ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานขอนแก่น โทร. 0 4322 7714-5
http://www.tourismthailand.org/khonkaen
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ระเบียงคต เดินลอดซุ้มประตูเข้ามา ตอนนี้เรามายืนอยู่กลางระเบียงคต จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของการสร้างระเบียงคตก็คือการประดิษฐานพระพุทธรูป โดยมากจะนิยมพระพุทธรูปปางมารวิชัย แต่บางทีก็จะเห็นระเบียงคตของบางวัดประดิษฐานพระพุทธรูปปางประจำวันเกิด สำหรับที่วัดเจดีย์ชัยมงคล จะประดิษฐานพระสาวกนั่งสมาธิรอบด้าน (บางแห่งก็จะเป็นพระอรหันต์ ส่วนจำนวนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของความยาวของระเบียงคต)
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ระหว่างที่เราอยู่ตรงซุ้มประตูของระเบียงคด ภาพหนึ่งที่เราเคยเห็นอยู่ตามเว็บก็คือองค์พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ที่มีกรอบภาพเป็นโค้งซุ้มประตู เมื่อเราได้มาที่นี่อีกครั้ง เราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมุมสวยๆ นี้ไว้ แล้วก็เอามาให้ชมกัน ความสวยงามขององค์พระธาตุยามท้องฟ้าแจ่มใสแบบนี้ถือว่าเป็นโชคดีของการเดินทางถ่ายรูปเป็นอย่างมาก ที่เหลือก็คือการนั่งรอ รอให้คนที่เดินไปเดินหน้าอยู่ตรงทางเดินระหว่างระเบียงคดกับองค์พระมหาเจดีย์ได้เดินถึงที่หมายและทางเดินก็จะได้ว่างลง การรอคอยอยู่ตรงนี้ใช้เวลาพอสมควรทีเดียว เพราะประชาชนที่ศรัทธาองค์พระมหาเจดีย์และต้องการจะมาชมความงดงามของเจดีย์องค์นี้มีมากเหลือเกิน ตั้งแต่ที่ยังก่อสร้างด้านนอกไม่เสร็จดีในปี 2548 ระเบียงคดยังมีโครงไม้ระเกะระกะ ก็ยังมีคนมากันเยอะแล้ว จวบจนวันนี้ 8 ปี ผ่านไป ก็ยังคงมีคนเดินทางมาเที่ยวชมและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุมากมายไม่ลดลงเลย ปริมาณร้านค้าตรงลานจอดรถก็มีแต่เพิ่มขึ้นจนแน่นไปหมด สำหรับผู้ที่สนใจการถ่ายภาพในระดับมือใหม่ ถ้าสงสัยว่าภาพนี้ถ่ายกันยังไง ก็ต้องบอกว่าควรจะเริ่มต้นด้วยการมีเลนส์มุมกว้าง ได้แก่ 10 mm - 12 mm ประมาณนี้ ไม่งั้นแล้วคงลำบากเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะถ้ามีแต่เลนส์ที่เรียกันว่า Kit ละก็
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล หลังจากที่ถ่ายรูปพระเจดีย์พร้อมกรอบซุ้มประตูแล้ว ได้เวลาที่จะเดินเข้าไปภายในองค์พระเจดีย์ตามขั้นตอนปกติ แต่ก่อนหน้านั้น ก็น่าจะมีภาพองค์พระเจดีย์แบบไม่มีกรอบซุ้มประตูเอาไว้บ้างสักภาพ ไม่ใช่ว่าเราเดินจากด้านในซุ้มตอนถ่ายภาพแรกแล้วจะมายืนถ่ายรูปนี้ได้เลยหรอกนะครับ ช่วงเวลาที่เดินมาไม่กี่ก้าว ก็จะมีคนเดินเข้า-ออกพระเจดีย์ เป็นสิบคนทีเดียว ทีนี้ก็ต้องมาเริ่มต้นรอกันใหม่ เพื่อให้คนว่างอีกครั้ง
