ถ้ำเอราวัณ

ถ้ำเอราวัณ อำเภอลอง จ.แพร่ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแก่งหลวง เป็นถ้ำที่สวยงามที่สุดของจังหวัดแพร่ มีความลึกประมาณ 200 เมตร ภายในถ้ำมีห้องโถงกว้าง มีหินงอก หินย้อยอยู่ทั่วไปรูปร่างคล้ายช้างเอราวัณ และหญิงอุ้มท้องตามตำนานของถ้ำแห่งนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม:ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 5567 1466
http://www.tourismthailand.org/phrae

แก้ไขล่าสุด 2017-07-25 21:37:08 ผู้ชม 20829

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

การเดินทางสู่ถ้ำเอราวัณ ถ้ำเอราวัณและแก่งหลวงเป็นสถานที่ล่องแก่ง และถ้ำที่ขึ้นชื่อของจังหวัดแพร่ ตั้งอยู่บ้านแก่งหลวง อำเภอลอง สามารถเข้าได้จากตัวอำเภอลอง และเข้าจากทางหลวงหมายเลข 11 เด่นชัย - ลำปาง ถ้ามาจากเด่นชัย ทางเข้าจะดูง่ายไม่สับสนเพราะมีถนนตัดใหม่ขึ้นภูเขา มาลงที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ผก. (ผากลอง) ระยะทางนี้ประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นถนนที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างตอนที่ไป ปลายปี 2555 รถวิ่งได้เลนเดียวเป็นบางช่วงเพราะอยู่ระหว่างการลาดยาง มีรถบรรทุกขนดินและหินเข้า-ออกกันเยอะแต่ก็ยังมีคนใช้เส้นทางนี้กันมากเพราะสะดวกกว่าเส้นทางจากอำเภอลอง

แต่ในกรณีที่มาจากตัวเมืองแพร่ ตามเส้นทางหมายเลข 1023 แพร่ - ลอง ผ่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติผากลอง (สวนหินมหาราช) ถึงอำเภอลอง จะมีเส้นทางเลี้ยวซ้ายไปบ้านแม่หลู้ ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร เส้นทางสายนี้ลาดยางก็จริงแต่หลุมบ่อมากมายตลอดทาง ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนถึงหมู่บ้านแม่หลู้ประมาณ 200 เมตร จะมีสะพานข้ามแม่น้ำยม (ทางแยกเลี้ยวขวาก่อนถึงหมู่บ้าน) แล้วขับมาตามทางเป็นถนนลูกรัง ระหว่างทางมีทางแยกหลายจุด ต้องสังเกตุป้ายไปแก่งหลวงที่มีบอกเป็นระยะๆ จากสะพานข้ามแม่น้ำยม ไปอีกประมาณ 5.3 กิโลเมตร ถึงสี่แยกเลี้ยวซ้ายแล้วไปตามถนน ประมาณ 1.5 กิโลเมตร จนถึงสามแยกไปสถานีรถไฟแก่งหลวง เลี้ยวซ้ายอีกที ข้ามทางรถไฟแล้วจะเห็นที่ทำการตำรวจบ้านแก่งหลวง (ภาพบนซ้าย) เลี้ยวขวาเจอสะพานข้ามแม่น้ำยมอีกที ก่อนที่จะข้ามไปขอเก็บภาพจากบนสะพานสักหน่อย ที่เรามองเห็นสุดสายตาจะเป็นบริเวณเขาสูงเป็นหน้าผา ตรงนั้นแหละที่ที่เรากำลังจะไป ขับไปตามถนนประมาณ 300 เมตร ถึงที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ผก. มีด่านตรวจแต่จำได้ว่ายังไม่เก็บค่าบริการ อาจจะเป็นเพราะผมเพิ่งมาจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติผากลองก็เป็นได้

แก่งหลวง ยามเย็น ก่อนที่จะเข้านอน พอกางเต็นท์เสร็จก็ต้องเก็บภาพวิวสวยๆ รอบๆ หน่วยพิทักษ์ฯ เสียดายที่วันนี้มาคนเดียวเลยไม่ได้ล่องแก่งหลวง แต่คงไม่เป็นไรเก็บวิว แล้วก็เดินถ้ำกันก่อน มีเวลามากับเพื่อนค่อยล่องแก่งแล้วกัน

