ข้อมูลเพิ่มเติม:Tel. 0-3731-2282, 0-3731-2284, 0-3731-5664
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ทางเข้าน้ำตกนางรอง การเดินทางที่ใช้เวลาไม่นานนักจากเมืองนครนายกมาตามทางหลวงหมายเลข 3049 สังเกตุกันสักนิดตรงหมายเลขของทางหลวงนำหน้าด้วยเลข 3 เพราะทางหลวงสายนี้แยกมาจากทางหลวงหมายเลข 33 เส้นทางสายหลังมุ่งหน้าไปทางตะวันออกจังหวัดสระแก้ว เป็นการแบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ไม่อย่างนั้นภาคตะวันออกจะมีเพียง 4 จังหวัดซึ่งเล็กไปหน่อย แต่นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับการเดินทางไปน้ำตกนางรองมากนัก แค่เกริ่นขึ้นมาพอให้รู้กันเป็นความรู้รอบตัว
กลับมาว่ากันที่ทางหลวงหมายเลข 3049 กันดีกว่า ถนนสายนี้เป็นถนนสายท่องเที่ยวหลักของนครนายก แต่ละวันต้อนรับนักท่องเที่ยวนับพัน ในวันหยุดจำนวนนักท่องเที่ยวจะพุ่งสูงไปเป็นหลักหมื่น ถนนสายนี้ผ่านสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง มีทางแยกสาขาไปทางหลวงหมายเลข 3050 มุ่งตรงไปยังน้ำตกสาริกา จากทางแยกมาไม่ไกลก็จะมีอุทยานพระพิฆเณศองค์ใหญ่ของนครนายก เลยมาอีกหน่อยมีวัดพราหมณีสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อปากแดงอันศักดิ์สิทธิ์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อปากแดงเป็นที่โจษขานกันไปทั่ว คนที่ได้ยินข่าวต่างก็มุ่งหน้ามาสักการะขอพรสะเดาะเคราะห์นอนโลงศพมากมายแน่นวัดไปหมด ปากทางเข้าวัดรถติดมากเพราะคนเข้าคนออกวัดแห่งนี้เยอะมากนั่นเอง ถัดไปอีกไม่ไกลมากจะมีตลาดของฝากนครนายก ตรงนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ารถจะมากขนาดไหน ต่างคนต่างจอดหาของฝากติดไม้ติดมือกันไปเท่าที่เห็นมีเยอะจะเป็นหน่อไม้ต้ม น้ำพริกชนิดต่างๆ กล้วยแปรรูปเช่น กล้วยฉาบ ฯลฯ ผักสดก็มีหลายชนิดตลาดที่เป็นแผงข้างถนนเรียงต่อกันยาวเหยียดนี้กลายเป็นจุดซื้อของฝากที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและเห็นอยู่ในหลายจังหวัด
สถานที่ท่องเที่ยวถัดไปเป็นเชื่อนขุนด่านปราการชลหรือเขื่อนคลองท่าด่าน โครงการในพระราชดำริ สร้างประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชนหลายครัวเรือนในเรื่องน้ำ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด เหนือเขื่อนชมวิวสวยงาม ท้ายเขื่อนลงเล่นน้ำในลำธาร มีบ้านพักหลายขนาดไว้บริการนักท่องเที่ยว ไม่ไกลกันนักก็จะมีทางเข้าวังตะไคร้ ที่แห่งนี้ก็เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวมานับสิบๆ ปี ตั้งแต่ผมเรียนอยู่เวลาจะไปเที่ยวเล่นน้ำ ก็จะมีชื่อวังตะไคร้อยู่ในลิสต์ตัวเลือกหนึ่งเสมอๆ จากนั้นสุดถนนที่น้ำตกนางรอง สถานที่ท่องเที่ยวของเราสำหรับวันนี้
