พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง

 พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเวียงเก่า เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ก่อตั้งโดยความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอนแก่น และกรมทรัพยากรธรณี เพื่อศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ความรู้ด้านทรัพยากรธรณีสู่สาธารณชน เพื่อการอนุรักษ์ เพื่อประโยชน์ของสังคมและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดการพัฒนาแบบยั่งยืนต่อไป อาคารพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนบริการ ได้แก่ ร้านขายของที่ระลึก ห้องอาหาร ห้องบรรยาย ส่วนวิชาการ ได้แก่ ห้องปฏิบัติการ ห้องทำงาน ห้องสมุด และส่วนนิทรรศการ ได้แก่ ห้องจัดแสดงชั้นล่างและชั้นบน จัดแสดงนิทรรศการการกำเนิดโลก หิน แร่ ซากดึกดำบรรพ์ และหุ่นจำลองไดโนเสาร์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ภูเวียง กรมทรัพยากรธรณี โทร. 0 4343 8204-6

 การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปอุทยานแห่งชาติภูเวียง จากขอนแก่นเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (ขอนแก่น-ชุมแพ) ผ่านอำเภอบ้านฝาง อำเภอหนองเรือ ถึงทางแยกไปอำเภอภูเวียง ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร จึงแยกตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2038 อีก 22 กิโลเมตรถึงอำเภอภูเวียงและเดินทางต่อไปอีก 10 กิโลเมตรถึงพิพิธภัณฑ์

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. ขอนแก่น โทร 0 4322 7714-5
http://www.tourismthailand.org/khonkaen

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

ปากทางแยกภูเวียง แหม การเดินทางย้อนรอยยุคดึกดำบรรพ์ในวันนี้ของเรา มันเริ่มต้นขึ้นที่ถนนมะลิวัลย์ สามแยกเข้าอำเภอภูเวียง ที่สร้างหุ่นไดโนเสาร์มาเป็นที่สะดุดตา ดึงดูดนักเดินทางที่ผ่านไปผ่านมา กันซะขนาดนี้ ถ้าจะว่าไปแล้วมาเที่ยวขอนแก่นทั้งที ถ้าเวลาอำนวยไม่เร่งรีบซะเกินไป ไม่แวะมาภูเวียงจะว่ามาไม่ถึงขอนแก่นเอาได้ เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องมาให้ได้สักที เกือบๆ 50 กิโลเมตรจากตัวเมือง ถึงสามแยกภูเวียง ก็เป็นอันได้เจอเจ้าไดโนเสาร์ยืนจังก้าประมาณว่าเป็นตัวแม่กับตัวลูก ทีนี้เราก็เลี้ยวขวา

ร้านอาหารที่ภูเวียง ก่อนหน้าที่เราจะเดินทางกันไปต่อ จากตัวเมืองมาแต่เช้า ถึงทางเข้าภูเวียงก็ได้เวลาหิวแล้วละ ริมทางตรงปากทางแยกเรียงรายไปด้วยเพิงเล็กๆ มีอาหารเด็ดของที่นี่รอให้เราเข้าไปชิม อันได้แก่ ปลาเผา ไก่ย่าง ข้าวเหนียว และส้มตำ เป็นหลัก รองลงมาเป็นร้านตามสั่ง เอาตามแต่ว่าเราจะสะดวกแบบไหน หลายๆ คนมาเที่ยวภูเวียงมักจะเลือกปลาเผา ไก่ย่าง ข้าวเหนียว แบบแวะซื้อ แล้วไปหาที่กินกันข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็น อุทยานไดโนเสาร์ศรีเวียง หรือจะเป็นบรรยากาศริมน้ำและลงเล่นน้ำได้อย่าง พัทยา2 ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ถ้าถามผมละก็ ผมกินในรถนี่ละครับ กินไปเรื่อยๆ ระหว่างการเดินทาง กินเสร็จก็ถึงพอดี เพราะจากทางสามแยกภูเวียง ไปอำเภอภูเวียงก็ 22 กิโลเมตร ไปพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ก็อีกร่วม 10 กิโลเมตร มีเวลาในการเดินทางมากเพียงพอ ที่จะจัดการกับมื้อสายของผมให้เรียบร้อย

