ข้อมูลเพิ่มเติม:อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง โทร 0 3951 0927 , 0 3951 0928
กลุ่มอนุรักษ์เขาแหลม เกาะช้างใต้ บ้านสลักเพชร น้องฟลุ๊ค 081 6530886
https://www.facebook.com/kohchangleawsai?ref=ts&fref=ts
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
เรือเฟอร์รี่ข้ามไปเกาะช้างขั้นตอนแรกของการพิชิตเขาแหลมเกาะช้าง หรือเกาะช้างใต้ ก็แล้วแต่จะเรียกกัน ก็คือวางแผนการเดินทางของแต่ละกลุ่มให้ดี ทีแรกเราวางแผนที่จะเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนกลางคืน กะเวลาให้ไปถึงท่าเรือเฟอร์รี่ทันลงเรือเที่ยวแรก เพราะปกติในวันหยุดช่วงปลายปีคนจะมาเที่ยวกาะช้างเยอะมาก ต่อคิวลงเรือกว่าจะได้ลงกว่าจะได้ไปก็เสียเวลาไปเยอะ แต่พอเอาเข้าจริงเราก็ไม่ได้ออกเดินทางตอนกลางคืนอย่างที่คิดไว้ แต่มาถึงตราดเที่ยงกว่าๆ กินข้าวเที่ยงแล้วก็ขับไปท่าเรือเฟอร์รี่บ่ายสองแต่ได้ลงเรือบ่ายสามข้ามไปถึงเกาะช้างบ่ายสามครึ่งขับไปบ้านสลักเพชรเจอกับกลุ่มน้องฟลุ๊คกลุ่มอนุรักษ์เขาแหลมเกาะช้างใต้บ้านสลักเพชร จัดของขึ้นเขาได้รับแจกเปลกับครบทุกคน ตอน 4 โมงเย็น อาหารที่เราเตรียมเป็นข้าวเหนียวไก่ทอดซื้อมาจากท่าเรือเฟอร์รี่ฝั่งแหลมงอบ กับมาม่าและน้ำสำหรับเป็นอาหารเช้าของเรา ทุกคนต้องถือน้ำส่วนตัว 3 ขวดเล็ก ส่วนของกองกลางอย่างเตาแกส น้ำต้มมาม่า และมาม่า ต้องแบ่งๆ กันถือเพื่อเป็นการช่วยเหลือกันตามกำลัง บางทีเดินไปได้สักพักก็สลับให้คนอื่นถือ ทริปนี้แนะนำเลยว่าให้แบ่งของเป็นกระเป๋าใบเล็กๆ หลายๆ ใบ มันช่วยกันได้ง่ายกว่าเป้ใหญ่ๆ หนักๆ ผลัดให้คนอื่นถือได้ลำบาก
พอพร้อมแล้วน้องฟลุ๊คจัดรถไปส่งตรงจุดเริ่มต้น รถของเราฝากไว้บ้านน้องฟลุ๊ค ที่เหลือคือการเดินล้วนๆ เส้นทางช่วงแรกเป็นทางลูกรังเข้าไปในสวนยางพอมีเวลาสำหรับการเก็บภาพดอกไม้ใบหญ้าตามทางเดิน เวลาที่เราเริ่มเดิน 4 โมงเย็น เราจะไปถึงกันตอน 2 ทุ่ม การเดินขึ้นเขาแหลมตอนกลางคืน น้องฟลุ๊คบอกว่ามีเราเป็นกลุ่มที่ 3 เท่านั้น ที่เหลือจะขึ้นตอนบ่ายไปถึงตอนเย็นๆ ภาพต่อจากนี้ไปเป็นภาพที่ถ่ายตอนขาลงแล้วเรียงสลับกลับเอาภาพสุดท้ายขึ้นมาเป็นภาพแรก เพราะขาขึ้นต้องแข่งกับเวลาเลยไม่ได้เอากล้องออกมาจากกระเป๋า
