ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.เชียงใหม่ 0 5324 8604, 0 5324 8607, 0 5324 8605
http://www.tourismthailand.org/chiangmai
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ด้านหน้าสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ การเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 ถึงอำเภอแม่ริมเลี้ยวซ้ายทางหลวงหมายเลข 1096 (มุ่งหน้าโป่งแยง) เส้นทางบางช่วงขึ้นเขาโค้งคดเคี้ยวแต่ไม่ไกลมากนัก รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 25 กิโลเมตร ก็จะเห็นสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อยู่ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้ามาในประตูแล้วเจ้าหน้าที่จะบอกให้จอดรถเลียบทางเพื่อไปชำระค่าเข้าชมที่ตู้เล็กๆ ใกล้ๆ กับอาคารที่เป็นกระจกรอบด้าน บนอาคารมีห้องน้ำ ร้านกาแฟ ร้านของที่ระลึกจำหน่าย มีมุมนั่งจิบกาแฟกันก่อนที่จะไปต่อก็ได้ ระหว่างที่จอดรถไปชำระค่าเข้าชมก็ถือโอกาสเก็บภาพที่สวนตรงด้านหน้าของสวนพฤกษศาตร์แห่งนี้ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปชมบริเวณโดยรอบ
รู้จักสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2536 อยู่บริเวณชายเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ทำหน้าที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลพรรณไม้ไทย เพื่อการอนุรักษ์ ขยายพันธุ์ ศึกษาวิจัย และการบริการให้ความรู้ทางด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอันมีค่าของประเทศ รวมทั้งทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการการศึกษาและทัศนนิเวศน์ ปี พ.ศ.2537 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาต ให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์สากลแห่งแรกของประเทศไทยแห่งนี้ว่า "สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์"
ปัจจุบันสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ทำหน้าที่หลัก 4 ประการคือ
1. เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุ์ไม้ไทย เป็นศูนย์รวบรวมพันธุ์ไม้ไทยและต่างประเทศนานาชนิด ได้มีการรวมพันธุ์ไม้รูปแบบต่างๆ เพื่อความสวยงามและให้ความรู้ทางวิชาการ
2. เป็นแหล่งศึกษาทางธรรมชาติและแหล่งข้อมูลพฤกษศาสตร์
3. เป็นศูนย์รวมตัวอย่างพรรณไม้แห้งสำหรับงานศึกษาทางอนุกรมวิธาน
4. เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน
สวน 77 พรรษา เมื่อชำระค่าเข้าชมแล้วเราสามารถที่จะเลือกเดินทางด้วยการขับรถชมบริเวณโดยรอบสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เองตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่จะมีแผนที่ให้ หรือเลือกที่จะนั่งรถนำเที่ยว ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยบรรยายให้ความรู้ตลอดเส้นทาง จากประตูที่เราเข้ามาขับเวียนขวาไปตามแผนที่จะพบกับจุดแรกเรียกว่าเส้นทางเศวตพิมาน