ข้อมูลเพิ่มเติม:ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า โทร. 0 3532 2730-1
http://www.tourismthailand.org/ayutthaya
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
พระมหากษัตริย์ ห้า พระองค์ เดินทางมาถึงวัดพุทไธศวรรย์นอกจากจะชมพระปรางค์องค์ประธานและปูชนียวัตถุต่างๆ ภายในวัดแล้วหลายคนก็เดินทางมาที่วัดนี้เพื่อสักการะพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยซึ่งอยู่บริเวณท่าน้ำของวัดได้แก่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) สมเด็จพระเอกาทศรถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทางเดินไปพระปรางค์ ข้างๆ ลานพระบรมรูปพระมหากษัตริย์จะมีฆ้องขนาดใหญ่แขวนไว้สำหรับลูบให้เกิดเสียงดัง (ว่ากันว่าหากใครลูบแล้วฆ้องมีเสียงดังขึ้นมาจะเป็นผู้มีบุญ มีโชควาสนาดี) ข้างๆ ฆ้องจะมีทางเดินเข้าไปสู่พระปรางค์ วิหารพระนอน หมู่พระเจดีย์ 12 องค์
ปรางค์ประธาน องค์ใหญ่ศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กึ่งกลางอาณาเขตพุทธาวาสบนฐานไพที ซึ่งมีลักษณะย่อเหลี่ยมมีบันไดขึ้น 2 ทาง คือ ทางทิศตะวันออก และทางทิศตะวันตก ส่วนทิศเหนือทิศใต้มีมณฑปสองหลังภายในพระมณฑปมีพระประธานในรูปที่เห็นเป็นบันไดทางขึ้นด้านตะวันออก
ปรางค์ประธานมุมหน้าขวา
พระเจ้าอู่ทอง ที่มุขเด็จพระปรางค์องค์ใหญ่มีรูปพระเจ้าอู่ทอง รูปพระเจ้าอู่ทองนี้เดิมทำเป็นเทวรูปในรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2327 พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเทพพลภักดิ์ ซึ่งบัญชาการกรมพระคชบาลเสด็จออกไปซ่อมเพนียดที่นครศรีอยุธยาทรงพบเข้า จึงกราบทูลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงโปรดให้เชิญเทวรูปนั้นลงมากรุงเทพฯ แล้วโปรดให้หล่อแปลงใหม่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหุ้มเงินทั้งองค์ และโปรดให้ประดิษฐานไว้ ณ หอพระเทพบิดร ส่วนรูปที่เรียกกันว่า พระเจ้าอู่ทอง ในปัจจุบันเป็นของหล่อขึ้นใหม่แทนของเดิมที่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องยืนตรงมุขข้างปรางค์ไม่ได้ตั้งอยู่ ณ ที่เดิม
วิหารรายพระปลัตซ้าย ที่เห็นในรูปคือวิหารรายหากหันหน้าตามพระปรางค์ไปทางตะวันออกมณฑปหรือวิหารราย นี้จะอยู่ด้านซ้าย มีพระพุทธรูปในมณฑป เรียกว่าพระปลัตซ้าย
ประตูมณฑปข้างปรางค์ ยามเย็นจะมองเห็นพระพุทธรูปได้ไม่ชัดนัก
พระพุทธรูปในมณฑปข้างปรางค์ เดินขึ้นมาบนมณฑปเข้าไปในประตูจะมองเห็นองค์พระพุทธรูปได้ชัดขึ้น พระพุทธรูปจะประดิษฐานอยู่ในมณฑปทั้งทิศเหนือและทิศใต้ อีกด้านหนึ่งเรียกว่าพระปลัตขวา
มหามณฑปสุวรรโฑฬังรามาธิบดีที่ ๑ (อู่ทอง) ประวัติโดยสังเขป ในพุทธศักราช 2539 พระพุทไธศวรรย์วรคุณ (หลวงปู่ทวล) ได้นิมิตความว่า พระสุวรรณโฑฬัง (รามาธิบดีที่ ๑ หรือพระเจ้าอู่ทอง) มาให้พระพุทไธศวรรย์วรคุณ หรือหลวงปู่ทวลในตอนนั้น ดำเนินการสร้างถาวรวัตถุในอาณาเขตของวัดพุทไธศวรรย์ฯ 4 อย่างคือ 1.กุฎิพระบิดา 2.กุฎิพระมารดา 3.มณฑป 8 ทิศ 4.พระวิหารหลวงโดยในช่วงเวลาที่นิมิตนั้น หลวงปู่ทวลได้ดำเนินการสร้างกุฎิพระบิดาและกุฎิพระมารดาแล้วเสร็จไปแล้ว จึงยังคงขาดแต่มณฑป ซึ่งในนิมิตนั้นหลวงปู่ทวลได้โต้แย้งว่า เราไม่มีปัจจัยจะสร้างได้อย่างไร พระเจ้าอู่ทองท่านได้ตรัสตอบว่า ให้ดำเนินการสร้างได้เลย แล้วจะส่งคนมาช่วย ดังนั้นเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2539 เวลา 15.36 นาฬิการ 9 วินาที จันทรคติ ปีกุน จุลศักราช 1357 ลัคนาสถิตราศีสิงห์ พระจันทร์เสวยภูมิปาโลฤกษ์ หลวงปู่ทวลจึงได้ทำการวางศิลาฤกษ์มหามณฑป 8 ทิศ หลังนี้และในปลายปี 2539 นั้นเอง พระอาจารย์อติโชติ ธมฺมวโร มาขออุปสมบทที่วัดนี้โดยหลวงปู่ทวลได้อนุญาตให้อุปสมบทได้ หลวงปู่ทวลได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างมหามณฑป 8 ทิศแห่งนี้โดยในวาระแรกได้จัดหารายได้จากการให้ทำบุญบูชาวัตถุมงคล (พระที่สร้างจากพญาเหล็ก โดยหลวงปู่ทวล) และได้นำปัจจัยนั้นดำเนินการก่อสร้างมาโดยลำดับ ระหว่างนั้นพระอาจารย์อติโชติฯ ได้ขออนุญาตหลวงปู่ทวลสร้างตำหนักองค์ท่านพ่อจตุคามรามเทพเพื่อให้ลูกศิษย์กราบไหว้ในเขตวัดพุทไธศวรรย์ ซึ่งเมื่อได้รับอนุญาตจากหลวงปู่ทวลฯ พระอาจารย์อติโชติ ธมฺมวโร จึงได้ทำการสร้างองค์พ่อจตุคามรามเทพ หน้าตัก 29 นิ้ว ปิดทองคำเปลวในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 เพื่อประดิษฐานในตำหนักท่านพ่อจตุคามรามเทพ ณ ด้านหลังกุฎิหลวงปู่ชม พรหมโชติ และหลังจากนั้นพระอาจารย์อติโชติฯ จึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลของ ท่านพ่อจตุคามรามเทพขึ้นหลายรุ่น ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา เมื่อปี พ.ศ. 2547 หลวงปู่ทวลได้อาพาธหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล พระอาจารย์อติโชติฯ จึงได้เข้ามาจัดหารายได้จากการให้ศิษยานุศิษย์ บูชาวัตถุมงคลท่านพ่อจตุคามรามเทพมาดำเนินจัดสร้างมณฑปหลังนี้ต่อ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มหามณฑป 8 ทิศหลังนี้สร้างเพื่อถวายเป็น พระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง)
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