สุดถนนลูกรังเราก็จะเข้ามาอยู่ในบรรยากาศสวนยางก่อน จากนั้นเราก็ต้องเดินขึ้นเนินเขาเป็นทางขึ้นตลอดยาวประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร เดินไม่นานก็พ้นแนวสวนยางต่อจากนั้นก็คือป่าตามธรรมชาติ ต้นไม้ขนาดใหญ่อายุมากๆ ก็พอมีให้เห็นบนเกาะช้าง ทางเดินที่ขึ้นอย่างเดียวแบบไม่มีทางราบสลับให้เราได้พักกำลังขาได้แต่หวังว่าพอสุุดทางขึ้นเนินนี้แล้วต่อไปก็จะเป็นทางเดินที่สบายมากขึ้น กลุ่มเล็กๆ แค่ 6 คนของเราก็เริ่มกระจายตัวออกไปตามกำลังของแต่ละคน คนเดินช้าก็เริ่มที่จะถูกแซง แต่จะเหลือกลุ่มนำทางคอยเดินประกบ ที่เหลือก็เดินๆ พักๆ ไปเรื่อยๆ
พอสุดเส้นทางเนินชันๆ ก็เป็นทางเดินที่สบายขึ้น แต่ก็มีขึ้นมีลงสลับกันไปเรื่อยๆ พอจบกิโลเมตรที่สาม ก็จะมาถึงบริเวณที่เป็นผา เหมือนช่องเขาขาด เราต้องไต่ลงไปจนถึงพื้นด้านล่างแล้วปีนขึ้นแนวดิ่ง ปกติภาพที่เห็นมันเหมือนจะไม่มีอะไรมาก แต่มันแย่ตรงที่ว่าเรามาถึงกันตอนมืดแล้ว มันก็เลยไม่ง่ายเหมือนในภาพที่เราถ่ายตอนขากลับ แสงบนท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลงก็ทำให้เรามองเห็นเรือตกหมึกออกมาทำงานกันเต็มอ่าว วันนี้เรือออกมากันเยอะมาก เดาว่าน่าจะเป็นช่วงคืนเดือนมืดจะตกหมึกได้ง่ายกว่าคืนเดือนหงาย ทุกคนเปิดไฟฉายที่พกมาแต่มันก็ไม่สะดวกเลยที่จะต้องเดินถือไฟฉายไปด้วยน่าจะเอาไฟฉายติดหน้าผากมาจะดีกว่า ไฟฉายมีไม่ครบทุกคนก็ยิ่งลำบากเข้าไปอีกต้องเดินเรียงกันไม่ทิ้งห่างกันมากเหมือนมด พิสูจน์ความสามัคคีกันไป
พ้นจากหน้าผาต่อจากนี้เป็นทางเดินขึ้นตลอดไม่ผิดจากที่เราเดินในช่วงสวนยางที่เชิงเขา แต่ช่วงท้ายนี้จะชันกว่าเยอะ ร่างกายที่เหนื่อยล้าก็เริ่มที่จะออกอาการ พวกเราหลายคนเริ่มเอาขวดน้ำส่วนตัวออกมาวางไว้ตามโคนต้นไม้ที่ข้างทางเพื่อที่จะลงมาเอาตอนขากลับและทำให้ตัวเบาลง ป่าบนยอดเขาไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่ มีแต่ต้นเล็กๆ ที่ขึ้นชิดกันมาก เราเดินผ่านไปต้นไม้ก็คอยจะดึงเป้ข้างหลังเราเอาไว้ ยิ่งทำให้เหนื่อยมากขึ้นอีก ช่วงท้ายๆ ใกล้ๆ ถึงยอดเขาพอจะมีดอกไม้ป่าให้เราเห็นหลายชนิด (ตอนขึ้นไม่เห็นเพราะมืดแต่มาเห็นขาลง)
