ล่องเรือรอบเกาะลัด ที่อำเภอบางคล้า มีบริการล่องเรือรอบเกาะลัด ชมวิถีชีวิตริมน้ำ บ้านเรือนที่ปลูกสร้างอย่างสวยงามบนเกาะลัด ผ่าน วัดปากน้ำโจ้โล้ พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จะแวะสักการะก็ได้ ผ่านวัดโพธิ์บางคล้า ซึ่งมีค้างคาวแม่ไก่จำนวนมากมายอยู่บนต้นไม้ในบริเวณวัด เรือโดยสารจะจอดให้นมัสการปิดทองพระ ชมค้างคาวแม่ไก่ 15 นาที เรือแล่นรอบเกาะลัดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

    นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและเช่าเรือได้ที่สวนอาหารแม่น้ำ และตลาดน้ำบางคล้า
    ค่าโดยสาร มีเรือบริการหลายขนาดได้แก่
    เรือขนาด 6 ที่นั่ง เหมาลำในกรณีมาไม่เกิน 4 คน 200 บาท
    เรือขนาด 10 ที่นั่ง เหมาลำในกรณีมาไม่เกิน 10 คน 500 บาท
    เรือโดยสารขนาดใหญ่ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท เรือออกตามรอบเวลา รอบแรกประมาณ 10.30 น. รอบสุดท้าย 16.30 น.(วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

 ท่าเรือตลาดน้ำบางคล้า ล่องเรือเที่ยวเกาะลัดเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับการมาเที่ยวตลาดน้ำบางคล้า เรือบริการนำเที่ยวรอบเกาะลัดมีหลายขนาดด้วยกัน เริ่มตั้งแต่เรือเล็ก 6 ที่นั่ง ให้เหมาลำ นั่งไม่เกิน 4 คน ลำละ 200 บาท ถ้านั่ง 6 ก็ 300 บาท เรือขนาดกลางเหมาลำ นั่งได้ไม่เกิน 10 ที่นั่ง ก็ 500 บาท ส่วนลำใหญ่ก็ออกเป็นเวลา ราคาผู้ใหญ่ 50 เด็ก 30 สรุปไม่ว่าจะนั่งแบบไหนค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 50 บาท สำหรับคนที่ต้องการล่องเรือไปยังสถานที่อื่นๆ นอกเส้นทางรอบเกาะลัด ก็จะมีราคาบอกให้ แต่ในที่นี้ผมพาไปนั่งรอบเกาะก่อนแล้วกัน

 หลังจากที่เดินถ่ายรูปตลาดน้ำ 1 รอบ ตั้งแต่หัวจรดท้ายตลาด ตอนนี้ก็เวลา 11.10 น. มีเรือจะออกเวลา 11.30 น. ผมก็เลยตกลงซื้อบัตรแล้วเดินเล่นอีกหน่อยก็จะถึงเวลาเรือออก สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาควรจะเหมาลำเอานะครับ เพราะถ้ารอเรือเที่ยวบางเที่ยวคนน้อยเกินไปเรือก็ไม่ออกนะ โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ ตลาดยังไม่คึกคัก กว่าจะมีคนไปนั่งเรือเที่ยวก็ต้องกินกันก่อน ช่วงการกินก็จะใช้เวลานาน กว่าจะอิ่มกว่าจะอยากนั่งเรือก็ช่วงเที่ยงเป็นต้นไปนี่แหละ พอเรือออกจากข้างโป๊ะไปกลางแม่น้ำเราก็จะเห็นตลาดน้ำบางคล้าแบบเต็มๆ ทั้ง 9 โป๊ะเลย

  เด็กๆ ริมน้ำ  เป็นเรื่องที่เห็นกันมาเจนตาตั้งแต่ผมเป็นเด็ก สมัยนั้นผมกับน้ำก็สนิทกันพอสมควร ว่างเมื่อไหร่เป็นได้หนีไปลงน้ำ ตอนนั้นไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องอันตราย เล่นสนุกๆ แล้วก็กลับบ้าน จนทุกวันนี้เราก็ยังคงเห็นเด็กๆ ไปลงเล่นน้ำอยู่เสมอๆ ไม่ว่าที่ไหน เด็กๆ ก๊วนนี้หน้าตาเอาเรื่องดีพอเห็นผมถือกล้องถ่ายรูปก็พุ่งลงน้ำกันหมดโชคดีที่เก็บภาพตอนนั่งอยู่ในโคลนมาได้ทัน

