ข้อมูลเพิ่มเติม:การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงราย โทร. 053 744 674
http://www.tourismthailand.org/chiangrai
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
เริ่มต้นเดินทางเข้าวัดร่องขุ่น ที่จริงวัดร่องขุ่นเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมานานหลายปีแล้ว หลายๆ คนก็คงจะรู้ว่าจะไปวัดร่องขุ่นได้ยังไง ใช้เส้นทางไหน แต่ถึงอย่างไรก็อยากจะขอบอกเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง ถ้ามาจากเชียงใหม่ไม่ว่าจะใช้เส้นทาง พะเยา ถนนพหลโยธิน หรือจากเชียงใหม่ใช้เส้นทาง ทางหลวงหมายเลข 118 ผ่านแม่สรวยมาบรรจบกับถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าเข้าเมืองเชียงรายจะถึงแยกเข้าวัดร่องขุ่นก่อนตัวเมืองเชียงรายประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นทางแยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายเข้าไปจะมองเห็นวัดร่องขุ่นโดดเด่นอยู่ซ้ายมือ ส่วนลานจอดรถที่ทางวัดเตรียมไว้อยู่ด้านขวามือ ปกติวันหยุดต่างๆ ลานจอดรถเต็มแน่นแน่ๆ ลองขับวนๆ เข้าไปในซอยจะมีลานดินอีกลานหนึ่งพอหาที่จอดได้แล้วค่อยเดินออกมา เข้าวัดร่องขุ่นจะมีหลักสวยๆ สร้างด้วยสีแดง 2 หลัก ย้ำหนักย้ำหนาว่าห้ามสูบบุหรี่ในเขตของวัด และห้ามผู้ดื่มสุราเข้าไปในวัด การตกแต่งด้วยสีแดงแบบนี้เห็นอยู่ที่หลัก 2 หลักนี้เท่านั้น ส่วนทั้งหมดของวัดใช้สีเงินกับสีทอง
ป้ายวัดร่องขุ่น สวยงามสมคำร่ำลือ จอดรถในลานจอดรถอีกฝั่งหนึ่งของถนนแล้วเดินเข้ามาชมบริเวณวัดร่องขุ่น ด้านนี้จะไม่มีที่จอดนะครับ ข้ามมาแล้วจะมีหลักชื่อวัดร่องขุ่น ประดับตกแต่งอย่างสวยงามมาก เดินเลี้ยวขวามาข้างอุโบสถก็จะมีจุดให้เราได้ถ่ายรูปกันอีก เป็นลักษณะซุ้มขนาดใหญ่สีทองอร่าม ประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ด้านบน ใกล้ๆ กับซุ้มที่งดงามสีทองนี้จะมีประตูเข้าภายในพระอุโบสถ ซึ่งจะปิดในเวลา 18.00 น. ตรง หากมาช้ากว่านี้ก็จะได้ชมความสวยงามเพียงด้านนอกเท่านั้น
วัดร่องขุ่น เมื่อเดินเข้ามาเนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีกำแพงรอบจึงมองเห็นพระอุโบสถที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างได้อย่างชัดเจนมีความงดงามมาก นักท่องเที่ยวจะหยุดหามุมถ่ายรูปด้านนี้กันมากเลย การก่อสร้างวัดร่องขุ่นเป็นไปอย่างช้าๆ ด้วยความปราณีตในแต่ละส่วนและงบประมาณ แต่ตอนนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นวัดที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของภาคเหนือและประเทศไทย อีกทั้งยังจะเป็นวัดที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วย
พระอุโบสถวัดร่องขุ่น ด้านหน้าและบริเวณโดยรอบของพระอุโบสถ ประกอบด้วยหลายสิ่งหลายอย่างมากมายที่ประดับด้วยกระบวนการเดียวกันกับพระอุโบสถ เกิดเป็นภาพที่สวยงามที่สุด เริ่มตั้งแต่สระน้ำมีน้ำพุพุ่งขึ้นมา สะพานข้ามสระน้ำเป็นทางเดินเข้าพระอุโบสถ ทวยเทพเทวดาต่างๆ สัตว์ในวรรณคดีหรือสัตว์หิมพานต์ รอบๆ สวยงามไปหมด นอกจากนั้นยังแฝงด้วยคติธรรมต่างๆ ที่อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จะถ่ายทอดออกมา วัดร่องขุ่น เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 โดยท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชั้นแนวหน้าของไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจาก 3 สิ่งต่อไปนี้คือ
