ท่องกาฬสินธุ์ เยือนถิ่นโลกล้านปี

 การเดินทางของทริปนี้เริ่มต้นจากไปหนองคาย (มีธุระที่นั่น) ในระหว่างการเดินทางเราขับรถผ่านป้ายบอกทางอันหนึ่งซึ่งใหญ่มากเขียนว่า งานนมัสการพระพุทธบาทบัวบก จึงคิดกันว่าหลังจากเสร็จธุระที่หนองคายแล้วจะกลับมาที่นี่เพื่อดูว่ามีอะไรในนั้นบ้าง จึงได้ค้นพบว่า อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในด้านประวัติศาสตร์และธรณีวิยา โดยมีการค้นพบภาพเขียนสีโบราณคล้ายผาแต้ม และเพิงหินที่คาดว่าน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคหิน จึงพอจะเล่าให้เห็นภาพได้ว่าสถานที่แห่งนี้เสมือนรวมเอาผาแต้มกับภูผาเทิบ มาไว้ด้วยกัน หลังจากนั้นก็กลับมาพักที่ขอนแก่น 1 คืนก่อนรุ่งเช้าจะออกเดินทางสำรวจกาฬสินธุ์ ถิ่นสัตว์โลกล้านปีครับ เริ่มออกเดินทางด้วยเส้นทางขอนแก่นมหาสารคาม (เป็นทางแยกก่อนถึงตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 12 กิโลเมตร) ผ่านโกสุมพิสัยเข้ากาฬสินธุ์ ระหว่างการเดินทางสู่พระธาตุยาคูที่ขึ้นชื่อของกาฬสินธุ์ ก็เห็นทางแยกเข้าอุทยานวังมัจฉาโขงกุดหวาย ทีแรกก็คิดว่าวังมัจฉาจะต้องเป็นท่าน้ำหน้าวัดที่ไหนสักแห่ง แต่สำหรับที่นี่แตกต่างจากความคิดไปมากเพราะเป็นพื้นที่กลางหมู่บ้านซึ่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำไว้ อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะดูแลกันจนปลามีขนาดใหญ่โตขนาดนี้หลังจากนั่งพักผ่อนกันจนหายเมื่อยจากการนั่งรถแล้วก็เดินทางต่อ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถึงพระธาตุยาคู ซึ่งอยู่ในเมืองฟ้าแดดสงยางแดดจัดมากครับ สมกับเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย แต่ก็ยังดีที่เราสามารถจอดรถไว้ใกล้กับองค์พระธาตุได้ไม่ต้องเดินกันไกลเกินไป ส่วนเมืองฟ้าแดดสงยางไม่สามารถถ่ายทอดให้เห็นเป็นภาพถ่ายได้เพราะเป็นเมืองกว้างๆ เลยครับคงต้องถ่ายจากเครื่องบินเอา หลังจากไหว้พระธาตุยาคู เราก็ออกเดินทางต่อสู่เขื่อนลำปาวโดยที่วางแผนไว้ว่าจะหาข้าวกลางวันกินกันที่นั่นเมื่อเลี้ยวเข้าเส้นทางเขื่อนลำปาวเราก็พบทางแยกเล็กมีป้ายบอกว่าเป็นค่ายลูกเสือและสวนสะออน ก็เลยเลี้ยวไปดูพบว่าในสวนสะออนได้จัดทำเป็นสถานที่พักแรมท่ามกลางธรรมชาติที่น่าพักผ่อนมากแห่งหนึ่ง มีทั้งพักแบบบ้านพักและกางเต็นท์ ส่วนลานกางเต็นท์อยู่ชิดขอบรั้วแบบลวดหนาม ซึ่งเดินออกไปนอกรั้วก็จะเป็นส่วนของน้ำ ซึ่งถึงแม้ว่าน้ำจะน้อยไปสักหน่อยแต่ก็ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก เห็นทิวไม้อยู่ฝั่งตรงข้ามของน้ำ และมีเรือเล็กๆ จอดเรียงกันอยู่ 4-5 ลำ น่าจะเป็นเรือไว้บริการนักท่องเที่ยว อีกด้านหนึ่งของบ้านพักสามารถมองเห็นตัวเขื่อนลำปาวได้อย่างชัดเจน หลังจากชมบริเวณสวนสะออนแล้วก็ได้เวลาเดินทางสู่เขื่อนลำปาว อยู่ห่างจากสวนสะออนไม่กี่กิโลเมตร ขับรถเข้ามาถึงบริเวณนี้ จะเห็นกระท่อมเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากไว้บริการอาหารแก่นักท่องเที่ยว มีทั้ง 2 ฝั่งของลำธารในยามที่น้ำมากสถานที่นี้เป็นที่ชมวิวของลำธารหลังเขื่อนที่สวยงาม แม้ยามแล้งแบบนี้ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก อาหารที่นี่เป็นแบบพื้นบ้าน บริการกันด้วยปลาน้ำจืดที่สดสะอาด เลือกกระท่อมตามสะดวกครับ หลายคนเลือกริมตลิ่งใกล้น้ำให้เด็กๆ ได้ลงเล่นกันอย่างสนุกสนาน เราสั่งอาหาร 3-4 อย่างจากร้าน น้องเป๊ก เพราะมีกระท่อมเรียงลงไปตามความลาดของตลิ่งด้วยอิมอร่อยครับ ทัวร์ออนคอนเฟิร์ม เมื่อท้องอิ่มกันแล้วก็เดินทางต่อสู่จุดชมวิวและพุทธสถานบนภูสิงห์ ห่างจากเขื่อนลำปาวประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึงตรงนี้ต้องมีการขับรถขึ้นทางลาดชันสู่ด้านบนยอดภูสิงห์ หรือจะเลือกเดินด้วยบันได 401 ขั้นก็ได้ เพียงแต่อากาศไม่เป็นใจเท่าที่ควรครับ เมื่อขึ้นถึงด้านบนก็ไหว้พระพรหมภูมิปาโล เดินชมรอบๆ บริเวณจะสามารถมองเห็นภูกุ้มข้าวจุดหมายที่ต่อไป และอีกด้านหนึ่งมองเห็นเขื่อนลำปาวได้ชัดเจน ปลายฤดูฝนอาจจะเป็นวิวที่สวยงามกว่านี้มาก หลังจากลงมาก็เดินทางกลับ ในระหว่างการเดินทางกลับจะผ่านพิพิธภัณฑ์สิรินธร หรือ สวนไดโนเสาร์วัดสักกะวัน ก็เลยจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ทริปนี้ได้อีกแห่งหนึ่ง เราเลี้ยวซ้ายเข้าวัดสักกะวัน ถึงทางแยกซึ่งมีป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์สิรินธร แต่เราขับตรงเข้ามาในวัดสักกะวันถึงภายในวัดจะมีป้ายบอกทางขับรถชมรอบๆ วัดซึ่งเป็นเส้นทางเล็กๆ รอบภูกุ้มข้าวระหว่างทางมีการปั้นไดโนเสาร์ประดับไว้เป็นระยะๆ คล้ายหนังจูราสสิกขับรอบแล้วจะถึงทางเข้าพิพิธภัณฑ์สิรินธร... ทริปนี้ใช้เวลา 2 วัน แต่ถ้าหากไม่มีธุระที่ไหนวันแรกคงได้ท่องเที่ยวไปในอุดรธานีได้มากกว่านี้ หรือถ้าตัดอุดรออกไปก็คงใช้เวลา เพียง 1 วันเท่านั้น นอกนั้นเป็นเวลาในการเดินทางจากกรุงเทพฯ ละครับหวังว่าข้อมูลและรูปในทริปนี้จะเป็นประโยชน์กับนักท่องเที่ยวชาวทัวร์ออนบ้างนะครับ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับจำนวนผู้ชม 3620 คะแนน 342  ให้กำลังใจคนเขียนทริปนี้ คลิก...>>