ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานชุมพร 0 7750 1831-2 , 0 7750 2775-6
http://www.tourismthailand.org/chumphon
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
มุ่งหน้าสู่เกาะพยาม อีกครั้งหนึ่งของการเดินทางมายังเกาะในฝันของใครหลายๆ คน ที่อยากจะมาให้ได้สักครั้งหนึ่ง ชื่อเกาะพยาม จนหลายๆ คนเริ่มจะเรียกกันว่า เกาะพยายาม ไปแล้ว เพราะตั้งใจจะมาหลายๆ ครั้ง จึงได้มาสักครั้งหนึ่ง จากตัวเมืองระนอง นั่งรถมาที่ท่าเรือทางเดียวกันกับสะพานปลา ที่ท่าเรือมีเรือหลายประเภทหลายเจ้าให้บริการ ใช้ราคามาตรฐานเดียวกันหมด สมัยที่เกาะแห่งนี้ยังไม่ดังมากจำได้ว่ามีเรือเมล์ราคา 60 บาท แต่ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว การจะไปเที่ยวเกาะพยามมันต้องมีการวางแผนนิดนึง เพราะมีเงื่อนไขหลายอย่าง ได้แก่ เวลาเรือออกจากฝั่ง เที่ยวแรก 7 โมงเช้า ถ้าพลาดต้องไปเที่ยว 9.30 น. เวลาในการเที่ยวหายไป 2 ชั่วโมงครึ่ง ทีแรกไม่ได้สนใจอะไร แต่พอไปถึงเกาะแล้วถึงได้รู้ว่าเวลามันมีค่ามาก เพราะธรรมชาติน้ำขึ้นน้ำลง ทำให้มันสวยเฉพาะบางเวลาเท่านั้น เรือออกจากท่ามุ่งหน้าสู่ท้องทะเลกว้างใหญ่ เราจะเห็นโรงงานและท่าเรือเรียงรายกันอยู่เยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นการขนส่งถ่านที่เผาจากไม้โกงกาง เป็นถ่านคุณภาพดีที่ต่างประเทศต้องการ บางส่วนเราส่งไปถึงเยอรมันเลยนะทำเป็นเล่นไป
ภาพบนขวา คือเกาะสอง ประเทศเมียนมาร์ ที่เราจะมองเห็นระหว่างนั่งเรือไปเกาะพยาม ออกจากฝั่งแค่ 10 นาทีก็เริ่มมองเห็นแล้ว
ภาพล่างขวา เกาะช้าง ใช้เวลา 30 นาทีบนเรือสปีดโบ๊ท เราก็มาถึงเกาะช้าง เป็นเกาะที่เพิ่งเปิดให้เข้ามาเที่ยว ตอนนี้คนไทยยังไม่ค่อยมีแต่ฝรั่งหลายคนที่นั่งเรือมากับเราจะลงที่เกาะช้างเกือบหมด เกาะที่เงียบสงบยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายนัก ทุกอย่างสะอาดยังกับเกาะสวรรค์ เป็นเกาะที่เราตั้งใจว่าจะมาในทริปต่อไป
ท่าเรืออ่าวแม่ม่าย เกาะพยาม 10.20 น. เรือของเราจอดเทียบท่าเรียบร้อย สะพานท่าเรือยื่นเข้ามาในทะเลเป็นร้อยเมตร จากจุดนี้จะต้องเดินไปที่ฝั่ง ระหว่างนั้นสิ่งที่ทุกคนทำเหมือนๆ กัน คือการถ่ายรูป ด้านขวามือของเรามองไปเห็นสะพานยื่นไปในทะเล 2 สะพาน เป็นท่าเรือ กับสะพานของวัดเกาะพยาม มีวิหารทรงกลมอย่างกลางทะเล บนวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรสีทอง นับเป็นสถานที่หนึ่งที่ทุกคนจะไปกัน