เป็นแปลงรวมพันธุ์ไม้ดอกขาว (White flowers collection) ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางหน้า สวนพฤกษศาสตร์ฯ ไปยังกลุ่มอาคารเรือนกระจก มีพื้นที่ประมาณ 40 ไร่ เป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงพันธุ์ไม้ดอกขาว ที่สวนพฤกษศาสตร์มีแผนจะจัดปลูกไว้ประมาณ 300 ชนิด ขณะนี้ได้จัดปลูกไปแล้วจำนวน 120 ชนิด ทำให้ท่านสามารถเข้าชมความงามของพันธุ์ไม้ดอกขาวได้ตลอด ทั้งปี
ถัดจากเศวตพิมานตรงขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็จะถึง สวน 77 พรรษา มีลานจอดรถเล็กๆ มีแปลงดอกไม้หลายแปลงเป็นสวนสำหรับพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี มีศาลาหลายหลัง ทิวทัศน์ของเทือกเขาสวยงาม ในการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ฉลองพระชนมพรรษา 72 พรรษา สวนแห่งนี้เป็นลานต้นขวด มีต้นขวดจำนวนมากในพื้นที่ 5 ไร่ ต้นขวด (Queensland Bottle Tree) ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ต่างประเทศมีรูปทรงอวบอ้วนตรงกลาง และมีคอคอดด้านบน คล้ายขวด มีสถานภาพเป็นไม้เฉพาะถิ่น พบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ต้นขวดเมื่อโตเต็มที่จะสูงถึง 18-20 เมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ถึง 2 เมตร ต้นแก่ที่มีอายุ 5-8 ปีขึ้นไปมีลำต้นสีเทา
ดอกไม้สวยในสวน 77 พรรษา ปัจจุบันสวน 77 พรรษา มีไม้ดอกไม้ประดับ และสมุนไพรบางชนิดปลูกเป็นแปลงเล็กๆ จำนวนหลายแปลงอย่างสวยงาม มีเนินสำหรับเดินขึ้นไปชมภาพมุมสูงได้ด้วย ดอกไม้สวยๆ เหล่านี้ได้แก่ ผีเสื้อ เข็มอินเดีย มีต้นมะเชือการ์ตูน ที่มีผลสีเหลืองน่ารักๆ รูปร่างแปลกด้วยครับ
วิวสวยในสวน 77 พรรษา
มะเขือการ์ตูน เป็นพืชที่มีผลรูปร่างประหลาด ปกติยังไม่เคยเห็นใครเอามาทำอาหาร ส่วนใหญ่จะเห็นปลูกเป็นไม้ประดับบ้าน
กลุ่มอาคารเรือนกระจก หลังจากที่ได้ชมสวน 77 พรรษา ใช้เวลาพักผ่อนกันพอสมควรแล้วคราวนี้ก็เดินทางต่อไปตามเส้นทางในแผนที่ จะมาถึงโซนที่เรียกว่า กลุ่มอาคารเรือนกระจก (Glasshouse Complex) กลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ ประกอบด้วยเรือนกระจก 12 โรงเรือน ภายในจัดปลูกตกแต่งพรรณไม้ไว้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะพรรณไม้หายากและมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เป็นสถานที่ที่นักวิชาการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ทั้งผู้สูงอายุ และเด็กๆ สามารถเข้าเที่ยวชม เรียนรู้สัมผัสคุณค่าและความงดงามของพรรณไม้ได้ตลอดทั้งปี ทุกฤดูกาล
เรือนกระจก เป็นโรงเรือนที่ได้รับการจัดสร้างขึ้น เพื่อให้เป็นสถานที่จัดแสดงพืชภายใน มีการจัดปลูกและตกแต่งด้วยพืช ประเภทเดียวกันชนิดต่างๆ ให้อยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด สามารถควบคุมความชื้น แสงหรืออุณหภูมิ ได้ในระดับหนึ่ง ให้ใกล้เคียงกับสภาพ ธรรมชาติที่พืชต้องการ