 วิถีชีวิตบางคล้าบางปะกง  พอเรือมาตั้งลำกลางแม่น้ำได้ที่แล้วก็แล่นไปอย่างช้าๆ จากตลาดน้ำบางคล้ารอบเกาะลัดกลับมาที่ตลาดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง มีจุดจอดแวะจุดเดียวคือวัดโพธิ์บางคล้า สำหรับลงไปไหว้พระปิดทอง ชมค้างคาวแม่ไก่ ระหว่างนั้นเราก็จะได้เห็นชาวบ้าน 2 ฝั่งของแม่่น้ำ ด้านหนึ่งเป็นแผ่นดินอีกด้านก็เป็นเกาะลัด

 ฝูงค้างคาวแม่ไก่หน้าวัดโพธิ์บางคล้า  ใช้เวลาไม่กี่นาทีเรือก็มาอยู่ที่หน้าวัดโพธิ์บางคล้า (สมัยที่ใช้เรือในการเดินทางท่าน้ำนับเป็นหน้าวัด แต่ทุกวันนี้คงจะต้องเรียกว่าหลังวัด) เรือยังไม่ทันเทียบท่าดีเราก็มองเห็นฝูงค้างคาวแม่ไก่ ขนาดของค้างคาวเท่าแม่ไก่จริงๆ ห้อยหัวอยู่บนต้นไม้ แต่ละต้นน่าจะมีจำนวนนับร้อยตัว จำนวนมากมายแบบนี้จึงทำให้ค้างคาวแม่ไก่เป็นจุดเด่นของวัด คนก็มาเที่ยวกันเป็นประจำจนเจ้าค้างคาวเหล่านี้ก็ไม่ได้ตื่นกลัวคนเอาซะเลย

 ค้างคาวแม่ไก่  ค้างคาวแม่ไก่ภาคกลาง (อังกฤษ: Lyle's flying fox; ชื่อวิทยาศาสตร์: Pteropus lylei) เป็นค้างคาวขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ในวงศ์ค้างคาวผลไม้ (Pteropodidae)
 มีลักษณะเหมือนค้างคาวแม่ไก่ชนิดอื่น ๆ มีขนาดใหญ่กว่าค้างคาวแม่ไก่เกาะแต่เล็กกว่าค้างคาวแม่ไก่ป่าฝน ขนส่วนท้องและหลังสีน้ำตาลทอง ปลายหูแหลม
มีความยาวแขนถึงศอกประมาณ 14.5-16 เซนติเมตร มีน้ำหนักตัว 390-480 กรัม พบกระจายพันธุ์ในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง, ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ของประเทศไทย โดยพบตั้งแต่พื้นที่อ่าวไทยตอนในจรดจังหวัดอยุธยา และพบได้ที่กัมพูชาและเวียดนาม โดยอาศัยรวมกันเป็นฝูงใหญ่ เกาะบนต้นไม้ จากการศึกษาพบว่า ค้างคาวแม่ไก่ภาคกลางในประเทศไทย มีพื้นที่อาศัยเกาะนอน 16 แห่ง โดยมักอาศัยอยู่ในป่าดิบชื้นหรือพื้นที่ใกล้สวนผลไม้ ในแต่ละคืน กินพืชเป็นอาหารประมาณ 3.38-8.45 ตัน ซึ่งถือว่ามีปริมาณที่ค่อนข้างมากและยากที่เกษตรกรจะยอมรับได้ โดยเป็นพืชเศรษฐกิจเสียส่วนใหญ่ ปัจจุบัน เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/ค้างคาวแม่ไก่ภาคกลาง