บลูสกายรีสอร์ท เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ใครๆ ก็จะมาถ่ายรูปกัน แม้ว่าจะได้พักหรือไม่ได้พักที่รีสอร์ทแห่งนี้ก็ตาม ว่ากันว่าเป็นบริเวณที่สวยที่สุดของเกาะพยาม ถ้าจะให้เราฟันธง คงจะยังฟันธงไม่ได้ เพราะที่ไปมา 2 ทริป ยังไม่ทั่วเกาะพยามเลย แต่ถ้านับสถานที่หลักๆ ที่คนจะเลือกไปกันเวลามาเกาะพยาม บลูสกายรีสอร์ทถือว่าสวยมาก แต่จะเข้าไปถ่ายในบริเวณบ้านพักไม่ได้ ต้องถ่ายอยู่นอกๆ เท่านั้น ท่าเรือที่เรือจอดอยู่ระหว่างกลางของบลูสกายรีสอร์ทกับวัดเกาะพยาม ระยะทางเท่าๆ กันเลย
ที่เที่ยวบนเกาะพยาม เกาะเล็กๆ ขนาดประมาณ 7 x 5 กิโลเมตร (35 ตารางกิโลเมตร) ล้อมรอบไปด้วยอ่าวสำคัญๆ ได้แก่
อ่าวแม่ม่าย ที่เราจอดเรือ
อ่าวทับอวน อยู่ทางตะวันออกสุด (แผนที่เค้าเอาด้านตะวันตกขึ้นบน)
อ่าวใหญ่ เป็นอ่าวที่ใหญ่ที่สุด รีสอร์ทเยอะ คนเยอะสุด แต่ก็ยังไม่อึกทึกมากมาย
อ่าวเขาควาย โค้งเข้าหากันเหมือนเขาควาย
อ่าวกวางปีบ เป็นอ่าวเล็กๆ เข้าถึงยาก คนไปน้อย แต่ถ้าชอบสงบก็โอเค
อ่าวหลายๆ อ่าวที่อยู่ติดๆ กับอ่าวแม่ม่าย ได้แก่ อ่าวไผ่ อ่าวหินขาว อ่าวมุก อ่าวโกเกียว ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่าไหร่ สำหรับทริปที่มาค้างบนเกาะคืนเดียวอาจจะเที่ยวไม่ทั่ว ถ้าอยากจะให้คุ้มกับการมาเกาะพยาม ต้องมาเรือ 7 โมง กลับ 4 โมงเย็น จะได้มีเวลาบนเกาะเยอะหน่อย
เดินทางเที่ยวเกาะพยาม การเดินทางบนเกาะ มีร้านให้เช่ามอเตอร์ไซค์ ในกรณีที่มาเป็นกลุ่ม ต้องจัดหาคนขี่ให้เท่ากับคนซ้อน ถ้ามีคนขี่ไม่เป็นมากกว่าคนขี่เป็นจะเรื่องใหญ่ คงต้องหามอเตอร์ไซค์รับจ้างมาเสริม เรื่องราคาเขียนไว้อย่างละเอียดแล้วข้างบน บางร้านให้วันละ 150 ไม่รวมน้ำมัน บางร้านให้ 200 รวมน้ำมัน อะไรทำนองนี้ต้องไปถามๆ ดู
อีกวิธีหนึ่งคือการนั่งรถอีแต๊ก เหมาะสำหรับคนขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นและอยากไปไหนแบบเป็นกลุ่มไม่ต้องกังวลเรื่องเพื่อนหลง เพื่อนหาย ฯลฯ สนุกด้วยกันเป็นกลุ่มแต่ไปได้ช้าหน่อย รถอีแต๊กบริการ นั่งได้ประมาณ 10 คน ราคา 3 ชั่วโมง 500 ติดต่อที่ลุงจง 086-2748879
ส่วนตัวอย่างของถนนบนเกาะพยาม เอามาให้ชมบางส่วน มันจะเป็นทางคอนกรีตมีหลุมบ้างประปราย บางช่วงเป็นสะพานแคบๆ รถสวนกันได้แบบเสียวๆ ขี่ไม่แข็งคงจะอันตราย ช่วงขึ้นเนินลงเนินประปรายบนเกาะ
ภาพบนขวา เป็นอนามัยของตำบลเกาะพยาม สถานพยาบาลหนึ่งเดียวบนเกาะ อยู่ใกล้ๆ กับท่าเรืออ่าวแม่ม่าย จำให้แม่นนะครับ
