Notice: Undefined index: ses_user in /home/touronth/domains/touronthai.com/public_html/roadtrips/tripview.php on line 5
นครศรีธรรมราช ชมโลมาสีชมพู ดูแลสุขภาพแบบไทยๆ ผจญภัยน้ำตกกรุงชิงเส้นทางขับรถเที่ยวเอง ทัวร์ออนไทยดอทคอม

www.touronthai.com

หน้าหลัก >> เส้นทางขับรถเที่ยว >> นครศรีธรรมราช ชมโลมาสีชมพู ดูแลสุขภาพแบบไทยๆ ผจญภัยน้ำตกกรุงชิง

นครศรีธรรมราช ชมโลมาสีชมพู ดูแลสุขภาพแบบไทยๆ ผจญภัยน้ำตกกรุงชิง

เส้นทางท่องเที่ยวนครศรีธรรมราช ชุดนี้ บอกเลย ว่ามีทั้ง "เดินทางข้ามขอบฟ้าชมโลมาสีชมพู ดูแลสุขภาพแพทย์แผนไทย ผจญภัยน้ำตกกรุงชิง ดิ่งไปลุยถ้ำหงส์ ลงมากราบศาลหลักเมือง" ทัวร์ออนไทยพาไปเที่ยว 10 จุดเด็ดเมืองคอน ตอนนี้อย่างได้พลาดสำหรับนักเดินทางทุกเพศทุกวัย (ชอบสไตล์ไหนเลือกเอาไปเป็นแผนเดินทางของตัวเองได้เลย แต่เราจะเล่าผสมๆ กันให้ครบรสถึงใจทุกคนแน่นอนครับ)

    ขอย้อนไปสักปี 44-45 หน่อยได้เปล่า (ไม่ยาวหรอกครับเอาแค่เกริ่น) ช่วงนั้นออกรถเก๋งมาคันหนึ่ง คันไม้คันมือมากอยากขับไปเที่ยวทางไกล นครศรีธรรมราช เป็นหนึ่งในหลายจังหวัดที่ถูกเลือกมาเป็นเส้นทางขับรถเที่ยวช่วงนั้นเว็บทัวร์ออนไทยเกิดได้ไม่นาน เรื่องการขับรถเที่ยวทริปนั้นก็ยังอยู่ในเว็บเราอยู่เลย หลายคนบอกว่าไปทำไมนครฯ จังหวัดไม่น่าเที่ยวกว่าเหรอ ตอบได้เลยครับว่าถ้าไปจังหวัดดังๆ เราจะรู้แต่ที่เที่ยวดังๆ แต่มันไม่ใช่สไตล์ของคนอย่างทัวร์ออนไทยครับ 5555 ที่ดังๆ เราไปอยู่แล้ว แต่จังหวัดที่ไม่ค่อยรู้ว่ามีอะไรน่าเที่ยวนี่แหละน่าสนใจกว่าเยอะ ไม่เชื่อลองอ่านเรื่องนี้ให้จบสิ

    ท้าวความหลังกันนิดหน่อยแล้วตอนนี้เอาทริปปัจจุบันเลยนะ เราออกเดินทางด้วยสายการบินนกแอร์ จากดอนเมือง เวลาเช้ามืด (ชอบมากเลยไฟลท์เช้ามากๆ เนี่ย ทันได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นระหว่างที่เครื่องอยู่บนฟ้า มันสวยคนแบบกับที่ดูจากพื้นดินนะจะบอกให้) ไฟลท์ที่ดีสำหรับคนชอบถ่ายรูปคือช่วงประมาณ 6 โมงเช้า ก่อนหรือหลังนิดหน่อย เครื่องขึ้นไปแล้วไปวัดดวงกันว่าพระอาทิตย์จะสวยหรือไม่สวย แต่ที่แน่ๆ ขอนั่งริมหน้าต่างไว้ก่อนแหละ วันนี้โชคดีไม่น้อยพระอาทิตย์ขึ้นสวยมากโดยเฉพาะเมื่อเราได้นั่งเบาะแถว A มันติดหน้าต่างซ้ายมือเป็นทิศที่ถูกต้องที่สุด

โกปี๊ นครศรีธรรมราช

บะกุ๊ดเต๋ ร้านโกปี๊

    เครื่องแลนดิ้งสนามบินนครศรีธรรมราชไม่สายมากเราขึ้นรถตู้ออกเดินทางสู่เมืองคอนฯ แน่นอนละว่าทุกคนจะรู้สึกหิวเพราะตื่นกันตั้งแต่เช้ามืดมากๆ ไม่คุ้นเลยกับคนแบบเรา (ปกติตื่นสาย 555) สถานีแรกที่จะจอดต้องเป็นร้าน โกปี๊ อย่างแน่นอน สาขาข้างศาลากลางจังหวัด นี่แหละร้านใหญ่ดี คนเยอะทุกวัน มากี่ครั้งคนก็เยอะ และมาทุกครั้งเป็นต้องเลือกร้านนี้ บะกุ๊ดเต๋ พร้อมข้าวสวยเป็นอะไรที่ต้องสั่ง แล้วอย่างอื่นๆ ก็ว่ากันไปตามอัธยาศัย ตามขนาดของพุงแต่ละคน กาแฟ ไข่ลวก อิ้วจาก๊วย (ที่เราเรียกว่าปาท่องโก๋นั่นแหละ ชื่อจริงเค้าไม่ใช่ปาท่องโก๋) ก็ว่ากันไป ด้วยความที่ลูกค้าแน่นร้าน การสั่งอาหารอาจจะวุ่นวายไปหน่อย ค่อยๆ ตามของที่ตัวเองสั่งใจเย็นๆ นะโยม บางทีก็ขาดบางทีก็เกิน ถามน้องๆ ในร้านเดี๋ยวเค้าก็ยกมาให้เราเองแหละ วันนี้ดีจังเราได้พบเจ้าของร้านตัวเป็นๆ เอ๊ย ตัวจริงๆ ด้วยนะ มีหนังสือเล่าเรื่องเมืองลิกอร์ ของ คุณสุธรรม ชยันต์เกียรติ หรือโกแอ๊ด มาแจกพวกเราก็ขอลายเซ็นต์กันใหญ่เลย กินข้าวไปคุยเรื่องราวของเมืองคอนฯ กันไปอย่างสนุกสนาน เราสนใจเรื่องประเพณีสารทเดือนสิบของที่นี่เป็นพิเศษก็ได้รับความรู้มาไม่น้อย

ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช

    จากร้านโกปี๊เดินทางไปศาลหลักเมือง มานครศรีธรรมราชต้องมาไหว้ศาลหลักเมืองที่นี่ รู้ใช่มั้ยละไม่มาเหมือนไม่ถึงเมืองคอนนะ ใกล้ๆ ศาลหลักเมืองเป็นที่ตั้งของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นครศรีธรรมราช ด้วย ซึ่งเป็นผู้นำพวกเรามายังเมืองคอนนี่แหละ และยังประสานกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำให้เราได้เข้าไปชมห้องงาช้างเป็นบุญตา งาช้างงามๆ ตั้งอยู่หลายคู่ในห้องลับของศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราชนี่เอง นี่เป็นครั้งแรกที่เราทุกคนเคยมาเห็นห้องนี้ เราได้พูดคุยสอบถามเรื่องราวหลายต่อหลายเรื่องและได้รับความเมตตาจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดที่ให้ข้อมูลเราอย่างเต็มที่ 
 
ห้องงาช้าง นครศรีธรรมราช

    สมควรแก่เวลากันแล้วพวกเราลาท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เดินทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอท่าศาลา ใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมง แต่ถือว่าไม่ไกลสำหรับเส้นทางท่องเที่ยว ว่าแต่นั่งรถกันมานี่จะพามาดูอะไรที่ท่าศาลา อะ เฉลย เรามาใช้บริการแพทย์แผนไทย ชื่อว่า ศาลา สปา เป็นส่วนหนึ่งในโรงพยาบาลท่าศาลานั่นเลยแหละ ที่นี่นอกจากจะให้บริการทางการแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว ยังมีบริการแพทย์ทางเลือกด้วย (พูดเป็นทางการไปนะ เอาภาษาชาวบ้านหน่อยก็คือ มีบริการ นวด สปา เผายา อบสมุนไพร และฝังเข็ม ฯลฯ รวมๆ แล้วคือแพทย์ทางเลือกครับ)

ศาลาสปา โรงพยาบาลท่าศาลา

ศาลาสปา โรงพยาบาลท่าศาลา

    ที่จริงจะหาที่นวดแผนโบราณจากตัวเมืองนครศรีธรรมราชไม่ต้องถ่อออกมาถึงท่าศาลาก็ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าที่ท่าศาลาเค้ามีอะไรดีกว่าการนวดเยอะ จะว่าไปเล่าไม่หมดนะ เท่าที่เห็นเด่นๆ ก็ได้แก่ การเผายา คือการรักษาอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ความร้อนด้วยการจุดไฟบนพุงของเรา อุ๊ต๊ะ ใครจะให้จุดบ้าเปล่า ไม่ใช่จุดไฟลงบนพุงตรงๆ แบบนั้น เค้าจะรองด้วยแผ่นสมุนไพรหน้าตาคล้ายดินเหนียวราดแอลกอฮอล์ลงบนผ้าตรงที่มีแผ่นสมุนไพรวางอยู่แล้วค่อยจุดไฟ ดูน่ากลัวแต่ความจริงไฟไม่ได้ไหม้ผิวเรามันแค่ลุกๆ อยู่ไม่นานความร้อนจะแผ่ลงไปที่พุงของเราผ่านแผ่นสมุนไพรทำให้ตัวยาซึมเข้าสู่ร่างกาย วิธีการเผายานี้รักษาได้หลายอาการก่อนที่จะทำการเผายาหมอจะตรวจที่ท้องและวิเคราะห์ตัวยาให้เรียกว่าวินิจฉัยโรคนั่นเอง นอกจากเผายาแล้วก็มีการฝังเข็มซึ่งตามตำราแล้วก็รักษาได้หลายโรคเหมือนกันตามแต่จุดที่ฝัง บริการทั้งสองอย่างนี้เป็นการรักษาที่ต้องมีความต่อเนื่อง ถ้าจะลดน้ำหนักก็ต้องฝังเข็ม หรือเผายากันหลายคอส ดูแล้วยังไม่เหมาะสำหรับขาจรอย่างเรา ส่วนการนวด การสปา การอบซาวน่า ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีกมากมายเลย พวกเราก็ได้ลองใช้บริการนวด กับสปา นี่แหละ ส่วนการเผาพุงหรือฝังเข็มดูจะไม่ใช่แนว (ป๊อดอะดิ อิอิ) สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อมาได้เลย ที่เฟสบุ๊ค Salaspa Thasala Hospital

