ข้อมูลเพิ่มเติม:การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตาก
0 5551 4341-3, 0 5551 4344
http://www.tourismthailand.org/tak
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ยามเย็นที่เขื่อนภูมิพล การเดินทางร่วมงานประเพณีที่เป็น Unseen ที่สุดของไทยประเพณีหนึ่งที่วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อย ของเราจะมาเริ่มต้นที่ท่าเรือเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ในปีนี้มีการจัดงานระหว่างวันที่ 8-9 เมษายน (ทุกๆ ปีจะจัดในช่วงต้นเดือนเมษายน ส่วนวันที่จะต้องติดตามข่าวในแต่ละปีอีกครั้ง) เวลานัดหมายคือเช้าวันที่ 8 เราจึงต้องเดินทางมาที่เขื่อนภูมิพลและพักที่นี่ 1 คืน เพื่อที่จะได้ทันแพในเช้าวันรุ่งขึ้น และในช่วงเย็นวันที่ 7 เราก็มีเวลาเที่ยวชมวิวเขื่อนภูมิพลตอนพระอาทิตย์ตก
เครื่องเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทางระหว่างล่องแพ เช้าวันที่ 8 การเดินทางของเราเริ่มต้นขึ้น ทุกคนที่ได้ลงชื่อไปร่วมงานจะมาพบกันที่แพพรจามเทวี เป็นแพที่จัดทัวร์งานประเพณีขึ้นไหว้สาพระบรมธาตุแก่งสร้อยเป็นประจำทุกปี และราคาไม่แพงเพราะเป็นทัวร์ทำบุญร่วมกัน ค่าใช้จ่ายคนละ 600 บาท มีคนมาร่วมคณะเกือบ 300 คน ต้องใช้แพ 4 ลำมาต่อกันใช้เรือลากลำเดียว ตั้งแต่ 6 โมงเช้า หลายคนมารอที่ท่าเรือ หลายคนก็กำลังเดินทางมาถึงเขื่อนภูมิพล กว่าทุกคนจะพร้อมและแพเคลื่อนออกจากท่าเรือก็ปาเข้าไป 8 โมงเช้า
ระหว่างทางห้องครัวจะทำหน้าที่ทำอาหารบริการลูกทัวร์ครบวันละ 3 มื้อ อาหารเป็นแบบเรียบง่ายไม่ฟุ่มเฟือย และอีกอย่างที่ต้องทำเป็นธรรมเนียมปฏิบัติคือการต้มหัวหมู มีข้าวสวยและไข่ต้ม พร้อมเหล้าสีเหล้าขาวตั้งเป็นเครื่องเซ่นตามความเชื่อว่าเป็นการขอพรให้การเดินทางตลอดทริปเป็นไปโดยเรียบร้อยปลอดภัย เครื่องเซ่นจะตั้งไว้จนกว่าจะเดินทางไปถึงวัดเลยทีเดียว
บนแพจะมีการจัดเครื่องไทยทาน ธรรมทาน สังฆทาน ของหวานที่เป็นขนมแห้ง ผลไม้ และอีกมากมายหลายอย่าง แพก็ล่องไปคนเตรียมก็เตรียมกันไป ปกติการเดินทางด้วยแพจากเขื่อนภูมิพลไปที่วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อยจะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง จึงมีเวลามากพอที่จะเตรียมของต่างๆ ที่จะใช้ในการร่วมงานประเพณี ขนมและผลไม้จะจัดใส่หาบตกแต่งอย่างสวยงามเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และเวลาไปถวายจะตั้งเป็นขบวนอย่างสวยงาม
วัดพระพุทธบาทเขาหนาม การล่องแพทวนกระแสแม่น้ำปิงที่ยาวนานไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเพราะระหว่างทางจะมีจุดที่น่าสนใจเป็นสถานที่สำคัญต่างๆ ให้เราชมตลอดเวลา ถ้าไม่ได้มาเที่ยวงานพระธาตุแก่งสร้อยจะมาเช่าแพเที่ยวรอบอ่างเก็บน้ำชมสถานที่สำคัญๆ และวิวที่แปลกตาแบบนี้ก็ได้ เริ่มจากจุดแรกคือวัดพระพุทธบาทเขาหนาม มีเจดีย์และพระธาตุหลายองค์ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำ เห็นแบบนี้แล้วอยากเห็นตอนที่เขาสร้างกันจริงๆ เพราะตอนนั้นยังไม่มีน้ำเป็นเขื่อนสูงขนาดนี้ชาวบ้านเรียกที่นี่ว่าดอยเขาหนาม พอสร้างเขื่อนเราเห็นส่วนยอดเขาโผล่พ้นน้ำมานิดเดียวเลยเหมือนเตี้ยๆ