เดินไปเดินมาก็ชักจะแย่เข้าไปอีกตอนที่มีฝนตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ จะว่าไปก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย อย่างน้อยฝนทำให้เราไม่ร้อน แต่ก็กลัวว่าจะเป็นไข้ พอมาถึงยอด กลุ่มน้องฟลุ๊คกางฟลายชีทให้เรานั่งกินข้าว ข้าวเหนียวไก่ทอดขายดีมากเพราะความหิวและเหนื่อย ปลายเดือนตุลาคม ฝนยังไม่ขาด มีตกๆ หยุดๆ สลับกันเป็นระยะๆ นั่งใต้ฟลายชีทก็ลำบากเพราะมีน้ำไหลมาตามดินที่เรานั่ง ฉะนั้นใครจะไปควรจะมีผ้าใบปูนั่งไปด้วยนะ พอเอาไฟฉายฉายไปรอบๆ ต้นไม้เล็กๆ ขี้นถี่มาก ทุกต้นจะมีผ้าเหลืองผูกไว้เป็นเครื่องหมายบวชป่าต้นที่ผูกถือว่าห้ามตัด ซึ่งทั้งกลุ่มอนุรักษ์ของบ้านสลักเพชร และเจ้าหน้าที่อุทยานรู้กันดี นี่แหละเหตุผลที่ว่าทำไมต้องนอนเปล แต่การนอนเปลในป่าเป็นครั้งแรกไม่ได้สร้างความกังวลให้พวกเราซักเท่าไหร่ แต่กลับตื่นเต้นมากกว่า มีข้อแม้เพียงว่าผูกเปลทุกหลังต้องมีฟลายชีทขึงด้านบนอีกทีเท่านั้นเอง
พอฝนหยุดเราก็เดินออกจากฟลายชีทไปตรงจุดชมวิวเพียงจุดเดียวของเขาแหลม แห่งเกาะช้างใต้ เห็นเรือตกหมึกเปิดไฟสีเขียวเต็มอ่าวเยอะมากจริงๆ แต่ฝนก็ทำท่าจะตกตลอดเวลาจนไม่กล้าเอากล้องออกไปตั้ง ขนาดกลางคืนเรายังมองเห็นเมฆดำทะมึนบนหัวได้ชัดขนาดนี้ ถ้าตกลงมาเต็มพิกัดคงลำบากน่าดู แต่คืนนั้นก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ฝนตกก็จริงแต่ไม่หนักมาก พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นน้ำหยดทะลุฟลายชีทลงมาแต่ไหลไปตามแนวลาดของการขึงฟลายชีทไม่หยดลงมาที่เปลเรา อากาศเย็นสบายคือข้อดีของการที่ฝนตก เสียดายที่ไม่ได้ภาพสวยๆ บนเขาแหลมยามกลางคืน อีกเหตุผลหนึ่งก็คือการที่เรารีบๆ เดินขึ้นมาแข่งกับเวลาก็ยิ่งเหนื่อยมากกว่าเดินตามปกติ หลังอาหารข้าวเหนียวไก่ทอดทุกคนก็กรอกพาราตามคนละ 2 เม็ด ง่วงและไม่มีที่นั่งเพราะน้ำที่ไหลมาบนดินทำให้เรานั่งไม่ติดพื้นขึ้นเปลหลับในเวลาอันรวดเร็ว
เช้าวันต่อมาทุกคนตื่นเพราะแสงแยงตาสรุปว่าเราตื่นสาย เลยไม่ทันเห็นพระอาทิตย์ตอนโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าของท้องทะเลหมู่เกาะตราด พระอาทิตย์ขึ้นมาสูงนิดนึงแล้วความร้อนทำให้เกิดหมอกบนเกาะช้างจำนวนมาก เราไม่เห็นหมู่เกาะทะเลตราดชัดๆ แต่ก็ได้ภาพที่สวยไปอีกแบบ น้องฟลุ๊คนำทางคนมาเที่ยวบนเขาแหลมหลายต่อหลายครั้งยังไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน เราไม่คิดว่าแสงเช้าวันนี้ที่เกาะช้างเป็นสิ่งน่าผิดหวัง แต่มันสวยคนละแบบกับที่เราคิดเอาไว้เท่านั้นเอง