ท่าศาลาซีฟู๊ด

ท่าศาลาซีฟู๊ด

    ทำสปาและนวดกันจนสบายตัว ตอนนี้เราก็ได้เวลาที่ต้องตามใจท้องนี่ขนาดว่ากินข้าวเช้าแบบจัดเต็มมาจากร้านโกปี๊ แต่ก็ยังหิวเร็วอีกนะ มาเที่ยวจังหวัดที่ติดทะเล บอกเลยว่ามันต้องเจออาหารทะเลถึงจะเหมาะ ท่าศาลามีอยู่ร้านนึงเคยมาครั้งนึงนานมาแล้ว พอมาจอดรถที่หน้าร้านก็นึกออกทันทีเลย ร้านนี้ชื่อท่าศาลาซีฟู๊ดเลยให้รู้ซะบ้างว่าอยู่ที่ไหน ชื่อร้านบอกขนาดนี้ เมนูแนะนำสำหรับร้านนี้ควรจะสั่งประเภทปู ไม่ว่าจะเป็นปูนึ่ง ปูผัดผงกระหรี่ ฯลฯ ปูที่นี่คัดสรรมาอย่างดีเราคอนเฟิร์มได้ ส่วนเมนูอื่นๆ ก็สดแต่เราชอบปูก็เน้นปู ใครชอบอย่างไหนก็ลองไปดูกัน เอาเป็นว่าของทะเลสดไว้ใจได้ บรรยากาศก็ดีเพราะอยู่ริมน้ำ มีเพลงให้ฟังระหว่างกินข้าว นั่งแช่อยู่ที่ร้านอาหารนี้นานทีเดียวนะ สั่งของหวานกันต่อ ไอติมกันนิด เสร็จแล้วก็ได้เวลาไปต่อกันแล้วละ

บ้านแหลมโฮมสเตย์

บ้านแหลมโฮมสเตย์

บ้านแหลมโฮมสเตย์

    โปรแกรมบ่ายเราแนะนำบ้านแหลมโฮมสเตย์ ชื่อนี้รู้สึกเหมือนอยู่เพชรบุรีเลย แต่บ้านแหลมโฮมสเตย์อยู่นครศรีธรรมราช ในเขตอำเภอท่าศาลานี่เอง จากร้านอาหารท่าศาลาซีฟู๊ดขับผ่านตัวเมืองผ่านโรงพยาบาลท่าศาลาขับลงไปทางใต้ต่ออีก 20 นาทีเห็นจะได้ ที่นี่น่าสนใจยังไงจะเหลาให้ฟังบัดเดี๋ยวนี้เลย


พอกโคลน ธรรมชาติ

    โฮมสเตย์บ้านแหลม มีความน่าสนใจตรงที่มันไม่มีอะไร นี่เจ้าของเค้าเล่ามาแบบนี้ แล้วค่อยๆ เล่ารายละเอียดให้ฟังต่อก่อนที่เราจะขึ้นรถกลับ ว่า ความน่าสนใจตรงที่มันไม่มีอะไรหมายถึง หมู่บ้านบริเวณนี้เป็นหมู่บ้านชาวประมงอยู่กันด้วยวิถีชีวิตเรียบง่าย ไม่มีความเจริญใดๆ เข้ามา ชาวบ้านหากินตามธรรมชาติอยู่อย่างสงบ จนทำให้คนอยากจะมาเที่ยวเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายต่างๆ ของชีวิตคนเมือง มาอยู่กับความเรียบง่าย สงบ ในอ้อมกอดของธรรมชาติล้วนๆ การริเริ่มพัฒนาหมู่บ้านธรรมดาๆ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็เลยเกิดขึ้นมาตอนนั้นเอง แต่การที่จะเปิดโฮมสเตย์ให้มาพักอย่างเดียวไม่มีอะไรทำก็กระไรอยู่ เลยได้ปรับปรุงหาส่วนที่พอจะทำเป็นกิจกรรมสำหรับแขกผู้มาเยือนได้ร่วมสนุกระหว่างการมาพักผ่อนที่นี่ ได้แก่การปลูกป่าชายเลน การพอกโคลนธรรมชาติ ชมวิถีชีวิตชาวประมงหาปูหาปลาไปตามเรื่อง จุดเด่นของที่นี่คือการพอกโคลนนี่แหละ โคลนที่ได้มาเป็นโคลนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อยู่ที่ใต้ท้องทะเลเลยแนวป่าชายเลนออกไปหน่อยเดียว พี่เค้าพานั่งเรือไปงมโคลน งมกันเห็นๆ น้ำลึกแค่คอดำลงไปแป๊บเดียวได้โคลนมาเต็มมือส่งมาให้เราดูกันก็ปรากฏว่าโคลนที่งมได้จากทะเลเป็นโคลนเนื้อละเอียดมากๆ ละเอียดจนเรางงไปเลย มันนุ่มมากเลยเอามาพอกหน้าพอกตัวได้ ดูยังกับว่าโคลนที่นี่ไม่ได้เกิดเองตามธรรมชาติเหมือนออกมาจากโรงงานยังไงยังงั้นเลยแต่เพราะเราเห็นว่าเค้างมกันขึ้นมาสดๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วละจริงมั้ย

    เย็นวันนี้เราต้องเดินทางจากท่าศาลาไปที่กรุงชิงเข้าที่พักที่หนำไพรวัลย์ ที่กรุงชิงนี่แหละที่มีความหลากหลายเติมสีสันให้การเดินทางของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนที่จะเล่าเรื่องเมืองกรุงชิง เราขอจัดการมื้อค่ำที่หนำไพรวัลย์เตรียมไว้ให้แบบเพียบถึงใจ เป็นอาหารที่ใช้ของพื้นถิ่นหากินง่ายในท้องที่ เมนูไม่พิสดารมากเน้นความเรียบง่ายสไตล์เฉพาะตัวของกรุงชิง และที่สำคัญทำออกมาได้อร่อยมากเลย หลังอาหารจัดแจงเข้าห้องนอนพักผ่อนก่อนที่จะไปลุยกันต่อในเช้าวันพรุ่ง

