อุทยานแห่งชาติภูเรือ

   อุทยานแห่งชาติภูเรือ ตั้งอยู่ในเขตตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ มีเนื้อที่ประมาณ 75,525 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2522 เดือนที่เหมาะมาเที่ยวคือเดือนตุลาคม ถึงมีนาคม ภูเรือเป็นภูเขาสูงใหญ่ บนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลกคือมีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาใหญ่

จุดที่น่าสนใจบนอุทยานแห่งชาติภูเรือ

    จุดชมทิวทัศน์เดโช เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ในวันที่อากาศดีนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นภูต่างๆของเมืองเลยได้

    ผาโหล่นน้อย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมาก จากจุดนี้จะมองเห็นภูหลวง ภูผาสาด ภูครั่ง และทะเลภูเขาสลับซับซ้อน

    ผาซำทอง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร เป็นหน้าผาสูงชัน และแหล่งน้ำซับที่มีพืชน้ำไลเคนสีเหลืองคล้ายสีทองขึ้นเต็มไปทั่ว จึงเรียกว่า ผาซำทอง

    น้ำตกห้วยไผ่ ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน มีความสูงประมาณ 30 เมตร น้ำตกแห่งนี้นำไปใช้ทำน้ำประปาในอำเภอภูเรือด้วย

    ยอดภูเรือ เป็นจุดที่สูงที่สุดในอุทยานฯ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,365 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นลานหินที่มีทุ่งหญ้าขึ้นแซมสลับกับป่าสน มีทั้งสนสองใบที่ขึ้นตามธรรมชาติและสนสามใบที่เป็นสนปลูก จากจุดนี้ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นแม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาวได้ นอกจากนี้ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ถ้ำหินแตก หินค้างหม้อ หินวัวนอน หินพานขันหมาก หินพระศิวะ สวนหินเต่า ซึ่งหินเหล่านี้มีรูปร่างตามชื่อเรียก ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าช่วงปลายฝนต้นหนาวมีดอกไม้เล็กๆขึ้นอยู่ทั่วไปน่าชมมาก

    ที่พักในอุทยานฯ ติดต่อที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760 www.dnp.go.th หรือ อุทยานแห่งชาติภูเรือ โทร. 0 4288 4144

    การเดินทาง จากตัวเมืองเลยใช้ทางหลวงหมายเลข 203 (เลย-ภูเรือ) ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาบริเวณหลักกิโลเมตร 49-50 ตรงที่ว่าการอำเภอภูเรือ เข้าไปเป็นทางลาดยางประมาณ 8 กิโลเมตร รถยนต์สามารถขึ้นได้ และมีทางเดินเท้า 700 เมตร ก็จะถึงยอดภูเรือ

เวลาเปิด-ปิด:06:00 - 18:00

โทร:0 4280 1716, 0 8850 95299

ค่าเข้า:ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานเลย โทร. 0 4281 2812,0 4281 1405
http://www.tourismthailand.org/loei

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

ทางแยกอุทยานแห่งชาติภูเรือ ทางหลวงหมายเลข 203 จากอำเภอด่านซ้ายมุ่งหน้าไปทางอำเภอเมืองเลย เข้าเขตอำเภอภูเรือ จะมีทางแยกเข้าอุทยานแห่งชาติภูเรืออยู่ซ้ายมืออย่างที่เห็นจากตรงนี้เข้าไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ เส้นทางจะเป็นทางลาดขึ้นเขาเป็นระยะๆ ไม่ถึงกับชันมาก ด้วยความสะดวกสบายในการเดินทางที่เรียกว่ารถเข้าถึง ทำให้อุทยานแห่งชาติภูเรือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากทุกปี โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ หลายๆ ครอบครัวพาคุณพ่อคุณแม่ อายุมากๆ มาพักผ่อนรับลมหนาว

