ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานราชบุรี 032 919176-8
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ความจงรักภักดีทั่วแผ่นดิน ช่วงงานฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี พระราชวังสนามจันทร์ เป็นปีมหามงคงของปวงชนชาวไทยและได้มีการประดับประดาโคมแบบเดียวกันบนถนนแทบทุกสาย ประชาชนเดินทางเข้าชมพระราชวังสนามจันทร์กันเนืองแน่นลานจอดรถเต็มหมดทุกลานจนต้องไปจอดไว้ถนนเหนือวังแล้วเดินมาประมาณ 700 เมตร จนถึงสะพานทางเข้าพระราชวังสนามจันทร์ ชื่อสะพานรามประเวศน์ จากสะพานแห่งนี้หากมองออกมาจากข้างในพระราชวังจะมองเห็นองค์พระปฐมเจดีย์พอดีครับ
คูน้ำในพระราชวังสนามจันทร์ เดินเข้ามาก็จะพบกับคูน้ำขนาดใหญ่รอบบริเวณพระราชวัง ในวันที่มีงานฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี มีการจัดงานโดยมีการเปิดร้านค้ามากมาย รวมทั้งวัดต่างๆ ได้มาเปิดให้ประชาชนร่วมทำบุญกันมากมายรอบบริเวณนี้ การประดับไฟอย่างสวยงามรอบบริเวณพระราชวังสนามจันทร์จะเห็นได้เด่นขึ้นในเวลากลางคืน แต่ตอนนี้เราเข้าไปเดินชมภายในกันก่อนครับ
สะพานฉนวนพระราชวังสนามจันทร์ เดินลึกเข้ามาทางที่จะไปพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์จะมองเห็นสะพานฉนวนและพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ได้ชัดเจน สะพานฉนวนเป็นสะพานเชื่อมต่อพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์และพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ ในงานฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ แต่ห้ามถ่ายรูปภายใน ช่างภาพหลายระดับฝีมือเดินทางมาถ่ายรูปพระตำหนักกับสะพานชนวนนี้ รวมทั้งนั่งพักผ่อนรอเวลากลางคืนก็มาก
พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ภาพนี้เป็นด้านข้างของพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ซึ่งในงานฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปีมีการจัดประกวดภาพถ่ายของพระราชวังสนามจันทร์ด้วย จึงเห็นช่างภาพอยู่เต็มพื้นที่ หลายๆ คนเลือกที่จะใช้พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ สะพานฉนวนและพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ เป็นงานส่งเข้าประกวดช่วงเวลา กลางวันไปจนถึง 4 ทุ่ม ช่างภาพและนักท่องเที่ยวเดินกันเต็มพื้นที่ ถ้าหากจะถ่ายภาพวิวสวยๆ ละก็ทำได้ยากมากๆ
พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็นพระตำหนักที่โดดเด่นที่สุดในหมู่พระตำหนักและพระที่นั่งในพระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสนามใหญ่ สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2451 โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ จุดเด่นของพระตำหนักองค์นี้คือสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะคล้ายกับปราสาท ซึ่งเป็นการผสมระหว่างศิลปะเรอเนซองส์ของฝรั่งเศส กับอาคารแบบฮาล์ฟ ทิมเบอร์ของอังกฤษ แต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระตำหนักว่า พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีขึ้นพระตำหนัก เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460
http://th.wikipedia.org/wiki/พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์
ในเวลานี้ผู้คนยังออกันอยู่ด้านหน้าพยายามถ่ายรูปพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์จากมุมอนุสรณ์ย่าเหล จนเราต้องเดินหามุมที่พอจะมี (หลบผู้คน) ก็ได้มุมนี้มา 1 รูป
พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ภาพด้านหลังที่ช่างภาพหลายคนมาจับจองพื้นที่ในการเก็บภาพสวยๆ ทั้งกลางวันและกลางคืนกันจนแน่นริมคูน้ำทั้ง 2 ฝั่ง