วัสดุที่ใช้เป็นโครงร่างของอาคารต่าง ๆ จะเป็นโลหะผสม ที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ และไม่เป็นสนิมสามารถรับน้ำหนักได้มาก และมีความยืดหดตัวได้สูง กระจกที่ใช้ก็เป็นกระจก แบบพิเศษหนา 3 ชั้น สามารถกรองแสงและถ่ายเทระบายความร้อนได้ดี
นอกจากนี้ยังมีม่านพรางแสงที่ปรับเปิดเลื่อนได้ด้วยมือหมุน และระบบระบายอากาศ แบบเรียบง่าย โดยการเปิดกระจกด้านข้างได้ทุกมุมและหลายระดับ พื้นล่างรองไว้ด้วยดิน ผสมที่มีความลึกถึง 2 เมตร และรองใต้ดินด้านล่างอีกชั้นหนึ่งด้วยท่อระบายน้ำ แบบก้างปลาเพื่อไม่ให้น้ำขัง
กลุ่มอาคารเรือนกระจกของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ประกอบด้วยเรือนกระจก 3 แบบคือ
1). เรือนกระจกใหญ่ หรือเรือนแสดงไม้ป่าดิบชื้น
2). เรือนกระจกขนาดกลาง
3). เรือนแสดงพรรณไม้ทั่วไป
สวนหย่อมหน้าอาคารเรือนกระจก บริเวณสวนด้านหน้าของกลุ่มอาคารเรือนกระจกจะตกแต่งสวนอย่างสวยงาม ทั้งไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด มีน้ำพุขนาดใหญ่ ในบางเวลาจะสามารถมองเห็นรุ้งบนละอองน้ำพุอย่างสวยงาม
นาฬิกาดอกไม้ จุดเด่นอย่างหนึ่งของสวนแห่งนี้ก็คือนาฬิกาขนาดใหญ่ท่ามกลางดอกไม้หลายชนิด และนาฬิกาเรือนนี้ก็เดินบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรง หมุนได้จริงๆ เป็นจุดหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันได้นานหลายนาที ก่อนที่จะเดินเข้าไปในเรือนกระจก
จุดชมวิวประดับกล้วยไม้ ด้านตรงข้ามกับกลุ่มอาคารเรือนกระจกมีระเบียงสำหรับชมวิวเทือกเขา โดยประดับด้วยกล้วยไม้หลายชนิดสำหรับเป็นฉากในการถ่ายรูปสวยๆ
บัวเซนต์หลุยส์โกลด์ เป็นบัวที่เข้ามาในไทยเมื่อปี พ.ศ. 2514 เป็นบัวผันลูกผสมของสหรัฐอเมริกา เห็นแบบนี้แล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าเรื่องราวของบัวก็มีความเป็นมาที่ยาวนานและน่าสนใจได้ถึงขนาดนี้ นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่สามารถเอามาให้ชมกันเป็นตัวอย่างเพราะทั้งหมดในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ คงไม่สามารถทำได้บนหน้าเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวแน่ๆ ครับ
บัวและพืชประเภทไม้น้ำเหล่านี้จะอยู่ในเรือนกระจกเดียวกัน มีการแบ่งโซนของพืชเหล่านี้อย่างลงตัวในอาคารหลังเดียวกัน โดยที่บัวเป็นพืชที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด
บัวบา ชื่อเป็นบัว ตัวแอบคล้าย... เป็นคำกล่าวหมายถึงบัวบา พืชน้ำที่มีลักษณะทั่วไปคล้ายกับบัว ชื่อพฤกษศาสตร์ Nymphoides มีความหมายว่าคล้ายกับสกุล Nymphaea (บัวสาย) ซึ่งสอดคล้องกับชื่อที่คนไทยใช้เรียกว่าบัวบาด้วย ตามหลักวิชาการจัดให้บัวบาอยู่ในวงศ์ Menyanthaceae เนื่องจากมีโครงสร้างของดอกที่แตกต่างจากบัวแท้โดยสิ้นเชิง บัวบาจะมีสีขาวแต่ก็มีบัวบาดอกเหลือง หรือบัวมะลิวัลย์ ที่มีสีเหลืองทั้งดอก บัวสายติ่ง หรือบัวบาขาวเล็ก ก็มีลักษณะคล้ายกัน