Viewpoint Restuarant ขี่มาตามถนนจากท่าเรือ แถวๆ อนามัยเกาะพยาม จะเห็นป้ายเขียนว่า Viewpoint อยู่ซ้ายมือ เลี้ยวไปตามทางผ่านสะพานข้ามป่าชายเลน ขึ้นเขาไปอีกหน่อยทางมาสุดอยู่ที่ร้านอาหารวิวพอยต์นี่แหละ มีห้องพักให้บริการด้วย ร้านเค้าเป็นลักษณะระเบียงพอนั่งจิบกาแฟ ได้หลายโต๊ะอยู่ แล้วก็มีสระว่ายน้ำสำหรับลูกค้าที่มาพักที่นี่ แต่ดูค่อนข้างเงียบเหงา คงเพราะวิวไม่ค่อยสวยสมชื่อ แต่ฝรั่งคงจะชอบเพราะสงบดี
ชมวิวอ่าวแม่ม่าย ลงมาจากเขา Viewpoint เลี้ยวขวาไม่กลับออกไปทางเดิม ถนนจะพาเรามาโผล่ที่สะพานข้ามไปยังบลูสกาย รีสอร์ท ถ้าเรามาเรือเที่ยว 9.30 น. เรามาถึงที่นี่เกือบ 11 โมง ในช่วง มีนาคม - เมษายน เป็นช่วงเวลาน้ำขึ้น ให้รีบมาที่บลูสกายก่อน เพราะน้ำจะขึ้นแค่ไม่กี่ชั่วโมง แล้วก็ลงรีสอร์ทแห่งนี้เวลาน้ำลงจะไม่สวยเท่าตอนมีน้ำ สะพานข้ามไปบลูสกายมีสะพานเก่าๆ สร้างขนานกันเอาไว้ ตอนนี้ก็เลิกใช้ไปเรียบร้อย
บลูสกายรีสอร์ท ด้านในรีสอร์ท มีน้ำทะเลไหลเข้าไปลึกหลายร้อยเมตร มีป่าโกงกางสวยงาม น้ำทะเลใสๆ ทำให้ให้บ้านพักดูสวย เวลาน้ำลงที่นี่จะเป็นทรายปนๆ กับเลน หลายคนก็บอกไม่สวย นี่แหละเงื่อนไขการเที่ยวบนเกาะพยาม คือเกาะนี้ไม่ได้สวยทั้งวัน จะเที่ยวถ่ายรูปตอนสวยต้องรีบๆ หน่อย ลักษณะของที่พักที่นี่ทำให้หลายคนเรียกว่า มัลดีฟเมืองไทย เหมือนกับอีกหลายๆ ที่หลายๆ จังหวัด
มัลดีฟ เกาะพยาม ระนอง ในฐานะของคนที่มาเที่ยวเกาะพยามแต่ไม่ได้นอนที่บลูสกาย แต่อยากได้ภาพสวยก็ต้องมารอให้คนในรีสอร์ทออกมาพายเรือเล่น จะได้มีเรื่องราวในภาพ นักเดินทางหลายคนคงรู้ดีว่าการจะพักที่รีสอร์ทนี้ต้องใช้เงินมากและจองล่วงหน้านานนิดนึง สำหรับเรื่องค่าที่พักที่นี่ขอไม่เขียนถึงละกัน ลองหาๆ ดูที่เว็บของรีสอร์ทดีกว่านะ
เกาะพยามซีฟู๊ด เวลาผ่านไปเกือบๆ ชั่วโมง หลังจากไปได้แค่ 2 ที่ ก็เริ่มหิว จากบูลสกายข้ามสะพานมาเลี้ยวขวา จะกลับมาที่ท่าเรืออ่าวแม่ม่ายที่เรามานั่นแหละ ตรงนี้มีร้านอาหารเยอะมากเรียงกันให้เลือกตามใจชอบ แต่ถ้าจะให้แนะนำก็ต้องเป็นร้านนี้ เกาะพยามซีฟู๊ด มา 2 ครั้งก็กิน 2 ครั้ง อาหารอร่อย ราคาชาวเกาะ ที่เราควรต้องเตรียมใจเอาไว้ ขนาดน้ำขวดก็ยังต้องแพงกว่าบนฝั่ง แต่จะว่าไปก็ไม่ถึงกับแพงเวอร์ 10 คน ก็น่าจะ 2000 อยู่ ขึ้นกับรายการอาหารที่เราสั่งไป
เกาะพยามซีฟู๊ด มีอาหารอร่อยหลายรายการ แต่ที่ชอบที่สุดคือภาพล่างขวา เป็นต้มโคล้งรสจัดจ้านกำลังดี ซดคล่องคอดีนักแล
