

บรรยากาศเขาคอหงส์ ระหว่างการรอคอยเวลาพระอาทิตย์ตกผมก็รีบเดินกลับขึ้นมาจากวิหารเจ้าแม่กวนอิมมารอชมพระอาทิตย์ตกบนเขาที่เบื้องหน้าองค์พระพุทธมงคลมหราช บรรยากาศตอนนี้จะเปลี่ยนไปจากที่มองลงไปในครั้งแรก ท้องฟ้าที่พระอาทิตย์เคลื่อนลงอย่างช้าๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มสวยงาม วิหารเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวจะปิดและไม่ให้คนเข้าไปได้อีก แต่บนยอดเขาจะปิด 2 ทุ่ม

ชมวิวพระอาทิตย์ตกสวนสาธารณะหาดใหญ่ แสงสุดท้ายที่พอจะถ่ายรูปได้ในวันนี้ก็ได้หมดลงไปอย่างช้าๆ ต่อไปก็เป็นการรอชมวิวการเปิดไฟของเมืองหาดใหญ่

วิวสวยเมืองหาดใหญ่ยามค่ำคืน เมืองหาดใหญ่นับว่าเป็นเมืองหนึ่งที่สว่างไสวมากในเวลากลางคืน แสงไฟระยิบระยับดวงเล็กๆ จำนวนมาก บนถนนก็เปิดไฟสว่างจนเห็นเป็นเส้นสีส้มยาวเหยียด

พระพุทธมงคลมหราชในคืนวันเพ็ญ พระจันทร์เต็มดวงหรือเดือนหงายส่องแสงสีนวลขาวกลางท้องฟ้า หรือหากมีโอกาสได้มาคืนเดือนมืด ถ่ายรูปพระพุทธรูปท่ามกลางดวงดาวก็อาจจะสวยไปอีกแบบ

พระพุทธมงคลมหราช ภาพสุดท้ายก่อนหมดเวลา 2 ทุ่มตรงแล้ว เจ้าหน้าที่จะมาดูแลและบอกให้นักท่องเที่ยวกลับลงเขาเพราะได้เวลาปิดสวนสาธารณะแห่งนี้แล้ว ทุกคนทยอยกลับตอนนี้จะเป็นช่วงที่ต้องรอกันหน่อย เพราะมีรถจำนวนมากจอดอยู่รอบๆ องค์พระ ต้องลงตามๆ กันเพราะถนนเล็ก

กลับลงมาถึงเชิงเขา พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อลงมาจากเขาในเวลาที่สวนสาธารณะแห่งนี้ใกล้จะปิดลงก็มาสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ซึ่งในวันนี้มีการจัดพิธีถวายพวงมาลาเพื่อลำรึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในวันครบรอบวันเสด็จสวรรคต ๑๐๐ ปี

น้ำพุ ด้านข้างของพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีน้ำพุทั้งสองข้างในเวลากลางคืนมีการเปิดไฟส่องสีชมพูสวยงามทุกคืน