ทางเข้าน้ำตกนางรองมีร้านค้ามากมายให้บริการมีลานจอดรถให้เลือกหลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่จะพยายามขับเข้าไปให้ลึกที่สุดจะได้เดินไม่ไกล เมื่อจอดรถแล้วแนะนำให้มาไหว้ฤๅษีลับแล และฤษีกัตปะ อยู่ในอาศรมแห่งนี้ก่อนที่จะไปเที่ยวน้ำตกอย่างสบายใจ น้ำตกแต่ละแห่งนั้นจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอยู่เสมอ เป็นความเชื่อของผมตั้งแต่เป็นเด็ก จนตอนนี้ไม่ว่าจะไปเที่ยวน้ำตกไหนก็จะไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนอื่นใด
ป้ายน้ำตกนางรอง มุมมหาชน ไปที่ไหนก็ถ่ายป้ายที่นั่น จะได้รู้ว่าเราได้มาแล้ว และจะได้จำได้ไม่ลืมว่าที่นี่ชื่อน้ำตกนางรอง ไม่งั้นหากเอาไฟล์รูปภาพจากกล้องไปลงคอมไว้มากๆ ไม่จัดโฟลเดอร์ให้ดีมีหวังเปิดดูทีหลังทั้งงงทั้งจำไม่ได้ ใครจะว่าวิวสิ้นคิดก็ช่าง ผมจะถ่ายรูปป้ายเป็นรูปแรกๆ ของอัลบัมเสมอ ป้ายน้ำตกนางรองอยู่ริมถนน ห่างจากลำธารที่ไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่เกิดเป็นน้ำตกหลายชั้นเพียงไม่มาก แต่ถ้าจะลงไปยังน้ำตกจะต้องเดินทางสะพานทางลงน้ำตกให้เจอก่อน เพราะระหว่างถนนกับลำธารมีห้วยเล็กๆ คั่นอยู่ ตอนนี้ผมยังไม่ลงน้ำตกแต่จะไปยังจุดชมวิว เพื่อชมวิวสวยๆ ของน้ำตกนางรองก่อน
ทางเดินไปจุดชมวิว จากลานจอดรถ แม้ว่าจะมีถนนสายเล็กๆ ขึ้นเนินไปแต่เจ้าหน้าที่จะเอาเหล็กมากั้นเขียนบอกว่าห้ามรถทุกชนิดเข้าไป ฉะนั้นเราก็ต้องเดิน แต่ระยะทางมันไม่ไกลมาก ดูเหมือนจะประมาณ 300 เมตรละมั้ง สองข้างทางเขียวขจีต้นไม้สูงใหญ่ตลอดแนว แสดงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ความชุ่มชื้นดูกันที่มอสเฟิร์นที่ขึ้นอยู่ตามต้นไม้ และขอบทางเดิน
บริเวณบ้านพัก ตรงนี้จะมีบันไดทางลงไปชมวิวน้ำตกนางรอง มีบ้านเจ้าหน้าที่อยู่หลายหลัง ขอบถนนสร้างเป็นแนวไม่สูงมากพอให้เดินข้ามได้ นอกแนวขอบทางมีโต๊ะตั้งไว้เป็นจุดๆ ให้นั่งพักผ่อน แต่ดูเหมือนว่าโต๊ะเหล่านั้นจะไม่ค่อยได้ต้อนรับแขกเท่าไหร่ เพราะระยะทางที่เดินมันไม่ไกลมากไม่เหนื่อยขนาดต้องไปหาที่นั่งพัก เมื่อก่อนบริเวณนี้ลงเล่นน้ำได้ตอนนั้นคงจะมีคนมานั่งอยู่บ้าง แต่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยๆ อันเนื่องมาจากกระแสน้ำบริเวณนี้เชี่ยวมาก ผาน้ำตกก็ค่อนข้างสูง มีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ ก็เลยต้องปิดห้ามลงเล่นน้ำ ส่วนฤดูแล้งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเปิดให้ลงหรือไม่