ศาลาชมวิว ร้านอาหารนี้ตั้งอยู่ริมหาดทราย ด้านซ้ายมือเราเป็นสะพานท่าเรือ ส่วนหน้าหาดจะจอดเรือหาปลาของชาวบ้านเกาะพยาม แล้วก็เรือรับส่งนักท่องเที่ยวที่รอเวลาจะมารับคนไปส่งที่ฝั่ง
ไข่มุก พนักงานต้อนรับของร้านเกาะพยามซีฟู๊ด อากาศร้อนๆ มันชอบลงมาแช่บ่อน้ำเล็กๆ ของร้าน เป็นหมาตัวเล็กขี้เล่น ชอบเล่นกับแมว มันทำให้เราต้องเสียเวลาถ่ายรูปมันนานเหมือนกันนะ
ละมัยรีสอร์ท อีกร้านหนึ่งที่แนะนำสำหรับเป็นที่พักเติมพลังให้นักเดินทางบนเกาะพยาม ทริปที่ 2 ที่ใช้บริการรถอีแต๊กของลุงจง แกพาเรามาที่นี่ เป็นร้านอาหารและรีสอร์ท ชื่อละมัย รีสอร์ท อยู่บนเขาไม่ไกลจากท่าเรือเท่าไหร่ แต่ถ้ามาด้วยรถอีแต๊กก็ใช้เวลาพอสมควร รีสอร์ทนี้วิวดี มองเห็นอ่าวแม่ม่าย อ่าวเขาควาย อ่าวใหญ่ แล้วแต่ว่าจะเลือกหลังไหน เพราะหันหน้าไปคนละด้าน รู้สึกสวยกว่า Viewpoint ที่ขึ้นไปตอนแรกเยอะเลย จากท่าเรือขี่ตามทางมาเรื่อยๆ จะเห็นป้ายละมัยรีสอร์ทใหญ่ๆ สีเหลืองแดง อยู่ซ้ายมือ ไหนๆ ก็มากินข้าวที่นี่แล้วเลยขอดูห้องพักซะหน่อย ถือว่าใช้ได้เลย วิวดี ห้องดี ราคา 800 บาท
ติดต่อสอบถาม โทร 083-3886338 www.lamaipayam.com
จุดชมวิวเกาะพยาม ตั้งให้เลยว่า ละมัยรีสอร์ท เป็นจุดชมวิวมุมสูงที่ดีแห่งหนึ่งของเกาะพยาม ด้านร้านอาหาร มองเห็นอ่าวแม่ม่าย และบลูสกายรีสอร์ทได้ชัดเลย มองเห็นท้องทะเลที่กว้างใหญ่ระหว่างการกินอาหารที่อร่อยราคายุติธรรม สมแล้วที่ลุงจงแนะนำมา (ที่จริงเจ้าของร้านคือน้องสาวลุงจงเอง แต่อร่อยและราคาใช้ได้จริงๆ นะ)
รายการอาหาร ละมัยรีสอร์ท ตัวอย่างอาหารที่เราสั่ง ซึ่งที่จริงยังมีอีกหลายรายการ แต่รายการที่เลือกๆ มาให้ชมนี่ อร่อย น่าสั่ง ต้มยำอาจจะอ่อนไปนิดคงทำรสฝรั่งจนชิน
แว้นรอบเกาะ เอาละหลังอาหารเที่ยงแล้ว แนะนำที่กินอร่อยๆ วิวดีไป 2 ร้าน ต่อจากนี้ไปเที่ยวรอบเกาะกัน เส้นทางคอนกรีตแบบนี้แหละ แต่มีหลุมข้าง คอนกรีตแตกบ้าง ลูกระนาดท่อน้ำประปาบ้าง ต้องคอยระวัง อย่าขี่ให้มันเร็วมากนักถ้ามีรถมาข้างหลังเค้าจะบีบแตรแปลว่าให้หลบเค้าจะขอแซงไปก่อน บนเกาะบางพื้นที่เป็นสวนยาง บางพื้นที่เป็นสวนมะม่วงหิมพานต์ เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ เราจะเห็นมะม่วงหิมพานต์สีเหลืองบ้างแดงบ้างอยู่บนต้น บางช่วงร่วงลงมาเกลื่อนถนนก็มี ทุกๆ ทางแยกบนเกาะพยามมีป้ายบอกว่าแยกไปไหน เราก็เลือกเอาเลยว่าจะไปไหนก่อน ส่วนมากจะไปอ่าวใหญ่ก่อน เพราะมันถึงก่อน
