ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานครนายก (นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) โทร. 0 3731 2282, 0 3731 2284
http://www.tourismthailand.org/nakhonnayok
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
การเดินทางมาที่ถ้ำเพชรโพธิ์ทองไม่ยากอย่างที่คิด เลยตัวอำเภอคลองหาดมาเรื่อยๆ ตามถนนสายหลักมีป้ายบอกทางเข้าไปถ้ำเพชรโพธิ์ทอง หรือถ้ำหาดทรายแก้วก็ได้เหมือนกัน เพราะ 2 ถ้ำนี้อยู่ที่เขาลูกเดียวกัน ขับตามทางมาเรื่องๆ ผ่านเรือกสวนไร่นา หน้าแล้งจะเห็นคนปลูกมันสำปะหลังเยอะหน่อย ชมวิวเพลินๆ ไม่นานก็มาสุดถนนที่นี่ จากจุดนี้เราจะต้องเดินเข้าไปอีก 300 เมตร
รอบๆ ลานจอดรถมีร้านค้าบริการแบบง่ายๆ มีเต็นท์สำหรับทำบุญเพื่อสร้างศาสนสถาน เต็นท์อีกหลังเป็นที่เก็บรักษาไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านให้การเคารพนับถืออย่างมาก
พระพุทธรูปที่ลานจอดรถ
เริ่มต้นเดินเท้า ก่อนที่จะเข้าไปเที่ยวต้องไปชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการดูแลรักษาสถานที่ ราคาไม่แพงคนละ 20 เด็ก 10 บาท หน้าป้อมมีรูปให้ดูว่าในถ้ำมีอะไรน่าสนใจและสวยงามยังไงบ้าง จากนั้นเดินเข้ามาอีกหน่อยจะมีป้ายบอกทางไปที่เที่ยวที่อยู่บนเขาลูกนี้ ได้แก่ ถ้ำเพชรหาดทรายแก้ว 300 เมตร จุดชมวิวผาโมกราชินี (จุดคล้องกุญแจสำหรับคู่รัก) จุดชมวิวผาหินเทิน จุดโรยตัวจากหน้าผา และถ้ำเพชรโพธิ์ทอง เนื่องจากเส้นทางนี้เป็นทางไปถ้ำหาดทรายแก้วมีทางเชื่อมไปถึงถ้ำเพชรโพธิ์ทองได้ แต่เป็นการเดินอ้อมเลยดูเหมือนไกล แต่ถ้าเดินไปอีกทางถึงถ้ำเพชรโพธิ์ทองระยะทางแค่ 300 เมตร
เส้นทางเดินแบบเรียบง่ายไปเรื่อยๆ ท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่น เราก็มาถึงปากถ้ำเพชรโพธิ์ทองด้วยเวลาไม่นาน ถ้ามองไปอีกด้านจะมีทางแยกมีป้ายบอกทางเดินไปถ้ำหาดทรายแก้ว จากปากถ้ำเพชรโพธิ์ทองระยะทางประมาณ 580 เมตร
พอก้าวเข้ามาในถ้ำ ก็เห็นเหมือนในภาพ ดูเหมือนเป็นถ้ำตื้นๆ และจบแค่ที่เห็น แต่พอเดินเข้าไปข้างในลึกๆ ก็จะมีทางเดินต่อเข้าไปได้อีกเยอะ ในถ้ำมีไฟบริการไว้ให้จึงไม่ต้องพกไฟฉายมา เป็นสาเหตุของการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมนั่นเอง
หลังจากผ่านทางเข้าที่ดูเล็กและแคบ จะมาโผล่ห้องโถงใหญ่อีกห้องหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ โถงนี้กว้างมากมีหินงอกหินย้อยที่มีรูปร่างโค้งแปลกตา
จากนั้นเราก็มาโผล่ที่อีกห้องหนึ่ง คูหานี้มีโพรงทะลุออกจากถ้ำได้อีกด้าน มีแสงสว่างส่องเข้ามา ความชื้นและแสงแดดทำให้มีมอสเขียวๆ ขึ้นตามหิน เรียกว่าห้องเขียวมรกต
