เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ (Asiatique the river front)

 เอเชียทีคแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ย่านเจริญกรุง กรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่ที่รวบรวมแหล่ง ช้อบ ชิม ชม ชิลด์ เอาไว้อย่างครบครันบนทำเลสุดพิเศษ ระหว่างซอยเจริญกรุง 74-76 โดยคอนเซปต์ในการสร้างเหมือนโกดังเก็บของ จำลองบรรยากาศย้อนยุคไปในสมัย รัชกาลที่ ๕ สามารถเดินทางได้ทั้งทางรถ และทางเรือ

 ภายใน เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ (Asiatique the river front) แบ่งพื้นที่เป็นโซน เรียกว่า ย่าน ในแต่ละย่านก็จะมี โกดัง โดยเริ่มจากโกดัง 1 ไปเรื่อยๆ ในแต่ละโกดังแบ่งออกเป็นพื้นที่ย่อย โดยเรียกว่า ตรอก ซึ่งในปัจจุบันคำว่า ตรอก นี้ก็ใช้กันน้อยลงมาก ในแต่ละตรอกก็จะมีร้านค้าขายสินค้ามากมายหลายแบบ โดยจะต้องเป็นสินค้าที่เหมาะกับย่านนั้นๆ

 คำว่าย่านที่ใช้แบ่งโซนใน เอเชียทีค ประกอบด้วย ย่านเจริญกรุง ย่านโรงงาน ย่านกลางเมือง ย่านริมน้ำ ตามโครงการจะมีร้านค้ามากมายถึง 1,500 ร้านค้า ในย่านเจริญกรุงและย่านโรงงานจะเป็นสินค้า ของที่ระลึก เสื้อผ้าแฟชั่น สินค้าไอเดีย เครื่องประดับ ของตกแต่งและอีกมากมาย ส่วนในย่านกลางเมืองก็จะเป็นแหล่งรวมอาหารอร่อยหลากหลายสไตล์ ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น อิตาเลี่ยน อินเดีย อาหารซีฟู้ดสดๆ ได้คุณภาพ ทุกร้าน ผ่อนคลายแบบสบายๆ ริมน้ำ กับบรรยากาศท่าเรือ

 ทั้งหมดที่กล่าวมาก็เรียกว่าครบเครื่อง ช้อป ชิม ชิลด์ ไปแล้ว นอกเหนือจากนี้กิจกรรม ชม ก็มีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่ โชว์สุดอลังการพร้อมแสงสีเสียงที่โชว์คาลิปโซ่ และร่วมชมการเชิดหุ่นละครเล็กที่สะท้อนความเป็นไทยได้ที่โจหลุยส์เธียเตอร์ ค้นหา 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สำคัญในเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์...

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ http://www.tourismthailand.org/bangkok

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

ซุ้มประตูเอเชียทีค ครบเครื่องเรื่องการพักผ่อน เปิดใหม่ในกรุง บนทำเลที่สุดยอดมากครับ สามารถเดินทางได้ทั้งทางรถ ทางเรือ มีรถเมล์ผ่านหลายสาย ติดถนนเจริญกรุงระหว่าง ซอยเจริญกรุง 74 - 76 (ติดวัดราชสิงขร) ถ้าขับรถมาเองเอเชียทีคก็มีลานจอดรถขนาดใหญ่ไว้รองรับที่ด้านข้าง เกริ่นกันพอสมควรสำหรับการเดินทางมายังเอเชียทีค ตอนนี้ผมจอดรถในลานจอดรถ แล้วเดินมาที่ซุ้มประตูด้านหน้า เป็นบริเวณซอยที่อยู่ระหว่างโกดัง 1 กับโกดัง 2 ทั้งหมดนี้อยู่ในย่านโรงงาน เข้าไปดูเลยดีกว่า