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สำหรับคนที่ชื่นชอบที่จะเคี้ยวเล่นเพลินๆ มันๆ ชาวบ้านบนเกาะเค้าจะมาเก็บมะม่วงกับเม็ดมันแยกออกจากกันเอามากระเทาะเปลือกด้วยเครื่องเล็กๆ เอามาคั่ว ใส่ถุงขายหน้าบ้านเลย ราคาไม่ได้ถูกกว่าข้างนอกเท่าไหร่ แต่ดีที่ของเค้าสดจริง สดกว่านี้ไม่มีแล้วละ
อ่าวใหญ่ อ่าวที่ใหญ่ที่สุดของเกาะพยาม ถนนคอนกรีตเวลาดูในภาพแผนที่ภาพบนๆๆๆ ย้อนขึ้นไปที่ให้ชมทีแรก จะเป็นเส้นเหลืองๆ ในแผนที่ ถนนพุ่งตรงเข้ามากลางอ่าว มองไปซ้ายหรือขวาก็จะเป็นหาดทรายยาวโค้งๆ สวยมาก ตามหาดทรายมีร้านอาหาร รีสอร์ท มากมาย เกือบทั้งหมดบนหาดนี้มีแต่ฝรั่ง (คนไทยน้อยมาก)
อ่าวใหญ่หันไปทางตะวันออกเฉียงใต้ โอกาสเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตกจึงแทบไม่มีเลย
คลื่นทะเลอ่าวใหญ่ จุดเด่นของอ่าวนี้คือคลื่น ค่อนข้างสูง เล่นน้ำสนุกแต่สำหรับเด็กๆ ต้องระวังให้มากหน่อย น้ำทะเลค่อยๆ ลาดลงไป ไม่ลึกมาก น้ำใสทีเดียวเชียว
อ่าวใหญ่ ยามน้ำลง เพื่อให้ครบครอบคลุม กับการเป็นเว็บท่องเที่ยว เราเลยเอาภาพเวลาน้ำลงของอ่าวใหญ่มาให้ดูเทียบกันกับตอนน้ำขึ้น เวลาน้ำลงเราจะเห็นทรายกว้างมาก เดินไปเล่นน้ำก็จะไกลมากขึ้น ผืนทรายช่วงไกลๆ จะเป็นสีดำ แต่ไม่ถึงกับดูสกปรก น้ำก็ยังคงใสอยู่และคลื่นก็แรงเหมือนเดิม บนเกาะพยาม เวลาระหว่างน้ำขึ้นกับน้ำลงสั้นมาก บางวันแค่ 4 ชั่วโมง ระดับน้ำก็เปลี่ยนไปเยอะแล้ว ตอนที่ไปเราเห็นน้ำขึ้น 2 ครั้ง ลง 2 ครั้ง ใช้เวลา รอบละ 6 ชั่วโมง ครบ 24 ชั่วโมงพอดี เวลาน้ำขึ้นประมาณใกล้เที่ยงวัน กับเที่ยงคืน ช่วงเช้าและเย็นจะเป็นน้ำลง จะมาเที่ยวก็ต้องดูวางแผนกันหน่อย ว่าช่วงไหนควรไปที่ไหน
นั่งรถอีแต๊กชมอ่าว หาดทรายของอ่าวใหญ่เวลาน้ำลง เป็นพื้นทรายที่แน่นมาก ขนาดรถอีแต๊กของเราวิ่งผ่านแนวหาดทั้งแต่หัวจรดท้ายได้สบายๆ เลย ระหว่างทางมีร้านอาหาร เครื่องดื่ม ที่พักเยอะไปหมด แต่รายละเอียดเหล่านี้คงต้องค่อยๆ หากันดู ถ้ามีโอกาสเราก็จะเอามาลงให้ละเอียดๆ กว่านี้
สะพานท่าเรือ ทริปแรกที่เรามาเกาะพยาม เรามาช่วงน้ำขึ้นและมีเวลาอยู่บนเกาะน้อย จากบลูสกายรีสอร์ท เรารีบมาถ่ายรูปที่วัดเกาะพยาม ที่เป็นเหมือนไฮไลท์ของเกาะพยาม ผ่านสะพานท่าเรืออ่าวแม่ม่ายที่เรามา ก่อนถึงวัดก็จะมีสะพานท่าเรืออีกแห่งหนึ่ง แต่ไม่ค่อยเห็นมีเรือมาจอดสักเท่าไหร่ สะพานนี้จะว่าไปก็สวย ถ้าได้มาก็น่าจะแวะเก็บภาพกันซะหน่อย
สะพานเดียวกันกับภาพบน แต่ภาพนี้เป็นช่วงน้ำลง
