อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์

อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ ก่อสร้างเป็นเขื่อนดิน สูงประมาณ 16.50 เมตร ยาว 740 เมตร จากปากทางเข้าอ่างเก็บน้ำให้เลี้ยวซ้ายจะมีถนนขึ้นไปจนถึงยอดเขาเพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบ ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร และช่วงกิโลเมตรที่ 6 จะเป็น เนินพิศวง หรือ เนินมหัศจรรย์ ยาวประมาณ 150 เมตร ถ้าจอดรถแล้วปล่อยเกียร์ว่างไว้รถจะไหลขึ้นเนินได้ซึ่งเกิดจากภาพลวงตาจากภูมิประเทศโดยรอบ

การเดินทาง จากสี่แยกเนินหอม แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 33 ไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกให้แยกซ้ายมือ ระหว่างกิโลเมตรที่ 160-161 เลยไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานครนายก (นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) โทร. 0 3731 2282, 0 3731 2284
http://www.tourismthailand.org/nakhonnayok

แก้ไขล่าสุด 0000-00-00 00:00:00 ผู้ชม 26712

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

ทางเข้าอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ จากทางหลวงหมายเลข 33 เลี้ยวเข้ามาตามที่ป้ายบอกทางเข้าอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ ซึ่งเป็นทางเดียวกันกับทางไปน้ำตกเขาอีโต้ (เพราะน้ำตกเขาอีโต้เกิดจากการปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์นี่เองจึงอยู่ใกล้กันมาก) ขับเข้ามาตามทางไม่นานนักเราก็มาถึงปรตูทางเข้าอ่างเก็บน้ำ ส่วนน้ำตกเขาอีโต้ก็ขับตรงไปอีกไม่ไกล ตอนนี้เลี้ยวเข้าอ่างเก็บน้ำก่อนดีกว่า

ป้ายบอกทางที่เที่ยวเขาอีโต้ เข้ามาหน่อยเดียวจะมีทางแยก คนไม่เคยมาก็จะงงๆ ว่าจะไปทางไหน ดีว่ามีป้ายบอกทางปักอยู่ตรงนี้ ที่เที่ยวรอบๆ บริเวณอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ก็มีหลายที่ อย่างเช่นน้ำตกไทรทอง น้ำตกไผ่ข้าวหลาม เนินพิศวง จุดชมวิวผาหินซ้อน มีลานกางเต็นท์ด้วย ทั้งหมดดูเหมือนจะไปทางซ้าย ระยะทางต่างกันไป เดี๋ยวเราค่อยๆ ขับไปดูเรื่อยๆ ให้รอบๆ เลยแล้วกัน

พุทธอุทยานโลก อีกชื่อหนึ่งสำหรับที่ใช้เรียกสถานที่แห่งนี้นอกเหนือไปจากชื่อ อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ ก็คือ วนพุทธอุทยานน้ำตกเขาอีโต้ และชื่อ พุทธอุทยานโลก เราก็ทำความเข้าใจง่ายๆ ว่า พื้นที่ทั้งหมดของป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำตกเขาอีโต้ เป็นพุทธอุทยานโดยมีอ่างเก็บน้ำเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เพราะมีขนาดเล็กกว่า นั่นเอง
ประวัติการดำเนินการจัดตั้งพุทธอุทยานโลก
เป็นความคิดริเริ่มของ ฯพณฯ สุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีความประสงค์จัดตั้งในประเทศไทย เพื่อให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก โดยมีพุทธสถานอันเป็นจุดศูนย์รวมของชาวโลกที่นับถือศาสนาพุทธ ทั้งนี้ได้มีการรวมสถานที่ที่ทำให้เกิดความรู้สึกระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล รวมทั้งให้มีพุทธสถานครอบคลุมศาสนาพุทธทุกนิกายทั่วโลกไว้ ณ เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำตกเขาอีโต้ ได้ดำเนินการโครงการ "พุทธอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" โดยร่วมกับมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 6,039 รูป ที่ร่วมโครงการและปฏิบัติศาสนกิจในพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศมาร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และในโอกาสเดียวกันนี้ ก็ได้จัดให้มีการถวายผ้าป่าเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งกองทุนในการดำเนินการจัดตั้ง "พุทธอุทยานโลก"