1. ชาติ : ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์ จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน 2. ศาสนา : ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา 3. พระมหากษัตริย์ : จากการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ดังนั้นอาจารย์จึงได้สร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลพระองค์ท่าน โดยปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ บนพื้นที่เดิมของวัด 3 ไร่ และอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้บริจาคทรัพย์สินส่วนตัว และคุณวันชัย วิชญชาคร เป็นผู้บริจาคที่ดินประมาณ 7 ไร่เศษ รวมเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาอื่นๆ จนถึงปัจจุบันมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 12 ไร่ และมีพระกิตติพงษ์ กัลยาโณ รักษาการเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน พระอุโบสถเป็นลักษณะเด่นของวัด ที่ตกแต่งด้วยสีขาวเป็นพื้น ประดับด้วยกระจกแวววาววิจิตรงดงามแปลกตา บนปูนปั้นเป็นลายไทย โดยเฉพาะภาพพระพุทธองค์หลังพระประธานซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่งดงามมาก เหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย เป็นรูปกึ่งช้างกึ่งวิหคเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถก็เป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง (ภายในพระอุโบสถห้ามถ่ายรูป)
ความหมายของอุโบสถ สีขาวของโบสถ์แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า กระจกขาวหมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์และจักรวาล ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ได้นำหลักธรรมอันสำคัญยิ่งของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่าง (ความหลุดพ้น)
ช่อฟ้าเอก หมายถึง ศีล ประกอบด้วยสัตว์ 4 ชนิดผสมกัน แทน ดิน น้ำ ลม ไฟ ช้าง หมายถึง ดิน, นาค หมายถึง น้ำ, ปีกหงส์ หมายถึง ลม และหน้าอก หมายถึง ไฟ ขึ้นไปปกปักรักษาพระศาสนา บนหลัง ช่อฟ้าเอกแทนด้วยพระธาตุ หมายถึง ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ และ 84,4000 พระธรรมขันธ์
ช่อฟ้าชั้นที่ 2 (บน) หมายถึง สมาธิ แทนด้วยสัตว์ 2 ชิด คือ พญานาคกับหงส์ เขี้ยวพญานาค หมายถึง ความชั่วในตัวมนุษย์ หงส์ หมายถึง ความดีงาม ศีลเป็นตัวฆ่าความชั่ว (กิเลส) เมื่อใจเราชนะกิเลสได้ก็เกิดสมาธิ มีสติกำหนดรู้เกิดปัญญา
ช่อฟ้าชั้นที่ 3 (สูงสุด) หมายถึง ปัญญา แทนด้วยหงส์ปากครุฑ หมอบราบนิ่งสงบไม่ปรารถนาใดๆ มุ่งสู่การดับสิ้นซึ่งอาสวะกิเลสภายใน ด้านหลังหางช่อฟ้าชั้นที่ 3 มีลวดลาย 7 ชิ้น หมายถึงโพชฌงค์ 7 ลาย 8 ชิ้นรองรับฉัตร หมายถึง มรรค 8 ฉัตรหมายถึงพระนิพพานลวดลายบนเชิงชายด้านข้างของหลังคาชั้นบนสุดแทนด้วยสังโยชน์ 10 เสา 4 มุม ด้านข้างโบสถ์ คือ ตุง (ธง) กระด้าง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้าตามคติล้านนา