ท้องฟ้าแจ่มใสในเส้นทางสู่ภูเวียง หลายๆ คนที่ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน หรือแม้ว่าจะเคยมาก็มาสมัยเด็กๆ หลายปีก่อนอะไรทำนองนี้ คงจินตนาการถนนเข้าสู่อำเภอภูเวียงกันไปต่างๆ นานา ตัวผมเองก็เคยมาเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน พอจะจำได้ว่าถนนหนทางมันเป็นทางลาดยางสายเล็กๆ ตรงดิ่งเข้าสู่ตัวอำเภอระหว่างทางแทบจะไม่ได้เห็นบ้านเรือนผู้คนมากมายเหมือนอย่างทุกวันนี้ ถนนขยายเป็น 4 เลน กว้างขวาง ขับสบายๆ ไปเรื่อยๆ นับว่าวันนี้เป็นวันที่โขคดีมากวันหนึ่งเพราะท้องฟ้าที่สดใสแบบนี้แหละจะทำให้เราถ่ายภาพสนุกกว่าวันที่มืดครึ้ม ระหว่างนี้เราเปิดกระจกรับลมไปตลอดทาง อากาศบริสุทธิ์เราสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างกับอากาศในกรุงเทพฯ เมื่อการเดินทางสะดวกขนาดนี้ 20 กิโลเมตรก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ทางไปพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ เส้นทางกว้าง 4 เลน มาสุดอยู่ที่บริเวณตัวเมืองภูเวียง จากนั้นถนนก็เป็นสายเล็กลง เข้าไปในหมู่บ้าน มีทางแยกหลายแห่ง ซึ่งต้องสังเกตุกันหน่อย ทางแยกแรกที่ผมเกือบขับเลยไปก็คือตรงวัดนายมวราราม มีแยกซ้ายมือเลียบกำแพงวัด มีป้ายบอกตรงปากทางว่าไปพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะมีทางแยกอีกคราวนี้เลี้ยวขวา แยกต่อไปเลี้ยวซ้าย ขับไปเรื่อยๆ มีป้ายบอกเรื่อยๆ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ กับอุทยานแห่งชาติภูเวียงไปทางเดียวกันได้ อุทยานแห่งชาติภูเวียงอยู่ไกลกว่านิดหน่อย ในที่สุดเราก็มาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ มีรีสอร์ทให้บริการด้วย หน้ารีสอร์ทมีร้านอาหาร กับร้านค้า พร้อมสรรพสำหรับการพักผ่อนของครอบครัว ถ้าจะสอบถามข้อมูลหรือจองรีสอร์ทที่นี่ติดต่อมาที่พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ก็คงจะได้ละครับ ตอนนี้เอารถเข้าไปจอดในลานจอดรถกันก่อน

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง เอาละได้เวลาเข้าไปผจญโลกล้านปีกันแล้ว ก่อนอื่นต้องไปซื้อบัตรก่อน

ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ คือชื่อเต็มๆ ของสถานที่แห่งนี้ นั่นก็หมายความว่าสถานที่แห่งนี้นอกจากจะมาเดินดูเจ้าหุ่นและกระดูกของไดโนเสาร์กันแล้ว ยังมีข้อมูลต่างๆ มากมายน่าศึกษา ทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ก็เพราะเรื่องไดโนเสาร์เราก็ไม่ได้รู้มากกว่าเด็กๆ สักเท่าไหร่ว่ามั้ยละ ตรงทางเข้ามีหัวเจ้าไดโนเสาร์ทำหน้าดุติดอยู่กับผนัง เจ้านี่เรียกความสนใจของเด็กๆ ได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าเลยทีเดียว