    เกริ่นเรื่องเมืองกรุงชิงสักนิด ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักจังหวัดนี้อยู่บ้างแล้วว่ามีแหล่งท่องเที่ยวอะไรบ้างแต่พอมาดูอำเภอกรุงชิงกลับแทบไม่มีคนรู้จักหรือเคยได้ยินชื่ออำเภอนี้สักเท่าไหร่ยิ่งถามถึงที่เที่ยวด้วยแล้วยิ่งไม่ค่อยมีคนนึกออกแต่ที่เรามาที่นี่ได้สัมผัสพื้นท่ีนี้แล้วได้เอาภาพมาเล่าให้เห็นกันจะจะอย่างนี้แล้วบอกได้คำเดียวเลยว่ากรุงชิงมีที่ให้เที่ยวได้มากพอสำหรับที่จะมาพักผ่อนแบบทั้งทริปเลยด้วยซ้ำนี่ขนาดเรามากันแค่วันเดียวยังขนาดนี้เลย เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในกรุงชิง เวลาตี 4 ครึ่ง โดยประมาณเป็นเวลาที่เรานัดหมายออกเดินทางจากที่พักไปที่จุดชมวิวทะเลหมอกกรุงชิง แน่ละว่าไม่มีใครเคยไปจุดชมวิวทะเลหมอกในกรุงชิงมีจุดเด่นๆ 2 จุดได้แก่ เขาเหลี้ยม และอีกจุดคือเขาเหล็ก พวกเราตื่นสายกันนิดหน่อยตามประสาคนไทยอิอิ มันเหนื่อยเหมือนกันนะบางทีนัดแล้วมันตื่นไม่ไหวจริงๆ จุดที่เราไปกันคือเขาเหลี้ยมรถโฟร์วีลขึ้นไปส่งจากนั้นเดินเท้าขึ้นเขาอีกไม่ไกลก็ถึงยอดเขาเหลี้ยม และแล้วกรรมก็ตามทันตาเห็นด้วยความตื่นสายนั่นแหละที่ทำให้เรามาไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ และสภาพอากาศของว้นนี้ก็ไม่ดีพอที่จะทำให้เกิดทะเลหมอกหนาๆ ให้เราชมได้ จุดนี้ต้องจารึกไว้ในบันทึกการเดินทางไว้มีโอกาสต้องมาซ่อม เพราะเราคือคนเดินทางตัวจริงที่ไหนได้ภาพไม่สวยต้องจดไว้แล้วมาใหม่ไม่มีเลิกรา

    เมื่อเราพลาดพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราอยู่ชมวิวต่ออีกหน่อยก็เดินทางลงจากเขาเหลี้ยมกลับฐานที่มั่นคือรีสอร์ทหนำไพรวัลย์อาบน้ำอาบท่ากินข้าวเช้าก่อนที่จะเตรียมตัวเดินทางต่อไปที่น้ำตกกรุงชิง น้ำตกกรุงชิงเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในภาคใต้ภาพของน้ำตกแห่งนี้อยู่ด้านหลังของแบงค์พันรุ่นแรก 

น้ำตกกรุงชิง

น้ำตกกรุงชิง

    แต่การที่จะเข้าไปชมของสวยๆ แบบนี้มันต้องมีกำลังใจกำลังกายที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ไม่งั้นถ้าสวยแต่เข้าถึงง่ายสบายเกินไปมันก็ไม่ค่อยเห็นคุณค่าสิครับ น้ำตกกรุงชิงที่ว่าสวยที่สุดในภาคใต้นั้นต้องเดินเท้าเข้าไป ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง รวมๆ ไป-กลับ 8 กิโลเมตรเห็นจะได้ครึ่งหนึ่งเป็นทางราบไม่ลำบากมากมาย แต่ครึ่งหนึ่งของทางเดินนี้เป็นบันไดสูงชัน สูงชัน สูงชัน ขอย้ำ ชันมากด้วย กว่าจะถึงชั้นที่สวยงามที่สุดหนานฝนแสนห่า อยู่ที่ชั้น 7 แต่พอเดินเข้าไปถึงทุกคนก็เหมือนจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง น้ำตกนี้เป็นน้ำตกที่สวยมากจริงๆ อย่างที่เค้าเล่าลือกัน แต่พอเดินกลับต้องย้อนขึ้นบันไดที่เพิ่งเดินลงมา เฮ้ออออ เหนื่อยอีกแล้ว การเดินเข้าไปเที่ยวน้ำตกกรุงชิงใช้เวลามากควรจะต้องเตรียมตัวมาอย่างดี มีน้ำพกไปกินระหว่างทาง และต้องมีข้าวกล่องเตรียมติดตัวไปด้วย นี่แหละเส้นทางสำหรับนักผจญภัยตัวจริง

    กว่าจะเดินออกมาจากน้ำตกกลับมาที่หนำไพรวัลย์อันเป็นที่พัก เราขอเช็คเอาท์เลทคือออกจากรีสอร์ท 4 โมงเย็น เจ้าของรีสอร์ทใจดีมากๆ ให้เรากลับมาอาบน้ำอาบท่าเก็บข้าวของร่ำลาแล้วเดินทางกันต่อไปยังอำเภอขนอม เล่าถึงตรงนี้ก่อน ทีนี้เรามีที่เที่ยวที่น่าสนใจในกรุงชิงมาแนะนำกันเผื่อเอาไว้เป็นทางเลือกของการเดินทางสำหรับคนที่ไม่ถนัดการผจญภัยหนักๆ หรือคนที่ชอบผจญภัยเพรียวๆ อยากจะเที่ยวลุยๆ ต่ออีกก็มีมาให้เลือกด้วยเหมือนกัน