สะพานเข้าพระอุโบสถ สะพาน หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็กหมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามาร หรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ใดจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองทิ้งลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตเราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านขึ้นไป บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรอมกัน 16 ตัว ข้างละ 8 ตัว อุปกิเลส 16 จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพาน หมายถึง เขาพระสุเมระ เป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำ หมายถึง สันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่แผ่นดินของพรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอก รอบอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์ หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่เราควรกราบไหว้บูชา ก่อนขึ้นบันได ครึ่งวงกลม หมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้น แทนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผ่านแล้วจึงขึ้นไปสู่แผ่นดินของอรูปพรหม 4 แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 4 ดอก และ บานประตู 4 บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง (ความหลุดพ้น) แล้วจึงจะก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่พุทธภูมิภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดาน และพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตรธรรม
วัฎสงสารวัดร่องขุ่น ถ่ายทอดด้วยการสร้างมือที่ไขว่คว้าหาทางพ้นทุกข์ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฎสงสาร ย่อมไม่เป็นทางพ้นจากความทุกข์เกิดมาแล้วก็มีแต่แสวงหา อยู่ท่ามกลางกองทุกข์
กึ่งกลางสะพานวัดร่องขุ่น เปรียบเป็นเขาพระสุเมรุ
ดอกบัวทิพย์ ดอกบัวทิพย์ : มี 4 ดอกใหญ่ตรงทางขึ้นด้านข้างอุโบสถแทนซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์
กินรีริมสระน้ำ
สัตว์หิมพานต์รอบสระน้ำ
ทีแรกท่านอาจารย์ก็คิดอย่างนี้ครับ "...เริ่มแรกสร้างวัด ผม (อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์) คิดเพียงกะสร้างโบสถ์ 1 หลังสวยๆ ใช้เวลาสัก 10 ปีก็มากพอ สร้างไปได้ 2 ปี คนชอบกันมาก เริ่มมองสิ่งก่อสร้างภายในวัด ขี้เหร่ไม่สวย ดูไม่เข้ากับโบสถ์ อุตริสั่งรื้อทิ้งหมด เริ่มตั้งแต่ซุ้มประตูวัด ประปา หมู่บ้านหน้าวัด ศาลาอ่านหนังสือ ศาลาการเปรียญ หอฉัน กุฏิพระหลังเก่าของแม่สร้างอุทิศให้อาก๋งที่ผมเคยวาดรูปติดหน้าบันไว้เมื่อเป็นเด็กศิลปากรปี 4 สุดท้ายปีนี้ 2548 ทุบกุฏิใหญ่ของพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหมดทิ้งเป็นหลังสุดท้าย จึงไม่เหลืออะไรเลยที่เป็นของเก่าสมัยท่านเจ้าอาวาส พระครูไสวสร้างไว้ (มรณภาพปี 2546) ผมต้องทุบทิ้งเพราะเป็นของเก่าที่ไม่มีค่าทางสุนทรีภาพ เป็นช่างรับเหมาห่วยๆ ราคาถูกๆ สร้างประมาณ 10 – 20 ปีนี่เอง พอทุบของเขาทิ้งก็เลยคิดสร้างเพิ่ม แต่ที่ดินวัดไม่พอเลยซื้อเพิ่มครับ อีกไร่กว่าก็ยังไม่พออีก หากสร้างไปก็จะเบียดเบียนกันดูไม่สวย จึงติดต่อขอซื้อที่จากเศรษฐีกรุงเทพฯ เพิ่ม แต่เป็นบุญของพระศาสนาครับท่านใจบุญยกให้ฟรีๆ ไร่กว่าๆ ที่วัดตกสี่เหลี่ยมพอดี เวลาผ่านไป 5 ปี คนมาชื่นชมกันเยอะมากจนหาที่จอดรถลำบาก และดันแพ้เสียงเชียร์โดยเฉพาะพวกฝรั่งมันยกย่องออกอาการมาก เลยบ้าตามมัน เปลี่ยนความคิดเป็นสร้างให้สวยระดับโลกให้ได้
