Notice: Undefined index: ses_user in /home/touronth/domains/touronthai.com/public_html/roadtrips/tripview.php on line 5
เสพสุนทรีที่เชียงราย ผ่อนคลายด้วยดนตรี แอ่ววีถี 5 ชนเผ่าเส้นทางขับรถเที่ยวเอง ทัวร์ออนไทยดอทคอม

www.touronthai.com

หน้าหลัก >> เส้นทางขับรถเที่ยว >> เสพสุนทรีที่เชียงราย ผ่อนคลายด้วยดนตรี แอ่ววีถี 5 ชนเผ่า

เสพสุนทรีที่เชียงราย ผ่อนคลายด้วยดนตรี แอ่ววีถี 5 ชนเผ่า

เคยไปเชียงรายกันมั้ยครับ หลายคนบอกว่าเคยเพราะเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวเยอะ อากาศดี วิวสวย ถ้าพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายหลายคนคงนึกถึง วัดร่องขุ่น ภูชี้ฟ้า ดอยแม่สลอง หรือจุดท่องเที่ยวดังๆ อีกมากมายของจังหวัดนี้ ที่หลายคนคงเคยไปมาแล้ว ทัวร์ออนไทยจะมาเขียนเรื่องซ้ำๆ เดิมๆ ก็กระไรอยู่

    เส้นทางขับรถท่องเที่ยวไทยไปกับทัวร์ออนไทยของเราทริปนี้ เลยไปเสาะหาพาไปชมแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมุมหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ที่หลายคนก็คงต้องบอกว่า มีด้วยเหรอ หรือ ยังไม่เคยไปอะ ทริปนี้เราพาแอ่วเชียงราย ชมวิถีเกษตร ชมวีถีชุมชน ชิมอาหารถิ่น และฟังดนตรีเพื่อความผ่อนคลาย ในเวลา 3 วัน 2 คืน เราจะไป เสพสุนทรีที่เชียงราย กันครับ

 

    เริ่มต้นกันที่ไร่เชิญตะวัน ของท่านพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี อยู่ที่ ต.ห้วยสัก อ.เมือง  จ.เชียงราย   เดิมทีท่านพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ตั้งใจสร้างที่นี่เพื่อเป็นที่ปลีกวิเวกปฏิบัติธรรมเป็นส่วนตัว ต่อมามีญาติโยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาขอปฏิบัติธรรมด้วยเสมอ จึงจัดตั้งเป็นศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ได้เดินชมบริเวณโดยรอบ  ของที่นี่บรรยากาศเงียบสงบสวยงามเหมาะแก่การมาปฏิบัติธรรมจริงๆ นอกจากนี้ยังมีปฏิมากรรมที่เป็นปริศนาธรรมให้ค้นหาอยู่หลายจุด มีหอศิลป ว.วชิรเมธี ที่จัดแสดงภาพวาดและปฏิมากรรมของศิลปินดังๆ ให้ชมกันหลายชิ้นเลย


    ที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์วิปัสสนาแล้ว ท่านพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ยังได้จัดตั้งโรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาความยากจนให้แก่เกษตรกรชาวไทย มุ่งเน้นการปลูกข้าวอินทรีย์ และมีวิถีชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง (ตามหลักพุทธเศรษฐศาสตร์) สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน  เรามากันที่เรือนสำนักตักสิลา มีชาวบ้านที่อยู่ในโครงการชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์นำผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโครงการมาแสดงให้เราชม จากนั้นเราได้ชมและทดลองปลูกพืชอินทรีย์ และปิดท้ายด้วยการทานอาหารกลางวันผลผลิตจากไร่นี้เช่นกัน เรียกว่าเป็นอาหารคลีนแบบวีถีพุทธกันเลยทีเดียว