พระพุทธวิริยะ ชัยมงคล พระพุทธรูปองค์ใหญ่ พระประธานประจำวัดเกาะพยาม ประดิษฐานบนเขาหันหน้าออกไปทางทะเล บันไดนาคยาวลงมาถึงถนน ตอนที่เรานั่งเรือมาเกาะพยามน่าจะมองเห็นพระกับบันไดนี้ด้วย
จุดเด่นของวัดเกาะพยาม วิหารทรงกลมมีฐานเป็นดอกบัวขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางทะเล มีสะพานทอดเข้าไปยาวเป็นร้อยเมตร ปลายสะพานกำลังสร้างพระรูปกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์ นั่งเรือมาเกาะพยามจะมองเห็นวิหารหลังนี้ได้เด่นกว่าใคร เป็นสัญลักษณ์ว่ากำลังจะถึงเกาะพยามแล้ว ถ้ามาเกาะพยามไม่มาวัดนี้เหมือนมาไม่ถึงเกาะพยาม
วัดเกาะพยาม ภาพในยามน้ำลง ก็จะเห็นอีกบรรยากาศหนึ่งของวัดเกาะพยาม
ศิลปะบนผืนทราย เมื่อน้ำทะเลลดระดับลงตามกฏของธรรมชาติ หลายๆ คนคงรู้สึกว่ามันไม่สวยเหมือนตอนน้ำขึ้น แต่ถ้าลองมองรอบตัวดูดีๆ เราจะเห็นว่าความสวยงามอีกแบบหนึ่งที่เราจะไม่เห็นตอนน้ำขึ้นได้ปรากฏขึ้นมาบนผืนทราย พวกปูลมตัวเล็กๆ หากินตามธรรมชาติ ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนทราย เหมือนเป็นภาพวาดของศิลปินตัวน้อย เหมือนรูปต้นมะพร้าวบ้าง รูปค้างคาวบ้าง ก็ว่ากันไปตามจินตนาการของคนมอง
อ่าวกวางปีบ อีกหนึ่งอ่าวที่ได้ขึ้นชื่อว่าติด Top 5 สถานที่น่าไปบนเกาะพยาม อ่าวนี้ถนนเข้าไม่ถึง เป็นทางขึ้นเขาพอสมควร ต้องจอดรถแล้วเดินลงไปตามทางอีกประมาณ 200 เมตร มีร้านอาหารบริการแต่น้อย (บางวันอาจไม่เปิดอย่าหวังให้เป็นที่พึ่งของเราจะดีกว่า เดี๋ยวปิดแล้วจะหิว)
อ่าวกวางปีบ วิวสวยๆ ของอ่าวเล็กๆ ทางเดินที่เดินมาอย่างลำบากนึกว่าจะพาเรามาเจออะไรสวยๆ ที่เรียกว่าสวยมากๆๆ แต่เปล่าครับพาเรามาอ่าวเล็กๆ สงบๆ แห่งหนึ่ง ความลำบากของการเดินทางมาที่นี่ทำให้คนมาเที่ยวน้อย สิ่งที่ได้กลับมาคือความสงบและสะอาด เหมาะสำหรับคนที่ชอบเที่ยวที่ๆ คนไม่พลุกพล่าน ต้องการความสงบ ชิวๆ อ่าวแห่งนี้เวลาน้ำขึ้นจะขึ้นมาถึงหินที่อยู่ด้านขวาของภาพเลยทีเดียว
อ่าวกวางปีบหันไปทางตะวันตกเห็นพระอาทิตย์ตก แต่ขากลับคงมืดและเปลี่ยวมาก
สงครามของปูลม ภาพที่ไม่นึกว่าจะได้เห็น ไม่นึกว่าจะถ่ายมาได้ ก็คือภาพของปูตัวเล็กๆ หลายตัวที่พยายามต่อสู้กันเพื่อที่จะได้กินปลาที่เกยตื้นตายอยู่บนหาด สู้กันไปสู้กันมาตลกดี ที่จริงแบ่งๆ กันกินก็เหลือจะพอเนาะ ความสงบของหาดที่แทบจะไม่มีคนมานี่แหละทำให้เกิดภาพแบบนี้ขึ้น ไม่งั้นปูพวกนี้คงมัวแต่วิ่งหนีคนที่เดินเล่นบนทรายไม่เป็นอันต้องทำมาหากินกันละ