หนำไพรวัลย์ รีสอร์ท กรุงชิง

ทะเลหมอกกรุงชิง

    สำหรับคนที่ไม่ถนัดหรือสังขารไม่อำนวยแล้วมาเที่ยวกรุงชิงสามารถเลือกไปเที่ยวชิวๆ ได้ เช่น ตื่นเช้ามาดูทะเลหมอกเล็กๆ กับพระอาทิตย์ขึ้นบนเนินเขาของหนำไพรวัลย์รีสอร์ท (ไม่ต้องเดินเหนื่อยด้วย) แล้วสายหน่อยไปช้อปที่ร้านค้าคุณธรรม ร้านนี้แซ่บเวอร์ครับไม่มีคนขาย ชาวบ้านเค้าเอาของที่หาได้มาวางเรียงๆ กันไว้ติดราคาของไว้ คนมาซื้อก็แค่เอาเงินใส่ตู้ตามราคาของที่ตัวเองจะซื้อแล้วก็หยิบไป เหมาะสำหรับการซื้อของพื้นบ้านได้แก่ผัก ผลไม้ เอาไปทำกับข้าว ผักแต่ละอย่างที่เอามาวางขายเป็นผักปลอดสารพิษเพื่อคนในหมู่บ้านจะได้ไม่เสี่ยงกับสารตกค้าง ผลไม้ยอดฮิตได้แก่ทุเรียนและขนุน ทุเรียนบ้านราคาลูกละ 50 บาท หรือตามขนาดของทุเรียน ขนุนปอกให้เสร็จเรียบร้อยราคาถุงละ 10 บาท ผักต่างๆ ส่วนใหญ่มัดละ 10 บาท ใช้เงินไม่เท่าไหร่ได้ผักกลับไปทำกับข้าวเพียบกินได้ทั้งวัน

ร้านคุณธรรม กรุงชิง

บ่อน้ำร้อนกรุงชิง

    ต่อจากร้านค้าคุณธรรมที่มีเฉพาะที่กรุงชิงแล้ว ไปพักผ่อนเพื่อสุขภาพ บ่อน้ำร้อนกรุงชิง บ่อน้ำร้อนที่เปิดให้บริการแบบเป็นกันเอง ค่าแช่น้ำร้อนแค่คนละ 30 บาท ได้รับความนิยมมากเลย โดยเฉพาะคุณสมบัติในการบำบัดอาการอัมพฤกษ์ แช่น้ำร้อนต่อเนื่องอาการจะดีขึ้นได้ บ่อน้ำร้อนกรุงชิงเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส ไม่สามารถแช่ไข่ให้สุกได้ แต่เหมาะสำหรับการลงไปแช่ ซึ่งจะมีทั้งบ่อที่ปรับอุณหภูมิของน้ำให้เย็นลงหน่อยแล้วยังมีห้องแช่ส่วนตัวให้บริการด้วย นอกจากนั้นแล้วถ้าอยากจะนวดแผนไทยต่อก็มีบริการให้เหมือนกันเรียกว่าครบวงจร

    ทีนี้ถ้าเกิดอยากมาเที่ยวรับโอโซนเข้าเต็มปอดที่กรุงชิงแบบไม่อยากไปไหนต่อ และชอบที่จะลุยๆ ผจญภัยกับธรรมชาติเพิ่มเติมอีกละก็ กรุงชิงยังมีเส้นทางผจญภัยที่สวยงามมากอีกเส้นทางหนึ่งคือ ถ้ำหงส์ ที่นี่เป็นถ้ำธารลอดที่ไม่เหมือนถ้ำธารลอดทั่วไป นอกจากจะมีลำธารไหลอยู่ในถ้ำแล้วยังมีน้ำตกขนาดใหญ่พอที่คนจะลงไปแหวกว่ายเล่นน้ำตกในนั้นได้อีกด้วย ระหว่างการเข้าไปยังน้ำตกในถ้ำหงส์ จะต้องโรยตัวลงมาจากเพดานถ้ำ จากนั้นต้องเดินแหวกสายน้ำเข้าไป ช่วงหนึ่งของถ้ำหินงอกหินย้อยมีแสงระยิบระยับเมื่อโดนแสงไฟของเรามองแล้วสวยมากๆ บางช่วงจะเป็นช่องแคบจะต้องก้มตัวต่ำลุยน้ำระดับอกถึงคอผ่านช่องนี้เข้าไปให้ได้ ถึงจะเข้าไปถึงน้ำตกแสนสวยที่ซ่อนตัวอยู่อย่างสงบรอคนหัวใจแกร่งเข้ามาชื่นชมความงามแบบที่คนธรรมดาไม่สามารถจะสัมผัสได้

    ด้วยความร่ำรวยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของกรุงชิงนี้เอง เราจึงสามารถมาเที่ยวได้ทั้งแบบทริปสั้นทริปยาว มาผจญภัย 5 วัน 4 คืน ก็ยังได้ เพราะยังมีที่เที่ยวอีกเยอะที่เราไม่ได้พูดถึงตอนนี้ แค่นี้ก็อิ่มแล้วสิ

