เชียงราย เหนือสุดของไทย จังหวัดยอดฮิตติดอันดับต้นๆ ที่ใครๆ ก็อยากจะไปเยือนเมื่อย่างเข้าหน้าหนาว ทริปนี้เราบินไป-กลับ ขับรถเที่ยวใกล้สุขใจแค่เอื้อม กันจ้า ขอบอกเลยว่า 3 วัน 2 คืน เราได้เที่ยว 4 ดอยเลย ว๊าว.. จริงดิ เป็นไปได้อย่างไร อย่าเพิ่งเชื่อ...ตามไปดูกันเลยจ้า เอาภาพมาอวดกันก่อน อิอิ
วันแรก พร้อมกันที่ดอนเมือง แล้วเดินทางสู่นครเชียงรายประมาณเที่ยง ได้เวลากินเลยสินะ มื้อแรกจัดเต็มด้วยอาหารพื้นเมืองเหนือกันก่อนที่ ร้านสลุงคำ ลำแต้ๆ ก๊า
แหมพอกินอิ่มๆ ก็เตรียมตัวขึ้นดอยตุง กันละน๊า ใครที่มาเชียงรายครั้งแรกก็ต้องไม่พลาดมาปักหมุดดอยตุง ที่เที่ยวยอดฮิตแน่นอน ใครเมารถก็แนะนำว่าชิงหลับไปก่อนเลยนะ ไม่งั้นจะเสียดายของอร่อยที่กินกันมาเมื่อตะกี๊ ใครไม่หลับก็ฟังน้องกุ๊กไก่ไกด์ท้องถิ่นเล่าเรื่องน่าสนุกของเชียงรายกันไปจ้า พอถึงดอยตุง ก็เข้าชม พระตำหนักดอยตุง ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จย่า ด้านนอกปลูกดอกไม้สวยงาม วิวก็สวย บอกเลยว่ามาแล้วต้องเข้าไปชมด้านในพระตำหนักนะคะ ชมแล้วจะรักสมเด็จย่ามากขึ้นจับใจเลยจ้า
เดินลงมาจากพระตำหนักแล้ว ลงไปชมสวนแม่ฟ้าหลวง กันต่อ อากาศเย็นสบายเดินชมสวนดอกไม้สวยๆ กันเพลินเลยจ้า ใช้เวลาไปกับการถ่ายภาพกับสวนดอกไม้กันเยอะมาก จนจะมืดแล้วยังเดินไม่ทั่วเลย บอกเลย ว่ามา 3 ครั้งแล้วก็ยังเดินไม่ทั่วสักทีจ้า เก็บภาพมาฝากได้เท่านี้ กับจุดไฮไลท์แจ่มๆ นะจ๊ะ
จุดปักหมุดสุดท้ายของดอยตุง ต้องห้ามพลาด ที่จะมานมัสการองค์ พระธาตุดอยตุง ที่เหลืองทองอร่ามงามสง่า เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า ถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีกุน ที่นิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ
ลงจากดอยตุง นั่งรถชมวิวแสงสวยๆ พระอาทิตย์ตกยามเย็น ไประหว่างทางเข้าเมืองเชียงแสน ดินเนอร์กันที่ร้านอาหารริมโขง บรรยากาศโรแมนติกดีค่ะแล้วเข้าพักที่โรงแรมซีริน ติดริมแม่น้ำโขงเลยจ้า อะไรจะดีงามเช่นนี้กับการมาเชียงแสนครั้งแรกของเรา
วันที่สอง ตื่นเช้ามาก็ได้เห็นวิวสวยๆ ท่ามกลางหมอกก็ฟินไปอีกแบบนะ รับประทานอาหารเช้าแล้วเที่ยวกันต่อเลยจ้า รถพร้อม เพื่อนๆ พร้อม...ลุย
ไม่ไกลจากโรงแรม เราขึ้นไป จุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ หมอกหนาไปนิดมองเห็นสามเหลี่ยมทองคำได้เพียงลางๆ อย่าได้แคร์ เราถ่ายภาพกับป้ายก็ฟินสุดๆ แล้วล่ะ ใกล้ๆ จุดชมวิว มีบันไดขึ้นพระธาตุปูเข้า แลเห็นพญานาคแล้วทึ่งในความงามสง่า นึกถึงเรื่องนาคีกันเลยทีเดียวจ้า
ลงมาด้านล่าง ณ สามเหลี่ยมทองคำ หมอกจางแล้ว เห็นสามเหลี่ยมทองคำชัดเจนเลยจ้า มองจากหลักเขต จะเห็นแผ่นดินตรงสามเหลี่ยมเป็นประเทศเมียนมา แผ่นดินที่เรายืนคือไทย และฝั่งขวามือเป็น ลาว
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เราเห็นนี้มีพระนามว่า “ พระพุทธนวล้านตื้อลือโลก ” หรือพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ ประดิษฐานบนเรือใหญ่เรียกว่าเรือแก้วกุศลธรรม เราทำบุญไหว้พระขอพรกันแล้วเดินทางไปแม่สายกันต่อเลยจ้า
