วัดเนรมิตรวิปัสสนา

 วัดเนรมิตรวิปัสสนา ตั้งอยู่สูงเด่นอยู่บนเนินเขา ห่างจากพระธาตุศรีสองรักเพียงเล็กน้อย พระอุโบสถและเจดีย์ภายในวัดก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง และมีพระอุโบสถขนาดใหญ่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตามศิลปะภาคกลาง มีภาพจิตรกรรมที่สวยงามประดับอยู่โดยรอบ มีพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน และมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อพระมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดและได้มรณภาพแล้ว บริเวณพื้นที่โดยรอบมีการจัดแต่งสวนและต้นไม้ร่มรื่นสวยงาม

    วัดเนรมิตรวิปัสสนาอยู่ห่างจากพระธาตุศรีสองรักไม่มาก อยู่บนเนินเขา ความสวยงามของการสร้างโบสถ์ด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่เป็นวัดที่สะดุดตา จึงทำให้เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่คนมาเที่ยวด่านซ้ายจะต้องแวะเวียนเข้ามาไหว้พระทำบุญ และถ่ายรูป แต่ละวันโดยเฉพาะช่วงที่มีการจัดงานประเพณีบุญหลวงผีตาโขน ก็จะมีคนเข้ามาตลอดทั้งวันแบบไม่ขาดสาย

ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร. 042-891226

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

หน้าซุ้มประตูวัดเนรมิตวิปัสสนา วัดแห่งนี้เป็นวัดที่สร้างขึ้นจากกระแสศรัทธาของประชาชนชาวด่านซ้ายและประชาชนจากทั่วทุกสารทิศที่ศรัทธาในคำสั่งสอนการปฏิบัติธรรมสายพระครูภาวนาวิสุทธิญาณ ผู้ธุดงค์มาจากวัดจำปา บ้านหนองเหล็ก ตำบลหนองบัวทอง อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ตั้งของวัดเนรมิตวิปัสสนาถึง 515 กิโลเมตร กล่าวถึงประวัติวัดแห่งนี้ เมื่อ พระครูภาวนาวิสุทธิญาณ (หลวงพ่อพระมหาพันธ์ สิลวิสุทโธ) ธุดงค์พร้อมคณะสงฆ์ สามเณร และแม่ชี เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2522 มาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผ่านร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่น เข้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ พักที่วังทรายทอง ตำบลวังโป่ง ประมาณ 30 วัน จากนั้นธุดงค์ผ่านหล่มสัก หล่มเก่า เข้าอำเภอด่านซ้าย ปักกลดอยู่บริเวณพระธาตุศรีสองรัก วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522

    ถึงวันแรม 5 ค่ำ เดือนเมษายน พ.ศ. 2522 หลวงพ่อตัดสินใจที่จะหาสถานที่เป็นหลักแหล่งมั่นคงถาวร มีญาติโยมผู้มีจิตศรัทธา บริจาคที่ดินให้หลายแปลง หลวงพ่อได้เลือกบริเวณภูเปือย เป็นสถานที่ตั้งวัด (เป็นสถานที่ตั้งของวัดมาจนถึงปัจจุบัน) ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2525 ชื่อว่าวัดนายูง บนพื้นที่ภูเปือยที่ในอดีตเป็นเพียงเขาหัวโล้นเท่านั้น หลวงพ่อได้ปรับปรุงปรับสภาพปลูกต้นไม้ขึ้นจนมีสภาพเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยแรงศรัทธาของผู้มาปฏิบัติธรรมและผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก

ลานจอดรถวัดเนรมิตวิปัสสนา เมื่อเดินทางผ่านซุ้มประตูวัดด้านนอกซึ่งพอจะเห็นได้ว่าสร้างจากศิลาแลง จนเป็นที่น่าประหลาดใจที่จะมีวัดที่สร้างจากหินศิลาแลงในยุคสมัยหลังจาก พ.ศ.2520 เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเข้ามาถึงลานจอดรถกลับได้พบว่า ศาสนสถานที่นี่สร้างจากหินศิลาแลงอีกมาก โดยเฉพาะพระอุโบสถ แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องเดินผ่านซุ้มประตูอีกชั้นหนึ่งเข้าไป รถจักรยานยนต์จะจอดได้ใกล้กำแพง ส่วนรถยนต์ก็ต้องจอดห่างออกไป ถ้าหากเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ในระหว่างการมีเทศกาลงานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขนเหมือนพวกเรา จะหาที่จอดรถลำบากหน่อยนะครับ เพราะประชาชนเดินทางมาที่นี่ในวันนี้เยอะเป็นพิเศษ

ทางเข้าสู่พระอุโบสถวัดเนรมิตวิปัสสนา ซุ้มประตูอีกชั้นหนึ่งซึ่งกั้นระหว่างลานจอดรถกับบริเวณภายในวัด ซุ้มประตูแห่งนี้ก็สร้างด้วยหินศิลาแลงเช่นเดียวกัน จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของวัดในที่สุด

พระอุโบสถ สร้างด้วยหินศิลาแลงมีขนาดใหญ่โดดเด่นอยู่กลางพื้นที่ของวัดซึ่งมองเห็นได้แต่ไกล ก่อนที่จะเข้าไปภายในซุ้มประตูเลยลองเก็บภาพจากกำแพงจะเห็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมวัดแห่งนี้เดินหามุมต่างๆ ถ่ายรูปกันรอบๆ อุโบสถ ด้านหน้าสร้างเป็นลักษณะคล้ายศาลาติดกับทางเดินเข้าประตูพระอุโบสถ เป็นสถานที่สำหรับจุดธูปเทียนไหว้พระ

มณฑปพระครูภาวนาวิสุทธิญาณ ทางเดินข้างพระอุโบสถขนาดใหญ่สร้างอย่างสวยงามตรงเข้าไปสู่มณฑปซึ่งเป็นที่ตั้งหีบบรรจุสังขาร พระครูภาวนาวิสุทธิญาณ (หลวงพ่อพระมหาพันธ์ สิลวิสุทโธ) พร้อมพวงมาลาพระราชทานอยู่ด้านใน สวนหย่อมภายในบริเวณวัดก็ทำได้สวยงาม กลมกลืนกับอาคารที่สร้างด้วยศิลาแลงสีแดงหลายๆ หลัง โทนสีเขียวของสวนหย่อมทำให้รู้สึกสบายตาและปลอดโปร่ง

จุดธูปเทียนไหว้พระหน้าโบสถ์ เนื่องจากเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีศิษยานุศิษย์มากมายจากทั่วทุกสารทิศ แต่ละวันที่เรามาไหว้พระที่นี่จะได้เห็นผู้มาปฏิบัติธรรมแต่งกายชุดขาวนั่งไหว้พระสวดมนต์หน้าโบสถ์

พระประธานวัดเนรมิตวิปัสสนา เข้ามาภายในพระอุโบสถที่มองจากภายนอกเห็นเป็นหินศิลาแลงเหมือนกับว่าเป็นโบราณสถานที่สร้างมานานนับร้อยปี แต่ภายในที่ยังดูใหม่ และสวยงามราวกับเป็นคนละสถานที่กัน ภายในพระอุโบสถของวัดเนรมิตวิปัสสนากว้างขวางมาก สุดผนังด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง ซึ่งมีองค์ใหญ่เป็นประธาน และยังมีองค์เล็กอีก 2 องค์เบื้องซ้ายและเบื้องขวา ผนังด้านในของพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมที่สวยงามเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ จากหนังสือประวัติวัดเนรมิตวิปัสสนาจะเห็นทั้งหมด 48 ภาพ

พระพุทธชินราชจำลอง ที่วัดเนรมิตวิปัสสนาแห่งนี้มีพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ซึ่งจากความคิดเห็นส่วนตัวน่าจะกล่าวได้ว่า เป็นพระพุทธชินราชจำลองที่งดงามมากองค์หนึ่ง

ภาพจิตรกรรมในพระอุโบสถ

ภายในมณฑป มณฑป พระครูภาวนาวิสุทธิญาณ เป็นมณฑปที่สร้างขึ้นด้วยหินศิลาแลง กลมกลืนกันกับพระอุโบสถ เป็นที่ตั้งหีบบรรจุสังขาร พระครูภาวนาวิสุทธิญาณ (หลวงพ่อพระมหาพันธ์ สิลวิสุทโธ) และอัญเชิญพวงมาลาพระราชทานมาตั้งไว้ที่นี่ด้วย

เพดานมณฑป ลวดลายสีทองบนพื้นสีแดง มีภาพเทวดาอยู่ตรงกลางสร้างเป็นรูปแปดเหลี่ยม สวยงามมาก

ด้านหลังของอุโบสถ เป็นภาพที่ถ่ายจากบริเวณหน้ามณฑป พระครูภาวนาวิสุทธิญาณ โดยรวมแล้วการสร้างอุโบสถด้วยหินศิลาแลงก็เกิดความงดงามแปลกตาแก่ผู้ที่ได้มาพบเห็น ประกอบกับบานหน้าต่างที่ทำด้วยไม้สีเข้ม ก็กลายเป็นความแปลกที่โดดเด่น ดึงดูดช่างภาพทุกระดับฝีมือที่จะมาได้ทำบุญไหว้พระแล้วยังเก็บภาพสวยๆ ของวัดกลับไปด้วยความประทับใจ

ศาลาหน้าอุโบสถ การก่อสร้างที่แทบจะไม่ได้เห็นที่ไหน คือศาลาที่ออกแบบมาให้เป็นลักษณะแนวขวางกับแนวความยาวของพระอุโบสถที่เป็นสถานที่สำหรับจุดธูปเทียนบูชาพระนี้ ทำให้ผมต้องเดินย้อนกลับมาเก็บภาพมุมนี้อีกภาพหนึ่ง ระหว่างการเดินกลับออกทางหน้าวัด จึงได้เห็นหน้าบันมีพระปรมาภิไธยย่อ สก

สิงห์คู่วัดเนรมิตวิปัสสนา สร้างด้วยศิลปะแบบขอมที่มักจะได้เห็นตามโบราณสถานต่างๆ เพื่อให้เข้ากันกับพระอุโบสถที่ทำด้วยหินศิลาแลง ซึ่งแม้ว่าจะสร้างด้วยหินศิลาแลงแล้วก็ยังมีบางจุดที่ตกแต่งด้วยลวดลายศิลปะแบบไทยเข้าไปผสมสาน อย่างเช่นลวดลายที่หน้าบัน และเสา กลายเป็นวัดที่มีศิลปะร่วมสมัยอย่างงดงามทีเดียว ใครจะเชื่อละครับว่าพระธุดงค์รูปหนึ่งจะสร้างกระแสศรัทธาหลั่งไหลเข้ามาจนเกิดศาสนสถานและถาวรวัตถุอยู่บนเขาที่ครั้งหนึ่งเป็นเพียงเขาหัวโล้น กลายเป็นวัดที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ได้ขนาดนี้ มาเที่ยวเมืองเลย และด่านซ้าย ชมประเพณีผีตาโขน ไหว้พระธาตุศรีสองรัก ก็ต้องแวะมาสักการะนมัสการพระพุทธชินราชจำลองในอุโบสถหินศิลาแลงขนาดใหญ่แห่งนี้ วัดเนรมิตวิปัสสนาด้วย จะได้ครบ...