เอาล่ะวะไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลุยเต็มสูบกันเลย ผมขอที่เพิ่มจากคุณวันชัย วิชญชาคร เศรษฐีใจบุญเป็นครั้งที่สอง ท่านก็เห็นแก่พระศาสนา ประเทศชาติ บอกผมว่าเอาเลยอาจารย์ จะเอาเท่าไหร่ก็ถมเอาเถอะ ผมมีร้อยกว่าไร่หลังวัด ผมคนขี้เกรงใจครับ ขอแค่พอสร้างให้ครบ 9 หลัง ได้เพิ่มอีกประมาณ 3 ไร่กว่า รวมวัดมีเนื้อที่จาก 3 ไร่กว่าเป็น 9 ไร่กว่าๆ พอแล้วครับ ภูมิทัศน์ลงตัวสวนพอดีครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ผมแบ่งที่ดินเป็น 3 เขต หนึ่ง เขตพุทธวาส ผมชอบเรียกว่าพุทธภูมิ เป็นที่อยู่ของพระพุทธเจ้า จะอยู่ด้านขวา มีเสานางเรียกตั้งโปร่งๆ เป็นเขตแดนประกอบด้วยโบสถ์ หอพระธาตุ สะพานสุขาวดีข้ามน้ำไปสู่ยังหอพระอีกหลัง สอง เขตสังฆาวาส อยู่ด้านซ้ายด้านเดียวกับเขตฆราวาส จะประกอบด้วยกุฏิพระและหอวิปัสสนา จุคนประมาณ 200 คน สำหรับบรรยายธรรมขั้นสูงและฝึกวิปัสสนากรรมฐาน สาม เขตฆราวาส อยู่ด้านซ้ายมือหลังแรก เป็นหอศิลป์ ข้างล่างห้องโถงใหญ่ใช้เป็นที่จำหน่ายผลงานสิ่งพิมพ์ ของที่ระลึกต่างๆ ห้องวีดิทัศน์เพื่อบรรยาย จุคนประมาณ 50 คน..." จึงทำให้มีการก่อสร้างอาคารหลังอื่นๆ ที่มีความสวยงามมากเกิดขึ้นเป็นลำดับ
กำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ เป็นประตูปิด-เปิด ตามเวลาที่เปิดให้เข้าชม วัด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 - 18.00 น. ห้องแสดงภาพ : เปิดให้เข้าชมวันจันทร์ - ศุกร์ 8.00 - 17.30 น. ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 8.00 - 18.00 น. ถ้ามานอกเวลานี้ก็คงได้ชมเพียงภายนอกเหมือนกับที่เรารอเวลาจนค่ำเพื่อถ่ายรูปวัดร่องขุ่นเวลากลางคืน
วัดร่องขุ่นยามกลางคืน ในที่สุดแสงสุดท้ายของวันนี้ก็หมดลง ทางวัดเปิดไฟส่องสว่างพระอุโบสถเกิดเป็นภาพที่สวยงามท่ามกลางความมืดสมกับที่เราตั้งใจรอ
วัดร่องขุ่นกลางคืน ปิดท้ายลากันด้วยภาพนี้ครับ เชิญชวนร่วมทำบุญสร้างวัดร่องขุ่นเพื่อให้เสร็จเป็นวัดที่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก และหาชมภาพและข้อมูลเกี่ยวกับวัดร่องขุ่นได้ที่เว็บไซต์ของวัดร่องขุ่น ที่เป็นที่รู้จักกันของชาวต่างชาติในนามของ White Temple http://www.watrongkhun.org/
"ไปวัดร่องขุ่นมาหลายครั้งมาก นี่เป็นภาพที่สวยที่สุดเท่าที่เคยถ่ายก็ว่าได้"
Akkasid Tom Wisesklin
2019-01-03 16:47:12
"สะพานทางเดินที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เหมือนเดินอยู่บนสวรรค์มากกว่าโลกมนุษย์"
Akkasid Tom Wisesklin
2019-01-03 16:46:05
"เดินข้ามสะพานเข้าพระอุโบสถคนจะไม่ค่อยอยากเดินเพราะอยากถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ตรงนี้จะช้ามากๆ"
Akkasid Tom Wisesklin
2019-01-03 16:45:00
"หน้าบันของพระอุโบสถวัดร่องขุ่นที่สวยงาม หลังจากจุดนี้เดินเข้าภายในโบสถ์ถ่ายรูปไม่ได้แล้ว"
Akkasid Tom Wisesklin
2019-01-03 16:43:42
""
Akkasid Tom Wisesklin
2019-01-03 16:42:27
"ความสวยงามของวัดร่องขุ่น มองภาพกว้างก็สวย จะมองรายละเอียดปลีกย่อยก็สวย สุดยอดจริงๆ"
Akkasid Tom Wisesklin
2019-01-03 16:41:57
"วัดร่องขุ่นเป็นวัดที่สวยงามมาก มาเชียงรายทีไรเราจะแวะทุกครั้ง แวะนานบ้างไม่นานบ้างก็แล้วแต่โอกาส ช่วงปีใหม่คนเยอะมากๆ แต่ถึงจะเยอะยังไงก็พอจะหาโอกาสถ่ายรูปโบสถ์ด้านข้างตอนคนว่างได้อยู่ ดีใจมากถึงจะเห็นคนอยู่นิดนึงก็เถอะ"
Akkasid Tom Wisesklin
2019-01-03 16:40:31
"บรรยากาศวัดร่องขุ่นในช่วงนี้โดยเฉพาะวันนี้ที่เป็นวันเสาร์คนเยอะมากไม่ผิดไปจากที่คาดคิดเลย ยอดฉัตร ของพระอุโบสถซ่อมเสร็จแล้วตอนนี้มีความสง่างามมาก"
Akkasid Tom Wisesklin
2017-12-23 12:20:20
40/40 จาก 8 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