หลังคาสีเขียว ภาพประทับใจหนึ่งอย่างจากน้ำตกนางรองที่ผมได้มาคือหลังคาที่จอดรถมีไม้เลื้อยมาขึ้นปกคลุมทั่วหลังคา มองไปเห็นแต่สีเขียวสวยแปลกตาน่าเอาไปทำตาม ถ้าในห้างทำหลังคาที่จอดรถแบบนี้ โลกเราจะได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้นอีกมากโข
ทางลงจุดชมวิว หลังจากมองไปรอบๆ แล้วไม่มีอะไรที่สะดุดตาน่าถ่ายรูป เราก็ต้องมองหาทางลงไปยังจุดชมวิวได้แล้วละ บันไดตรงนี้จะกว้างกว่าบันไดทางลงไปยังน้ำตกที่เราเคยเดินผ่านมา ข้างบันไดมีป้ายใหญ่ๆ ตัวหนังสือแดง เขียนบอกว่าห้ามลงเล่นน้ำ กับป้ายให้ระมัดระวังการลงเล่นน้ำ เพราะตรงนี้เห็นได้ชัดว่าน้ำเชี่ยวมาก โขดหินก็สูง ถ้าไหลไปกับน้ำแล้วตกลงข้างล่างอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตเพราะน้ำตกกดเราลงไปใต้น้ำ แต่ก็คงไม่เป็นไรแค่เห็นน้ำที่ไหลอยู่ข้างล่างต่อให้ไม่เขียนป้ายเตือนไว้จ้างให้ผมก็ไม่ลงหรอก
สะพานชมวิวน้ำตกนางรอง นี่ละครับสะพานที่เราจะเห็นอยู่ลิบๆ ตั้งแต่ลานจอดรถแล้ว สะพานนี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้เราได้มายืนชมวิวอยู่ตรงกลางลำธาร เห็นสายน้ำตกที่ไหลลงมาจากเขาอย่างสวยงาม เอาละอย่ามัวยืนดูสะพานอยู่เลยไปกลางสะพานกันดีกว่า
วิวสวยจากน้ำตกนางรอง เอาละในที่สุดเราก็มาอยู่กลางสะพานพอดีเป๊ะ ภาพที่เห็นเบื้องหน้าเป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆ สายน้ำที่ไหลลงมาอย่างเชี่ยวกรากตามลำดับของโขดหินที่ขวางทางน้ำอยู่ เราเห็นเพียงสายน้ำอยู่ลิบๆ แต่มองไม่เห็นว่ามาจากไหน สูงขึ้นไปก็จะมีแนวเขาเขียวขจี ซึ่งก็น่าจะเป็นต้นกำเนิดสายธารเล็กๆ ไหลมารวมกันจนเป็นลำธารใหญ่แห่งนี้ ธรรมชาติสร้างสรรงานที่สวยงามนี้ได้อย่างอัศจรรย์ นอกจากความสวยงามที่เราจะได้สัมผัสเกิดเป็นความสุขทางใจ เรายังได้ใช้น้ำเหล่านี้ในการดำรงค์ชีวิต สมัยก่อนคนเราใช้น้ำจากลำธาร พวกมนุษย์จึงได้รักษาน้ำเป็นอย่างดี สมัยนี้เราชินกับการเปิดก๊อกมากเกินไป เรามั่นใจว่าทุกครั้งที่เปิดก๊อกจะต้องมีน้ำสะอาดไหลออกมา เราละเลยเรื่องการรักษาน้ำและใช้ชีวิตอยู่กับน้ำกันไปหมด นานวันเข้าเราคงลืมไปว่า น้ำสะอาดจากก๊อกก็เอาน้ำจากแม่น้ำลำคลองมาทำ ยิ่งน้ำในคลองในแม่น้ำสกปรกมากเท่าไหร่ การทำให้น้ำก๊อกสะอาดใสก็ยิ่งต้องเปลืองงบประมาณและพลังงานมากเท่านั้น ถ้าในที่สุดเราไม่สามารถทำให้น้ำสะอาดได้ ตอนนั้นเราจะรู้คุณค่าของสายธารในธรรมชาติ