พระราชวังสนามจันทร์ หากให้เลือกภาพหนึ่งในบรรดาพระตำหนัก พระที่นั่ง เรือนต่างๆ เพื่อแสดงความเป็นพระราชวังสนามจันทร์ได้ดีที่สุดก็คงเป็นพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ซึ่งมีอนุสรณ์ย่าเหลหน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ย่าเหล (ประมาณ พ.ศ. 2465) เป็นสุนัขพันทางที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลี้ยง และทรงโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง ภายหลังถูกลอบยิงจนตาย รัชกาลที่ 6 ทรงโทมนัสเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานศพ และสร้างอนุสาวรีย์ย่าเหลขึ้น ทั้งยังทรงพระราชนิพนธ์คำกลอนไว้อาลัยแก่ย่าเหลด้วย
http://th.wikipedia.org/wiki/ย่าเหล
พระที่นั่งพิมานปฐม จากพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เดินเข้ามาตามถนนเรื่อยๆ จะเห็นพระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรกในบริเวณของพระราชวังสนามจันทร์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้นแบบตะวันตก แต่ดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศเมืองร้อน สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2450 พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับ ที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และที่ออกให้ราษฎรเข้าเฝ้าฯ โดยเฉพาะก่อนเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชย์สมบัติ จนถึงปี พ.ศ. 2458 มากกว่าพระที่นั่ง และพระตำหนักองค์อื่นๆ
http://th.wikipedia.org/wiki/พระที่นั่งพิมานปฐม
อีกด้านหนึ่งของพระที่นั่งพิมานปฐม เดินเรื่อยๆ มาครับชมพระที่นั่งแห่งนี้หลายๆ มุมก่อนที่จะเดินชมสถานที่ต่อไป ด้านหน้าของพระที่นั่งพิมานปฐมจะมีเทวาลัยคเณศร์อยู่ครับ
เทวาลัยคเณศร์ ในพระราชวังสนามจันทร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นศาลเทพารักษ์ เป็นที่ประดิษฐานพระคเณศร์ หรือพระพิฆเนศวร ซึ่งนับถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ ปราดเปรื่องในศิลปวิทยาทุกแขนงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเทวาลัยคเณศร์ไว้ ณ ที่อันเป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนามจันทร์ สำหรับบวงสรวง และเพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งพระราชวังสนามจันทร์ และเมื่อมองจาก พระที่นั่งพิมานปฐมจะเห็นพระปฐมเจดีย์ เทวาลัยคเณศร์และพระที่นั่งพิมานปฐมอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
http://th.wikipedia.org/wiki/เทวาลัยคเณศร์
สำหรับพระที่นั่งพิมานปฐมเราสามารถเดินขึ้นไปชมด้านบนได้โดยไปที่ด้านขวาสุดของพระที่นั่ง แต่ก่อนหน้านั้นประชาชนมักจะไปแตะที่ฐานองค์พระพิฆเณศร์เพื่อขอพรเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
พระที่นั่งวัชรีรมยา พระที่นั่งวัชรีรมยาอยู่ถัดจากพระที่นั่งพิมานปฐม โดยมีพระระเบียงเชื่อมต่อถึงกัน ถัดจากพระที่นั่งวัชรีรมยา จะเป็นพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ (อยู่ทางขวาของภาพ)
พระที่นั่งวัชรีรมยา ด้านหน้าของสถาปัตยกรรมที่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม ไม่ได้เปิดให้เข้าชมภายในครับ แต่เท่าที่ได้เห็นจากภายนอกก็สวยมากแล้วละ
ศาลากลางน้ำ ใกล้ๆ พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ จะมีศาลาเล็กๆ ริมคูน้ำ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักจะไปนั่งพักผ่อนจากการเดินชมบริเวณที่กว้างขวางของพระราชวันสนามจันทร์ นอกจากนี้ยังเป็นทางเดินต่อไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อีก แต่ถ้าหากมีเวลาน้อยหรือรู้สึกเดินไม่ไหวอย่างน้อยควรได้ชม
พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์
พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์
พระที่นั่งพิมานปฐม
พระที่นั่งวัชรีรมยา
ให้ได้นะครับ
พระระเบียงเชื่อมพระที่นั่งพิมานปฐม หลังจากที่ได้ชมด้านล่างกันแล้วคราวนี้เรามาเดินอยู่ด้านบนของพระที่นั่งพิมานปฐมซึ่งเปิดให้เข้าชมได้แต่ห้ามถ่ายรูปและต้องถือรองเท้าของตัวเองไปด้วยครับ ทางขึ้นอยู่ที่สุดพระที่นั่งพิมานปฐมด้านซ้าย
พระระเบียงจากพระที่นั่งพิมานปฐมเชื่อมไปถึงพระที่นั่งวัชรีรมยา สุดพระระเบียงนี้แล้วก็เป็นบันไดทางลงครับ โดยมีจุดที่สามารถเดินถ่ายภาพได้ซึ่งเป็นจุดที่ได้จะได้องค์เทวลัยคเณศร์ ตรงกันกับองค์พระปฐมเจดีย์พอดีด้วย
เทวาลัยคเณศร์และองค์พระปฐมเจดีย์ เห็นมั้ยครับว่าอยู่ตรงกันในแนวเดียวกันตามพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้น เฉพาะในวันงานฉลองครบรอบปีต่างๆ ของพระราชวังสนามจันทร์ จะมีการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ประดับไฟจำนวนมากจนดูเหมือน เทวาลัยคเณศร์ อยู่ท่ามกลางดวงดาวสว่างไสว
สถานที่บางส่วนในพระราชวังสนามจันทร์ ได้แก่ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ ภาพซ้าย ส่วนภาพขวาคือ เรือนพระนนทิเสน ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
บรรยากาศการเปิดร้านงานฉลองครบรอบ 100 ปี หลังจากที่ได้พาชมสถานที่ต่างๆ ในพระราชวังสนามจันทร์แล้ว และยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้กล่าวถึง แต่ก็นับว่าน่าจะเพียงพอแล้วเพราะเวลาในวันนี้เรามีน้อย บรรยากาศกลางคืนถ่ายภาพลำบาก ไว้มีโอกาสจะมาใหม่ตอนกลางวันและถ่ายมาให้ครบครับ
กลับมาที่งานในคืนวันนี้ดีกว่า การประดับไฟในสถานที่ต่างๆ อย่างเช่นต้นไม้ใหญ่ ตามร้านค้า ทำให้บริเวณพระราชวังสนามจันทร์ดูสว่างไสวสวยงาม และเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมงานและถ่ายภาพที่ระลึกกับพระที่นั่งองค์ต่างๆ
บรรยากาศงานฉลองครบรอบพระราชวังสนามจันทร์ นอกจากการเปิดร้านและการประดับไฟจำนวนมากจนทำให้เรามองเห็นพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ท่ามกลางไฟระยิบระยับประดุจปราสาทในเทพนิยาย ก็จะมีการแสดงศิลปะแขนงต่างๆ ให้ชมฟรี มีอาหารมากมายบริการ โดยแม่ค้าจะพร้อมใจกันแต่งกายชุดไทยสไบเฉียง (เฉพาะที่หน้าเวทีแสดง) ทำให้เราได้รู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆ มีอาหารแบบดั้งเดิมของไทยกินระหว่างการชมการแสดง
สิ่งที่น่าสนใจในงานฉลองครบรอบ 100 ปี มีการประดิษฐ์พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลักษณะคล้ายทำด้วยแผ่นทองคำวางจำหน่ายในงาน ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจ เพราะเป็นงานที่ปราณีตงดงามมาก เหมาะในการตั้งไว้บูชาในบ้าน
ส่วนอีกภาพหนึ่งขวามือเป็นนิทรรศการภาพที่มีทุกบ้าน ที่ได้นำออกมาแสดงในงานนี้
การเปิดร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในงาน นี่เป็นส่วนหนึ่งของผลงานที่นำมาจัดแสดง นะครับมีอีกหลายร้านหลายรายการให้เลือกชมกันมากมายเลย
งานศิลปะจากโลหะ (การหล่อ) งานศิลปะจากโลหะ จัดแสดงไว้ในส่วนแสดงผลงานจากโครงการ สำหรับส่วนนี้มีผลงานมาจัดแสดงหลายประเภทให้เดินดูได้รอบๆ ภายในงานยังมีการประดิษฐ์ผลงานให้ดูด้วย
ศิลปะการประดิษฐ์หัวโขน โขนและหัวโขนเป็นผลงานศิลปะอย่างหนึ่งของประเทศไทยเราที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางแพร่หลายไปยังนานาประเทศ เป็นจุดสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมศิลปะวัฒนธรรมของไทย
หุ่นกระบอก ศิลปะการแสดงอีกอย่างหนึ่งของไทยแต่โบราณคือการเชิดหุ่นกระบอกซึ่งปัจจุบันก็ยังมีการอนุรักษ์ให้ดำรงคงอยู่คู่กับเมืองไทย
นิทรรศการผลงานศิลปะ ภาพเขียนสีที่สวยงามของพระพุทธเจ้าปางแสดงอิทธิปาฏิหาริย์
ภาพขวา พระกำลังแผ่นดิน
พระสมเด็จจิตรลดา หรือ พระกำลังแผ่นดิน (หรืออาจเรียกว่า สมเด็จจิตรลดา, พระจิตรลดา) เป็นพระเครื่อง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง พระราชทานแก่ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และพลเรือน ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2508 - 2513 มีทั้งสิ้นประมาณ 2500 องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง มีเอกสารส่วนพระองค์ (ใบกำกับพระ) ซึ่งแสดงชื่อ นามสกุล วันที่รับพระราชทาน หมายเลขกำกับทุกองค์ และภาพพระสมเด็จจิตรลดา (เป็นภาพพระของเพื่อนคนหนึ่งคนใดที่ได้รับพระราชทานในคราวเดียวกัน)
โดยทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้รับพระราชทานว่า "ให้ปิดทองที่หลังองค์พระปฏิมาแล้วเอาไว้บูชาตลอดไป ให้ทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ" ดังเช่นในเนื้อเพลงพระราชนิพนธ์ความฝันอันสูงสุด ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเมื่อ พ.ศ. 2514 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงออกแบบพระสมเด็จจิตรลดาด้วยพระองค์เอง โดยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นผู้แกะแม่พิมพ์ถวาย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/พระสมเด็จจิตรลดา
ศิลปะการแกะสลักไม้ หนึ่งในความภาคภูมิใจของช่างฝีมือชาวไทย
ด้านหน้านิทรรศการ บริเวณทางเข้าจุดแสดงนิทรรศการของวันฉลองครบรอบ 100 ปี พระราชวังสนามจันทร์ มีพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สวยงามมากที่ด้านหน้า มีพสกนิกรชาวไทย รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกจำนวนมาก
นิทรรศการพระราชกรณียกิจ
พระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่ระหว่างทางเดินในพระราชวังสนามจันทร์ มีประชาชนจำนวนมากมาถวายพวงมาลา สักการะ ท่ามกลางไฟที่ประดับจำนวนมากในงานดูคล้ายดวงดาวรายล้อมพระองค์
ศิลปะการแสดงพื้นบ้านชาวอิสาน ตัวอย่างหนึ่งของการแสดงซึ่งยังมีอีกมากที่ไม่ได้นำมาเขียนไว้ทั้งหมด การแสดงในพระราชวังสนามจันทร์นี้จะมีเฉพาะในวันจัดงานครบรอบเท่านั้น ซึ่งปีหน้าก็ไม่ควรพลาดที่จะมาชมงานนี้ให้ได้นะครับ จบการเดินทางศึกษาพระราชวังสนามจันทร์ด้วยเวลาอันสมควรแล้ว (เที่ยงคืนแล้วครับงานจบแล้วตอนนี้ผู้คนเดินทางกลับกันเกือบหมดแล้ว ทำให้เราได้ภาพย่าเหลกับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์แบบโล่งๆ ซะที) อย่าลืมติดตามข้อมูลอัพเดตการศึกษาพระราชวังแห่งนี้อีกนะครับเพราะเรารู้ดีว่าเรายังสำรวจได้ไม่ครบทั้งหมด เราต้องมาอีกสักวันหนึ่ง
"พระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม
พระราชวังแห่งนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ตั้งแต่ยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2450 โดยหลวงพิทักษ์มานพ (น้อย ศิลป์) ซึ่งต่อมาเลื่อนยศเป็นพระยาศิลป์ประสิทธิ์ เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง
ตั้งอยู่ในตัวเมือง ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์ ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 2 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 888 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา"
Somjai Jai Jangkrajang
2019-05-22 17:34:10
""
Somjai Jai Jangkrajang
2019-05-22 17:32:10
10/10 จาก 2 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