    เราเดินทางต่อมายังอำเภอเชียงแสนเพื่อชมเมืองโบราณศึกษาประวัติศาสตร์ของอาณาจักรโบราณแห่งนี้ เชียงแสนเป็นศูนย์กลางความเจริญในอดีตก่อนมีการสถาปนาเมืองเชียงใหม่อันเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาเสียอีก ร่องรอยความเจริญเห็นได้จากซากกำแพงเมืองอันยิ่งใหญ่และวัดวาอารามที่สวยงาม จุดแรกที่เรามาชมกันคือวัดป่าสัก ซึ่งสร้างโดยพระเจ้าแสนภู กษัตริย์ลำดับที่ 3 ของราชวงศ์มังราย มีการปลูกต้นสักล้อมกำแพงจำนวน 300 ต้น จึงได้ชื่อว่า “วัดป่าสัก” เจดีย์ประธานที่วัดนี้เป็นศิลปะล้านนาผสม ขอม จีน และสุโขทัย จึงทำให้เกิดความสวยงามโดดเด่น เรามาถึงที่นี่ช่วงบ่ายแก่ๆ ซึ่งมัคคุเทศก์ท้องถิ่นบอกเราว่าเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการชมเจดีย์แห่งนี้เนื่องจากแสงอาทิตย์จะฉาบเจดีย์อย่างสวยงาม เราเดินชมสถานที่พร้อมฟังบรรยายเรื่องราวของที่นี่จากมัคคุเทศก์ท้องถิ่นกันพักใหญ่ จากนั้นก็ไปขึ้นรถรางชมรอบๆเมือง รถรางพาเราเลียบไปตามกำแพงเมืองโบราณจากนั้นก็ตัดเข้ากลางเวียง(เมือง)มายังวัดพระธาตุเจดีย์หลวง วัดสำคัญในสมัยอาณาจักรล้านนาไท สร้างโดยพระเจ้าแสนภูเช่นเดียวกับวัดป่าสัก วัดพระธาตุเจดีย์หลวงแห่งนี้มีจุดเด่นเป็นเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนาที่ใหญ่ที่สุดในเชียงแสน สูงถึง 88 เมตร ปัจจุบันวัดนี้ยังมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ ชมบรรยากาศพร้อมทั้งฟังเรื่องราวของเมืองเชียงแสนมาพอสมควรได้เวลาเดินทางเข้าที่พักกันแล้ว

    เช้านี้จุดหมายแรกของเราคือบ้านแม่แอบ ถิ่นที่อยู่ของคน 5 ชนเผ่า ได้แก่ จีนยูนาน ลัวะ ลาหู่ อาข่า และไตใหญ่ เราเริ่มต้นที่ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 บ้านแม่แอบ นางอังสนา ดวงสถิต ผู้ใหญ่บ้าน เล่าให้เราฟังว่า 5 ชนเผ่าบ้านแม่แอบ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนยูนานจากกองพล 93 ที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาตั้งรกรากในไทยเมื่อปี 2492 ต่อมาประเทศไทยเกิดภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ คนในหมู่บ้านแม่แอบได้เข้าร่วมทำสงครามขับไล่คอมมิวนิสต์จนได้รับชัยชนะ จึงได้สัญชาติเป็นคนไทย ปัจจุบันยังมีผู้เฒ่าที่ผ่านสงครามในครั้งนั้นและยังมีชิวิตอยู่เล่าประวัติศาสตร์ให้เราฟังอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วย จากนั้นเรามาที่ชุมชนชาวจีนยูนาน เมื่อเราเข้ามาถึงมีการต้อนรับด้วยการพรมน้ำที่ใส่กลีบดอกไม้แล้วเช็ดมือให้ จากนั้นมีการสาธิตวิธีทำน้ำเต้าหู้แบบจีนยูนาน และชิมน้ำเต้าหู้คู่กับขนมไข่สูตรโบราณและบะหมี่เหลือง ปิดท้ายด้วยการแสดงจากเยาวชนในท้องถิ่น

    ถัดมาเป็นชุมชนชาวลัวะ ทันทีที่ถึงหน้าชุมชนเราก็ได้เห็นชาวลัวะแต่งกายด้วยชุดประจำถิ่นมารำประกอบดนตรีกันถึงหน้าชุมชนเลย จากนั้นเราได้ชิมอาหารถิ่นของที่นี่ ข้าวต้มเขาควาย ซอยน้อยทรงเครื่อง หรือ พิซซ่าลัวะ ปิดท้ายมีการสาธิตการเล่นลูกข่างของชาวลัวะให้ชมกันอย่างสนุกสนาน 

    มาต่อกันที่ชุมชนอาข่า ชมการเต้นกระทุ้งไม้และเต้นราวกระทบไม้ ปิดท้ายด้วยการรับประทานขันโตกอาหารถิ่นของชุมชนอาข่า สนุกสนานมากครับกับการได้มาเที่ยวหมู่บ้าน 5ชนเผ่า บ้านแม่แอบ ได้ชมศิลปวัฒนธรรม การละเล่น วีถีชีวิตการอยู่การกิน มีโอกาสลองมาเที่ยวกันครับแล้วจะประทับใจ