ไหนๆ ก็มากันแล้ว ขออีกรูปละกัน การยืนถ่ายรูปบนสะพานเพื่อที่จะได้วิวน้ำตกสวยๆ ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าสะพานแห่งนี้จะไหวไปไหวมาเวลามีคนเดินหรือเคลื่อนไหว วันที่มีนักท่องเที่ยวมามากๆ อย่างในข่วงวันหยุดการหาโอกาสสะพานนิ่งๆ เพื่อที่จะกดชัตเตอร์ไม่ได้ง่ายๆ เลย แม้แต่ตัวเราเองก็ตาม ถึงแม้ไม่เดินไปเดินมาแต่ถ้าขยับตัวแรงไปหน่อยก็ทำให้สะพานไหวได้แล้วละ จากสะพานเดินลงไปอีกฟากของลำธาร แล้วเดินเรื่อยสูงขึ้นไปเหนือน้ำตกได้ ก็มีนักท่องเที่ยวบางคนเดินไปเหมือนกัน สำหรับเราคงพอเท่านี้ดีกว่า ยังมีน้ำตกชั้นล่างที่ต้องเก็บภาพกันต่อ
ชุ่มฉ่ำ ภาพแนวกั้นขอบทางที่สร้างขึ้นมาถูกปกคลุมไปด้วยพืชเล็กๆ หลายชนิดกลายเป็นแนวสีเขียวยาวขนานไปกับถนน รู้สึกเหมือนกับว่าได้หลุดเข้ามาอยู่ในโลกแห่งสีเขียวเลยนะเนี่ย
ทางลงเล่นน้ำตกนางรอง เท่าที่เห็นบริเวณลานจอดรถจะมีทางเดินลงไปยังลำธารได้ 2-3 จุด เราเลือกลงจุดแรก (นับจากจุดชมวิวนะ) กะว่าเดินไปเลียบลำธารชมน้ำตกเก็บภาพไปเรื่อยๆ ให้สุดทาง จากนั้นกลับขึ้นมาตรงทางลงจุดสุดท้าย แล้วค่อยวกกลับมาที่ลานจอดรถอีกครั้งจะได้ชมน้ำตกได้อย่างทั่วถึง ถ้าเดินขึ้นๆ ลงๆ ดูจะเหนื่อยกว่าวิธีนี้อย่างแน่นอน
บรรยากาศริมธาร จากทางเดินลงมาจากลานจอดรถ ไม่ได้มุ่งตรงไปยังริมน้ำเสียทีเดียวมีทางให้เดินลัดเลาะหาพื้นที่เหมาะๆ ที่จะเดินลงน้ำได้สบายๆ นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ไม่ค่อยจะได้เห็นใครไปนั่งอยู่ตามโต๊ะที่ทางอุทยานจัดไว้ แต่จะเดินหาที่เรียบๆ แล้วเอาเสื่อมาปูกันมากกว่า เอาแบบใกล้ลำธาร มีแอ่งลงเล่นน้ำได้ยิ่งดี บางช่วงของสายน้ำมีโขดหินมากเกินไป บริเวณแบบนั้นจะไม่มีคนไปนั่งก็กลายเป็นพื้นที่ว่าง แต่ถ้าตรงไหนมีแอ่งน้ำกว้างๆ คนก็จะนั่งกันเยอะ อาหารและเครื่องดื่มเอามาวางบนเสื่อเตรียมมาจากร้านค้าข้างลานจอดรถ เอามาให้เกินพอ เพราะจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลงกันบ่อยๆ
บริเวณนี้ก็เป็นน้ำตกอีกชั้นหนึ่ง มีแอ่งน้ำเป็นบางช่วงแต่ระดับน้ำตื้นไปหน่อย คนก็ไม่ลงเล่นน้ำตรงนี้ แต่ถ้ามองเรื่องกระแสน้ำ เชี่ยวเอาเรื่องเลยครับ ปริมาณน้ำจำนวนมากไหลมาอย่างเร็วและแรงแม้แต่ในรูปก็รู้สึกได้ถึงพลังงานน้ำมหาศาล จะลงไปเดินเล่นต้องระวังลื่นและน้ำซัดขานะครับ