พอถึงแม่สายเราก็แบ่งกลุ่มกันเที่ยวตามชอบเลยจ้า กลุ่มแรกข้ามไปท่าขี้เหล็กฝั่งเมียนมา ส่วนกลุ่มที่สองนั่งวินซิ่งเบาๆ ขึ้นดอยเวากัน บนดอยมี วัดพระธาตุดอยเวา ซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจหลายจุด มีพระธาตุดอยเวา ซึ่งพระองค์เวา ผู้ครองนครนาคพันธ์โยนก เป็นผู้สร้างเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุองค์หนึ่ง เมื่อ พ.ศ. 364 นับเป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่งรองมาจากพระบรมธาตุดอยตุง
ผ่านซุ้มประตูวัดเข้าไป นมัสการและขอพรหลวงพ่อทันใจ พระพักต์ยิ้มแย้มมองแล้วสบายใจยิ่งนัก อีกด้านตรงข้าม มีวิหารหลวงพ่ออินทร์สาน ที่องค์พระสานด้วยไม้ไผ่ งดงามน่าทึ่งมาก
ชื่อดอยเวา ตั้งมาจากชื่อพระองค์เวา คำว่าเวา แปลว่าแมลงป่องช้าง เพราะองค์เวา เมื่อทรงพระเยาว์จะชอบขุดรูแมงป่องช้างเล่น จึงมีพระนามว่า เวา นั่นเอง บนดอยเวาจึงสร้างแมงป่องยักษ์ขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของชื่อดอย
บนดอยเวามีจุดชมวิว สามารถมองเห็นประเทศเมียนมา จังหวัดท่าขี้เหล็ก และองค์เจดีย์ชะเวดากองจำลองสีทองเด่นแต่ไกล
ไหว้พระแล้วเราก็ช็อปปิ้งตลาดแม่สายกันระหว่างทางเดินกลับไปที่รถ วันนี้ยังเช้าอยู่คนยังไม่เยอะจ้า เดินช็อปกันสบายๆ ไม่ร้อนดีนะ ออกจากตลาดแม่สาย แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านครัวสุโขทัย ณ จุดนี้มีอาหารหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย พิ้นเมือง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง ขนม เครื่องดื่ม-กาแฟ นับว่าเป็นจุดพักนักเดินทางที่เหมาะมากจ้า
อิ่มแล้วเราเดินทางลงมาสู่แม่จัน เลี้ยวขึ้นดอยแม่สลอง ดินแดนไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดของไทย ว่าแล้วเราก็แวะไร่ชากันก่อนเลยจ้า เช็คอินฟินเว่อร์กันที่ ไร่ชา 101 ไร่ชาที่วิวสวยด้วยทิวเขาสลับซับซ้อน
ท่ามกลางแดดที่ร้อนกันขนาดนี้ เราก็ยังเดินลงไปในไร่ชา ถ่ายรูปกันชิลชิลได้อีก กลัวซะที่ไหน มาถึงขนาดนี้แล้ววิวก็สวยซะขนาดนี้ ต้องจัดเต็มจ้า ถ่ายรูปกันแล้ว มาชิมชากัน ชอบแบบไหนก็เลือกซื้อกันไปนะคร้า ชาที่ไร่ชา 101ได้รางวัลอันดับหนึ่งในงานเทศกาลชาโลกเลยจ้า
ขึ้นดอยไปกันต่อ ที่ สุสานนายพลต้วน ซีเหวิน ผู้นำทหารจีนมาบุกเบิกตั้งรกรากอยู่บนดอยแม่สลอง จุดนี้มองเห็นหมู่บ้านสันตคีรี และวิวสวยๆ ไกลสุดตา
ลงมาด้านล่างเช็คอินที่ตลาดกันก่อน แล้วแยกย้ายกันเดินชม ชิม ช็อป กันจุใจ ไม่ว่าจะเป็นชา ขนม ผลไม้แห้ง อัลมอนด์ ถั่วพิชทาชิโอ บ๊วย ชุดชาวดอย มีทั้งขายและให้เช่าใส่ถ่ายภาพกันด้วยนะคะ
ได้ของฝากถูกใจกันแล้ว เข้าพักกันที่ แม่สลองวิลล่า ห้องพักบนเนินสูง สามารถชมวิวทิวเขาสวยๆ ได้จากเตียงนอนกันเลย ฟินสุดๆ
จากหน้าห้องพัก มองขึ้นไปบนดอย เห็น พระบรมธาตุ เจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี เด่นสง่างาม
ตกเย็นมีงานเลี้ยงที่แสนพิเศษสุด เพราะเรามาเที่ยวตรงกับวันเด็กพอดี ทางคณะจึงจัดเด็กดอยมาแสดงให้ชมกันอย่างสนุกสนาน