เรือนกระจกสวนพฤกษศาสตร์ เมื่อเดินทะลุเรือนกระจกไม้น้ำออกมาอีกประตูหนึ่งจะมองเห็นเรือนกระจกจำนวนมากมายเรียงกันขึ้นไปตามเนินเขา เรือนกระจกแต่ละหลังจะมีพืชชนิดต่างๆ กันไป โดยจัดให้เป็นหมวดหมู่ มีทั้งผักสวนครัว สมุนไพร ไปจนถึงไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ กลุ่มอาคารเรือนกระจกนับเป็นไฮไลท์ของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ บางครั้งนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่ก็จะเพลิดเพลินอยู่ในเรือนกระจกต่างๆ เหล่านี้จนหมดเวลาและต้องเดินทางกลับโดยไม่ได้ชมส่วนอื่นๆ
สวนกุหลาบ เดินตามทางเดินขึ้นเนินมาเรื่อยๆ มองเข้าไปในเรือนกระจกหลายหลังเรียงรายต่อกัน กำลังคิดว่าจะเข้าอาคารไหนดี ก็เดินมาสะดุดอยู่ที่ร้านชาร้านนี้ซะก่อน เห็นว่าเป็นร้านขายชาแต่เป็นชากุหลาบซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน น้ำชากุหลาบมีกลิ้นหอมกุหลาบแบบที่ชาทั่วไปไม่มี หากสนใจจะซื้อมาเป็นของฝากก็มีขายกันที่นี่เลยครับ ร้านชากุหลาบอยู่ที่หน้าแปลงกุหลาบทางเดินเข้าไปมีซุ้มแขวนด้วยช่อกุหลาบขนาดใหญ่อย่างสวยงาม เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมากอีกจุดหนึ่งของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โดยเฉพาะคนที่มากันเป็นคู่ จะมาถ่ายรูปในสวนกุหลาบนี้เป็นเวลานานพอสมควรทีเดียวครับ แปลงกุหลาบที่นี่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากอย่างที่คิด แต่เป็นแปลงยาวๆ 2 แถวขนานกันมีทางเดินตรงกลาง และมีการจัดวางม้านั่งไว้ให้ถ่ายรูปสวยๆ กลับไปด้วยความประทับใจ แปลงกุหลาบขนาดไม่ใหญ่มากแปลงนี้มีความพิเศษคือกุหลาบที่ปลูกไว้ล้วนแล้วแต่เป็นพันธุ์ที่หาชมยาก มีความสวยงามมาก ขนาดของดอกใหญ่มาก ขนาดใหญ่เท่าหน้าคนก็ว่าได้
กุหลาบสวย กุหลาบนับเป็นพืชไม่กี่ชนิดที่ไม่ได้ปลูกไว้ในเรือนกระจก เพราะสภาพอากาศภายนอกนั้นก็สามารถปลูกกุหลาบได้แล้ว แปลงกุหลาบอยู่ใกล้กับลานจอดรถ ลานที่ 2 ของเรือนกระจก (พอจอดรถปุ๊บก็ถึงแปลงกุหลาบเลย ส่วนพวกเราจอดรถอีกลานหนึ่งจึงต้องเดินมาตั้งแต่สวนน้ำพุด้านหน้า) การที่ปลูกอยู่นอกเรือนกระจกก็ทำให้เราจัดมุมหาฉากสวยๆ ที่จะมาถ่ายรูปกุหลาบเหล่านี้ได้ดีกว่าในเรือนกระจก
กุหลาบสวย แปลงกุหลาบแห่งนี้มีกุหลาบสวยๆ หลายสายพันธุ์ ได้แก่
จัสท์โจอี้ กุหลาบสายพันธุ์ผสมมีสีส้มอ่อนจนถึงโอรส ปลายกลีบจะหยัก ถ้าบานเต็มที่จะคล้ายๆ ดอกคาร์แนชั่น
แบ็คที ต้นทรงพุ่มสูง ใบเขียวเข้มดอกตูมเรียวยาว กลีบดอกใหญ่ ดอกตูมมีสีน้ำตาลเมื่อบานดอกสีแดงอมน้ำตาลกลีบดอกซ้อนแน่น ปลายกลีบโค้งหยัก
จุฬาลงกรณ์ พุ่มสูงใบใหญ่ขนาดดอกเดี่ยวบานเป็นรูปถ้วย กลีบดอกสีชมพูอมม่วงซ้อนกันแน่น ปลายกลีบหยัก กลิ่นหอมมาก ด้านประวัติ เจ้าดารารัศมีพระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปลูกกุหลาบในบริเวณพระตำหนักดาราภิรมณ์ ที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
