ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. ขอนแก่น โทร. 0 4322 7714-5
http://www.tourismthailand.org/khonkaen
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
พระประธาน วัดกกต้องกุดหว้า ช่วงสายๆ ของวันแรม 13 ค่ำ เดือน 9 ชาวบ้านกุดหว้าส่วนหนึ่ง จะมารวมตัวกันอยู่ที่วัดกกต้องกุดหว้า เพื่อจัดเตรียมมาลัยไม้ไผ่ เมื่อทำเสร็จแล้วจะแจกจ่ายให้ชาวบ้านแล้วชาวบ้านจะเอาของที่พอจะหาได้เพื่อถวายพระมาผูกกับมาลัยไม้ไผ่ ส่วนหนึ่งจะเริ่มเดินทางเข้ามาที่วัดเพื่อแขวนมาลัยในวัดและร่วมกิจกรรมประกวดร้องเพลงลูกทุ่งซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำนั่งดูลูกหลานร้องเพลงบนเวที และที่ขาดไม่ได้ทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มต้นที่ในโบสถ์ คือการนมัสการพระประธาน เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองกุฉินารายณ์มาช้านาน คนต่างถิ่นอย่างเราเมื่อเข้ามาในบริเวณวัดก็ต้องแปลกใจ เพราะชาวบ้านจะสวมใส่เสื้อผ้าประจำของชาวผู้ไทอย่างพร้อมเพรียงและสวยงาม ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่เลยทีเดียว
เด็กๆ ชาวผู้ไทมาร่วมไหว้พระที่หน้าโบสถ์แล้วนั่งสมาธิครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่จะออกไปเล่นตามประสา
ภายในศาลาการเปรียญซึ่งมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างเป็นสถานที่สำหรับแขวนมาลัยไม้ไผ่ ชาวบ้านจะพาเด็กๆ เข้ามาที่นี่เพื่อสอนให้รู้ว่ามาลัยไม้ไผ่คืออะไร ทำยังไง และแขวนอะไรกันบ้างสืบทอดต่อๆ กันไปจากรุ่นสู่รุ่นเหมือนดังเช่นที่ผู้ใหญ่ก็เรียนรู้มาจากคนรุ่นก่อนอีกที ประเพณีนี้จึงไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่อยู่คู่บ้านกุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จนกระทั่งทุกวันนี้
ทางวัดจัดเตรียมไม้ไผ่ลำยาวเอาไว้ให้คนเอามาลัยมาแขวน เสร็จแล้วก็เตรียมที่จะแห่รอบโบสถ์ก่อนที่จะมาผูกเข้ากับต้นกัลป์ (กัลปพฤกษ์) ในศาลาเราจะได้เห็นภาพชาวผู้ไทนั่งเรียงแถวตามแนวลำไผ่เพื่อแขวนสิ่งของที่เตรียมมาเข้ากับมาลัยไม้ไผ่ แลดูสวยงาม
มาลัยไม้ไผ่ เกิดขึ้นด้วยการประดิษฐ์ประดอยไม้ไผ่ ผ่าเป็นซีกเล็กๆ ไม่ได้เกิดจากการสาน การผ่าไม้ไผ่ต้องค่อยๆ ทำไม่งั้นไม้ไผ่จะขาดออกจากกัน ผู้ใหญ่จะสอนวิธีการทำให้กับเด็กที่พอจะทำได้แล้ว ส่วนเด็กเล็กจะสอนให้ผูกสิ่งของเข้ากับมาลัย ของที่จะเอามาผูกเข้ากับมาลัยไม่มีข้อกำหนดตายตัว แต่ดั้งเดิมที่ปฏิบัติกันมาคือของที่พอจะหาได้ในพื้นที่และเป็นประโยชน์แก่พระสงฆ์ คล้ายกับสังฆทาน มีทั้งของที่เกี่ยวกับอาหาร และของใช้ ผัก ผลไม้ อย่าง พริก กระเทียม หัวหอม ผลไม้ป่า เพราะในช่วงเข้าพรรษาพระสงฆ์ต้องจำพรรษาอยู่ในวัดตลอด บางทีอาจขาดแคลนภัตตาหารฉัน จึงต้องปรุงเองบ้าง บางคนก็แขวนฝ้าย มีทั้งปั่นแล้วและยังไม่ปั่น (ในอดีตพระสงฆ์คงใช้ฝ้ายสำหรับเย็บ ปะ จีวร หมอน หรือผ้าห่ม) พอยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป ของที่หาง่ายกว่าผักผลไม้ก็เริ่มมาแขวนอยู่ในมาลัยไม้ไผ่ ไม่ว่าจะเป็นขนม หรือปัจจัย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเจ้าของมาลัยนั้นๆ
การพบปะในบุญมาลัยไม้ไผ่ เป็นอีกวัตถุประสงค์หนึ่งของการจัดงานบุญ หนุ่มสาวชาวผู้ไทจะได้มาพบปะพูดคุยกันในระหว่างแขวนมาลัย คล้ายกับอีกหลายๆ ประเพณีของชาวเขา
ความรู้เกี่ยวกับการทำมาลัยไม้ไผ่จะถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ในศาลาการเปรียญวัดก็กลายเป็นโรงฝึกทำมาลัยไม้ไผ่ให้กับเด็กรุ่นหลัง เพื่อไม่ให้ภูมิปัญญานี้สูญหายไปจากชุมชน ทั้งหมดนี้ดูแลโดย กลุ่มอนุรักษ์ศิลปะหัตถกรรมมาลัยไม้ไผ่ ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2526
