ข้อมูลเพิ่มเติม:Tel. 66 53 771563 Fax 66 53 956109
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
การเดินทางมายังไร่ชาฉุยฟง พญาไพร ฉากการถ่ายทำละครหลายต่อหลายเรื่องที่คนรู้จักเป็นอย่างดี ติดตาตรึงใจ และเรียกร้องให้อยากจะมาเห็นสักครั้ง แต่ไร่ชานั้นจะต้องปลูกในสภาพอากาศที่เหมาะสมซึ่งต้องอยู่บนเขา การเดินทางก็ต้องมียากกว่าขับบนทางราบในเมืองแน่นอนอยู่แล้ว แต่กระนั้นก็ต้านความอยากของเราไม่ได้ จากอำเภอแม่จัน เลี้ยวซ้ายมาที่สี่แยกขึ้นดอยแม่สลอง แต่ต้องจำไว้นะครับว่าไร่ชาฉุยฟงไม่ได้อยู่บนดอยแม่สลอง แต่ทางแยกเดียวกันเท่านั้น เราแวะเข้าไร่ชาฉุยฟงที่อำเภอแม่จันด้วย ก่อนที่จะเดินทางต่อมายังที่บ้านพญาไพร 46 กิโลเมตรโดยประมาณ จากถนนพหลโยธิน ผ่านหมู่บ้านหลายต่อหลายแห่ง แต่ละแห่งเราก็คิดว่าเป็นบ้านพญาไพรแน่ๆ แล้วก็จอดแวะถาม ชาวบ้านก็ตอบว่าไม่ใช่ต้องไปอีกไกล แหมคำว่าไกลสำหรับชาวเขาแล้วทำเอาเราใจเสียอยู่เหมือนกันนะ แต่ไหนแต่ไรเราก็เล่นคำว่า กิโลแม้ว กันอยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะเส้นทางโค้งลานชันเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงจนทำให้เรารู้สึกว่า 1 กิโลเมตร บนนี้มันไกลกว่า 1 กิโลเมตรบ้านเรา แต่ยิ่งขึ้นมาไกลเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งเย็นลงมาเท่านั้น เรารู้สึกได้ว่าอากาศที่หายใจเข้าไปช่างทำให้ร่างกายสดชื่นได้มากทีเดียวจนในที่สุดเราก็ปิดแอร์แล้วเปิดกระจกขึ้นไปตามถนน
จนถึงหมู่บ้านเทอดไทย พอถามทางชาวบ้านก็บอกเราไปต่อ มาถึงหมู่บ้านอีก เราก็คิดว่าใช่แล้วบ้านพญาไพรแน่แต่พอถามทาง ชาวบ้านก็บอกว่ายังอีกไกล เราก็ขับไปเรื่อยๆ มาเจอชาวบ้านอีกก็ถามอีกคราวนี้ชาวบ้านคนนั้นบอกว่าเหลืออีกไม่ไกลครับผมกำลังจะไปไร่ฉุยฟงพอดี ตามมาเลยครับ น้ำเสียงของเค้าดูเหมือนจะยินดีจริงๆ ที่เรามาทั้งๆ ที่เค้าไม่น่าจะรู้ว่าเรามาทำไม เค้าขี่มอเตอร์ไซค์นำทางเราไปอย่างชำนาญ ทางชันขึ้นเขาไม่ทำให้เค้าลำบากเลยสักนิด เราก็ขับตามไปห่างๆ จนมาถึงทางแยก รูปบนขวา เจอแล้วป้ายสีขาวที่เขียนว่าไร่ชาฉุยฟง อยู่ข้างๆ กับป้ายฐานปฏิบัติการบ้านพญาไพร เลี้ยวไปตามทางขึ้นเขาที่เทคอนกรีต 2 เส้นขนานกันห่างกันเท่ากับระยะขอล้อรถ ผ่านฐานปฏิบัติการบ้านพญาไพรไปอีกหน่อย เราก็จะเริ่มมองเห็นโรงงานผลิตใบชาของไร่ชาฉุยฟงอยู่ไกลๆ ระหว่างทางเข้าไปปลูกชาเป็นขั้นๆ ตามแนวลาดของภูเขา
ไร่ชาฉุยฟง ที่บ้านพญาไพร ภาพเล็กๆ ด้านล่างขวา ของรูปที่แล้วเป็นวิวที่ประทับใจจนอยากจะให้เห็นภาพใหญ่ๆ กันอีกสักภาพ