เล่นน้ำ อีกช่วงหนึ่งที่กระแสน้ำไม่เชี่ยวมากนักเพราะไม่ค่อยมีโขดหิน กลายเป็นแอ่งขนาดใหญ่จึงได้รับความนิยมจากคนที่ตั้งใจจะมาลงเล่นน้ำ ส่วนเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันแต่ไม่อยากจะเปียกก็จะนั่งกินบนเสื่อที่ปูอยู่บนฝั่ง
สายธารใสเย็น ช่วงหนึ่งที่มีหินค่อนข้างมากคนก็จะไม่ลงเล่นตรงนี้ แต่ก็เป็นช่วงท้ายๆ ของการเที่ยวน้ำตกนางรองแล้วครับ ฝั่งตรงข้ามมีร้านอาหารค่อนข้างใหญ่ ประมาณว่าจะรองรับลูกค้าได้ถึง 50 ที่ มีแอ่งน้ำลงเล่นได้ด้วยถัดไปอีกหน่อยมีน้ำตกอีกชั้นที่เราจะไปเก็บภาพเป็นรูปสุดท้ายของน้ำตกนางรอง
ชั้นสุดท้าย ดูจากทางเดินเลียบลำธาร ดูเหมือนว่าจะสุดเพียงแค่นี้ จากตรงนี้ไปมันดูรกๆ คงไม่ได้เตรียมไว้ให้เราเดินเที่ยว ตรงนี้ก็มีคนเล่นน้ำกันเยอะทีเดียว ก่อนที่น้ำจะไหลผ่านโขดหินลงมาเป็นแอ่งใหญ่พอสมควรทีเดียวครับ
ทางเดินขึ้นลานจอดรถ รวมๆ ระยะทางที่เดินริมน้ำชมน้ำตกทีละขั้นๆ ก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 100 เมตรกว่าๆ มีช่วงที่เป็นแอ่งน้ำ สลับกันช่วงที่มีโขดหินเยอะ คนมาเที่ยวก็จะนั่งบนเสื่อกระจายกันไปแล้วแต่ว่าชอบตรงไหนก็ลงเล่นกันตรงนั้น เห็นว่าสุดทางเดินพอดีเราก็จบการนำเที่ยวน้ำตกนางรองกันไว้เท่านี้ เดินกลับลานจอดรถตรงสะพานอีกแห่งหนึ่งเป็นทางลงน้ำตกจุดสุดท้าย ขึ้นไปจะตรงกับบริเวณอาศรมฤๅษีลับแล
ร้านอาหาร ริมถนนเข้าน้ำตกนางรองมีแผงร้านค้ายาวติดกัน 19 แผง แต่ละแผงก็จะมีสินค้าหลายอย่าง อาหาร เครื่องดื่ม แต่ทั้งหมดจะขาดเสียไม่ได้คือไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียว ลาบ น้ำตก ฯลฯ ของคู่กับที่เที่ยวธรรมชาติยอดนิยม เครื่องดื่มเรียงรายในตู้แช่สีขาวขนาดใหญ่ให้เลือกกันแบบจุใจไปเลย
ร้านเสื้อผ้า สินค้ายอดนิยมอย่างมากคู่กันน้ำตกและชายหาดทุกแห่งดูเหมือนจะขาดไม่ได้ก็คือเสื้อผ้า บางคนมาเที่ยวน้ำตกคิดว่าจะไม่ลงเล่นน้ำ พอมาถึงอดใจไม่ไหวลงเล่นน้ำ ขากลับก็ต้องหาเสื้อผ้าเปลี่ยน บางทีโดนเพื่อนๆ จับโยนลงน้ำ ก็ต้องมีเสื้อผ้าเปลี่ยน บางทีไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาน้ำตกด้วยซ้ำมาธุระ แต่มีเวลาเหลือ น้ำตกเป็นทางผ่านก็เลยแวะมาซะเลย นี่เป็นตัวอย่างบางส่วนเท่านั้นที่ทำให้เราลงเล่นน้ำตกโดยที่ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยน แต่ยังไงก็อุ่นใจ เพราะใน 19 แผงร้านค้าที่น้ำตกนางรอง มีเสื้อผ้าเป็นหนึ่งในนั้น และมีให้เลือกหลากสีหลายลายซะด้วยครับ...
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