ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.ลพบุรี 036-770096-7
http://www.tourismthailand.org/lopburi
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ป้ายทางเข้าพระที่นั่งไกรสรสีหราช เมื่อเดินทางลัดเลาะผ่านหมู่บ้านคนเข้ามาในซอยในที่สุดมาจอดอยู่ที่ลานหน้าทางเข้าพระที่นั่งไกรสรสีหราช หรือพระที่นั่งเย็น หรือตำหนักทะเลชุบศร แล้วแต่จะเรียกกัน พระที่นั่งไกรสรสีหราชสามารถเดินทางเข้ามาได้หลายทางแต่ทางหนึ่งที่สะดวกก็คือจากตัวเมืองลพบุรีมุ่งหน้ามาที่วงเวียนอนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธินไปทางทะเลชุบศรแล้วเลี้ยวซ้ายทางหลวงหมายเลข 3016 จะมีทางแยกเข้าพระที่นั่งไกรสรสีหราชอยู่ขวามือ ตรงเข้าไปเรื่อยๆ จะถึงลานจอดรถด้านหน้า
ป้ายพระที่นั่งไกรสรสีหราช ภาพเดียวกันกับภาพแรกแต่ทำเป็นขาว-ดำเพิ่มความเก่าขลังให้กับป้ายที่ขึ้นสนิมและมีรอยแตกลานบนผิวป้าย
อัตราค่าเข้าชม คนไทยราคา 10 บาท แต่ถ้าซื้อบัตรรวมโบราณสถานลพบุรีซึ่งประกอบด้วยโบราณสถานบ้านวิชาเยนทร์, โบราณสถานปรางค์สามยอด, โบราณสถานวัดพระศรีมหาธาตุ ราคา 30 บาท ป้ายราคาติดอยู่ตรงป้อมเก็บค่าเข้าชมด้านหน้าซ้ายมือ
ป้อมเก็บค่าเข้าชม เป็นป้อมเล็กๆ ในวันหยุดจะเห็นนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเรื่อยๆ ตลอดทั้งวันส่วนใหญ่จะซื้อบัตรรวมกันครับ
บริเวณพระที่นั่งเย็น เมื่อเริ่มย่างก้าวเข้ามาในนี้ภาพตรงหน้าที่เห็นก็คือต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นโดดเด่นอยู่ตรงกลางใต้ต้นไม้นั้นมีโบราณสถานก่อด้วยอิฐคงเหลือเพียงผนังกับแนวสันอิฐรอบๆ
ต้นไม้ใหญ่แห่งพระที่นั่งเย็น กลางต้นเป็นโพรงขนาดใหญ่มีอายุหลายสิบปีมีชาวบ้านนำผ้ามาผูกและกราบไหว้
พระที่นั่งไกรสรสีหราช เลยจากต้นไม้ใหญ่มาหน่อยจะเป็นมุมนี้ซึ่งเป็นด้านหน้าของพระที่นั่งไกรสรสีหราช หรือพระที่นั่งเย็น หรือตำหนักทะเลชุบศร ที่ยังคงเหลืออยู่คือผนังและช่องหน้าต่างช่องประตูต่างๆ
พระที่นั่งเย็น หรือตำหนักทะเลชุบศร เดินมาถ่ายภาพด้ายหน้าตรงจะเห็นโครงสร้างอาคารพระที่นั่งแห่งนี้มีส่วนเชื่อมต่อออกไปด้านหลังในลักษณะทอดยาวออกทั้งด้านซ้ายและด้านขวาแต่ชำรุดหายไปมาก อีกด้านหนึ่งเรียกว่าทะเลชุบศร ปัจจุบันมองไม่ค่อยเห็นร่องรอยอะไรเหลืออยู่มากนัก ทะเลชุบศรเป็นที่ลุ่มน้ำขนาดใหญ่เดิมมีน้ำขังเป็นบริเวณกว้างจนคล้ายกับทะเล ที่เรียกกันว่าทะเลชุบศรนั้นเพราะมีความเชื่อว่าพระรามได้เคยชุบพระแสงศรในแหล่งน้ำแห่งนี้ จึงถูกเรียกว่า "ทะเลชุบศร" สืบมา
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้มีการนำน้ำจากทะเลชุบศรไปใช้ในตัวเมืองโดยได้สร้างคันดินกักน้ำทางด้านทิศตะวันตกของทะเลชุบศร บริเวณคันดินทำประตูเป็นช่องระบายน้ำเรียกว่า "ปากจั่น" น้ำจะถูกบังคับให้ไหลออกทางประตูนี้ จากนั้นน้ำจะถูกส่งด้วยท่อน้ำดินเผาเข้าไปใช้ในตัวเมือง จึงนับเป็นระบบประปาที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย
ภายในพระที่นั่งเย็น หลังจากเก็บภาพภายนอกแล้วลองเดินเข้ามาชมภายใน ช่องหน้าต่างที่มองเห็นจากด้านนอกหลายๆ ช่อง ทำให้ด้านในดูโปร่งโล่งมากกว่าที่จะเป็นผนังทึบๆ
อีกด้านหนึ่งของพระที่นั่งเย็น
ส่วนที่ต่อจากอาคารหลัก เดินอยู่ส่วนของอาคารหลักจะแปลกใจว่าเมื่อเดินทะลุประตูมาจะเดินต่อไปไม่ได้อีก เพราะห้องนี้ไม่มีพื้นยกสูงเหมือนอาคารหลักแต่เป็นผนังที่มีช่องประตูทะลุเข้าอาคารหลัก และช่องหน้าต่างที่ความสูงเท่าอาคารหลัก แต่พื้นระดับเดียวกันกับพื้นดินซึ่งต่างกันมาก
อาคารอื่นๆ ในบริเวณพระที่นั่ง เป็นอาคารเล็กๆ แยกออกมา มีร่องรอยของกพแพงที่สร้างเชื่อมจากอาคารหลักมายังอาคารหลังนี้แต่การชำรุดหักพังไปมากทำให้เหลือเพียงผนังด้านเดียว เป็นที่น่าสังเกตุว่าช่องหน้าต่างของอาคารหลังเล็กนี้แตกต่างจากอาคารหลักเป็นคนละแบบกันเลยครับ สำหรับข้อแนะนำในการเดินทางมาศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณสถานแห่งนี้ควรมีร่มหรือหมวกมาด้วยครับเนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่โล่งกว้าง ภายในโบราณสถานไม่มีหลังคาเหลืออยู่โดยเฉพาะหากเดินทางมาช่วงเที่ยงจะร้อนมาก
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