สิ่งอำนวยความสะดวก ไร่ชาฉุยฟงที่บ้านพญาไพรเป็นฉากถ่ายทำละครที่เราเห็นในทีวี จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมและพักผ่อนกันมาก ยิ่งมีห้องพัก อาหารบริการ และน้ำชาหอมกรุ่นให้แบบนี้แล้วยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่กันมากขึ้น แวะมาถ่ายรูปบ้าง ค้างคืนบ้าง ส่วนถ้าจะค้างลองโทรเช็คห้องว่างกันดูนะครับ จะรู้ว่าเต็มยาวทีเดียวละ ห้องพักที่นี่มีอาหารบริการ นอกจากนั้นยังมีบริการนำเที่ยวหลากหลายเส้นทางให้เลือก อาทิ ดอยตุง สามเหลี่ยมทองคำ แม่สาย วัดร่องขุ่น หมู่บ้านชาวเขา ตอนเช้ายังได้ชมการเก็บใบชา (แต่ในระหว่างนี้โรงงานชาที่พญาไพรปิดปรับปรุงจึงอาจจะไม่ได้เห็นการเก็บใบชา) มีรถรับจากสนามบินด้วย รายละเอียดเพิ่มเติม โทร 081 3033800 หรือ 053 771563
สำหรับพวกเราพอเข้ามาถึงแม่บ้านผู้อัธยาศัยดี เปิดห้องที่ยังว่างอยู่ให้เราเลือก ดูๆ ไปแล้ว ก็เลือกห้อง 6 ที่ชั้นล่างใต้โรงงาน ลักษณะห้องพักมีห้องน้ำในตัวพร้อมสิ่งสำคัญที่สุดคือเครื่องทำน้ำอุ่น หน้าต่างหันไปทางไร่ชาด้านทิศเหนือ วิวสวยอย่าบอกใคร เราไม่เคยถามถึงเครื่องปรับอากาศ จะมีหรือไม่เราก็ไม่สนใจเพราะอากาศที่นี่ไม่จำเป็นต้องใช้เลย แต่เราต้องการผ้าห่มเพิ่มมากกว่า มื้อเช้าของเราได้ที่นั่งในศาลาทรงจีนที่มองเห็นไร่ชาทางด้านตะวันออก เป็นโซนที่เห็นในละครเปี๊ยบเลย ในแต่ละมื้อจะมีน้ำชาชงใหม่ๆ มาให้ ถ้าเราเห็นกาน้ำชาตั้งอยู่แล้วไปหยิบมา เดี๋ยวแม่บ้านหรือผู้ดูแลก็จะมาขอกลับไปเทแล้วชงให้เราใหม่เพื่อให้เราได้ดื่มชาชงใหม่หอมกรุ่นร้อนกำลังดีท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นให้เราได้คลายความหนาวลงได้
วิวจากหน้าต่างห้องพัก นี่ละจุดเด่นของห้องพักที่นี่ เปิดหน้าต่างออกมาจะพบกับวิวแสนสวยแบบนี้ ภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นชาเขียวขจีประดุจพรมผืนมหึมา ส่วนพื้นที่อื่นก็ทำนาขั้นบันได นี่ถ้ามาในฤดูข้าวออกรวงสีทองคงจะเห็นภาพสวยอย่าบอกใครในมุมนี้ ผมนั่งชมวิวพร้มกับนึกอยู่สักพักว่าทำไมถึงได้รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเวลาที่นั่งชมไร่ชากว้างใหญ่ ส่วนหนึ่งเท่าที่นึกได้น่าจะเป็นเพราะว่าอิทธิพลของสีเขียว สีที่ดูแล้วสบายตาที่สุด ภูเขาที่เขีชะอุ่ม หรือในภาษาจีนเรียกว่า ฉุยฟง นี้ ส่งผลดีต่ออารมณ์และจิตใจของเราเป็นอย่างมากไม่เฉพาะความสบายตาเท่านั้น แต่หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว อย่าว่าแต่เปิดหน้าต่างเลย เพียงแค่ปิดไม่สนิทเท่านั้น เราก็จะรู้สึกได้ถึงความหนาวสุดขั้วหัวใจ
จุดชมวิวมื้อเช้า
วิวไร่ชาระหว่างมื้ออาหาร ตั้งแต่ตัวโรงงานผลิตใบชาเดินไปทางทิศใต้จะมองเห็นวิวไร่ชาที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ การปลูกชาต้องปลูกเป็นขั้นๆ เรียงขวางแนวลาดของเนินเขา ในพื้นที่ที่ภูเขามีลักษณะโค้งเข้าหากันแบบนี้ ต้นชาก็จะต้องปลูกตามแนวโค้งไปด้วย เกิดเป็นภาพที่สวยงามเหมือนกับจิตรกรที่ค่อยๆ ตวัดพู่กันเพื่อสร้างภาพที่สวยงามบนผืนผ้าใบ