บริเวณโดยรอบซุ้มประตู บรรยากาศที่จำลองให้เป็นแบบย้อนยุคไปในสมัยรัชกาลที่ ๕ อาคารในเอเชียทีค ออกแบบมาให้เหมือนโกดังเก็บของ ส่วนด้านหน้าก็ยังคงไว้ด้วยอาคารที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมในสมัยนั้น 2 ข้างของซุ้มประตูมีน้ำพุเล็กๆ เรียงรายกันดูสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านมาบริเวณนี้เข้ามานั่งถ่ายรูปก่อนที่จะเข้าไปภายใน นอกจากนี้ก็ยังมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์สำคัญ อยู่ในบริเวณเอเชียทีค อย่างเช่นในภาพนี้ ภาพล่างขวาจะเป็นหลุมหลบภัยและสมบัติโกโบริ ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามมหาเอเซียบูรพา (พ.ศ. 2484-2488) ด้านหน้าสุดของพื้นที่ในเอเชียทีค เปิดเป็นร้านอาหารเรียงรายตลอดแนวมีมากมายหลายอย่างให้เลือก เผื่อว่าจะหินจากการเดินทางหรือจะเป็นการหาอะไรรองท้องก่อนที่จะต้องเดินช้อปกับร้านค้ามากมายนับพันร้าน

ลักษณะร้านค้าในเอเชียทีค ในแต่ละย่านที่แบ่งออกเป็นโกดัง ในแต่ละโกดังมีร้านค้าเรียงรายกันมากมายมีทางเดินระหว่างร้านค้าก็เรียกกันว่าตรอก เนื่องจากพื้นที่ที่กว้างขวางมาก เรียกว่าเป็นตลาดนัดจตุจักรย่อมๆ เลยก็ว่าได้ เวลาที่คลาดกับเพื่อนจะได้บอกกันได้ถูกว่าอยู่โกดัง 1 ตรอก 7 ดังนี้เป็นต้น หรือจะไปนัดเจอกันที่จุดนัดพบหอนาฬิกาที่ย่านกลางเมือง หรือ Town Square ที่ทำหน้าที่เป็นจุดประชาสัมพันธ์ด้วยในตัว ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นเราจะค่อยๆ เดินชมพื้นที่ไปเรื่อยๆ ก่อนครับ

หอนาฬิกา เป็นพื้นที่ที่เรียกว่าย่านกลางเมือง อยู่ระหว่างโกดัง 6 ซึ่งเป็นศูนย์รวมร้านอาหาร กับโกดัง 10 พื้นที่เป็นลานกว้างขนาดใหญ่มีม้านั่งให้ นักท่องเที่ยวที่มาเดินชมเอเชียทีคจะมาถ่ายรูปกับหอนาฬิกาแห่งนี้กันแทบทุกคน ส่วนรถที่เราเห็นอยู่ในรูปเป็นรถรางบริการ รับ-ส่งนักท่องเที่ยวจากซุ้มประตูด้านหน้า ไปยังย่านริมน้ำซึ่งอยู่ลึกสุด เห็นแล่นไปแล่นกลับแบบนี้ตลอดวัน

บรรยากาศสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่เราเห็นอยู่นี้เป็นรูปหล่อคนงาน 2 คนกำลังกินข้าว อยู่ใต้ถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ยกสูงขึ้นไป ติดตัวหนังสือว่า ย่านโรงงาน นอกจากรูปหล่อที่เราเห็นอยู่นี้ก็ยังมีอยู่ในอีกหลายจุดด้วยกันเช่นที่ริมแม่น้ำ เราจะเห็นจับกังแบกกระสอบข้าวสารขึ้นจากเรือ เป็นการจำลองบรรยากาศริมแม่น้ำย้อนไปในอดีตช่วงสมัยที่มีการค้าระหว่างชาวไทย-ชาวจีน และการเข้ามาอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทยของชาวจีนในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าเราจะได้เห็นนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาในเอเชียทีคแล้วมานั่งร่วมโต๊ะกับคนงาน 2 คนนี้ตลอดเวลา

เทปปันยากิ ยากิโทริ เป็นร้านอาหารร้านแรกที่อยู่ที่โกดัง 10 ซ้ายมือ ร้านนี้เป็นร้านที่ตกแต่งร้านได้ประทับใจผมมาก ผมวนเวียนมาถ่ายรูปหน้าร้านนี้อยู่หลายรอบ เพื่อให้ได้แสงสีต่างๆ กันโดยเฉพาะช่วงเย็น