ทางเดินต่อจากห้องเขียวมรกตคล้ายๆ กับทางเข้ามาตอนแรก มีแสงไฟส่องนำทางตลอด
บริเวณนี้มีหินย้อยสวยๆ จะมีการเปิดไฟแสงสีเพิ่มความสวยงามให้กับถ้ำ ไฟแสงสีมีหลายสีสลับกันไปเรื่อยๆ แต่ละสีก็สวยต่างกันไป
ระเบียงชมเพชร พอเดินขึ้นมาจากบริเวณที่เปิดไฟแสงสี จะมาอยู่ตรงจุดที่หินงอกหินย้อยมีประกายระยิบระยับ หินสีขาวมุก มีประกายเพชรแบบนี้จึงเรียกกันว่า มุกประดับเพชร ตรงนี้จะมีลมเข้ามาจากปากถ้ำอีกด้านอากาศเย็นสบาย
ใบโพธิ์ทอง สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คือมีน้ำซึมผ่านเพดานถ้ำเข้ามาเป็นรูปเล็กๆ คราบน้ำที่ซึมเข้ามาค่อยๆ ขยายวงกว้างออก และไหลหยดลงมาด้านล่าง มองเผินๆ ตอนแรกนึกว่าใบโพธิ์ปลิวเข้ามาติดผนังถ้ำแล้วแห้งติดกัน แต่พอดูดีๆ ถึงรู้ว่าเป็นหยดน้ำ ทั้งหินประกายเพชร และใบโพธิ์ทอง เป็นที่มาของชื่อถ้ำ เพชรโพธิ์ทอง
มาถึงอีกคูหาหนึ่งเป็นโถงขนาดใหญ่มากๆ ผนังถ้ำด้านหนึ่งมีหินงอกหินย้อยสีมุกและประกายเพชร รูปร่างคล้ายทรงหมวกจอมทัพไทย
ห้องโถงใหญ่ห้องนี้มีเสาหินงอกหินย้อยสูงจากพื้นจรดเพดานเป็นเสาขนาดใหญ่ เดิมทีมีประกายเพชรสวยงามมากแต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนที่มาเที่ยว เอามือไปลูบให้ประกายเพชรติดมือออกมา ทำให้หินงอกหินย้อยต้นนี้ตายลงอย่างน่าเสียดาย ต่อมาจึงได้มีการบริหารจัดการโดยมีมัคคุเทศก์ที่มีความรู้เป็นคนนำชมถ้ำและคอยดูแลไม่ให้คนสัมผัสหิน
คูหาถ้ำฤๅษี เดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ จะมีห้องเล็กๆ บางห้องเรียกว่าห้องจงกรม เพราะเดินเข้าไปแล้วจะมาบรรจบกับทางเดินหลักได้อีก ส่วนห้องนี้มีลักษณะคล้ายถ้ำเล็กๆ ในถ้ำใหญ่ แล้วก็มีรูปร่างคล้ายหิ้งพระ
ห้องชุมนุมเทวดา เป็นคูหาสุดท้ายของการเดินเที่ยวถ้ำเพชรโพธิ์ทอง ชื่อนี้มีที่มาว่า หินงอกที่อยู่ตรงหน้า มีลักษณะเหมือนมีเทวดามานั่งชุมนุมกัน หินงอกเหล่านี้เกิดจากน้ำที่หยดลงมาจากหินย้อยด้านบนขวา มีลักษณะคล้ายลำตัวพญานาคเกาะผนังถ้ำแล้วปล่อยให้น้ำหยดลงมาเกิดเป็นเทวดา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ บ้างก็มาขอหวย ลูบๆ ถูๆ หินงอกด้านล่าง จนหินตายลงในที่สุด แม้จะมีประกาศห้ามลูบหินในถ้ำ แต่ก็ยังมีคนมากราบไหว้ขอพรขอหวยอยู่ตลอดมา
เส้นทางของถ้ำเพชรโพธิ์ทองยังสามารถเข้าไปได้อีกลึกมาก แต่ยังไม่มีการสำรวจเพราะเส้นทางต่อจากนี้ไปค่อนข้างอันตราย ถ้าเดินลงไปแล้วจะกลับขึ้นมาได้ยากถึงขนาดต้องเอาเชือกลงไปเพื่อดึงคนข้างล่างขึ้นมา จึงได้ปิดเส้นทางเที่ยวถ้ำเอาไว้แค่นี้ แต่ก็นับว่าเป็นความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ให้อีกสิ่งหนึ่งบนโลกที่น่าเข้าไปชม
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