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ภาพอีกมุมหนึ่งที่จะมีพญานาคด้านซ้ายมาด้วยก็นานๆ มาที ก็ต้องถ่ายรูปเยอะๆ เข้าไว้ครับ
ภายในพระมหาเจดีย์ ตอนนี้เราก็มาอยู่ที่ชั้นที่ 3 ไม่ต้องสงสัยนะครับว่า ชั้นที่ 1 กับ 2 ทำไมไม่มีรูป แล้วมาเริ่มที่ชั้น 3 เลย ก็เป็นเพราะว่าชั้นแรกนั้นยังคงกำลังตกแต่งเพิ่มเติม แม้ว่าจะใกล้เสร็จมากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีหลายส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย ชั้นแรกนั้นประดิษฐานพระพุทธรูปองค์เดียวอยู่ตรงกลางโถงกว้าง คำว่าโถงกว้างในที่นี้ก็ดูจากภาพนี้ก็ได้ครับ การสร้างพระมหาเจดีย์ชัยมงคลแต่ละชั้น จะสร้างแบบเดียวกันทั้งหมด มีเสาอยู่เฉพาะส่วนกลาง แล้วบริเวณรอบๆ ไม่มีเสา เลยเป็นสภาพห้องโถงที่กว้างขวางมาก แต่ละชั้นมีความสูงมากกว่าความสูงของอาคารทั่วไป หลายคนที่เคยมาที่นี่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าเจดีย์ชัยมงคลสูงถึง 9 ชั้น ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกครับ แต่ละชั้นต้องเดินบันไดขึ้นเหมือนบันไดหนึไฟ เดินวนไปวนมา กว่าจะถึงแต่ละชั้น เหมือนมีความสูงเป็นเท่าตัวของความสูงอาคารทั่วไป สำหรับชั้นที่ 2 นั้น ยังคงต้องทำการก่อสร้างและตกแต่งอีกมากเลยครับ ความคืบหน้าของการสร้างพระมหาเจดีย์ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมานั้น ทำได้น้อยมาก น่าจะเป็นเพราะงบประมาณที่ต้องใช้จำนวนมากในการตกแต่งให้สวยงามอย่างที่เราเห็นอยู่นี้
ที่เราเห็นอยู่ตรงกลางของโถงในพระเจดีย์เป็นลิฟท์ครับ รอบๆ ประตูลิฟท์ จะตกแต่งด้วยงานภาพสีที่สวยงามมากและมีความหมายเกี่ยวข้องกันกับพระพุทธศาสนา ตัวลิฟท์ไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปใช้ครับ ยังไงๆ ก็ต้องเดินขึ้นบันไดอย่างเดียวเท่านั้น แม้แต่คนพิการที่ขาทั้งสองข้าง ก็ยังมาเดินขึ้นบันไดไปจนถึงยอดพระมหาเจดีย์ชั้นที่ 6 น่าเลื่อมใสในศรัทธาอันแรงกล้าของเขาจริงๆ
พระประธานอุโบสถ ความสำคัญอย่างหนึ่งของพระมหาเจดีย์ชัยมงคลที่ชั้น 3 ก็คือ ใช้ประโยชน์เหมือนกับอุโบสถ ของวัดอื่นๆ จึงประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระประธาน นอกจากนั้นก็ยังมีพระพุทธรูปปางอื่นๆ อีกหลายองค์ ที่ประดิษฐานอยู่ในส่วนหนึ่งของโถงใหญ่ พื้นที่ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ว่าง เหมาะสำหรับกิจกรรมทางศาสนพิธี ลวดลายการตกแต่งภายในไม่ว่าจะเป็นบริเวณเสา ผนัง คาน ขื่อ ล้วนแต่สวยงามลงตัว รวมไปถึงกระจกรอบด้านที่เป็นภาพเขียนสีเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา คล้ายกับงานสเตนกลาสของโบสถ์คริสต์ ซึ่งผมจะมีภาพให้ชมกันอีก