วิวที่เราอยู่มองได้เกือบ 360 องศา ด้านตะวันออกคือภาพก่อนหน้านี้ ส่วนภาพนี้เป็นทางตะวันตกเฉียงใต้ มองไปทางขวาอีกหน่อยจะเห็นอ่าวเล็กๆ เป็นช่องที่พระอาทิตย์ตกน่าจะสวยอยู่เหมือนกัน ถ้าเราเริ่มเดินตั้งแต่เช้า เราคงจะได้ทั้งตกและขึ้น รวมถึงได้ภาพเรือตกหมึกเปิดไฟสีเขียวเต็มอ่าวด้วย
กลุ่มอนุรักษ์เขาแหลม ในภาพก็จะมีกลุ่มสมาชิกนักอนุรักษ์มีกันอยู่หลายคน ปกติเราจะมีคนนำทางให้เราอย่างมาก 2-3 คน แต่วันนี้น้องเค้าพาสมาชิกใหม่มาเดินศึกษาเส้นทางเพื่อเตรียมตัวต้อนรับนักท่องเที่ยวที่อาจจะมีมากขึ้นในอนาคต ทุกคนมีงานประจำทำ ดังนั้นจะว่างไม่ตรงกัน ถ้าเรานัดเค้าแล้วเค้าจะลางานมาเตรียมต้อนรับเราเลย น้องฟลุ๊คใส่แจ็คเก็ตเขียวนั่งหันหลังเป็นผู้ริเริ่มทำงานนี้
ดอกช้างน้าว ความสามารถอีกอย่างหนึ่งของกลุ่มอนุรักษ์เขาแหลมเกาะช้างใต้ คือเค้าสามารถบอกเราเกี่ยวกับต้นไม้ดอกไม้ที่อยู่ในป่าได้หลายชนิด จะว่าไปมากกว่าเจ้าหน้าที่อุทยานหลายๆ แห่งด้วยซ้ำไป ดอกช้างน้าวและพืชอีกหลายชนิดที่เป็นความรู้ใหม่ของเรา และไม่น่าเชื่อว่ากลุ่มวัยรุ่นจะสนใจเรื่องเหล่านี้ แสดงให้เห็นความตั้งใจในการอนุรักษ์ผืนป่าของกลุ่มนี้จริงๆ หลังจากชมวิวกันจุใจถ่ายรูปกันหลายต่อหลายมุมแล้วก็เตรียมตัวลงจากเขา เราเอาเตาแกสสนาม น้ำ กาแฟ มาม่า ออกมาเตรียม ต้มน้ำให้เดือดจากนั้นก็เลือกกาแฟใส่แก้ว ต้มน้ำเพิ่มใส่มาม่าแจกทุกคน น้ำส่วนกลางที่เราเตรียมมาแค่ 3 ขวด และน้ำส่วนตัวของพวกเราเริ่มร่อยหรอ มันไม่พอจริงๆ ดีที่น้องฟลุ๊คเตรียมมากันเยอะเผื่อพวกเราตอนลงได้ด้วย เอาน้ำขวดมาเปิดรินแบ่งกันให้ได้คนละเกินครึ่งขวดสำหรับการเดินลง ขยะทุกชิ้นซองกาแฟ กระป๋องมาม่า น้องฟลุ๊คจะบอกให้เราเอาลงให้หมด คิดถึงตอนไปขึ้นเขาเดินป่าที่อื่นบางทีก็แค่โยนใส่กองไฟ เศษอาหารก็เทลงพื้น ที่เขาแหลมจะไม่ทำแบบนั้นเพราะการเทอาหารลงพื้นทำให้มีหนูมาหากินตรงลานกางเต็นท์ (เปล) ของพวกเรา และเมื่อคืนเราก็เสียปีกไก่ทอดไป 3 