ไร่ชาฉุยฟงมีคุณสุบิน วนัสพิทักษกุล เป็นเจ้าของ สืบทอดมาจากรุ่นคุณพ่อ ปลูกกันตั้งแต่ปี 1979 (พ.ศ. 2522 สมัยนั้นผู้เขียนอายุ 2 ขวบ) การปลูกชาพันธุ์อู่หลง นำสายพันธุ์มาจากไต้หวัน แล้วค่อยๆ พัฒนาระบบการปลูกจนในที่สุดก็ไม่มีการใช้สารเคมีหรือออร์แกนิค ในช่วงเวลาหนึ่งใบชาเป็นที่ต้องการมากไร่ฉุยฟงก็ได้ทำการขยายพื้นที่การปลูกจนมีมากถึง 1100 ไร่ แต่ต่อมาการแข่งขันของตลาดชาจะมุ่งเน้นคุณภาพของชา ระบบการจัดการเพื่อให้ได้ใบชาคุณภาพจึงสำคัญกว่าปริมาณการผลิต ต่อจากนี้ไปเราคงจะได้เห็นการควบคุมคุณภาพใบชาของไร่แห่งนี้จนออกสู้กับใบชาของต่างประเทศได้แน่นอน นอกจากนี้คุณสุบินยังได้คิดค้นเมนูอาหารและของว่างที่ทำจากใบชาอีกหลายรายการ ถ้าอยากจะลองชิมต้องไปที่ไร่แม่จันจะมีให้เลือกมากกว่า
หลังอาหารเช้าและการนั่งจิบชาดับหนาวของเราผ่านไป เราเริ่มยกกระเป๋ากล้องและขาตั้งออกเก็บภาพมุมต่างๆ ของภูเขาสีเขียวแห่งนี้ เราอยากจะเห็นหลายๆ มุม เพราะแต่ละมุมเราจะได้เห็นต้นชาเรียงเป็นแนวต่างกันไปไม่ซ้ำ ที่เหมือนกันคือสีเขียวที่ดูสะอาดสบายตายาวเหยียดจนเกือบไม่เห็นจุดสิ้นสุด ความสงบของบ้านพญาไพรที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญเอามากๆ ประกอบกับความขยันของเราที่จะตื่นและลุกออกมาจากห้องพักอันอบอุ่น ทำให้เราได้เห็นนกสวยๆ หลายชนิดบินมาเกาะบนต้นไม้ เสียดายที่เปลี่ยนเลนส์ไม่ทันนกเห็นเราก็บินหนีไป เพราะนกตามธรรมชาติไม่คุ้นเคยกับคนเหมือนกับนกในเมือง แต่ก็ยังส่งเสียงอันไพเราะให้เราฟังก่อนจะจากไป
โรงงานใบชา จากไร่ด้านตะวันออกเดินมาอีกฟากของถนนเราก็จะเห็นไร่ชาทางทิศตะวันตกมองย้อนไปทางด้านที่เดินมาก็จะเห็นโรงงาน ในโรงงานก็จะมีเครื่องสำหรับการผลิตใบชาซึ่งในอดีตไม่มีเครื่องจักรที่ทันสมัยสำหรับการผลิตชาได้จำนวนมากขนาดนี้ การปลูกชาจึงเหมือนเป็นอุตสาหกรรมในครอบครัว แต่ปัจจุบันผลิตใบชาได้เป็นตันๆ ภายในไร่ชาจะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปหรือให้บุคคลภายนอกเข้าไป แต่คนงานที่นี่ก็เล่ารายละเอียดการเก็บชาไปจนถึงได้ใบชาบรรจุในซองออกจำหน่ายด้วยสำเนียงที่น่ารักของชาวเขา ความพยายามที่จะอธิบายขั้นตอนให้เราเข้าใจทำให้เรารู้สึกถึงความเอาใจใส่ของเค้าที่มีต่ออาคันตุกะผู้มาเยือนโดยไม่สนใจว่าเราจะเอาข้อมูลนี้มาใช้ประโยชน์อะไรหรือเปล่า
ช่วงกลางไร่ชาที่เริ่มจะมองไปเห็นท้ายไร่ผมหยุดเดินเพียงแค่นี้เพราะรู้สึกว่าเดินออกมาไกลจากโรงงานชามากโขแล้ว แต่เดินต่อไปก็คงจะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นอย่างที่หวังไว้อยู่ดี อิทธิพลจากลมร้อนที่พัดเข้าทางภาคเหนือและภาคอีสานในช่วงปีใหม่ ทำให้เกิดกลุ่มหมอกหนาในตอนเช้า เราไม่ได้ภาพพระอาทิตย์ขึ้นทั้งๆ ที่ตื่นมารอตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ก็คงได้แต่เก็บภาพความสวยงามของแนวต้นชาไปเรื่อยๆ จากหลายๆ มุม รอบๆ ไร่ชาเราจะเห็นบ้านพักของชาวเขาที่น่าจะทำงานในไร่ชาแห่งนี้อยู่เป็นกลุ่มๆ ต้นชาจำนวนนับไม่ถ้วนที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่เพียงจะก่อให้เกิดความสวยงามสบายตาแก่ผู้มาพบเห็น ยังสร้างชีวิตที่ดีให้กับอีกหลายๆ ครอบครัวอีกด้วย การจะเก็บยอดชาจำนวน 500 ไร่ ให้เสร็จเร็วที่สุดเพื่อรักษาคุณภาพของใบชาไม่มีทางอื่นนอกจากจะใช้คนงานจำนวนมากเท่านั้น หากโรงงานนี้ไม่ปิดปรับปรุง ทริปนี้เราคงได้ภาพสวยมาเยอะแน่ๆ
ไฮไลท์ไร่ฉุยฟง ท้ายที่สุดหลังจากที่เดินไปสุดของท้ายไร่ด้านทิศใต้ ตอนนี้เดินมาหามุมที่ทางเข้าไร่ มีไร่ชาทั้งซ้ายและขวาให้เราเก็บภาพ แต่ด้านซ้ายมือดูจะมีแนวโค้งที่สวยและน่าสนใจกว่า นักท่องเที่ยวก็จะมาเก็บภาพบริเวณนี้กันมากเป็นพิเศษ จึงนับเป็นไฮไลท์ของที่นี่จากตรงนี้ยังเดินชมไร่ชาที่มีหยดน้ำค้างเกาะใบเป็นภาพที่สดชื่นจริงๆ ในยามเช้าแบบนี้ ในฤดูแล้งต้นชาจำเป็นที่จะต้องได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ไร่ชาทุกแห่งจึงต้องมีแอ่งน้ำอยู่ในหุบเขาที่ปลูกชา ในบางวันจะเกิดเป็นทะเลหมอกเล็กๆ อยู่กลางไร่ชาสวยมากทีเดียว (เคยเห็นภาพจากอินเตอร์เน็ต) ของอย่างนี้แล้วแต่ดวงว่าใครจะมาได้จังหวะที่เหมาะสมพอดี
ดอกชา เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราเห็นอยู่ประปรายตามต้นชา กลีบของตอกชาไม่สวยมากนักหากเปรียบเทียบกับดอกไม้ชนิดอื่น จนทำให้หลายคนไม่สนใจที่จะถ่ายรูปดอกชา แต่ถ้าเดินหากันดีๆ จะมีดอกสวยๆ ซ่อนอยู่ เป็นเครื่องประดับกลางไร่สีเขียวบนเขาเล็กๆ แห่งนี้
ยอดใบชา สิ่่งล้ำค้าของเกษตรกรไร่ชาคือยอดใบชา การเก็บยอดใบชาจะเก็บกันแต่เช้าด้วยจำนวนคนงานนับร้อยคน ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็จะเก็บยอดของใบชาได้ทั้งหมดในไร่ที่เราเห็น นับว่าเร็วมาก จากนั้นใบชาจะถูกนำมาตากไว้ก่อนจะเข้าเครื่องนวด เครื่องอบ เครื่องบรรจุเข้าห่อ และส่งขายต่อไป ไร่ชากว้างใหญ่ที่เรามองเห็นว่าสวยถ้าลองได้มองเข้าไปใกล้ๆ ในต้นชา ก็จะเห็นความสดชื่นน้อยๆ อย่างหยดน้ำค้างบนยอดชาสีเขียวอ่อนซ่อนอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน เราจะเห็นแมงมุมสร้างไยดักแมลงอยู่มากมายเป็นกระจุกสีขาวบนต้นชา เช้าๆ มีหยดน้ำใสๆ นับร้อยเกาะอยู่ที่ไยแมงมุม สิ่งเหล่านี้แม้ว่าเราได้มาสัมผัสแม้เพียงชั่วเวลา 1 วัน กับ 1 คืน ก็รู้สึกเหมือนกับว่าได้ต่ออายุของเราด้วยพลังธรรมชาติออกไปได้อีกนาน อย่างนี้เองหลายคนถึงได้เรียกการไปเที่ยวว่า ชาร์จแบตเตอรี่
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ Tel. 053 771 563
ตามไปดูรีวิวไร่ชาฉุยฟง (แม่จัน) อีกหน้าหนึ่งที่ ไร่ชาฉุยฟงแม่จัน
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