เกาะวาเลนไทน์ เลยจากพระธาตุผาหนามมาอีกหน่อยเราจะเห็นเกาะที่ขึ้นชื่อมากเกาะหนึ่งของเขื่อนภูมิพลอยู่ไกลๆ ทางซ้ายมือ ชื่อเกาะวาเลนไทน์ ชื่อนี้เป็นชื่อใหม่เดิมมีชื่ออื่นอยู่ก่อนแล้วชื่อดอยลาน ส่วนชื่อเกาะวาเลนไทน์นี้ได้มาเมื่อครั้งหนึ่ง ศูนย์ท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา เดินทางมาที่นี่ในช่วงวันวาเลนไทน์บ่อยๆ
ถ้ำโยคี ล่องแพแต่มาเรื่องๆ พอจะง่วงๆ หน่อยเราก็มาถึงจุดน่าสนใจอีกจุดหนึ่งคือถ้ำโยคี จากแพของเรามองไม่เห็นปากถ้ำแต่สิ่งที่เราจะต้องเห็นแน่ๆ คือพระนอน และพระสังกัจจายนะ องค์ใหญ่ อยู่บนเนินเขาด้านขวามือ มีท่าน้ำสำหรับให้จอดแพแวะชมถ้ำได้ด้วยแต่ต้องเดินกันไกลหน่อย พระนอนบนเขาใหญ่พอสมควรพอเทียบกับคนที่เดินขึ้นเนินไปเหมือนมดเดินเรียงแถวขึ้นเขาเลยฝั่งตรงข้ามของถ้ำโยคีจะมีหน้าผาสูงใหญ่มีสีแดง เลยเรียกกันว่าผาแดง
เขาคันเบ็ด ต่อมาก็จะมีเขาคันเบ็ด เป็นเขาสูงชะลูดโดดเดี่ยวอยู่ริมน้ำด้านซ้ายมือ ด้วยความสูงที่ตั้งตะหง่านอยู่เขาเดียวเลยเป็นจุดดึงดูดความสนใจของคนที่ได้ผ่านมาเห็น
เขาคันเบ็ด
พระธาตุผาไข่ ล่องต่อกันไปเรื่อยๆ ตอนใกล้ๆ จะถึงผาไข่ก็มีคนเดินมาบอกให้เรารอดู บนผาไข่มีพระธาตุที่สร้างแบบพระธาตุอินทร์แขวน ไม่ใช่แค่พระธาตุอย่างเดียวมองดีๆ เราจะเห็นคล้ายๆ วิหารสร้างอยู่ใกล้ๆ กันด้วย พระธาตุผาไข่มีขนาดเล็กมากเลยมองดูเหมือนไข่ตั้งอยู่บนยอดเขาเลย
ผาอาบนาง ผ่านไป 8 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ กับการนั่งชิวๆ นอนชิวๆ กินชิวๆ กันไปเรื่อยบนแพและชมวิวที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทั้งสองฟากฝั่ง ได้ยินประกาศบอกว่าตอนนี้แพได้เดินทางมาใกล้ผาอาบนางแล้ว เป็นผาที่มีความสำคัญมาก ขอเชิญพุทธศาสนิกชนบนแพที่ร่วมทางพร้อมใจกันตั้งจิตอธิษฐานระลึกถึงองค์พระพี่เลี้ยงของพระนางจามเทวี ตามประวัติกล่าวว่าครั้งหนึ่งที่พระนางจามเทวีเดินทางด้วยเรือตามสายแม่น้ำปิงมาถึงบริเวณผาอาบนาง พระพี่เลี้ยงเกิดพลัดตกจากเรือไป ชาวบ้านที่เดินทางผ่านเส้นทางสายน้ำปิงเมื่อมาถึงผาอาบนางก็จะพากันยกมือไหว้ ส่วนแพของเราก็จะมีการจุดประทัด
วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อย หลังจากที่ผ่านผาอาบนางมาอีกประมาณ 20 นาที เราจะเริ่มมองเห็นบริเวณวัดพระบรมธาตุแก่งสร้อย เป็นยอดเจดีย์ สีขาวสูงพ้นแนวเขาขึ้นมาให้เห็น แพเราต้องไปอีก 2 โค้งน้ำก็จะได้เห็นวัดพระธาตุแก่งสร้อยแบบเต็มๆ ภาพของวัดพระบรมธาตุแก่งสร้อยที่เราเห็นค่อยๆ กว้างขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่จินตนาการว่าวัดแห่งนี้น่าจะมีวิหารและพระธาตุองค์เดียว ปรากฏว่าผิดถนัด วัดแห่งนี้มีพื้นที่ๆ กว้างขวางมากๆ มีเจดีย์องค์เล็กกระจายอยู่บนเกาะเล็กๆ ใกล้ๆ กับพระธาตุแก่งสร้อย ใครมาเห็นภาพแบบนี้ครั้งแรกก็คงคาดไม่ถึงเหมือนเราแน่ๆ
วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อย พอแพเราเคลื่อนมาจนเห็นวัดพระบรมธาตุแก่งสร้อยชัดๆ แล้ว แพต้องประกาศบอกผู้ร่วมเดินทางว่าอย่าเพิ่งเดินมาที่หัวแพเพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะรู้ว่าทุกคนบนแพคงอยากจะได้ถ่ายรูปวัดเอาไว้เหมือนกันทุกคน หลังจากเสียงประกาศทุกคนก็ไม่ขยับเดินมาที่หัวแพจริงๆ อีกไม่กี่อึดใจแพของเราก็เทียบเข้ากับท่าที่บริเวณหน้าวัดอย่างเรียบร้อยและทุกคนจะลงไปตั้งขบวนแห่เครื่องสังฆทานต่างๆ และผ้าห่มพระธาตุขึ้นไปบนวัด