เทปปันยากิ ยากิโทริ ขอคัดเอามาให้ชมกันอีกภาพจากหลายๆ ภาพที่ถ่ายจากร้านนี้ร้านเดียวเพราะชอบมากจริงๆ ครับ หน้าร้านจะมีทางเดินยาวต่อเนื่องลงไปจนถึงริมแม่น้ำ ด้านตรงข้ามกับโกดัง 10 ก็จะเป็นโกดัง 9

โกดัง 10 เดินวนเข้ามาในซอยเล็กๆ ระหว่างอาคารก็จะเห็นร้านต่างๆ ในโกดัง 10 ใกล้กับท่าน้ำ โดยมากในโกดัง 10 จะเป็นผับที่ตกแต่งอย่างสวยงามเหมาะสำหรับนั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ เรียกว่าเป็นการพักระหว่างการเดินช้อปที่ยาวนานก็ว่าได้ มีที่นั่งให้เลือกทั้งแบบห้องแอร์เย็นๆ ในโกดัง กับโต๊ะสำหรับรับลม อากาศธรรมชาติริมแม่น้ำที่ด้านนอก

ซอกซอยในเอเชียทีค ด้วยการจำลองบรรยากาศของโกดังเก็บของที่เรียงรายกัน มีทางเดินระหว่างอาคารแบบสมจริง

ย่านริมน้ำ เดินซอยเดียวตรงเช้ามาตั้งแต่ซุ้มประตูด้านหน้า สุดทางที่ท่าน้ำของเอเชียทีคที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เราจะมองเห็นโกดัง 6 - 7 - 8 - 9 เรียงกันเลียบริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีทางเดินชมวิวรับลมเย็นๆ ยาวกว่า 300 เมตรเลยทีเดียว

วิวสวยๆ ริมน้ำเจ้าพระยา นี่ก็เป็นวิวที่เราจะได้เห็นที่หน้าเอเชียทีคฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับการเดินทางโดยทางเรือก็มาลงที่ท่าเอเชียทีคนี่เลยครับ นับว่าสะดวกมากๆ สำหรับคนกรุง ในการที่จะเดินทางมาเที่ยว ช้อป ชิม ชม ชิลด์ แบบครบรส

รถโบราณ สิ่งหนึ่งที่เราจะได้เห็นในระหว่างการเดินชมรอบๆ พื้นที่อันกว้างใหญ่ของที่นี่ ตอนนี้ผมเดินจากท่าน้ำมาอยู่ที่โกดัง 6 ซึ่งมีร้านอาหารหลายอย่างให้เลือก มีอาหารอินเดีย อาหารทะเลสดๆ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่เตะตาก็คือรถโบราณที่จอดอยู่ใกล้ๆ คันนี้

ร้านอาหาร เอามาให้ชมกันบางส่วนครับ แต่ละร้านก็มีเมนูแตกต่างกันไป ก็แล้วแต่ว่าเราชอบอาหารสไตล์ไหน ก็นั่งร้านนั้น นอกจากร้านอาหารที่รวมกันอยู่ในโกดัง 6 แล้ว เราก็อาจจะเห็นร้านอื่นๆ ในโกดังอื่นๆ ได้อีก เช่นเดียวกับร้านเทปปันยากิ ยากิโทริ ในพื้นที่โกดัง 10

กุ้งหอยปูปลา มาถึงรูปนี้ ถ่ายมาจากหน้าร้าน Chick Grill Seafood lover ที่จะคัดสรรเอาวัตถุดิบอาหารทะเลสดๆ เท่านั้นมาปรุงอาหารให้ลูกค้า สดมากสดน้อยดูในรูปนี้ก็แล้วกันครับ ร้าน Chick Grill นี้ก็หาไม่ยากเพราะอยู่หัวมุมของโกดัง 6 ตรงข้ามกับทางเดินช้อปในโกดัง 7 นั่นเอง

บรรยากาศโกดัง 6 ยามค่ำคืน สำหรับในวันนี้เป็นวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Asiatique the river front นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมงานนี้อย่างมาก ในระหว่างเวลาพิธีเปิด ผมก็มายืนถ่ายรูปนี้อยู่ที่ย่านกลางเมืองหรือหอนาฬิกา เพราะเป็นเวลาที่คนจะมาเดินกันน้อย ไม่งั้นเดี๋ยวก็จะมีรูปคนเดินไปเดินมาเต็มไปหมดแน่ๆ