    อิ่มอร่อยแบบสโลว์ไลฟ์ กันจนตาปรือหน่อยๆ เลยเดินทางมาที่ ลานธรรมลานศิลป์ (ลานพระบรมรูป ร.5 ศาลากลางหลังเก่า) เพื่อชม เทศกาลดนตรีเพื่อความผ่อนคลาย "Stress Free Music Festival @ เชียงราย" งานนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดเชียงราย จัดขึ้นเพื่อสร้างกิจกรรมทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆให้แก่จังหวัดเชียงราย และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัดเชียงรายในฐานะเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย ตลอดจนส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ จังหวัดเชียงรายเพิ่มมากขึ้น ในงานมี นิทรรศการงานศิลปะจากขัวศิลปะ (Art Bridge Chiang Rai) การทำสปาและการนวดอย่างเต็มรูปแบบ จากแบรนด์ Organika House ของ คุณศรีริต้า-เจนเซ่น การแสดงท้องถิ่น ฟ้อนขันดอก และ เชียงรายรำลึก ซุ้มดูดวงจากหมอดูประจำท้องถิ่น จังหวัดเชียงราย ซุ้มผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นประจำจังหวัดเชียงราย จาก ไร่รื่นรมย์ อำเภอเทิง ร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดัง และฟรีคอนเสิร์ตเพลงสบายๆ ผ่อนคลายไปกับศิลปินชื่อดังมากมาย บรรยากาศลานกว้างหน้าศาลากลางหลังเก่าที่สวยงาม ตกแต่งรอบๆ บริเวณสไตล์ชาวเหนือ ฟังเพลงจากเจนนิเฟอร์ คิ้ม ต้องบอกว่าความรู้สึกผ่อนคลายจริงๆ 

    มื้อเย็นแสนอร่อยและมากด้วยของกินแปลกๆ ของเราได้ผ่านพ้นไป กลับที่พักพักร่างให้สบาย แล้ววันใหม่ของเราจะได้มีแรงไปเที่ยวๆๆๆๆๆ กันต่อ

    วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางที่ “ชุมชนบ้านปางห้า” หมู่บ้านเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมชายแดน ตั้งอยู่ที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จุดแรกเรามากันที่ โรงงานกระดาษสาจินนาลักษณ์ บรรยากาศร่มรื่นมาก ภายในอาคาร Work Shop มีการจัดแสดงขั้นตอนทำกระดาษสา เอกสารโบราณที่เขียนบนกระดาษสา ฯลฯ และได้ทดลองทำกระดาษสากันด้วย 


    ชุมชนบ้านปางห้า มีฐานกิจกรรมอยู่หลายฐานเช่น ฐานเรียนรู้การทำเทียน ฐานเรียนรู้การตีมีด ฐานเรียนรู้การปลูกผักอินทรีย์ ซึ่งแต่ละที่อยู่ไม่ห่างกันสามารถปั่นจักรยานเที่ยวชมได้สบายๆ


 
    บ้านสวนอุ้ยคำโฮมสเตย์  อยู่ภายในชุมชนบ้านปางห้า โฮมสเตย์ ตกแต่งเก๋ๆ บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นมากๆ แล้วก็ได้เวลาอาหารกลางวัน บ้านสวนอุ้ยคำจัดขันโตกอาหารถิ่นมาให้เราได้ทานกัน อาหารที่นี่อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว โดยรวมแล้วที่บ้านปางห้านี้น่าเที่ยวมาก พักโฮมสเตย์เก๋ๆบรรยากาศชิวๆ กินอาหารถิ่น  ปั่นจักรยานเที่ยวชมวีถีชาวบ้าน เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การหลบความวุ่นวายในเมืองกรุงแล้วมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์

    จุดสุดท้ายของทริปนี้ เรามากันที่ชลสุวรรณสปา ที่นี่ต้อนรับเราด้วยน้ำพั้นซ์เย็นๆชื่นใจ จากนั้นเราก็ไปล้างเท้าด้วยน้ำอุ่นๆ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดเพื่อไปนวดแผนไทย ห้องนวดที่นี่ตกแต่งโล่งๆ ม่านที่ทึบช่วยบังแสงจากภายนอก ห้องทาสีเขียวดูแล้วสบายตา 1 ชั่วโมงเต็มกับการนวดแผนไทย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากการท่องเที่ยวตลอด 3 วัน พร้อมที่จะเดินทางกลับสู่กรุงเทพต่อไป



    จบลงอย่างมีความสุขสำหรับทริป เสพสุนทรีที่เชียงราย ลากันไปด้วยบรรยากาศยามเช้าจากริมฝั่งโขง อ.เชียงแสน แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า...เชื่อว่าหลายคนที่อ่านเรื่องนี้จนจบคงจะพบว่าเชียงรายมีอะไรมากกว่าที่คิด แล้วคนที่ชอบเที่ยวแบบเราก็หาจังหวะลางานแพคกระเป๋าไปสโลว์ไลฟ์เสพสุนทรีกันโลด

ขอขอบคุณ
นายนิธี  สีแพร  ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
นายเลิศชาย  หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเชียงราย   

เรื่องและภาพโดย เจริญ ภัทรพิทักษ์

จำนวนผู้ชม 29103 คะแนน 5  ให้กำลังใจคนเขียนทริปนี้ คลิก...>>
กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

แผนที่ขับรถเที่ยว เสพสุนทรีที่เชียงราย ผ่อนคลายด้วยดนตรี แอ่ววีถี 5 ชนเผ่า

Line id: @touronthai (ใส่ @)
www.touronthai.com