แก่งหลวง ยามเช้า เช้าวันใหม่ต้นเดือนธันวาคม อากาศหนาว ออกจากเต็นท์มามองไม่เห็นพระอาทิตย์ บรรยากาศหมอกขาวเหนือแม่น้ำยมริมผาเป็นภาพวิวสวยประทับใจ ก่อนที่จะเดินขึ้นถ้ำเอราวัณ ล้างหน้าล้างตา สั่งข้าวกล่องร้านสวัสดิการ ทางร้านไม่ได้ทำเองแต่โทรไปสั่งร้านข้างนอกเอามาส่งให้ หลังจากอิ่มท้องดีแล้วไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเราจะเข้าถ้ำเอราวัณ ทางอุทยานฯ มีไกด์เด็กให้ ส่วนค่าตอบแทนก็แล้วแต่เรา

บันไดเดินขึ้นถ้ำ ทางขึ้นอยู่ใกล้ๆ กับฐานโรยตัว เดินระยะทางประมาณ 200 เมตร บนความสูงไล่ไปตามบันได 300 กว่าขั้น มีแต่ขึ้นอย่างเดียวเล่นเอาหอบหน่อยๆ มีที่พักสำหรับชมวิว แต่คงสร้างไว้นานแล้ว ต้นไม้ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ก็ปิดวิวสวยๆ ไปหมด คงเหลือแต่ศาลาสำหรับนั่งพักอย่างเดียว

ปากถ้ำเอราวัณ ไม่นานเท่าไหร่ก็มาถึงปากทางเข้าถ้ำ ผาหินสูงใหญ่มากแต่ทางเข้าจริงๆ เป็นโพรงเล็กนิดเดียวเอง

หลังจากเข้ามาได้แล้ว ก็มองสำรวจไปรอบๆ ด้าน ปากทางเข้ามันเล็กนิดเดียวแต่พอมาข้างในเป็นโถงใหญ่ที่ต้องบอกว่ามันใหญ่มาก มีเสาหินงอกหินย้อย และที่เป็นหินย้อยแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่สูงชะลูดเป็นเสาก็มีมาก การเริ่มเก็บภาพในถ้ำมันไม่รู้จะเอาจากจุดไหนก่อน พอดีหันไปทางซ้ายก็เห็นหินงอกที่รูปร่างสวยดี มีประกายเพชรด้วย แสดงว่าเป็นหินเป็น (ถ้าหินตายมันจะไม่มีแวววาวประกายเพชร) ดังนั้นก็ต้องไม่ไปจับโดนหิน ไม่เหยียบ ไม่ปีน หรือพูดสั้นๆ ว่าไม่ควรจะไปโดนหินงอกหินย้อย เพราะนั่นเป็นสาเหตุทำให้มันตาย ผมก็เอาเทียนไปตั้งอย่างระวัง เพื่อเพิ่มมิติให้กับรูป พอถ่ายเสร็จแล้วก็ดับเทียนเก็บไปให้หมด นอกจากแสงเทียนแล้วก็ต้องใช้ไฟช่วยด้วย เพื่อทำให้สว่างมองเห็นทั้งก้อน

โถงแรกของเอราวัณ จากหินงอกจุดแรกที่ผมแวะเดินมาทางขวา เป็นทางเข้าไปตามโพรงของถ้ำที่ต้องเรียกว่าเป็นโถงใหญ่ มโหฬารเลยทีเดียว หินงอกหินย้อยมีอยู่หลายจุดกระจายกันไป ตรงกลางเป็นเพียงโถงโล่งๆ ภาพที่ผมถ่ายมาให้ชมนี้เป็นความกว้างไม่ถึงครึ่งของโถงที่ผมยืนอยู่ ลองคิดดูสิครับว่ามันจะกว้างขนาดไหน ไม่น่าต่ำกว่า 30 เมตร มองลึกเข้าไปตามทางเดินมีเสาหินเรียงรายเป็นแถวเข้าไป อีกครึ่งหนึ่งที่เก็บไม่หมด ก็มีหินงอกหินย้อยอีกเพียบ ถ้าจะถ่ายให้หมดทุกต้นคงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง

หินงอกศักดิ์สิทธิ์ เป็นหินงอกที่อยู่ทางขวามือใกล้ๆ กับปากทางเข้าถ้ำ เสาหินต้นนี้กำลังเจริญเติบโตไปตามกลไกของธรรมชาติ มีน้ำหยดลงมาที่กลางต้นเสา ทำให้ตรงกลางเป็นหลุม หินงอกต้นนี้เป็นหินเป็นมีประกายเพชรสวยงาม ชาวบ้านคงเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ ก็เลยเอาเงินทั้งเหรียญทั้งแบงค์ ใส่ลงไปในหลุมตรงกลางเสาอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะนั่นเป็นการทำให้หินต้นนี้จะตายไปในที่สุด มีรอยมือมาลูบๆ คลำๆ บนยอดเสาหินด้วย ในแง่ของการอนุรักษ์นับว่าเป็นที่น่าเสียดายที่หินต้นนี้ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง อยากให้มีการสร้างแนวกั้นห้ามไม่ให้คนเข้าไปใกล้ แล้วทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้ความรู้เรื่องถ้ำให้มากกว่านี้ครับ

ถัดจากเสาหินศักดิ์สิทธิ์ ก็จะเป็นชุดหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ สูงประมาณ 3 เมตรกว่าๆ หินย้อยแผ่กว้างออกทางด้านข้าง ต่างจากการเกิดเสาหินที่จะค่อยๆ ยืดยาวลงมาตรงๆ ตามเวลาที่ผ่านไป ลักษณะของหินย้อยแบบที่เห็นในรูปนี้จะดูสวยแปลกตากว่าที่เป็นเสาหินตรงๆ ในบางมุมก็จะมองเห็นเหมือนกับหัวของช้าง และเป็นที่มาของชื่อถ้ำเอราวัณ

ม่านเสาหิน พอเดินมาถึงกลางถ้ำ ก็จะเห็นเสาหินชุดนี้ละครับ บริเวณนี้แปลกมาก เสาหินเกิดอยู่ใกล้กับผนังถ้ำแต่ไม่ติดกัน มีช่องว่างระหว่างเสาหิน กับผนังเป็นเมตรเลยทีเดียว มองเข้าไปตามช่องว่างของเสาจะมองเห็นเสาอีกต้นยืนอยู่ด้านใน ดูเหมือนว่าเสาหินรอบนอกนี้เกิดขึ้นมาเพื่อปกป้องเสาหินต้นในเอาไว้ นี่เป็นลักษณะแปลกที่ผมเพิ่งจะเคยเห็นในถ้ำเอราวัณเป็นที่แรก

หินย้อยฟันฉลาม เป็นลักษณะการเกิดหินย้อยในช่วงแรกๆ ต่อไปเวลาจะทำให้หินย้อยนี้ขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ลักษณะของหินย้อยที่เกิดบนเพดานถ้ำที่ลาดเอียงลง แนวของหินย้อยก็เลยเรียงแถวกันลงมาเรื่อยๆ เหมือนฟันของปลาฉลาม หินย้อยที่สวยงามแบบนี้จะพบได้เพียงบางแห่งเท่านั้น มีถ้ำมากมายหลายแห่งที่ไม่มีฟันฉลามให้เราชม ยิ่งไปกว่านั้น ข้างๆ ของฟันฉลาม จะมีเสาหินขนาดเล็ก มีขนาดเท่าหลอดกาแฟ บางทีเราก็จะเห็นว่ามันกลวง บางทีก็เป็นแท่งตัน หลอดกาแฟในถ้ำก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ ถึงหินงอกหินย้อยส่วนใหญ่ในถ้ำเอราวัณจะตายไปเกือบหมด แต่ก็ยังคงมีหินเป็นสวยๆ หลงเหลือให้ชมกันอยู่ นักท่องเที่ยวที่ชอบการเที่ยวถ้ำ มาเริ่มศึกษาเรื่องถ้ำกันได้ครับ เพราะเดินเข้าง่ายไม่สูงไม่ไกลมาก เดินไม่กี่นาทีก็ทะลุโพงด้านหลังของถ้ำ