อ่าวเขาควาย เป็นอ่าวที่ใหญ่มากอ่าวหนึ่งบนเกาะพยาม ตามแผนที่อ่าวนี้โค้งเข้าหากันเป็นรูปเหมือนเขาควาย แต่รถพาเรามาตามถนน มาโผล่เอาเกือบกลางอ่าว ค่อนไปทางซ้าย ด้านขวาของเรามีโขดหินขึ้นอยู่มาก จนดูเหมือนว่าอ่าวนี้เป็นอ่าวเล็กๆ ส่วนด้านซ้ายของจุดนี้เป็นหาดทรายยาวต่อไปอีก มีรีสอร์ทอยู่ 5 แห่ง ถ้าเดินเลยโขดหินในภาพนี้ไปจะมีรีสอร์ทและบังกาโลอยู่อีกเกือบ 20 แห่ง สุดหาดด้านตะวันตกเดินไปถึงอ่าวกวางปีบได้ด้วย (แต่ก็ไม่ใกล้เท่าไหร่) ทิศทางของอ่าวเขาควายพอที่จะรอชมพระอาทิตย์ตกได้อยู่บ้างแต่อาจจะมีเขาเล็กๆ ปลายแหลมมาบังนิดหน่อย
หินทะลุ อ่าวเขาควาย ยามน้ำขึ้น น้ำขึ้นมาถึงบริเวณโขดหิน การเดินเที่ยวถ่ายรูปกับหินอาจจะไม่สนุกเท่ากับตอนน้ำลง โขดหินกลางอ่าวเขาควายที่มีอยู่มากมายเป็นโขดหินสูงๆ จะมีรูทะลุ เป็นช่องรูปต่างๆ หลายรู ตามแต่จะเดินหากัน รูแรกเป็นรูปหัวใจคว่ำ มาถ่ายรูปคู่น่าสนุกดีเหมือนกัน มันดูโรแมนติกดี
ส่วนโขดหินตรงนี้มันดูรูปร่างแปลกๆ มีรูทะลุ 3 ช่อง กลมๆ เล็กๆ 2 ช่อง อีกช่องเป็นช่องใหญ่มาก เป็นหินที่คนชอบมาถ่ายรูปด้วยมากที่สุด
นิติพร บังกาโล ที่พักแนะนำบนเกาะพยาม จบโปรแกรมการเดินทางทัวร์เกาะพยาม 1 วัน ตอนนี้เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว เลยตัดสินใจเข้าที่พัก เราเลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้กับท่าเรือติดกับบลูสกายรีสอร์ท เพื่อที่ว่าวันกลับเราขนของเดินไปท่าเรือได้เลยไม่ต้องเช่ารถ ทริปนี้เราจะกลับเร็วนิดนึง ถ้าจะอยู่ให้ถึงเย็นพรุ่งนี้ก็เลือกที่พักอื่นได้ เพราะยังไงก็ต้องเช่ารถอีกวันอยู่ดี แต่จะว่าไปพักที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ห้องพักใช้ได้ ราคาไม่แพง อยู่ติดกับรีสอร์ทชื่อดังเหมือนเป็นที่เดียวกันเลย มีห้องพัดลมติดทะเล ห้องแอร์ไม่ติดทะเล ก็ยุติธรรมดี สนใจสอบถามกันได้ที่
082-4952794, 077-821128 Line id: FNIT
face: facebook.com/nitipornresortkohphayam
ยามเย็น ณ เกาะพยาม กลับมาถึงที่พัก อ่าวแม่ม่ายหันหน้าไปทางตะวันออก แต่ยามเย็นก็ยังพอเห็นฟ้าแดงๆ กับเค้าอยู่บ้าง ด้านทิศตะวันตกของเรามีภูเขาสูงกั้นอยู่เลยไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตก แต่ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นหาดนี้คงไม่แพ้ใครในเกาะพยาม ช่วงเย็น น้ำลงจนสุด แต่หาดที่อ่าวแม่ม่ายไม่ดำเข้มเหมือนหาดอื่นๆ ยังคงเป็นสีทรายที่ลงเล่นน้ำได้สะดวกใจ ถึงจะรู้ว่าสีดำของหาดอื่นมันดำตามธรรมชาติก็เหอะ คนที่ใช้บริการเรือคายัคของบลูสกาย เอาเรือมาจอดไว้บนหาด ในระยะที่คิดว่าน้ำขึ้นไม่ถึง ป้องกันน้ำพัดเรือหายไป ส่วนหาดหน้านิติพรบังกาโลไม่มีอะไรขวางสายตาในการชมวิว มีโต๊ะให้เรานั่ง มีเตียงให้เรานอนชมวิวแบบสบายๆ ริมหาด