ยินดีต้อนรับสู่ภูเรือ ป้ายข้างทางเล็กๆ ด้านขวามือ บอกให้รู้ว่าตอนนี้เราได้เข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติภูเรือแล้ว เราเลือกที่จะเดินทางมายังภูเรือในช่วงเย็น ที่จริงตั้งใจจะชมพระอาทิตย์ตกให้ทัน แต่มีปัญหากับเครื่องยนต์นิดหน่อยทำให้การเดินทางของเราล่าช้าลงไปมาก ใกล้ๆ กับป้ายยินดีต้อนรับนี้ก็คือด่านตรวจและชำระค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ เจ้าหน้าที่จะถามว่าเราต้องการค้างแรมที่นี่หรือไม่ เพราะถ้าไม่ตั้งใจจะมาค้างแรมเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เข้าไปในเวลาเย็นขนาดนี้เพราะไม่สามารถไปท่องเที่ยวที่ไหนบนภูเรือได้เลย

ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ จากด่านตรวจชับเข้ามาเรื่อยๆ ไม่นานก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ แต่นี่ยังไม่ใช่จุดหมายของเรา เราต้องการค้างแรมที่ลานกางเต็นท์ใกล้ยอดภูเรือ เพื่อที่จะชมพระอาทิตย์ขึ้นของเช้าวันใหม่ แม้ว่าที่ตรงนี้ก็มีลานกางเต็นท์และบ้านพัก แต่คงไม่เหมาะที่จะต้องตื่นแต่เช้าแล้วรีบขับไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาโหล่นน้อย สู้ไปนอนที่ลานกางเต็นท์ผาสน ห่างจากผาโหล่นน้อยแค่ 1 กิโลเมตรเศษ จะเป็นความคิดที่ดีกว่า

อาทิตย์อัสดงบนภูเรือ แสงสุดท้ายของวันนี้เริ่มจะเลือนลางหายไปแล้วนั่นเป็นเพราะรถมีปัญหาแท้ๆ เราเลยอดเก็บภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่ผาสน ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อของภูเรือ ระหว่างทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไปยังผาสนแสงสีแดงตรงขอบฟ้าก็สวยงามจนอดใจจอดรถเก็บภาพไม่ไหว

ลานกางเต็นท์ผาสน เป็นลานกางเต็นท์ขนาดใหญ่มีเต็นท์ให้บริการมากมาย หรือจะเตรียมมาเองก็จ่ายค่าสถานที่ รอบๆ ลานกางเต็นท์เต็มไปด้วยต้นสน มีศาลาชมวิวอยู่ผาทางตะวันตกของภูเรือห่างจากลานกางเต็นท์ไม่ถึง 100 เมตร เรามาช้าไปแค่ 20 นาที ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับหายไปจากขอบฟ้าอย่างสวยงาม

บรรยากาศลานกางเต็นท์ผาสนภูเรือ เอาละสุดท้ายของวันนี้แล้ว เป็นช่วงไม่กี่นาทีที่จะมีแสงสว่างหลงเหลืออยู่บนขอบฟ้า โชคดีที่วันนี้ได้เห็นท้องฟ้ามีสีสันสวยงามมาก แม้จะไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์กลมๆ อยู่ในภาพ แต่ก็ยังดีที่ได้ภาพวิวสวยๆ จากภูเรือกลับมาบ้าง

วิวพระอาทิตย์ตกบนภูเรือ สุดท้ายของสุดท้าย หลังจากนี้ไปอีกไม่นานทุกอย่างก็เข้าสู่ความมืด โชคดีแม้ๆ ที่ได้ภาพสวยๆ นี้สำหรับการเดินทางมายังภูเรือเป็นครั้งที่ 2 เพราะครั้งแรกฟ้าปิดตลอดทั้งวันไม่ได้ภาพสวยๆ กันเลยครับ หลังจากนี้ก็อาบน้ำเข้านอน อากาศบนภูเรือหนาวมาก ปลายเดือน มกราคม 2555 ที่ผ่านมาวัดได้ 13 องศา การอาบน้ำเป็นเหมือนเกมวัดใจอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภูเรือ

ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาโหล่นน้อย โหล่น เป็นภาษาท้องถิ่นหมายถึง ทุ่งหญ้าที่ขึ้นตามสันเขา หรือ บริเวณหน้าผาเป็นหย่อมๆ ฉะนั้น ผาโหล่นน้อย คือ บริเวณหน้าผาที่มีหญ้าขึ้นเล็กน้อย จุดชมวิวที่นี่อยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ผาสนประมาณ 1.2 กิโลเมตร คือต้องขับรถมา 1 กิโลเมตรจอดไว้ที่ลานจอดรถที่กว้างใหญ่มากของอุทยานแห่งชาติภูเรือ มีร้านค้ามากมายส่วนใหญ่จะขายเครื่องดื่มและไม่พ้นที่จะมีร้านกาแฟ และข้าวจี่ (ข้าวเหนียวปิ้ง) มีรถสองแถวบริการขึ้นยอดภูเรือ ระยะทาง 1 กิโลเมตร เพราะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขับรถขึ้นไปเองครับ ค่าบริการจากร้านสวัสดิการคนละ 10 บาทต่อเที่ยว (ไป-กลับก็ 20 บาท แต่จ่ายตอนลงครับ ไม่จำเป็นต้องลงกับรถคันเดิมเพราะเป็นบริการแบบรถเวียน) ส่วนเราที่ต้องการไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาโหล่นน้อยก็ไม่ต้องขึ้นรถสองแถว เดินไปตามทางมีป้ายบอก ระยะทาง 200 เมตร ก็ถึงศาลาจุดชมวิวผาโหล่นน้อยแล้ว เมื่อมาถึงก็หาทำเลที่ตั้งกล้องเอาวิวที่เราต้องการแล้วรอชมพระอาทิคย์ขึ้น อากาศบนภูเรือหนาวเย็นมาก มีหมอกล่องลอยไปมาตลอดเวลา สิ่งที่ต้องลุ้นกันก็คือหมอกเหล่านี้จะปิดดวงอาทิตย์ไว้จนมองไม่เห็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง พอเอากล้องมาตั้งไว้นานๆ จะมีฝ้าและหยดน้ำเกาะทั้งตัวกล้องและเลนส์ เป็นปัญหาในระหว่างการถ่ายภาพอย่างมาก

พระอาทิตย์ขึ้นที่ผาโหล่นน้อยภูเรือ หลังจากที่รออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ในใจก็คอยจะลุ้นว่าวันนี้จะได้เห็นพระอาทิตย์หรือเปล่า ในที่สุดก็ได้เวลาแล้ว พระอาทิตย์เคลื่อนขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้าเบื้องล่างเป็นวิวเทือกเขาสลับซับซ้อนแต่จะมองเห็นเพียงลางๆ เกือบจะมีทะเลหมอก แต่เช้าวันนี้ลมพัดแรงมากจนหมอกกระจัดกระจายหายไปหมด

พระอาทิตย์ขึ้นที่ผาโหล่นน้อย ภายในเวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเอง พระอาทิตย์เคลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนที่แผ่ลงมายังผิวโลกทำให้ความชื้นที่ผิวดินระเหยขึ้นเป็นกลุ่มหมอกจำนวนมากปกคลุมบริเวณภูเรือเอาไว้ทั้งหมด เราเริ่มจะมองเห็นในระยะที่สั้นลงๆ เรื่อยๆ ในขณะที่หมอกก็จะหนาขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเราก็มองไม่เห็นวิวเบื้องล่างอีกเลย

บริเวณรอบๆ ผาโหล่นน้อย หลังจากการเก็บภาพวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้ผ่านพ้นไปคราวนี้เราก็เดินเก็บภาพรอบๆ บริเวณ อันมีป้ายผาโหล่นน้อยกับศาลาชมวิวเป็นจุดที่มีคนไปถ่ายรูปที่ระลึกมากที่สุด เดินกลับออกมาที่ถนนจะมีด่านตรวจเป็นด่านสำหรับกักรถส่วนบุคคลไม่ให้ผ่านขึ้นสู่ยอดภู นอกจากการเดินหรือใช้บริการรถสองแถวที่รับ-ส่งนักท่องเที่ยวเท่านั้น อีกจุดหนึ่งใกล้ๆ ด่านตรวจก็จะมีป้ายอุทยานแห่งชาติภูเรือที่ปกติที่ถูกหมอกปกคลุมอยู่ตลอดทั้งวันในฤดูหนาว เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราไม่ค่อยจะเห็นว่าเว้นว่างไปจากนักท่องเที่ยวที่เข้าไปถ่ายรูปกับป้ายอันนี้เลย