สำหรับพื้นที่จัดตั้งพุทธอุทยานโลกแห่งนี้ นายชยุต ภุมมะกาญจนะ ส.ส. จังหวัดปราจีนบุรี ได้เสนอต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสม มีความร่มรื่น รวมทั้งมีแหล่งน้ำ กรมป่าไม้จึงได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ 13,593 ไร่ นอกจากนี้ได้มีการจดทะเบียนและจัดตั้ง "มูลนิธิพุทธอุทยานโลก" เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2553 เพื่อเป็นหน่วยงานในการดำเนินการและบริหารจัดการ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2553 และต่อมาวันที่ 21 เมษายน 2553 นายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้ นายพยุง นพสุวรรณ ประธานกรรมการมูลนิธิพุทธอุทยานโลก และนายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยาการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ ที่กรมป่าไม้ พร้อมด้วยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานสนับสนุน โดยมี ฯพณฯ สุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานพิธีลงนามในการจัดตั้งพุทธอุทยานโลก เพื่อเป็นพื้นที่ในการพิทักษ์ อนุรักษ์ รักษา ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเพื่อดำเนินการส่งเสริม และเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยศรัทธาและเจตนารมณ์อันแรงกล้าให้พุทธอุทยานโลกเป็นแหล่ง "ธรรมะเพื่อธรรมชาติ" สืบไป

ป้ายพุทธอุทยานโลกนี้ตั้งอยู่ตรงทางแยกพอดี ต่อจากนี้เราจะไปทางซ้ายมือเพราะดูเหมือนว่าจะมีที่เที่ยวเยอะ

จากสามแยกตรงทางเข้าอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์มาเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เราจะเห็นอาคารกลุ่มหนึ่งเล็กบ้างใหญ่บ้าง มีสนามหญ้ากว้างใหญ่อยู่ริมอ่างเก็บน้ำ บรรยากาศต้นไม้ร่มรื่นมาก บริเวณนี้ก็คือศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่ทำการวนพุทธอุทยานน้ำตกเขาอีโต้ และลานสนามหญ้ากว้างๆ นั้นก็เป็นลานกางเต็นท์นั่นเอง ริมอ่างเก็บน้ำจะมีศาลเพียงตาหรือศาลพระภูมิเล็กๆ อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ต้นเดียวโดดๆ โดยมีกองหินอยู่โคนต้นเป็นที่ตั้งศาล คงมีบางช่วงที่น้ำมีระดับน้ำสูงขึ้นจนท่วมโคนต้นไม้ แต่ปกติน้ำที่อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์จะมีระดับไม่สูงนัก ทิวทัศน์รอบๆ อ่างเก็บน้ำเป็นเขาเล็กๆ สลับกัน เป็นวิวที่สวยมาก

เขื่อนดิน ด้านขวามือของจุดที่เรายืนอยู่จะมองเห็นคันสันเขื่อน มองจากเหนืออ่างเก็บน้ำดูเหมือนสันเขื่อนไม่สูงเท่าไหร่ ถ้ามองจากด้านหลังจึงจะเห็น ความสูง 16.5 เมตร มีประตูน้ำเล็กๆ สำหรับเปิด-ปิดน้ำ เพื่อส่งลงไปในพื้นที่เกษตรกรรม นอกจากนั้นยังเกิดเป็นน้ำตกชั้นเล็กๆ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไปก็คือน้ำตกเขาอีโต้นั่นเอง