อิมเพเทียน ดอกสีส้มอมชมพูโดดเด่น ใครได้เห็นเป็นต้องหลงใหลดอกค่อนข้างใหญ่น่าจับต้อง
ซันแฟลร์ ชื่อฟังดูเหมือนตะวันออก ดอกเป็นพวงสีเหลือง มักแรียก "กุหลาบแปลงตะวัน" สวยน่าชมดุจแสงอรุโณทัย
มองเชรี ใบสีเขียวเข้ม ดอกเมื่อบานเต็มที่กลีบดอกวงนอกจะเป็นสีแดงเข้มที่ปลายกลีบ ดอกวงในเป็นสีชมพูแดงเรื่อ
แฟลเซอร์โกลด์ ต้นทรงพุ่ม ใบเขียวเข้มเป็นมัน ดอกตูมเรียวยาว กลืบดอกใหญ่ เพียงใส่ใจตัดแต่งกิ่งปีละครั้ง เจ้าแฟลเซอร์โกลด์จะเบ่งบานดอกกลีบเหลืองให้เชยชม
ซิลเดอเรลลา ทรงพุ่มสูง 50-60 ซม. แตกกิ่งก้านมาก ใบขนาดเล็ก สีเขียวเข้มหนาเป็นมัน ดอกเป็นช่อแน่น ออกตามปลายกิ่ง ดอกตูมไข่ ดอกบานมีขนาด 1-3 ซม. กลีบดอกมีสีขาวถึงขาวครีม โคนกลีบสีเหลืองครีม เมื่อบานนานขึ้นจะมีสีชมพูเรื่อๆ
กุหลาบควีนสิริกิติ์ อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ดอกกุหลาบในแปลงกุหลาบสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์มีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ จนไม่สามารถเอารูปมาให้ชมกันได้ทุกดอก แต่มีอยู่ดอกหนึ่งที่จะไม่นำมาให้ชมก็คงไม่ได้ นั่นก็คือกุหลาบพันธุ์ควีนสิริกิติ์ ซึ่งในวันนั้นมีบานให้เห็นเพียงดอกเดียว ควีนสิริกิติ์เป็นกุหลาบดอกมีกลิ่นหอม นายอองเดร อองดริก เป็นผู้ตั้งชื่อตามพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในเอกสารบันทึกไว้ว่า "พระราชินีแห่งประเทศไทยทรงพระสิริโฉมเป็นเสน่ห์แบบตะวันออก"
ป่าดิบชื้น เรือนกระจกในสวนพฤกษศาตร์ ได้จำลองสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพรรณไม้มากมายหลายชนิด หลายแบบ มีพืชน้ำ ไปจนถึงพืชทนแล้วอย่างกระบองเพชร แม้แต่ป่าดิบชื้นซึ่งมีความชื้นสูง และมีแสงส่องลงมาได้น้อยก็ยังมีจำลองเอาไว้ในเรือนกระจกทรงสูง เป็นเรือนกระจกที่สูงที่สุดในนี้ มีการสร้างน้ำตกจำลองที่สูงถึง 3 เมตร ละอองน้ำจากน้ำตกกระจายไปทั่วบริเวณ พิชหลายชนิดที่พบได้เฉพาะในป่าดิบชื้นสามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีในเรือนกระจก เสมือนว่าเป็นป่าจริงๆ ทีเดียว
พืชบางชนิดในป่าดิบชื้น นอกเหนือจากต้นไม้ขนาดใหญ่ ก็มีพืชอีกหลายชนิดที่ออกดอกสวยงามได้ในป่าดิบชื้น จะออกดอกตามฤดูกาลในเรือนกระจกแห่งนี้ อย่างเช่น
เอื้องหมายนาช่อดอกแดง
ระย้าแก้ว (ภาพขวา) ไม้พุ่มสูง 1-1.5 เมตร ใบเดี่ยวออกตรงข้าม ดอกสีขาว ออกเป็นช่อห้อย ยาว 20-30 ซม. ดูสวยงามสะดุดตา ผลรูปกลมเมื่อสุกมีสีดำ
กระทือพิลาส พืชล้มลุกมีเหง้าใต้ดิน สูงถึง 2 เมตร ใบเดี่ยว รูปรี เรียงสลับในแนวระนาบ ดอกสีเหลืองแกมเขียว มีประสีน้ำตาลดำ โดยมีกลับประดับสีเหลืองแกมเขียว เรียงซ้อนเป็นข่อดอก ดูสวยงามแปลกตา
พืชทนแล้ง อยู่ใกล้ๆ กันกับทางเข้าเรือนกระจกใหญ่ป่าดิบชื้น ชื่อเรือนพืชทนแล้งก็บอกในตัวอยู่แล้วว่าจะได้พบกับต้นกระบองเพชรกันเป็นจำนวนมาก กระบองเพชรเหล่านี้มีหลากหลายสายพันธุ์แตกต่างกันทั้งขนาดและรูปร่าง กระบองเพชรหลายสายพันธุ์มาจากต่างประเทศนับเป็นสถานที่ศึกษากระบองเพชรที่ดีแห่งหนึ่งเพราะมีหลายต้นที่หาชมกันได้ยาก ส่วนภาพล่างขวาเป็นบรรยากาศของเรือนกระจกกล้วยไม้และเฟิร์นซึ่งอยู่ติดกันกับเรือนพืชทนแล้ง