ห้องแรกของการเดินทาง วันนี้เราจะเดินผ่านอุโมงค์กาลเวลากันครับ ที่ห้องแรกของพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง มีวีดีทัศน์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกซึ่งแต่ไหนแต่ไร ย้อนไปถึงรุ่นปู่ย่าตายาย น้อยคนนักจะเข้าใจว่าเปลือกโลกของเรามันเคลื่อนที่ได้ และเคลื่อนที่ตลอดเวลาซะด้วย ในยุคของเราเราจะได้ยินข่าวแผ่นดินไหว ซึนามิ อะไรต่างๆ เหล่านี้ พอให้เราได้รู้ว่าประเทศของเราเองก็มีการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก เราเข้าใจได้มากกว่าปู่ย่าตายายที่ไม่เคยได้ยินข่าวแบบนี้ และไม่มีประสบการณ์ตรง
เรื่องราวในห้องแรกออกแนววิทยาศาสตร์ เราและเด็กๆ หลายคน ก็มีบางคนที่สนใจและอยากรู้ แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ค่อยจะสนใจเพราะอยากจะเข้าไปดูเจ้าไดโนเสาร์กันมากกว่า แต่ห้องๆ นี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเด็กๆ ได้หลายคน ที่ค้นพบว่าตัวเองชอบวิทยาศาสตร์ ผู้ปกครองก็ควรจะมองมุมนี้ด้วยนะครับ เพื่ออนาคตของเด็กๆ

ห้องที่ 2 จักรวาลของเรา เราเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์กันมาตั้งแต่เด็กๆ เราก็พอจะรู้ว่าระบบสุริยจักรวาลที่เราอาศัยอยู่มีการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ที่พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง นำเอาระบบดวงดาวในจักรวาลมาจำลองให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ยังมีข้อมูลให้ความรู้อีกมากมาย ส่วนภาพล่างขวา เป็นฟอสซิลของไดโนเสาร์ แน่นอนว่าข้อมูลการเกิดฟอสซิลเหล่านั้นมีอธิบายไว้อย่างละเอียด เราจะได้รู้ว่า เราค้นพบไดโนเสาร์จากอะไรบ้าง

ฟอสซิลไดโนเสาร์ เรียงรายอยู่ในตู้กระจก บนพื้นทรายที่วาดลวดลายเพิ่มความน่าสนใจ ฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์หลายชนิดพบที่ใด เกิดขึ้นได้อย่างไร มีอธิบายไว้หมด

จำลองยุคไดโนเสาร์ ต่อจากฟอสซิล ทีนี้มาถึงช่วงจำลองชีวิตไดโนเสาร์ จากการศึกษาซากที่ขุดพบ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกก็ต่างได้สันนิษฐานระบบนิเวศน์ของไดโนเสาร์ การใช้ชีวิต สังคมไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ เท่าที่ได้พบบนพื้นโลก สำหรับที่ภูเวียงก็จำลองข้อมูลสังคมสัตว์เหล่านี้มาให้ชมกันแบบเล็กๆ ตกแต่งให้สมจริงสมจัง การล่าเหยื่อของไดโนเสาร์กินเนื้อ การหากินของไดโนเสาร์กินพืช

สิ้นสุดยุคไดโนเสาร์ ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้มากที่สุดของปริศนาการสูญพันธุ์ของสัตว์ขนาดมหึมาอย่างไดโนเสาร์ ก็ถูกจำลองออกมาให้เห็นภาพ

จำลองยุคไดโนเสาร์

ภูเวียง สำหรับบุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่เขาลูกไหนก็คือนึกไม่ออกว่า ภูเขาทั้งลูกนั้นจะมีลักษณะยังไง การสร้างแบบจำลองขึ้นมาให้เราได้เห็นก็นับว่าจะทำให้เราเข้าใจลักษณะภูมิประเทศของบริเวณเขาลูกนั้นได้ดียิ่งขึ้น ถ้าไม่เห็นภาพนี้เราเองก็คงจะนึกไม่ออกว่าภูเวียงหน้าตาเป็นยังไงกันแน่ อย่างที่เห็นในแบบจำลอง ภูเขาที่ชื่อ ภูเวียง มีหุบอยู่ตรงกลางเขา เป็นแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ จากหลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับการศึกษาประวัติศาสตร์เมืองศรีเวียง เราพบว่ามีมนุษย์เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ประมาณ 2,000-3,000 ปีก่อน มีการค้นพบเสมา และพระพุทธรูป ศิลปะทวารวดี พบรอยฝ่ามือแดงบนหน้าผา เป็นที่มาของผาฝ่ามือแดง ค้นพบเครื่องปั้นดินเผาหลายอย่าง เครื่องสำริด ฯลฯ รวมทั้งยังพบว่ามนุษย์ในสมัยนั้น ทำการเกษตร และยังนับถือศาสนาพุทธ อีกด้วย ยังค้นพบพระพุทธรูปสลักอยู่บนหน้าผาหิน เป็นลักษณะพระนอนที่เทือกเขาภูเวียง แต่ตอนนี้เอาเป็นว่าเรามาดูเรื่องไดโนเสาร์กันต่อครับ สถานที่ต่างๆ ที่เล่ามาไปดูที่อุทยานแห่งชาติภูเวียงได้