บรรยากาศรอบอ่างเก็บน้ำ หลังจากที่เราชมวิวที่อ่างเก็บน้ำกันแล้วเราก็ลองขับไปตามทางเรื่อยๆ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้างรอบๆ อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ จากป้ายตรงทางเข้าอย่างน้อยเราก็รู้ว่ามีจุดชมวิวผาหินซ้อนอยู่ห่างจากที่ทำการไปประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ความประทับใจของเส้นทางสายนี้ตั้งแต่ที่เรายังไม่ถึงจุดชมวิว ก็คือความอุดมสมบูรณ์ของป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำตกเขาอีโต้ ดูสิครับต้นไม้ใหญ่ 2 ข้างทางลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างเป็นป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่หนาแน่น ถนนที่ทอดยาวไปตามแนวของเนินเขาเตี้ยๆ แห่งนี้มีสภาพเหมือนอุโมงค์ที่ยาวเป็นกิโลเมตร ปกคลุมด้วยต้นไม้ทั้งหมด บรรยากาศที่สงบร่มรื่น มีชมรมจักรยานอยู่บนนี้ด้วย เส้นทางนี้เหมาะมากสำหรับการปั่นจักรยานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีเพราะอากาศบริสุทธิ์ รถที่ผ่านขึ้นมามีจำนวนไม่มาก มีเนินเป็นช่วงๆ สุดยอดจริงๆ

ทางเข้าผาหินซ้อน เพียงไม่นาน เรามาถึงสะพานไม้เก่าๆ มีลูกศรสีแดงเล็กๆ ติดอยู่ พอให้รู้ว่ามีทางเดินเข้าไปได้ เราจอดรถแล้วเดินเข้าไป แต่ไม่ข้ามสะพานนะครับ เพราะข้างล่างไม่มีน้ำส่วนสะพานก็ดูจะไม่ปลอดภัยเท่าเดินตามพื้นดิน ใต้สะพานมีลักษณะเป็นห้วยทางน้ำเล็กๆ แต่ขนาดเรามาฤดูฝนยังไม่มีน้ำไหล แสดงว่าจะมีน้ำเฉพาะวันที่ฝนตกเท่านั้น

ชมวิวสวยผาหินซ้อน นี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งรอบอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ครับ จุดชมวิวผาหินซ้อนมีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่เรียงกันอยู่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวริมผาได้ เบื้องล่างเป็นค่ายพรหมโยธี พอมองไกลออกไปก็จะเป็นหมู่บ้าน ต้นไม้หนาแน่นสีเขียวข้างล่างแต่งเติมให้ทิวทัศน์ที่เห็นสวยงามน่าประทับใจ ลมพัดเย็นสบาย นักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาเรื่อยๆ ตลอดเวลา ผลัดกันเข้าผลัดกันออก

จุดชมวิวผาหินซ้อน ลักษณะร่องรอยบนผิวหินเหมือนเคยถูกกัดเซาะด้วยกระแสน้ำมากกว่าจะเป็นกระแสลม ผมเดาเอาว่าในหลายล้านปีก่อนที่นี่อาจจะเคยเป็นก้นทะเลก็ได้ เพราะขนาดชัยภูมิยังเคยเป็นทะเลมาก่อนเลยนี่ครับ ดอยหลวงเชียงดาวก็ว่ากันว่ามีฟอสซิลหอยอยู่บนนั้นด้วย เขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของไทยถ้าเคยเป็นทะเลมาก่อนละก็ที่อื่นจะเหลือเหรอครับว่ามั้ย