รูปเหมือนสลักหินอ่อนพระสุปฏิปันโน ตอนนี้เราจะขึ้นไปบนชั้นที่ 4 ครับ ระหว่างเดินขึ้นบันไดมองลงมาเห็นพระสงฆ์มาชมความสวยงามของพระมหาเจดีย์ชัยมงคลและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ตรงกับช่องแสงที่ส่องลงมาจากเพดานพอดี เรียกได้ว่าเป็นจังหวะโชคดีของคนที่ชอบถ่ายรูปเลยละครับ ก็เลยได้รูปนี้มา อยากให้สังเกตุที่ผนังของเจดีย์ เราจะเห็นรูปเหมือนของพระสงฆ์จำนวนมาก เรียงรายอยู่เป็นช่องๆ ละ 1 องค์ ในแต่ละช่วงเสาจะมีรูปเหมือน 5 องค์ เรียงกันอย่างสวยงามมาก และยิ่งได้รู้ว่าเป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อนก็ยิ่งทึ่งและประทับใจที่ได้มาเห็นครับ สรุปสั้นๆ ว่า พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ชั้น 3 เป็นชั้นที่มีความงดงามที่สุด ใครๆ มาที่นี่ก็จะต้องถ่ายรูปกลับไปจำนวนไม่น้อย
ภาพสีบนกระจก การออกแบบพระมหาเจดีย์ชัยมงคล นอกจากคำนึงถึงความสวยงามภายในและภายนอก ยังมีเรื่องของการประหยัดพลังงานโดยใช้กระจกให้มีแสงสว่างเพียงพอภายในพระมหาเจดีย์ ไม่เพียงแต่ในแง่ของความสว่าง แต่กระจกเหล่านี้ยังมีภาพเขียนพระพุทธรูปปางต่างๆ ด้วยสีสันที่สดใสและสวยงามมากๆ ทุกช่องเลยครับ นี่เอามาให้ชมเป็นตัวอย่าง 1 ช่อง
ชั้น 5 บันไดสวรรค์ จากชั้นที่ 3 เดินขึ้นบันไดมา ความสูงก็เหมือนกับเดินจากชั้น 1 ขึ้นชั้น 2 คือรู้สึกเหมือนกับเดินขึ้นบันไดหนีไฟ 2 ชั้น ใครที่เข้าห้างบ่อยๆ แล้วไปจอดรถในอาคารก็จะคุ้นเคยกับบันไดแบบนี้เป็นอย่างดี ที่ชั้นที่ 4 ไม่มีโถงตรงกลาง มีเพียงทางเดินรอบนอกและมีประตูออกมาที่ส่วนฐานเจดีย์ชั้นบนได้ เรียกว่าเป็นจุดที่เดินรอบองค์พระมหาเจดีย์ได้ครบรอบ และชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามภายนอกพระเจดีย์ แต่ตอนนี้เรายังไม่ออกไปชมวิว เราตรงขึ้นไปที่ชั้น 5 เพื่อที่จะขึ้นไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่ชั้น 6
พื้นที่บริเวณชั้น 5 เป็นโถงเล็กๆ เล็กกว่าชั้นอื่นๆ เป็นเพราะรูปทรงของพระเจดีย์ ที่ชั้น 5 ก็เป็นส่วนยอดที่เริ่มจะเล็กและเรียวแหลมเข้า พอเราอยู่ข้างในก็เลยดูเป็นห้องเล็กและสูง ชั้นที่ 5 นี้เป็นชั้นที่กำลังดำเนินการสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ศรี มหาวีโร ที่เป็นผู้ริเริ่มการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ปัจจุบันยังคงเป็นเพียงห้องว่างๆ เพราะกำลังรวบรวมภาพและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ศรี มาจัดแสดงที่นี่