โกดัง 8 ตอนนี้หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้อค่ำแล้ว ผมก็เดินสำรวจพื้นที่ในโกดังอื่นๆ กันต่อ ตอนนี้มาอยู่ในซอยระหว่างโกดัง 9 และโกดัง 8 ซอยนี้สามารถเดินทะลุลงริมน้ำได้เช่นกัน พื้นที่บริเวณนี้มีร้านค้ามาเปิดเกือบเต็มพื้นที่แล้วครับ ส่วนที่เหลือคงจะทยอยเปิดในอีกไม่นานนัก

สินค้าและบรรยากาศ เนื่องจากมีร้านค้าอยู่มากมายในพื้นที่ ผมคงไม่สามารถถ่ายมาให้ดูกันได้ครบทุกร้านแม้ว่าอยากจะทำอย่างนั้นก็ตาม ผมก็เลยคัดเอาบางส่วนมาให้ชมกัน สินค้าที่ผมเห็นก็จะมีของตกแต่ง เสื้อผ้า เครื่องประดับ แฟชั่น ของตกแต่งบ้านและสวน และอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่างมากๆ ทางเดินในซอยก็ยังตกแต่งให้ย้อนยุค เราจะเห็นเฟืองขนาดใหญ่วางอยู่กลางทางเดิน และอื่นๆ กระจายอยู่ในพื้นที่

โกดัง 9 กลับมาที่ภาพนี้อีกรอบ ต้องขออภัยที่ไม่ได้เรียงลำดับภาพ เพราะอยากจะบรรยายให้เป็นโซนๆ ไปมากกว่า ภาพนี้ก็เป็นระหว่างการรอพระอาทิตย์ตก ซึ่งหากท้องฟ้าเป็นใจ เราจะได้ชมพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ท่าเรือเอเชียทีคแห่งนี้ด้วย แต่วันนี้โชคไม่ดีมีเมฆก้อนใหญ่มาปิดดวงอาทิตย์ไว้ ผมก็เลยมองหามุมที่จะเก็บภาพแสงสุดท้ายของวันในมุมต่างๆ

หอนาฬิกาย่านกลางเมือง กลับมาที่หอนาฬิกาอีกครั้งครับ เป็นเวลาที่หลายๆ คนจะรอถ่ายรูป เพราะแสงยามเย็นกับแสงไฟที่เปิดส่องสว่างหอนาฬิกานี้เป็นช่วงเวลาที่หลายๆ คนชอบ เพราะให้แสงสีที่สวยงาม

มุมสวยๆ จากเอเชียทีค และช่วงเวลาก่อนที่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์จะลับหายไปจากท้องฟ้านี้เองเป็นช่วงที่เราจะต้องตักตวงให้มากที่สุดครับ โกดัง 1 ย่านโรงงานในเอเชียทีคมุมนี้ก็เป็นมุมนิยมของนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่จะมาแวะถ่ายรูประหว่างการเดินช้อป