เดินทางกันต่อบนเขาอีโต้ หลังจากชมวิวอยู่พักใหญ่เราก็ยังคงขับไปตามเส้นทางลาดยางที่ทอดยาวขึ้นไปบนเขา ระหว่างทางมีทางแยกแต่เป็นทางดิน เหมือนว่าต้องใช้รถกระบะเข้าไป ปากทางแยกไม่ได้เขียนป้ายอะไรบอกไว้ ผมก็เดาเอาว่าน่าจะเป็นทางเข้าน้ำตกไผ่ข้าวหลามหรือไม่ก็น้ำตกไทรทอง เจ้าหน้าที่บอกว่ารถเก๋งจะเข้าไม่ได้ นอกจากจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เท่านั้น เราก็เลยไม่ได้เข้าไปดู ขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ไปสุดที่จุดชมวิว ซึ่งต้องเดินต่อขึ้นไปอีกหน่อย บนยอดเขามีศาลา 2 หลัง เดิมทีเดียวคงเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก ระยะหลังมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมจนวิวปิด มองไม่เห็นอะไรนอกจากต้นไม้ที่ล้อมตัวเราอยู่ ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยอยากจะเขียนบอกไว้ว่า จุดชมวิวยอดเขาอีโต้ก็ถือว่าปิดไปเลยละกันครับ ถ้าจะไปก็ไม่ต้องขับขึ้นไปแล้ว เพราะหลังจากจุดชมวิวผาหินซ้อนแล้วไม่มีที่ไหนที่จะเที่ยวได้เลยนอกจากเอามอเตอร์ไซค์มาจะได้เข้าน้ำตก
สรุปแล้วมาเที่ยวอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ เราก็จะไปชมวิวอ่างเก็บน้ำ นอนค้างแรมกางเต็นท์ริมอ่างเก็บน้ำ จุดชมวิวผาหินซ้อน น้ำตกไทรทอง น้ำตกไผ่ข้าวหลาม แต่สำหรับน้ำตกทั้งสองแห่ง ต้องมีมอเตอร์ไซค์ หรือ จักรยาน หรือสุดท้ายเดินเข้าไปก็ได้ครับ แต่สำหรับการเดินคงจะไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่ ความสวยงามของน้ำตกไทรทองอาจจะสวยพอควรแต่ถ้าแลกกับการเดินเข้าไป หลายคนจะเลือกขับรถไปน้ำตกเขาอีโต้จะดีกว่า ห่างจากอ่างเก็บน้ำเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ลองคลิกไปชมน้ำตกเขาอีโต้ดูครับว่าเป็นยังไงจะถูกใจกันหรือเปล่า

วัดถ้ำเขาอีโต้ ซุ้มประตูวัดอยู่เยื้องๆ กับทางเข้าอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ หลังจากมาเที่ยวกันแล้วแวะเข้ามาไหว้พระเป็นสิริมงคลกันบ้างครับจะได้เดินทางปลอดภัยและมีสติ ซุ้มประตูติดถนนถ้าจะไปถ่ายจากด้านนอกจะไม่สะดวกและไม่ปลอดภัยขอเข้ามาถ่ายรูปจากด้านในดีกว่านะครับ เข้ามาในบริเวณวัดร่มรื่นสงบมาก

หลวงพ่อปางป่าเลไลยก์ องค์ใหญ่พอสมควรประดิษฐานอยู่ในศาลาเป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่เราเห็นในวัดถ้ำเขาอีโต้ ภายในวัดยังมีจุดเด่นอีกอย่างคือหินขนาดมหึมากระจายอยู่ทั่วบริเวณวัด

บรรยากาศวัดถ้ำเขาอีโต้ มีทางไปยังถ้ำหลวงปู่เคน หลวงพ่อพัน และศาลเจ้าแม่ผมหอม

ลอดอุโบสถ จุดเด่นอีกอย่างของวัดคืออุโบสถขนาดสูงใหญ่หลังนี้ โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ในวัดมองจากด้านนอกจะเห็นหลังคาที่สูงมากๆ ใต้ฐานอุโบสถมีทางลอดเพื่อสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อ ทางวัดเปิดไฟส่องสว่างอยู่กลางทางเดินใต้ฐานอุโบสถ แต่ปกติแล้ววัดไม่เปิดอุโบสถให้เข้าภายในครับ

หลวงพ่อวัดถ้ำเขาอีโต้ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประดิษฐานอยู่บนหินขนาดใหญ่ มีหลังคาคลุม ทางวัดสร้างบันไดให้ขึ้นไปนมัสการพระบนหิน เอาละครับไหว้พระทำบุญเสร็จเรียบร้อย เดินทางไปต่อได้...