บรรยากาศยอดภูเรือ ภูเรือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยเลยครับ เพราะเป็นสถานที่ที่เอารถขึ้นไปได้เกือบยอดภู จากนั้นเดินต่อไปอีก 700 เมตร ก็จะถึงลานสน หรือถ้าเดินกันไม่ไหวจริงๆ ก็จะมีรถสองแถวทำหน้าที่รับ-ส่งจากลานจอดรถของเราขึ้นไปจนถึง ราคาเที่ยวละไม่กี่บาท จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ออกจะมีอายุอยู่สักหน่อย แต่บางคนที่อยากจะเดินเป็นการพักผ่อนและการออกกำลังกายกันก็มีเดินให้เห็น การมาเที่ยวภูเรือก็ได้หลายบรรยากาศ หากต้องการชมวิวคงต้องศึกษาสภาพอากาศที่นี่ให้ดี เพราะในบางฤดูหมอกลงหนาจนไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและวิวทิวทัศน์บนนี้ได้ เจ้าหน้าที่บอกว่าในระยะ 10 เดือนที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นพระอาทิตย์เลย (ช่วงระหว่างก่อนจัดงานผีตาโขน) พอเราเดินทางมาก็ได้เห็นแค่เพียงหมอกที่หนาจัดแบบนี้ แต่หลายคนก็บอกว่ามันก็ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่งของภูเรือ

ไหว้พระบนยอดภูเรือ เป้าหมายหลักๆ ของการขึ้นมาที่นี่อย่างหนึ่งก็คือการได้ไหว้พระขอพรที่นี่เพื่อความเป็นสิริมงคล (เพราะอย่างอื่นคงทำไม่ได้แล้วละหมอกแบบนี้) ประชาชนที่หลั่งไหลกันขึ้นมาไม่ว่าจะด้วยการเดินหรือการนั่งสองแถวเมื่อมาถึงแล้วจะกรูกันเข้าไปไหว้พระ หลายคนก็จับจองมุมดีๆ ในการถ่ายรูปที่ระลึก และมุมนิยมอย่างป้ายบนภูนี้ก็ต้องทำงานหนัก ต่อคิวกันยาวเหยียดเลยทีเดียว

ไหว้พระบนภูเรือ พระพุทธรูปปางมารวิชัยในซุ้มศาลาที่สร้างได้อย่างสวยงามก็เป็นจุดหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายรูปจนต้องมีการเข้าแถวเพื่อรอมุมว่าง (เนื่องมาจากวันนี้ฟ้าปิดมองไม่เห็นอย่างอื่น) ประชาชนเนืองแน่นช่วงสายบนภูเรือ เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ทะยอยหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ จนแน่นลานสนใกล้พระพุทธรูปเต็มไปหมด หลายๆ คนที่เดินทางมาเที่ยวงานผีตาโขนก็คงจะเอาภูเรือมาเป็นจุดแวะจุดหนึ่งของทริปเหมือนๆ กันหมด จึงทำให้ช่วงเช้ามืดของวันก่อนงานแห่ผีตาโขนจะเป็นวันที่ยอดภูเรือไม่เคยว่าง

ยอดภูเรือ ป้ายพิชิตยอดภูเรือ ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,365 เมตร เป็นดินแดนสุดหนาวในสยาม นี่แหละที่ต้องจองคิวกันเข้าไปถ่ายวุ่นวายพอสมควรครับ

ฉากสวยๆ บนภูเรือ หินขนาดใหญ่ใกล้ต้นสน เป็นฉากที่ดีได้รอเพียงมีแบบมายืนโพสต์ท่าบนก้อนหิน ก็จะได้รูปที่ระลึกสวยๆ จากภูเรือได้ไม่ยาก

ชมพืชพรรณดอกไม้ป่าบนภูเรือ หลังจากที่เดินชมรอบๆ ต้นสนแล้วเราก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปเพราะอากาศแบบนี้หันไปทางไหนก็สีขาวโพลนเต็มไปหมด เวลาแบบนี้คงต้องเปลี่ยนมาเป็นการถ่ายภาพมาโครพืชพรรณต่างๆ โดยเฉพาะดอกไม้นี่ละครับ