อันเพราะหนูพวกนี้ แล้วพอหนูมาหากินกันเยอะ งูก็จะมาดักกินหนู นี่แหละที่น่ากลัว ถ้าต้องนอนอยู่กลางลานที่มีงูมาหากิน เราเริ่มเห็นความแตกต่างของการเลือกกลุ่มคนนำทางในการเดินป่า ข้อดีของการเลือกกลุ่มอนุรักษ์จากบ้านสลักเพชร มีหลายข้อเหมือนกัน แม้ว่าราคาจะแพงไปนิดถ้าเทียบกับป่าแห่งอื่นๆ ที่เคยไปมา ใครลองได้ไปคุยกับน้องฟลุ๊คจะเข้าใจเองว่าทำไมต้องใช้หลักการบริการแบบให้เราแบกของเอง แล้วยังราคาค่อนข้างแพง อีกด้วย
มองไปทางซ้ายสุดมียอดเขาที่สูงกว่ายอดที่เรายืนเรียกกันว่ายอดเขาใหญ่ ถ้าจะไปต้องเดิน 6 ชั่วโมง อาจจะเหนื่อยไปหน่อย ยอดเขาแหลมที่สูงรองลงมาเลยมีคนมาเที่ยวเยอะกว่า
ยิ่งเวลาผ่านไปอากาศก็เริ่มร้อนขึ้นหมอกก็ยิ่งมีมากขึ้น บางช่วงหมอกถูกพัดให้ลอยมาทางเราเล่นเอาขาวไปหมดมองอะไรไม่เห็นกันเลย
ลุงเฉลิมบังกาโล สุดท้ายคือการลงจากเขา เราลงมาตอน 9 โมงเช้า มาถึงเชิงเขาตอนเที่ยง ที่จริงจะอาบน้ำบ้านน้องฟลุ๊ค ก็ได้ แต่เรามีเพื่อนร่วมทริปคนนึงไม่ค่อยสบายตั้งแต่ข้ามเรือเฟอร์รี่และถอนตัวขอไม่ขึ้นเขาเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของเพื่อนๆ เราก็เลยเลือกที่จะมาใช้บริการห้องอาบน้ำของลุงเฉลิมบังกาโล ซึ่งเจ้าของใจดียินดีต้อนรับ ลุงเฉลิมบังกาโลอยู่ห่างจากท่าเรือเฟอร์รี่ 9.5 กิโลเมตร ห่างจากจุดเริ่มเดินขึ้นเขาแหลม เกือบ 20 กิโลเมตร แต่ทุกคนตกลงใจเลือกที่นี่เป็นสถานที่อาบน้ำ เราลากลุ่มน้องฟลุ๊คแล้วออกเดินทางแวะซื้อโค้กและกาแฟสดใกล้ๆ บ้านสลักเพชร ทุกคนดูสดใสสดชื่นและมีความสุขกับภาพที่ได้เห็นเมื่อเช้า คุ้มกับความเหนื่อยที่ต้องเดินฝ่าความมืด กินโค้กเย็นๆ กาแฟสดอร่อยๆ มากินข้าวที่ลุงเฉลิมบังกาโล อาบน้ำอาบท่า สุดยอดจริงๆ ใครจะมาเขาแหลมเกาะช้างใต้ ลองคิดเรื่องที่พักเชิงเขาเผื่อไว้ก็ดีนะ มาเที่ยวเกาะช้างให้รอบๆ มานอนบังกาโล แล้วเช้าอีกวันค่อยไปขึ้นเขาแหลม หรือลงจากเขาแหลมเข้าพักบังกาโลเที่ยวรอบเกาะช้างก่อนค่อยกลับ ก็ไอเดียเจ๋ง ทั้งสองแบบ แต่พวกเรามาเพื่อขึ้นเขาแล้วก็กลับ เพราะมีที่ที่เราจะไปต่อ ภาพที่ได้วันนี้ยังไม่โดนใจเท่าไหร่ เดี๋ยวคงต้องกลับมาซ่อมอีกทีไว้จะมีภาพสวยๆ มาฝากอีกรออีกนิดนะ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