   ล่องเรือบางคล้า ในเส้นทางรอบเกาะลัดเราก็ได้พบเห็นอะไรหลายอย่าง มีรีสอร์ทหลายแห่ง อย่างในภาพบนซ้ายก็คือ Blue Ozone มีบ้านเรือนที่อาศัยอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติริมแม่น้ำ มีวัดคุ้งกร่างกับพระพุทธรูปสีขาวเด่นตระหง่าน ผ่านหน้าบ้านท่านนายกเทศมนตรีด้วย

   พอมาถึงใกล้ๆ วัดคุ้งกร่างที่มีพระสีขาว จะมีสายน้ำแยกกันที่จุดนี้ เป็นสายน้ำที่เกิดจากการกัดเซาะตามธรรมชาติ จนทำให้แผ่นเดินขาดออกเป็นเกาะลัดในปัจจุบัน สายน้ำบริเวณนี้เชี่ยวมากเรือเล็กจะแล่นไปได้ช้ามาก แต่เป็นระยะไม่ไกลเราก็จะเจอสายน้ำอีกสายกับพระพิฆเณศยืนองค์ใหญ่ของฉะเชิงเทราที่สร้างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เห็นแนวเขื่อนคอนกรีตที่สร้างเอาไว้ตามแนวตลิ่งยาวมาก ห่างจากฝั่งหลายสิบแมตร ชวนให้สงสัยว่ามันคืออะไร ที่แท้ก็แนวกันตลิ่งพังจากการกัดเซาะเพราะกระแสน้ำที่ไหลเข้ามาจากแม่น้ำสายหนึ่งมาบรรจบแม่น้ำอีกสายหนึ่ง แล้วก็แล่นไปเรื่อยๆ เจอทางแยกเลี้ยวขวาจะเห็นรีสอร์ทที่บ้านพักเป็นเรือลำใหญ่ของท่านสนั่น แล้วก็จะได้เห็นบ้านเรือนที่ปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิประเทศ

 วิถีชีวิตเกาะลัด 

 วัดปากน้ำโจ้โล้   เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของบางคล้า ใครๆ มาบางคล้าก็ควรจะได้มาที่วัดแห่งนี้ กระแสน้ำที่พาดผ่านพื้นที่บางคล้า ผ่านวัดปากน้ำโจ้โล้ด้วย (ไม่ผ่านได้ไงละก็ชื่อวัดยังชื่อปากน้ำเลย) ชาวบ้านที่นี่หลายคนก็เปลี่ยนการเดินทางมาเป็นทางรถแล้ว แต่ชาวบ้านที่อยู่บนเกาะลัดจริงๆ ยังไงๆ ก็ยังคงต้องใช้เรือเพราะไม่มีถนนข้ามไปเกาะลัดเลย ตายาย 2 คน พายเรือมาวัดปากน้ำโจ้โล้ ตอนนี้กำลังพายกลับบ้านเลียบแม่น้ำกับแนวป่าจากดูเป็นวิถีชีวิตอันเรียบง่ายจริงๆ

 อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  สถานที่ต่อไปที่อยู่ไม่ไกลจากวัดปากน้ำโจ้โล้ก็คืออนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตอนที่มาถ่ายรูปเคยมาทางรถ ตอนนี้มาทางเรือก็ได้เห็นมุมมองที่แตกต่างกันออกไป พอเรือแล่นไปเรื่อยๆ มองย้อนไปด้านหลังก็จะเห็นสถูปแห่งนี้กับวัดปากน้ำโจ้โล้คู่กันด้วย

 ปิดท้ายที่ตลาดน้ำบางคล้า กินเวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมงขาดเหลือนิดหน่อย ตอนนี้เรือก็พาเรามาอยู่ที่กลางแม่น้ำใกล้ตลาดน้ำบางคล้า และเตรียมถอยหลังเข้าไปส่งเราที่โป๊ะของตลาดน้ำ นักท่องเที่ยวที่รอขึ้นเรือเที่ยวต่อไปก็ถือบัตรยืนรออยู่แล้ว ได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้วละ ไปกินกันต่อเลยดีกว่า