ร้านรวงในโกดัง 2 บรรยากาศในยามค่ำคืนดูสว่างไสวสวยงามไปทั่วด้วยแสงไฟจำนวนมาก

ย่านกลางเมือง อีกด้านหนึ่งของหอนาฬิกาและจุดประชาสัมพันธ์

หอนาฬิกาย่านเจริญกรุง เห็นแบบนี้แล้วคงไม่คิดว่าผมเอาแต่รูปหอนาฬิกามาให้ชมนะครับ ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ด้านหน้าของเอเชียทีคอีกด้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดถนนเจริญกรุงเหมือนกับที่ซุ้มประตูที่ให้ชมกันตอนแรก แต่จุดนี้อยู่ห่างจากซุ้มประตูเอเชียทีคไม่ใช่น้อยๆ เลยครับ สำหรับผู้ที่ขับรถมาเองจะเข้ามาในเอเชียทีคก็จะมีทางเลี้ยวเข้าใกล้หอนาฬิกาแห่งนี้และจะมีทางเข้าไปในลานจอดรถ บริเวณนี้จัดพื้นที่ให้กว้างเป็นพิเศษสำหรับการจอดรถเพื่อให้คนขึ้น-ลง แล้วเดินไปก่อน ส่วนคนที่เป็นคนขับรถก็ต้องนำรถไปจอดในลานจอดรถต่อไปแล้วค่อยนัดกันว่าจะเจอกันที่ไหน ในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของเอเชียทีคก็มีศิลปินดารานักแสดง บุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายหลายคนมาร่วมงาน ก็จะลงรถกันตรงนี้แล้วนั่งรถกอล์ฟ ที่บริการโดยเอเชียทีคเข้าไปในงาน ก็เลยมีประชาชนมารอพบกับดารานักแสดงกันที่นี่จำนวนมากอย่างที่เห็น

ย่านเจริญกรุง

ด้านหน้าเอเชียทีค

ซอยเดินเข้าย่านเจริญกรุง สำหรับย่านนี้เราก็จะได้เห็นอาคารสูงมีสถาปัตยกรรมในแบบย้อนยุค ดูเก่าๆ และแตกต่างจากย่านอื่นๆ ในเอเชียทีคที่จะออกแบบเป็นโกดังครับ ในย่านเจริญกรุงก็จะมีสิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษได้แก่ โชว์คาลิปโซ่ และละครเล็กโจหลุยส์ อยู่คนละด้านกันครับ จะมีป้ายบอกทางไว้ตลอด

บรรยากาศในย่านเจริญกรุง ภาพร้านค้าบางส่วนที่คัดมาให้ชมกันจากย่านเจริญกรุง โดยมากก็จะมีร้านขายสินค้าไอเดียแปลกๆ มากมาย มีเครื่องประดับขายด้วย

ซุ้มประตูที่อยู่ตรงทางเข้าด้านข้าง ติดกับลานจอดรถเดินเข้าไปทางนี้จะเป็นโกดัง 4 และโกดัง 5 ครับ ผ่านโกดัง 5 ไปก็จะเจอโกดัง 6 แหล่งรวมร้านอาหาร ถัดจากนั้นก็จะเป็นหอนาฬิกาย่านกลางเมือง

เอเชียทีคด้านหน้า ได้เวลาอันสมควรแล้วผมเองก็คงต้องเดินทางกลับแล้วละครับ เดินมาหลายชั่วโมงแล้ว ก่อนที่จะกลับผมเดินย้อนมาเก็บภาพด้านหน้าที่โกดัง 1 ใหม่เพราะหลังจากมืดลง ก็จะมีแสงไฟสว่างไสวสวยงามเป็นอีกบรรยากาศหนึ่งของที่นี่

อาคารเก่าแก่ริมน้ำ สิ่งที่ดึงดูดช่างภาพทั้งมือเก่าและมือใหม่ได้เป็นอย่างดีในเอเชียทีค นอกจากจะเป็นโกดังร้านค้า หอนาฬิกา แล้ว ก็จะมีอาคารหลังนี้ละครับ เข้าใจว่าเป็นอาคารที่อนุรักษ์เอาไว้ สภาพเก่าแก่มาก แลดูน่ากลัว อยู่มุมหนึ่งของพื้นที่เอเชียทีคติดแม่น้ำเจ้าพระยา

ย่านริมน้ำ โกดัง 7 - 8 -9 ด้านท่าน้ำ อีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมจะมานั่งพัก เพราะเดินกันมานานมากแล้ว จำเป็นที่จะต้องพักกันก่อน ก่อนที่จะเดินต่อไปในพื้นที่ร้านค้าที่กว้างใหญ่แห่งนี้

ชมดอกไม้ไฟพิธีเปิดเอเชียทีค จบการนำเที่ยวเอเชียทีคสำหรับวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยรูปพลุ หรือดอกไม้ไฟ ที่จุดจากเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรือแล่นผ่านไปผ่านมา ซึ่งก็เป็นเรือบริการล่องเรือชมวิวยามค่ำคืน เป็นภาพที่สวยงามมาก และจะต้องไปเห็นด้วยตัวเองสักครั้ง ที่นี่ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ (ASIATIQUE The Riverfront)...