มาลัยไม้ไผ่
มาลัยไม้ไผ่วิจิตรศิลป์ เป็นผลพลอยได้จากการทำบุญมาลัยไม้ไผ่มาอย่างต่อเนื่องยาวนานนับร้อยปี แต่ละปีจะมีผู้คิดค้นประดิษฐ์มาลัยไม้ไผ่แบบใหม่ๆ ขึ้นมา โดยจะเน้นเรื่องความสวยงาม จนมีการประกวดกันขึ้น และตอนนี้มาลัยไม้ไผ่วิจิตรศิลป์ ก็กลายเป็นแหล่งสร้างรายได้อีกทางหนึ่งของชาวบ้าน ในนามของผลิตภัณฑ์ OTOP
ในวันจัดงาน ชาวผู้ไทบางคนก็ต้องมีภารกิจในการดูแลเวที การเตรียมอาหารเครื่องดื่มไว้ต้อนรับแขกผู้มาเยือน และหน้าที่อื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย แต่พอมีเวลาว่างก็จะเอามาลัยไม้ไผ่มาช่วยกันแขวนสิ่งของเข้าไป พอช่วงบ่ายๆ เราก็จะเห็นคนเดินถือมาลัยไม้ไผ่เดินไปเดินมาอยู่ทั่วบริเวณวัดกกต้องกุดหว้า เพื่อที่จะมาร่วมงานแห่เวลาประมาณบ่าย 3 โมง
รอแห่มาลัยไม้ไผ่ หลายคนที่มาถึงวัดก่อนเวลาแห่ จะมาร่วมนั่งอยู่ในศาลาการเปรียญ ตรวจดูมาลัยของตัวเองอีกครั้งว่าแขวนอย่างดีแล้วเพื่อไม่ให้สิ่งของนั้นหลุดออกได้ หลายคนก็ได้ถามไถ่กันว่าเอาอะไรแขวนมาบ้าง เรื่องทำบุญไม่มีถูกไม่มีแพง ทุกอย่างถือว่าเกิดจากศรัทธาอันบริสุทธิ์
ในวันงานบุญใหญ่ของหมู่บ้านทุกคนจะมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสมองไปทางไหนก็จะเจอชาวผู้ไทแต่งตัวสวยงามถือมาลัยไม้ไผ่ที่แขวนของสารพัดอย่าง และพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
ขบวนแห่มาลัยไม้ไผ่ เมื่อได้เวลาที่กำหนดแล้ว การแห่ต้นกัลป์ หรือยอดกัลปพฤกษ์ และมาลัยไม้ไผ่ก็เริ่มขึ้น ชาวผู้ไททั้งหมดในงานนี้จะถือเอามาลัยไม้ไผ่เดินตามขวนแห่รอบโบสถ์ 3 รอบ ก่อนที่จะเข้ามาถวายในศาลาการเปรียญ ขบวนแห่นำโดยพระสงฆ์ ต่อด้วยกลองและฆ้อง ตีเป็นจังหวะที่สนุกสนาน ชาวบ้านเดินตามกันไปจนแน่นไปหมด
เซิ้งมาลัยไม้ไผ่ ปิดท้ายขบวนแห่ด้วยชุดนางรำของหมู่บ้าน ฟ้อนด้วยท่าทางสวยงามมือซ้ายถือมาลัยไม้ไผ่ เรียกว่าเซิ้งมาลัยไม้ไผ่ ตามขบวนไปอย่างช้าๆ
นายรณชิต พุทธลา นายอำเภอกุฉินารายณ์ ให้เกียรติร่วมขบวนแห่มาลัยไม้ไผ่
เมื่อแห่ครบ 3 รอบแล้ว ชาวบ้านทั้งหมดจะเข้าไปในศาลาการเปรียญเอามาลัยไม้ไผ่ของตัวเองผูกเข้ากับต้นกัลปพฤกษ์ รวมเป็นมัดใหญ่ แล้วนั่งสวดมนต์กล่าวคำถวายเช่นเดียวกับการถวายเครื่องสังฆทาน และฟังเทศน์ฟังธรรม
ต้นกัลปพฤกษ์ หลังจากที่ชาวบ้านเอามาลัยไม้ไผ่มาแขวนเข้าด้วยกันก็กลายเป็นต้นกัลปพฤกษ์ที่เต็มไปด้วยศรัทธา เนืองแน่นไปด้วยข้าวของเครื่องใช้สำหรับสงฆ์ ขนมและผักหลายชนิด
เซิ้งมาลัยไม้ไผ่ หลังจากนั้นก็มีกิจกรรมการแสดงเซิ้งมาลัยไม้ไผ่ให้ชมกันบนเวทีอีกรอบ เมื่อถวายมาลัยไม้ไผ่เสร็จแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธีต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้านอย่างมีความสุขกับมหากุศลที่ได้ทำร่วมกันเป็นประจำทุกปีไม่เคยขาด หากนับย้อนกลับไปตั้งแต่การทำบุญมาลัย พ.ศ. 2456 นี่ก็เป็นเวลา 102 ปี ผ่านมาแล้ว แต่ประเพณีนี้ยังคงอยู่คู่กับชาวกุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ ไม่เคยเลือนหายไป ต้องขอชื่นชมในศรัทธาของชาวกุดหว้า และทำให้เราได้เห็นงานประเพณีที่ดีงามนี้อยู่จนทุกวันนี้
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานขอนแก่น ที่รับผิดชอบพื้นที่ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
"บุญข้าวสากมาลัยไม้ไผ่ 2560 วันที่ 4-5 กันยายน 2560 มาร่วมงานกันนะครับ"
Akkasid Tom Wisesklin
2017-08-28 07:17:17
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