ประเพณีขึ้นไหว้สาพระบรมธาตุแก่งสร้อย คณะศรัทธาตั้งแถวจากหาดทรายหน้าแพเรียงลำดับอย่างสวยงามในปีนี้มีนายจริยาทร สูหู่ ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก มาร่วมขบวนด้วย
คณะศรัทธาเคลื่อนขบวนแห่ช้าๆ ขึ้นไปที่องค์พระธาตุ และทำการเวียนรอบพระธาตุ 3 รอบ จากนั้นเป็นขั้นตอนของการถวายปัจจัยต่างๆ แก่วัด สำหรับการเดินขึ้นไปที่วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อยไม่ว่าจะขึ้นทางไหนก็ให้ถอดรองเท้า (มีบันไดทางขึ้น 2 ทาง)
พอขึ้นมาถึงพระธาตุแก่งสร้อยเราจะได้เห็นวิวรอบๆ วัดที่บอกได้เลยว่าสวยมากๆ ถือว่าเป็นหนึ่งใน Unseen รุ่นใหม่ ที่สวยแปลกตาและไม่มีที่ใดเหมือน ตอนนี้วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อยยังมีคนรู้จักน้อย แต่อีกไม่นานเราเชื่อว่าคนจะแวะมาเที่ยวกันเยอะขึ้นอย่างแน่นอน เหมาะมากกับการมาเที่ยวเป็นกลุ่มสัก 20-30 คน ช่วยกันออกค่าแพเที่ยวชิวๆ 2 วัน 1 คืนเป็น Exclusive trip เลยทีเดียว
วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อยตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญทุกชนิด ไม่มีเส้นทางรถเข้าถึงวัดได้นอกจากทางเรือ ทางวัดปั่นไฟฟ้าใช้เองในช่วงงาน ส่วนไฟส่องพระเจดีย์และพระพุทธรูปตามจุดต่างๆ จะใช้ระบบโซลาร์เซลล์เข้ามาช่วย ในเวลากลางคืนจะมองเห็นดาวชัดมากสามารถถ่ายรูปดาวเป็นเส้นแนวทางช้างเผือกได้เลย แต่สำหรับภาพนี้เป็นภาพที่ตกแต่งด้วยคอมนะ (แต่ทุกอย่างทั้งวัดทั้งดาวถ่ายที่วัดนะครับเพียงแต่เอามาต่อรวมกันเป็นภาพเดียวให้สวยงามขึ้น)
รุ่งเช้าของการเดินทางร่วมงานบุญประเพณีขึ้นไหว้สาพระบรมธาตุแก่งสร้อยแสงสีส้มค่อยๆ ส่องขึ้นมาจากแนวเขาด้านตรงข้ามวัดเป็นภาพที่สวยมาก แพหลายลำมาจากทั้งเขื่อนภูมิพลและล่องลงมาจากลำปาง เชียงใหม่ มาจอดรวมกันเพื่อร่วมงานบุญเดียวกัน หนึ่งปีจะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นถ้าอยากมาต้องห้ามพลาดข่าวสารที่เราจะประกาศบอกทุกปี
ระหว่างที่เราอยู่ที่วัดตั้งแต่เย็นวันที่ 8 จนเช้าวันที่ 9 จะมีผู้มีจิตศรัทธาทำอาหารมาร่วมงานเหมือนโรงทานย่อมๆ ริมน้ำ เลือกเดินรับอาหารได้ทุกโต๊ะเป็นช่วงที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมใจสามัคคีและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคนไทยได้ดีมาก เสร็จจากพิธีช่วงเช้า ทุกคนพร้อมประจำที่แพ จากนั้นเราก็ออกเดินทางกลับด้วยการล่องแพชิวๆ ร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานจนถึงกลับถึงเขื่อนภูมิพล จบทริปสุดยอด Unseen ประเพณีไทย หนึ่งในสยาม ทั้งสถานที่และพิธีการ
เท่าที่ได้คุยกับคนที่มาร่วมงานบางกลุ่มเหมารถกันมาจากร้อยเอ็ดก็มี นี่มีคนรู้จักวัดแห่งนี้ไปไกลถึงร้อยเอ็ดแล้วหรือนี่ แต่ก็มีคนอีกไม่ต่ำกว่า 85% ของประเทศไทยที่เราเชื่อว่าไม่รู้จักที่นี่อย่างแน่นอน
สวยขนาดนี้ ไม่มาไม่ได้แล้วนะ ถ้าไม่ดีจริงเราไม่มาบอกนะ ถ้ามาแล้วไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลยนะ มีของ AIS นิดเดียวพอโทรได้แต่เล่นเน็ตไม่ได้นะ เอาละจบแล้วนะ แล้วพบกันใหม่คร้าบบบบบ....
ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก
""
Akkasid Tom Wisesklin
2018-11-01 08:23:28
5/5 จาก 1 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