หินพระศิวะ เมื่อประมาณ 400 ล้านปีที่ผ่านมาพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นทะเลมาก่อนต่อมามีการยกตัวเป็นที่ราบสูงอิสาน ประกอบด้วยหินทรายเป็นส่วนใหญ่ ด้วยแรงน้ำฝน แรงลม ได้กัดกร่อนส่วนที่อ่อนกว่าออกไป ส่วนที่เหลืออยู่จึงกลายเป็นหินที่มีรูปร่างแปลกมหัศจรรย์มาจนทุกวันนี้ เช่นเดียวกับอีกหลายๆ สถานที่ที่เราได้เห็นกันบ่อยๆ ในหนังสือ หรือทีวี อย่างภูผาเทิบเองก็มีการกำเนิดในลักษณะเดียวกันนี้

เดินเที่ยวยอดภูเรือ จากผาโหล่นน้อยมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังยอดภูเรือ ระยะทาง 900 เมตร แต่ปกตินักท่องเที่ยวนิยมเดินออกมาจากผาโหล่นน้อยมาที่ถนนแล้วเดินตามถนนไปมากกว่า ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวแต่ไม่มากนักสำหรับวันนี้ ลองเดินหาสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ บนภูเรือ ที่จริงก็มีอยู่หลายจุด แต่ละจุดเป็นจุดชมวิวบ้าง น้ำตกบ้าง อากาศแบบนี้คงไม่ได้เห็นอะไรนอกจากหมอก สำหรับคนที่ไม่ชอบการเดินหรือเดินไม่ไหว ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุที่มาเที่ยวรับลมหนาว มีรถสองแถวบริการจากร้านสวัสดิการไปยังยอดภูเรือ ค่าโดยสารคนละ 10 บาท ต่อเที่ยว ดูกันเองละกันครับว่าหมอกมันหนาขนาดไหนเปิดไฟหน้ารถยังไม่สว่างเท่าไหร่เลย

ทางคดเคี้ยวสู่ยอดภูเรือ บนยอดภูเรือมีถนนสายหนึ่งลาดยางแต่ก็มีหลุมตามสภาพของถนนบนภู เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวแต่ก็ถึงกับจะดูหวือหวาเหมือนบนภูเขาแห่งอื่นๆ แต่ยังไงๆ ก็ต้องมีป้ายเตือนปักไว้ให้ระมัดระวัง

ทางเข้าผาโหล่นน้อย เดินกลับลงมาจากยอดภูเรือ มาเก็บป้างทางเข้าผาโหล่นน้อยเพราะตอนเข้าที่เข้าไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นมันมืดจนมองไม่เห็นป้าย

ของฝากจากภูเรือ มาถึงช่วงเวลาที่จะขึ้นรถเดินทางต่อไปงานผีตาโขน มาเจอของฝากบนภูเรือเป็นน้ำเต้า ที่เห็นนี้ก็เป็นผลน้ำเต้าจริงๆ เอามาทำเป็นของฝากเพิ่มมูลค่า หลายคนเชื่อว่าการได้แขวนน้ำเต้าไว้ที่บ้านจะทำให้เกิดโชคดี มีเงินมีทอง นอกเหนือจากนั้นยังมีการวาดหน้าตาให้ลูกน้ำเต้าเป็นตุ๊กตาน่ารักขึ้นมาได้อีกด้วย ผลงานของชาวบ้านในภูเรือ เพราะที่นี่มีน้ำเต้าจำนวนมากหาง่ายครับ คราวนี้มาดูพวงกุญแจก็มีครับ ตัดไม้ในลักษณะเป็นแว่นๆ เหมือนหั่นแตงกวา เอามาวาดรูปต่างๆ นานา ที่สื่อถึงภูเรือลงไปด้วยสีสันที่สดใส เป็นที่ระลึกและของฝากเพื่อนๆ และใช้ประโยชน์ได้ จบการนำเที่ยวสำหรับวันนี้ไปก่อน รับรองว่าเราจะต้องกลับมาใหม่และมีรูปไฉไลมาฝากกันให้ได้

รีวิว อุทยานแห่งชาติภูเรือ เลย

---

 "บรรยากาศช่วงหนาวที่ภูเรือ ฟินป่ะละ
ภาพ เพจเที่ยวเมืองไทยผ่านเลนส์"

Tot Farm
2017-11-25 11:23:54

---