คุณอัญชลี วัจนะรัตน์ หัวหน้างานประสานงานภาคกลาง กองตลาดภาคกลาง ททท.ภูมิภาคภาคกลาง และคุณสุเทพ อารมณ์รักษ์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย และผู้ใหญ่ใจดีก็มอบรางวัลและแจกทุนการศึกษาให้แก่เด็กด้วยจ้า
ส่วนนักท่องเที่ยวก็ได้รับของที่ระลึกติดมือกลับห้องพักกันถ้วนหน้าเลยจ้า
เช้าวันที่สาม เราทานอาหารเช้าแล้วลงดอย แวะเช็คอินที่จุดชมวิวดอยแม่สลองในกันแบบเบาๆ แล้วไปตามรอยละครดังที่ ไร่ชาฉุยฟง อ.แม่จัน ไร่ชาที่กว้างใหญ่สุดสายตาด้วยเนื้อที่ 600 ไร่ เป็นที่รู้จักกันดีเพราะเป็นฉากถ่ายละครดังหลายเรื่อง ถึงแล้วจะรออะไรล่ะ ยกก๊วนลุยไร่ชากันอีกแล้ว ฟินได้อีก
จากแม่จัน เราเข้าตัวเมืองเชียงราย แวะชมงานเชียงรายดอกไม้งาม ซึ่งจัดทุกปีในช่วงฤดูหนาว เช็คอินกันพอขำๆกับดอกไม้สวยๆ สีสันสดใส
จากนั้นเราขึ้นดอยโหยด ไปชมรอยพระบาทในหลวง ร.9 ให้เป็นบุญตา ซึ่งมีแห่งเดียวในไทย ณ ค่ายเม็งรายมหาราช อ.เมือง จ.เชียงราย
แล้วไปชมของโบราณสวยงามล้ำค่า หาดูยากมากๆ ที่ พิพิธภัณฑ์อูบคำ ศูนย์อนุรักษ์มรดกล้านนา ซึ่งสร้างขึ้นด้วยความตั้งใจของ อาจารย์จุลศักดิ์ สุริยะไชย ที่จะเก็บของมีค่าสมัยล้านนาที่ไม่ได้อยู่ในแผ่นดินไทยให้กลับมาอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ให้ลูกหลานได้ดูกันค่ะ
ไฮไลท์แห่งใหม่ สวยงามไม่แพ้วัดร่องขุ่น มาแรงด้วยสีสันสดโดดเด่นโทนฟ้าคราม วัดร่องเสือเต้น ฝีมือของ “สล่านก หรือนายพุทธา กาบแก้ว” ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย
ยังไม่จบความสวยงามเพียงเท่านี้นะคะ ทริปนี้เรายังมีเซอร์ไพรส์ได้อีก วัดห้วยปลากั้ง เรามาเชียงรายหลายต่อหลายครั้งแล้ว ยังไม่เคยได้มาชมสักที ตั้งแต่ยังไม่สร้างเจ้าแม่กวนอิมเลย จนถึงปีนี้ เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ได้มาชมสมปรารถนาสุดๆ สิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้ คือ " พบโชคธรรมเจดีย์" ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงถึง 9 ชั้น รูปทรงแปลกตาลักษณะเป็นทรงแหลม ศิลปะจีนผสมล้านนา
ดูความงดงามจากภาพถ่ายของคนอื่นที่เราเคยเห็น เป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากมาชมด้วยตาตัวเอง ยิ่งยามตะวันตกดินฟ้าบลู วัดเปิดไฟประดับระยิบระยับก็ช่างสวยงามจับใจ แต่เสียดายว่าหมดเวลาซะแล้ว ต้องกลับแล้ว ถ้ามีโอกาสจะมาอีกนะคร้า...
ก่อนกลับกรุงเทพ อำลาเชียงรายด้วยมื้อสุดท้ายแสนอร่อย ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกริมแม่น้ำกก ณ ร้านท่าน้ำภูแล
จากนั้นแวะซื้อของฝากกันที่ร้านนันทวัน ใกล้ๆ สนามบินนานาชาติเชียงราย แล้วเดินทางกลับกรุงเทพ จบทริปด้วยความสุข สนุกสนาน ประทับใจกันทุกท่านเลยจ้า
ขอขอบคุณ
กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง
สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท)
โครงการขับรถเที่ยวใกล้สุขใจแค่เอื้อม
Silver Stone tour เที่ยวไหน ดี
เรื่องและภาพโดย Jai @ Touronthai
จำนวนผู้ชม 90648 คะแนน 9 ให้กำลังใจคนเขียนทริปนี้ คลิก...>>