กล้วยไม้สวย ภาพรวมกล้วยไม้หลากหลายชนิดแบบสวยๆ มีอยู่ในเรือนกระจกหลังนี้เป็นจำนวนมาก เอามาให้ชมกันบางส่วนครับ เนื่องจากกล้วยไม้ในเรือนกระจกมีมากมายหลายสีหลายพันธุ์ เรือนกระจกหลังนี้จึงเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้เข้ามาถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ที่จัดไว้อย่างสวยงามด้วย
กล้วยไม้สวย ภาพกล้วยไม้อีกชุดหนึ่งจากสวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ตึกอำนวยการ นอกเหนือจากเส้นทางเศวตพิมาน สวน 77 พรรษา เรือนกระจก ที่ได้เอามาให้ชมกันแล้ว ในสวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายหลายอย่างได้แก่ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ เส้นทางวัลยชาติ เส้นทางสวนรุกขชาติ เรือนรวมพรรณกล้วยไม้ไทย ซึ่งมีพรรณไม้มากมายหลายอย่างให้ชมกันแบบเดินไม่ไหวกันเลยทีเดียว เส้นทางขับรถชมสวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จะพาเรากลับมายังตึกอำนวยการแห่งนี้ซึ่งเป็นประตูทางเข้า-ออก สวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
น้ำตกแม่สาน้อย น้ำตกที่สวยงามในสวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อยู่ด้านหน้าตึกอำนวยการ มีทางเดินลงไปชมน้ำตกแบบใกล้ๆ น้ำตกแม่สาน้อยไหลลงมาจากผากว้างและสูงมาก เป็นชั้นเล็กชั้นน้อยมากมายสวยงาม จบการนำเที่ยวสวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ไว้เท่านี้ก่อนครับ หากมีเวลามากกว่านี้คงได้เข้าไปชมโซนอื่นๆ ที่ยังมีอยู่อีกมากมายจริงๆ
"ชวนพี่ๆ เที่ยวงาน Botanic Festival 2018 ภายใต้ชื่องาน “Colourful Garden” ระหว่างวันที่ 23 ธันวาคม 2560 - 2 มกราคม 2561 ตั้งแต่เวลา 07.30 - 18.00 น. ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ภายในงานจะได้พบกับกิจกรรมมากมาย เช่น พันธุ์ไม้หลากสี , กล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ , ตะลุยหรรษาป่าดิบชื้น , ราชินีแห่งพรรณไม้น้ำ , กุหลาบหอมหวนสวนแห่งรัก , มหัศจรรย์พรรณไม้กินแมลง , สมุนไพรใกล้ตัวเพื่อสุขภาพ รวมทั้งได้เพลิดเพลินไปกับบทเพลงบรรเลงในสวน ชวนชิมลิ้มลองอาหารหลากรส สินค้าชุมชน สินค้าของที่ระลึก ตลอดจน กิจกรรมภายใต้ซุ้มนิทรรศการจากหน่วยงานต่างๆ ชมการจัดแต่งสวนสีสันพรรณไม้ อาทิ สวนชนบทสไตล์ยุโรป สวนสีสันตะวันออก สวนสีสันหุ่นไล่กา อากาศเย็นๆ เที่ยวงานสนุกๆ ห้ามพลาดนะเจ้า ^^
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ โทรศัพท์ 0-5384-1234, 0-5384-1023 และ Facebook สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
#gonorththailand"
Akkasid Tom Wisesklin
2017-12-26 16:07:57
5/5 จาก 1 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