    กลับมาที่ทริปการเดินทางของเรากันต่อ หลังจากผจญภัยน้ำตกกรุงชิงแล้ว เราก็หมดแรงไม่เหมาะที่จะไปลุยต่อที่ถ้ำหงส์แน่ และอีกอย่าง ที่ขนอมก็มีความสวยงามอีกสไตล์หนึ่งรอเราอยู่นั่นก็คือน้องโลมาสีชมพูนั่นเอง โลมาที่นี่เป็นโลมาค่อนข้างแสนรู้ ชาวบ้านที่ขนอมที่ยึดอาชีพประมงหาปูหาปลาจะแบ่งปลาให้มันกินเสมอ แต่ก่อนนี้นักท่องเที่ยวก็หาซื้อปลาตามท้องตลาดเอามาให้โลมากินแต่กลายเป็นว่าปลาที่ตลาดมีสารตกค้างจนทำให้โลมาตาย ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็กวดขันตั้งกฏห้ามให้ปลากับโลมา นอกจากเป็นปลาที่จับได้ที่ขนอมนี้เท่านั้น

    จากกรุงชิงเดินทางมาที่ขนอมใช้เวลาไม่น้อยนะ แต่เราก็มาถึงก่อนจะค่ำ แวะไปสั่งอาหารที่ร้านขนอมโกลเด้นบีช ร้านนี้บรรยากาศดีตกแต่งร้านได้น่านั่งเอามากๆ ติดหาดขนอมด้วยจากหน้าร้านเดินเล่นริมชายหาดได้เลย มีทั้งที่นั่งแบบรับลมชมวิวเลียบหาด และห้องแอร์ให้นั่งแบบสบายๆ ถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่แนะนำให้สั่งอาหารเอาไว้ก่อนอีกอย่างอยากกลับไปถ่ายรูปโรงแรมสวยๆ ที่เราพักก่อนจะมืดด้วยเพราะวันนี้เราพักที่ ราชาคีรี เป็นโรงแรมที่วิวสวยมาก

    สั่งอาหารไว้แล้วก็ไปโรงแรมอยู่ไม่ไกลกันมากเอาของขนเข้าห้องพักถ่ายรูปกันนิดหน่อยสายฝนก็ตกลงมาสรุปว่าทำอะไรไม่ได้มากเลยนั่งพักรอเวลาที่จะกลับไปที่ร้านโกลเด้นบีช พอกลับมาที่ร้านอาหารฝนก็หยุด เอ้อ อากาศภาคใต้นี่แปลกจริงๆ แต่ก็ดีพอฝนหยุดตกเราก็ถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆ ร้านกันแบบชิวเลย ไม่นานอาหารก็ค่อยๆ ถูกยกออกมา ร้านโกลเด้นบีช ที่ขนอม เป็นร้านอาหารติดทะเลแต่เมนูมากมายหลายอย่างโดดเด่นไปทางสเต็ก ทั้งปลาแซลมอน เนื้อออสเตรเลีย หมู ฯลฯ ส่วนเมนูอื่นๆ ก็มีอีกหลายอย่างให้เลือก กุ้งแช่น้ำปลา เอ็นข้อไก่ทอด สลัด สปาเก็ตตี้ เครื่องดื่มก็มีจำพวกน้ำผลไม้ปั่น อาหารมื้อนี้เลยแหวกแนวไม่ต้องกินซีฟู๊ดทุกวันๆ มันก็ดีเหมือนกันนะ

    อิ่มกับอาหารมื้อเย็นเต็มที่แล้วเข้าห้องพักวางแผนการถ่ายโลมาในวันรุ่งขึ้น ตี 5 56 นาที จะ 6 โมงอยู่แล้ว ปกติเวลามาเที่ยวที่สวยๆ นอนสบายๆ แบบนี้เราก็อยากจะตื่นสายๆ นะ แต่วิวของราชาคีรีเค้าสวยจริงไรจริงไม่รีบลงมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นไว้จะเสียดายแย่ และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ท้องฟ้าของวันนี้สีส้มมาจากขอบฟ้าตัดกับสีน้ำทะเลมีเงาของต้นมะพร้าวกับต้นไม้อื่นๆ ยื่นออกมาจากปลายแหลมประกอบฉากให้สวยยิ่งขึ้น ไม่นานพระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงได้เวลาไปอาบน้ำกินข้าวและออกเดินทาง

    เป้าหมายของเราอยู่ที่ท่าเรือเขาออก เป็นท่าเรือที่เดิมใช้จอดเรือประมงของชาวบ้านเรือขนาดไม่ใหญ่หาปลาใกล้ชายฝั่ง และเป็นกลุ่มคนที่แบ่งปลาให้โลมากินเป็นประจำเราจึงได้เห็นภาพโลมาว่ายน้ำเล่นกับเรือ นักท่องเที่ยวที่มานั่งเรือดูโลมาก็ได้ผลประโยชน์ด้วยประการฉะนี้แล 