หลายคนที่เดินขึ้นบันไดมาที่นี่ ก็จะมาหยุดอยู่ที่ชั้น 5 เพื่อเป็นการพัก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มาด้วยศรัทธาแรงกล้า แต่ด้วยสภาพของสังขาร ทำให้เมื่อยล้าและเหนื่อยจนต้องนั่งพักกับพื้นอยู่หลายคน เหตุหนึ่งก็คงมาจากเห็นบันไดวนขึ้นชั้น 6 ที่สูงมากอยู่ตรงหน้า บันไดวนนั้นค่อนข้างชัน แคบ และสูงอย่างต่อเนื่อง ถ้าได้นั่งพักเสียที่นี่ก็คงจะมีกำลังในการเดินช่วงสุดท้ายสู่ชั้น 6 หลายคนก็เรียกบันไดวนนี้ว่า บันไดสวรรค์
พระบรมสารีริกธาตุ ในที่สุดเราก็เดินขึ้นมาถึงชั้นที่ 6 ชั้นสุดท้ายอันเป็นยอดของพระมหาเจดีย์ ชั้นที่ 6 นี้มีขนาดเล็กมาก ซึ่งจุคนได้น้อย คนส่วนหนึ่งที่ขึ้นมาถึงชั้นนี้ หลังจากที่ได้นมัสการองค์พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ที่อยู่ตรงกลางแล้ว ยังคงต้องนั่งพักอยู่รอบๆ ไม่อยากเดินลง คนที่จะขึ้นมาก็เลยยังขึ้นไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าหายใจลำบาก ผนังด้านในของพระเจดีย์ชั้น 6 จะตกแต่งด้วยลวดลายท้องฟ้า รู้สึกเหมือนอยู่บนวิมานสวรรค์ชั้นฟ้า แบบนั้นเลยทีเดียว
ลายกระจกโปร่งแสง หลังจากที่นมัสการพระบรมสารีริกธาตุชั้น 6 เรียบร้อยแล้ว เราก็จะเดินลงมาที่ชั้น 4 ทีแรกเราข้ามชั้น 4 ไป ตรงที่ยังไม่ได้ออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอกพระเจดีย์ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่เราจะออกไปแล้วครับ พอดีสังเกตุได้ว่าบนเพดานชั้น 4 มีแสงสว่างส่องลงมามาก เลยเงยหน้าขึ้นไปดูเห็นกระจกกับลวดลายภาพสีที่สวยงามมาก เป็นเพดานของชั้น 4 ทั้งหมด กระจกแตะละบานก็จะมีลวดลายแตกต่างกันด้วย ลองเดินดูรอบๆ แล้วจะเห็นความแตกต่าง
ชมวิวรอบพระมหาเจดีย์ชัยมงคล พอออกประตูของชั้น 4 มาด้านนอก จะมีลักษณะเป็นเหมือนระเบียงรอบๆ มองลงไปจะเห็นบริเวณที่อยู่รอบองค์พระมหาเจดีย์ พื้นปูด้วยกระเบื้องสีขาว สร้างความแปลกใจให้เราได้เป็นอย่างมาก เพราะอยู่กลางแดดจ้าตลอดวัน แต่พอก้าวเดินออกไปแล้วไม่รู้สึกว่าพื้นร้อนเลย ต่างคนต่างก็เดินชมวิวแบบเท้าเปล่าได้อย่างสบายใจ เราจะเห็นเจดีย์รายที่ตั้งอยู่รอบองค์พระมหาเจดีย์ทั้งแปดทิศ ไกลออกไปเราก็จะเห็นพื้นราบเบื้องล่างเป็นชุมชนชาวบ้านและท้องทุ่งนา ด้านหนึ่งก็จะเห็นตำหนักรับรองสมเด็จพระสังฆราช
จบการนำเที่ยววัดเจดีย์ชัยมงคลไว้เพียงเท่านี้ครับ เป็นไงครับเห็นภาพหลากหลายมุมเหมือนได้มาเอง ตามสไตล์ของทัวร์ออนไทยเลย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบเดินทางมาทำบุญไหว้พระ ชมความงามของปูชนียสถานที่สำคัญ เราขอแนะนำให้คลิกอ่านการเดินทางไหว้พระธาตุประจำวันเกิด ของเราอีกสักเรื่อง จะได้เห็นพระธาตุอีก 8 องค์ด้วยกันครับ
""
Skg Anndy
2017-12-18 06:56:39
""
Skg Anndy
2017-12-18 06:56:34
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