กระดูกไดโนเสาร์ ห้องต่อมาในพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง เป็นเรื่องราวของกระดูกซึ่งค้นพบมากมายกระจายอยู่หลายพื้นที่ของโลก ในประเทศไทยเองก็มีการค้นพบทั้งขอนแก่น และกาฬสินธุ์ รวมทั้งรอยเท้าที่พบในจังหวัดเพชรบูรณ์อีกด้วย การขุดพบกระดูกไดโนเสาร์นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการศึกษาด้านธรณีวิทยาในภูเวียงอย่างจริงจัง ในห้องนี้จะมีความรู้ต่างๆ ในการขุดศึกษา

กระดูกไดโนเสาร์ การค้นพบกระดูกเพียงไม่กี่ชิ้น นำมาซึ่งการศึกษาค้นคว้าแล้วประกอบเข้าเป็นตัวไดโนเสาร์ให้เราได้เห็นในหนัง

กระดูกไดโนเสาร์ การขุดพบโครงกระดูกชิ้นนี้เราเห็นลักษณะของกระดูกส่วนหางม้วนขึ้นไปบนหลังของไดโนเสาร์ หลังจากที่มันล้มตายลงและถูกธรรมชาติรักษาเอาไว้ใต้พื้นพิภพมานับล้านๆ ปี (ตอนขุดทีแรกแล้วยังไม่เห็นเต็มตัวก็คงจะงงตรงกระดูกหางนี่แหละครับ)

ไดโนเสาร์กินพืชภูเวียง เป็นโครงกระดูกที่มีขนาดใหญ่มาชุดหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2525 ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเวียง พบกระดูกทั้งหมด 22 ชิ้น วางกองทับกัน ผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศษกับนายวรวุธ สุธีธร นักธรณีวิทยาของประเทศไทย ร่วมกันศึกษาวิจัย จนทราบว่าเป็นไดโนเสาร์กินพืชสกุลและชนิดใหม่ของโลก ทำให้ ภูเวียงและประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักวิชาการ

สวนไดโนเสาร์ หลังจากที่เดินดูโครงกระดูกไดโนเสาร์ ศึกษาข้อมูลความเป็นมา การขุดพบไดโนเสาร์แต่ละชิ้น แต่ละตัว จากตรงนี้จะมีทางเดินลาดขึ้นไปชั้น 2 กับอีกทางหนึ่งเป็นบานประตูเปิดเข้าสวนไดโนเสาร์ เปิดเข้ามาแล้วจะพบกับหุ่นจำลองของไดโนเสาร์สร้างตามข้อมูลที่เก็บได้จากชิ้นส่วนของกระดูก จากนั้นก็สันนิษฐานผิวของไดโนเสาร์ สี แล้วก็มีการเปิดเสียงร้องของไดโนเสาร์ เหมือนกับว่าเราเดินอยู่ท่ามกลางไดโนเสาร์เหล่านี้ในยุคหลายล้านปีก่อน นอกจากนั้นยังเพิ่มบรรยากาศของน้ำตกและสายธาร เพราะอย่างน้อยถึงจะเป็นไดโนเสาร์ก็ต้องกินน้ำเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นั่นแหละนะ
เจ้าไดโนเสาร์ตัวแรกที่ยืนจังก้ารอรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ อยู่ก็คือ สยามโมไทรันนัส อิสานแอนซิส นอกจากไดโนเสาร์ที่มีตัวใหญ่หลายเมตรตัวนี้แล้ว ก็ยังมีกลุ่มที่ตัวเล็กๆ อย่าง คอมพ์ซอกนาธัส ที่มีลำตัวยาวแค่ 70 เซนติเมตร ให้เราดูด้วย