    ท่าเรือเขาออกเป็นท่าเรือที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเราเท่าไหร่ ทางเข้ายังเล็กและคงต้องพัฒนาต่อไปในอนาคตข้อดีของการมาท่าเรือเขาออกคือชาวบ้านทำกันเป็นเป็นกลุ่มอนุรักษ์จึงรู้วิธีการบังคับเรือให้นักท่องเที่ยวได้เห็นโลมาโดยไม่ทำให้โลมาตกใจหรือได้รับอันตราย โลมาหลายตัวพอเห็นเรือชาวบ้านจะเข้ามาว่ายน้ำโชว์ตัวและเล่นกับนักท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน หลายครั้งที่คนมาเที่ยวถ่ายรูปโลมากระโดดจากน้ำได้ด้วยโทรศัพท์มือถือ ช่วงเวลาที่เหมาะจะดูโลมาคือช่วงประมาณ 9 โมงเช้าถึง 11 โมง ชาวบ้านที่ท่าเรือเขาออกดัดแปลงเรือประมงเล็กมาทำเรือท่องเที่ยว คิดราคา 1000 บาทต่อลำนั่งได้ 7 คน ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากกับการได้เห็นโลมาระยะใกล้ๆ เป็นเวลาถึง 2 ชั่วโมง แต่เราได้ภาพโลมากันตั้งแต่ชั่วโมงแรก เวลาที่เหลือเราให้เรือพาไปเที่ยวชมเกาะแห่งหนึ่งชื่อเกาะนุ้ย อยู่ไม่ห่างจากท่าเรือเท่าไหร่ เกาะนี้มีความพิเศษคือเป็นเกาะที่นหลวงปู่ทวดอธิษฐานจิตเหยียบน้ำทะเลให้จืดตามตำนานความเชื่อของชาวใต้ ปัจจุบันยังมีบ่อน้ำเล็กๆ ที่บนเกาะเฉพาะน้ำในบ่อนี้จะเป็นน้ำกร่อยกินได้ ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายเวลาออกเรือประมงจะแวะมากินน้ำที่นี่ในยามที่น้ำในเรือหมด เรื่องราวนี้ก็สืบทอดกันต่อมาจนถึงทุกวันนี้ บนยอดเกาะแห่งนี้จึงได้มีการสร้างรูปหลวงปู่ทวดนั่งอยู่ให้คนผ่านไปมาหรือนักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ขอพร บ่อน้ำบนเกาะนี้จะเห็นได้ในช่วงเวลาน้ำลงเท่านั้นถ้าน้ำขึ้นน้ำทะเลจะท่วมบ่อ

    ลงจากเกาะนุ้ยเรือเร่งสปีดพาเราเข้าฝั่งคนขับเรือรู้ว่าเรามาเที่ยวอย่างมีเวลาจำกัดและมีโปรแกรมไปต่อหลายที่ ใช้เวลาไม่กี่นาทีเราก็มาถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ที่ท่าเรือมีร้านกาแฟบริการเป็นกาแฟสำเร็จรูปทรีอินวันลูกค้าที่มานั่งเรือมากินกาแฟได้ฟรีมีกระติกน้ำร้อนตั้งไว้ให้เราก็แค่กดน้ำพักผ่อนกันจนหายเหนื่อยแล้วก็ไปกันต่อ ถ้าสนใจจะมาท่าเรือนี้ติดต่อได้ที่ โทร.0855740051

    จากท่าเรือเขาออกใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ ในการเดินทางมายังดินแดนอเมซิ่งแห่งเมืองคอน ชื่อว่า สวนตาสรรค์ เป็นสวนของนายรังสรรค์ แท้เที่ยง แหล่งเที่ยว unseen ใน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ที่นี่มีสายน้ำไหลผ่านสวน สายน้ำนี้เป็นเส้นแบ่งเขตจังหวัดนครศรีธรรมราชกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เรามีแผนที่ให้ใต้บทความ) ที่สวนตาสรรค์มีอะไรดีเราถึงต้องมา บอกเลยว่าสวนนี้ไม่ธรรมดาตรงที่มีสปาปลาตอด คือสปาเท้าด้วยการเอาจุ่มน้ำแล้วจะมีปลามาตอด เป็นการกระตุ้นเส้นประสาทจำนวนมากมายที่อยู่ตรงฝ่าเท้า ที่ในห้างมีเปิดให้บริการราคาสูงเอาเรื่องอยู่ แต่ตาสรรค์ให้เอาขามาจุ่มคิดค่าบำรุงสถานที่ 20 บาท ปลาที่มาตอดเท้าเราเป็นปลาที่อยู่ในคลองสายนี้นี่แหละ ปลาธรรมชาติล้วนๆ เอาขาจุ่มลงไปรอไม่ถึงนาทีปลาจำนวนหลายสิบตัวจะพุ่งมาที่ขาเราเลย ปลาพวกนี้ดูเหมือนจะชอบคนที่จุ่มใหม่ๆ เพราะมันตอดได้อาหารเยอะกว่าขาที่จุ่มนานแล้ว ฝูงปลาที่มาตอดมันตัวใหญ่กว่าในห้างเยอะเลยเส้นจั๊กจี้ทำงานทันทีเลยละเล่นเอาหัวเราะก๊ากลั่นคุ้งน้ำเพราะมันสุดจะกลั้น ลำธารนี้ไม่ลึกมากเลยลงไปหน่อยเปิดให้คนลงเล่นน้ำได้มีห่วงยางให้เช่า ภายในพื้นที่สวนจัดเป็นโซนอาหารมีอาหารขายแต่คนทำสปาปลาตอดห้ามเอาของกินไปกินที่ริมน้ำ แช่ขาไว้ไม่ถีง 20 นาที ปลาก็เริ่มจะไม่มีอะไรให้ตอด แล้วก็ไปมองหาขาคนอื่นๆ ต่อ เราขึ้นจากน้ำใส่รองเท้า บอกเลยว่าความรู้สึกเราเปลี่ยนไปเลย มันรู้สึกเหมือนกับว่าเท้าเราเนียนนุ่มบอกไม่ถูก เดินสบายเท้ามากๆ ส่วนที่มันไปกระตุ้นเส้นประสาทเราคงบอกไม่ได้เพราะต้องเป็นข้อมูลทางการแพทย์ แต่สปาปลาก็เป็นที่นิยมจนไปเปิดร้านในห้างกันเป็นเรื่องเป็นราวไปทั่วเนาะ ถ้ามีเวลามากๆ ว่าจะลงเล่นน้ำต่ออีกหน่อย สวนตาสรรค์ร่มรื่นมากเอาแค่ว่าได้มาพักผ่อนสนุกสนานกับฝูงปลาก็เป็นวันที่มีความสุขได้อีก 1 วันแล้วละ