Phayam Full Moon ยามค่ำคืนของเกาะแห่งนี้ จะมีเพียงบางรีสอร์ทเท่านั้นที่เปิดไฟสว่างๆ บางแห่งมีไฟฟ้าให้ถึง 4 ทุ่ม ค่าไฟบนเกาะนี้หน่วยละ 30 บาท ต้องเป็นรีสอร์ทใหญ่จริงๆ จะมีไฟสว่างๆ ได้ ที่นิติพรบังกาโลที่เราพักก็มีไฟมีแอร์ทั้งคืน สุดยอดอะ แต่ถ้าจะถ่ายรูปสวยๆ คงต้องเดินมาที่สะพานข้างๆ บลูสกาย ซึ่งก็ไม่ไกลประมาณ 100 เมตร
เกาะพยาม ยามเช้า ถ่ายดาวถ่ายเดือนยามค่ำคืน เข้าพักหลับให้เต็มอิ่ม เช้าๆ ตื่นขึ้นมาแต่เช้า ออกตระเวนหามุมถ่ายรูป อ่าวแม่ม่าย ยาวไปจนถึงอ่าวหินขาวเลยวัดเกาะพยามไปอีก หันเข้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เราได้แสงสวยๆ ในตอนเช้า คนฝั่งอ่าวเขาควาย อ่าวใหญ่ก็ต้องอิจฉาเราบ้าง น้ำขึ้นเมื่อคืน 5 ทุ่มกว่าๆ กว่าจะขึ้นอีกก็เกือบเที่ยง ระหว่างเวลา 6 ชั่วโมงจากนี้ เราก็จะเห็นทรายผืนใหญ่ๆ รอบเกาะพยาม แต่บริเวณบลูสกายรีสอร์ท ผืนทรายเป็นริ้วๆ สวยมากอยากให้ลองมาเดินดูกัน
แสงพระอาทิตย์แรงขึ้นเรื่อยๆ กับเวลาของเราบนเกาะนี้ที่หมดลงไปเรื่อยๆ เหมือนกัน ถ้ามีเวลาคงได้มานอนมาเที่ยวเกาะนี้ให้เต็มที่กว่านี้ ยังมีพื้นที่อีกเยอะที่ยังไม่ได้ไป บางส่วนเป็นป่าเขามีเส้นทางเดินป่าให้เราได้ผจญภัยด้วย แต่นั่นคงต้องมีอย่างน้อย 3 วันบนเกาะ เราถึงจะไปได้ทั่วขนาดนั้น ถ้าได้มาอีกเราต้องไม่พลาดแน่ๆ
ลาก่อนเกาะพยาม เวลาเรือตามตารางเรือเที่ยวกลับ ของเรากลับเที่ยวเช้าซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลับกันเยอะ คงต้องเดินทางไปเที่ยวที่อื่นต่อหรือไม่ก็กลับประเทศ คนไทยคงไม่กลับแต่เช้า เพราะอยากอยู่ให้คุ้มที่สุดบนเกาะนี้ แต่เท่านี้ก็เรียกว่าไปได้เยอะแล้วบนเกาะพยาม เหตุที่ว่าวันนี้ต้องรีบกลับเพราะเราต้องไปเกาะกำ เกาะค้างคาวกันต่อ นั่งเรือกลับฝั่ง แล้วนั่งรถไปหาดบางเบนที่ อช.แหลมสน นั่งเรือไปเกาะกำ ต้องใช้เวลาอีกมาก เรือจากเกาะพยามไปเกาะกำก็มีนะ แต่คิดว่ากลับไปเริ่มต้นบนฝั่งกินโรตีนิสรา อร่อยๆ ก่อนดีกว่า
จบทริปที่น่าจดจำไว้เท่านี้ก่อน
ขอขอบคุณ
กองประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานชุมพร
องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