สยามโมซอรัส สุธีธรนิ ไดโนเสาร์ขนาดใหญ่อีกตัวหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง มีความยาวถึง 7 เมตร หน้าตาน่ากลัวดุร้าย พบในหลายจังหวัดของไทย ได้แก่ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สกลนคร อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู และนครราชสีมา

กินรีมิมัส ขอนแก่นแอนซิส เป็นไดโนเสาร์ที่กินได้ทั้งพืชและสัตว์ พบที่จังหวัดขอนแก่น เจ้าตัวนี้มีขนาดยาว 3 เมตร นับว่าไม่ใหญ่ไม่เล็ก นอกจากที่เอามาให้ชมกันแล้ว ก็ยังมีอีกหลายตัวหลายขนาด ลองไปเดินชมรอบๆ สวนกันดูครับ เราขอจบสวนไดโนเสาร์เอาไว้เท่านี้ ไปต่อชั้น 2 ดีกว่า

ยุคต่างๆ ของไดโนเสาร์ ถึงช่วงท้ายของการเดินเที่ยวโลกล้านปีแล้วครับ ทางลาดที่ใช้ได้ทั้งเดินและรถเข็น พาเราขึ้นไปชั้น 2 ที่ผนังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับยุคต่างๆ ของไดโนเสาร์ ซึ่งแตกต่างกันหลายล้านปีเลยทีเดียว อย่างน้อยๆ เราจะได้เรียนรู้ว่า ไดโนเสาร์นั้นถือกำเนิดขึ้นบนโลก และมีชีวิตอยู่เป็นระยะเวลานานหลายสิบล้านปี ถึง ร้อยล้านปี และก็ไม่แน่ว่า มนุษย์อาจจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าๆ กับไดโนเสาร์ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรักษาธรรมชาติ แหล่งชีวิตของเราได้ดีแค่ไหนด้วย

ภัยธรรมชาติ อีกห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้น 2 แสดงข้อมูลเกี่ยวกับภัยธรรมชาติชนิดต่างๆ ที่สร้างความเสียหายให้กับสิ่งมีชีวิตบนโลกได้อย่างกว้างขวาง ตอนแรกๆ คนไทยคงจะนึกไม่ออกว่าความรุนแรงของภัยธรรมชาติมันเป็นยังไง จนเมื่อเราโดนซึนามิ และมหาอุทกภัย โจมตี สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก รวมทั้งแผ่นดินไหวที่เกิดถี่ขึ้นๆ เหมือนที่เราเห็นในทีวีอยู่เป็นประจำ

สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นห้องสุดท้ายแล้วจริงๆ ก่อนจะถึงทางออกจากพิพิธภัณฑ์ เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระองค์ทรงมีต่อพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

สวนพักผ่อนรอบๆ พิพิธภัณฑ์ ทั้งในลานจอดรถหน้าพิพิธภัณฑ์ และด้านหลัง มีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นแก่ผู้ที่มาเที่ยว ก่อนที่จะเดินทางกันต่อไป ในสวนก็ยังมีไดโนเสาร์หลายตัว

ของฝากไดโนเสาร์ สุดท้ายก่อนจากกันไป อย่าลืมแวะเข้าร้านของฝาก อยู่ตรงข้างห้องจำหน่ายบัตรเข้าชม มีหลายอย่างให้เลือกและมีรูปไดโนเสาร์เป็นหลัก ติดไม้ติดมือเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่ง เราได้มาเที่ยวแดนโลกล้านปี ที่ภูเวียง ขอนแก่น

รีวิว พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ขอนแก่น

---

 "ไดโนเสาร์น่ากลัวมาก ทำได้เหมือนมีชีวิตมากๆๆ"

Akkasid Tom Wisesklin
2017-10-25 14:09:42

---

 "มาอัพเดตกันอีกสักรอบ"

Akkasid Tom Wisesklin
2017-10-25 14:09:06

---