    เรากลับมาที่โรงแรมราชาคีรี อาบน้ำเก็บข้าวของเช็คเอาท์ จากขนอมเดินทางไปสิชลเป็นเส้นทางในการเดินทางกลับไปที่สนามบินตามเส้นทางหาอาหารอร่อยกินตามทางผ่าน มีมาแนะนำอยู่ร้านนึงเป็นของโรงแรม ร้านอาหารร้านนี้ตั้งอยู่ริมหาดแยกจากตัวโรงแรมออกมาเลยไม่ทำให้รู้สึกว่าเราจะมากินอาหารแพงๆ ในโรงแรมนะ แต่เรามาร้านอาหาร ชื่อ The Khanom Beach เดอะขนอมบีช นี่แหละ ที่เราเลือกจากถนนเลี้ยวเข้าซอยที่มุ่งหน้าไปทะเลไม่นานก็สุดถนนตรงหาดทรายพอดี บรรยากาศของร้านตกแต่งได้เข้ากับหาดทรายมากมีเตียงให้นอนเล่น โต๊ะอาหารตกแต่งลงตัว ถ้าสั่งน้ำมะพร้าวเราจะเห็นดอกไม้ติดมาด้วยเหมือนฮาวายเลยทีเดียว ด้วยความที่ร้านนี้มีเจ้าของเดียวกับโรงแรม อาหารจึงไม่สามารถเสิร์ฟแบบไม่มีคุณภาพได้ ของทะเลต้องสด รสต้องเป๊ะ ปริมาณเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง กั้ง ปู สั่งได้แบบสบายใจ อร่อยทุกจาน มื้อนี้แทบไม่มีอาหารเหลือติดจานเลยทีเดียว

 

  อิ่มแล้ว จ่ายตังค์ออกเดินทางกันต่อ เวลายังมีเหลือเพราะเราจองไฟลท์ค่ำ จากขนอมเข้าตัวเมืองยังต้องผ่านอำเภอสิชล ก็เลยแวะไปดูสิชลคาบาน่า ที่นี่เป็นโรงแรมเล็กๆ ตั้งอยู่ติดหาดสิชล เจ้าของโรงแรมชอบกีฬาทางน้ำเป็นชีวิตจิตใจเลยมีคลับเล่นเสิร์ฟบอร์ด แพดเดิลบอร์ด แล้วยังเป็นเป็นโรงเรียนสอนเล่นกีฬาทางน้ำราคาก็ไม่แพง จะมาเรียนจนเล่นเป็นหรือเรียนเพื่อเล่นครั้งเดียวก็ได้ โดยเฉพาะแพดเดิลบอร์ดเป็นอะไรที่แปลกใหม่ กระดานบอร์ดกับไม้พายแล้วก็มุ่งหน้าออกทะเล ดูเหมือนจะเล่นยากเพราะยืนบนกระดานแต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่ยากเท่าไหร่ ใครมาเล่นเป็นครั้งแรกเตรียมใจว่าจะตกน้ำก็ไม่ตก แล้วยังมีการพัฒนาไปเป็นกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีก็คือโยคะบนผิวน้ำ การใช้กระดานแผ่นเดียวไปฝึกโยคะบนผิวน้ำแทนการทำท่าโยคะในห้องหรือบนพื้นธรรมดาเป็นอะไรที่ขั้นเทพสุดๆ แต่วันนี้คนเล่นโยคะไม่มาเราเลยได้แต่ฟังเรื่องเล่าจากคุณสิชลแมน แต่ก็พอนึกภาพออกว่ามันจะยากขนาดไหนที่ต้องทรงตัวอยู่บนผิวน้ำทะเลที่มีคลื่นตลอดเวลา

    สำรวจแหล่งท่องเที่ยวกันทั่วแล้ว หมดเวลาเดินทางของเราแล้วสิ แต่ละที่ที่เล่ามานี่เรามากันครั้งแรกเกือบทั้งหมดเลยนะนี่ ไม่น่าเชื่อว่าคนเดินทางเที่ยวมาตลอดหลายปีอย่างเรามีอะไรตั้งเยอะขนาดนี้ในนครศรีธรรมราชที่เรา ไม่...เคย...มา นี่แหละเค้าถึงยกให้นครศรีธรรมราช เป็นเมืองต้องห้าม...พลาด แล้วจะบอกให้ว่าจังหวัดนี้ยังมีอะไรอีกเยอะเลยที่เรายังไม่เคยไป ไว้คราวหน้ากลับมาเมืองคอน คงได้มาเขียนเรื่องเที่ยวเมืองคอนภาคสอง แน่นอนครับ

    ถ้าสนใจเดินทางเที่ยวนครศรีธรรมราช ชอบแบบไหนสไตล์ไหนหวังว่าเรื่องราวของเราเรื่องนี้จะช่วยการวางแผนเที่ยวของคนอ่านได้บ้างนะครับ หาข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช

    สุดท้าย ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครศรีธรรมราช มา ณ โอกาสนี้ ครับ

จำนวนผู้ชม 3632 คะแนน 6  ให้กำลังใจคนเขียนทริปนี้ คลิก...>>
กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

แผนที่ขับรถเที่ยว นครศรีธรรมราช ชมโลมาสีชมพู ดูแลสุขภาพแบบไทยๆ ผจญภัยน้ำตกกรุงชิง

Line id: @touronthai (ใส่ @)
www.touronthai.com