Notice: Undefined index: ses_user in /home/touronth/domains/touronthai.com/public_html/roadtrips/tripview.php on line 5
เชียงใหม่ สไตล์ชิลเอาท์หน้าฝน ประสาคนชอบเที่ยวเส้นทางขับรถเที่ยวเอง ทัวร์ออนไทยดอทคอม

www.touronthai.com

หน้าหลัก >> เส้นทางขับรถเที่ยว >> เชียงใหม่ สไตล์ชิลเอาท์หน้าฝน ประสาคนชอบเที่ยว

เชียงใหม่ สไตล์ชิลเอาท์หน้าฝน ประสาคนชอบเที่ยว

    ขับรถเที่ยวทำไมต้องมีจำกัดฤดูกาล ทำไมคนชอบคิดว่าเที่ยวหน้าฝนมันลำบาก ทำไมต้องคิดว่าเส้นทางสายเหนือมันอันตราย อันที่จริงตามประสบการณ์การเดินทางของเราที่ยาวนานมากพอสมควรจนกล้าที่จะมาเขียนเรื่องราวขับรถเที่ยว เจอคำถามนี้มานักต่อนัก แต่เราก็ยังคงเดินทางโดยสวัสดิภาพมาตลอดจนเลขไมล์ใกล้ครบล้านกิโลเต็มทีแล้ว เราอยากจะถามคนเดินทางว่า เคยถามตัวเองมั้ยว่า เราขับรถเป็นแค่ไหน ประสบการณ์สะสมไมล์มาเท่าไหร่ แล้วรู้มั้ยว่าขับหน้าฝนมันต้องทำยังไง ถ้าคุณเพียงรู้ว่าขับหน้าฝนต้องช้ากว่าฤดูอื่นๆ และใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ตรวจเช็คสภาพรถก่อนเดินทาง เท่านี้ผมเชื่อว่าคุณพร้อมแล้วที่จะออกเดินทาง แต่หลายคนพอเจอฝนก็ยังขับรถเร็วเท่าเดิมนั่นแหละคือคนที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุให้เราได้เห็นข่าว

     เอาเถอะในเมื่อเราคือคนหนึ่งที่เดินทางได้ทุกฤดูกาล อย่าไปคิดถึงคนที่ยังกลัวฝนอยู่เลยเรามาดูความชิลและข้อดีของหน้าฝนที่จะแสดงออกมาให้เห็นเป็นภาพกันเลยจะดีกว่า

    เส้นทางทริปนี้ของเรายาว 5 วัน แต่ขอตัดออกเพื่อให้มันไม่ยาวยืดจนเกินไปคือส่วนของจังหวัดเชียงรายจะขอเล่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนตอนนี้เอาเฉพาะส่วนที่เราอยู่ที่เชียงใหม่ละกัน เดินทางมาถึงเมืองเชียงใหม่ไม่เช้ามากมาเรื่อยๆ ถึงสายๆ แวะกินข้าวเช้ากันก่อน หลายคนคงเคยพูดถึงเรื่องกินโจ๊กตอนเช้าเมืองเชียงใหม่เราเองก็เช่นกันโปรดปรานโจ๊กร้านนี้อยู่มากเลยละ ชื่อร้านโจ๊กศรีพิงค์ อยู่เกือบติดโจ๊กต้นพยอมนะแต่เรากินศรีพิงค์อันนี้ตามแต่อัธยาศัยขอไม่เปรียบเทียบใดๆ แล้วแต่คนชอบ ชื่อร้านเหมือนขายโจ๊กแต่ที่นี่มีเมนูอื่นๆ ให้เลือกเยอะดี ต้มเลือดหมู ข้ามต้มต่างๆ นานา ไปจนถึงเกี๊ยวน้ำ อย่างอื่นอีกที่ไม่ได้สั่งก็เยอะแต่เท่านี้ก็พุงกางแล้วนะ

    อิ่มตื้อแล้วต้องหาที่เที่ยวเริ่มจากในเมืองก่อนเอาแบบชิลๆ ขอเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนาก่อนนะ อ้าว อย่าเพิ่งคิดว่ามาเชียงใหม่พามาเที่ยวพิพิธภํณฑ์เนี่ยนะ ก็ นะ มาบ้านเค้าเมืองเค้าถ้าเราได้รู้จักเค้าให้ดียิ่งขึ้นเวลาไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ มันจะฟินและอินมากขึ้นนะเราว่า เสียเวลาไม่นานมีวิทยากรบรรยายให้ฟัง ได้ความรู้ติดตัวดีด้วย พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา มีอาคารสำคัญๆ ใกล้ๆ อย่างหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ แล้วก็หอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ ก็มีเรื่องราวต่างๆ กันให้เราดู ได้รับรางวัลกินรี หรือรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จาก ททท. ด้วย

    ในหอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ ชอบภาพประวัติศาสตร์สำคัญที่แสดงให้เราดูเยอะดี มีภาพตอนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองเชียงใหม่เป็นครั้งแรกให้เราดูด้วย

    ออกจากหอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ กะว่าจะไปหาข้าวเที่ยงกินมาแวะไหว้พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งชาวล้านนาเคารพมาก รวมถึงชาวไทยทั้งหมดก็คงจะได้เรียนเรื่องราวของ 3 พระองค์นี้มาบ้างไม่มากก็น้อย พอดีเห็นพระอาทิตย์ทรงกลดด้วย ช่างเป็นความบังเอิญที่เหมาะเจาะกับเราซะจริงๆ

    ออกมาจากลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ เดินไปหาของกินทางด้านข้างมาเจอวัดอินทขิลสะดือเมือง ชอบความงามที่ของวัดนี้มากจนหายหิวเดินถ่ายรูปอีกพักใหญ่จนเพื่อนๆ โทรตาม มื้อกลางวันของเรากินง่ายๆ ข้าวมันไก่ตรงหัวมุมถนนก่อนจะเดินกลับมาขึ้นรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่แล้วออกเดินทางกันต่อ

    สถานที่ต่อไปก็คือ วัดพระธาตุดอยคำ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา ถ้าอยู่ในเมืองเชียงใหม่บางพื้นที่จะเห็นเจดีย์สีทองๆ อยู่บนเขา ทีแรกนึกว่าพระธาตุดอยสุเทพ แต่ดูทิศทางแล้วไม่น่าจะใช่ตอนเห็นวัดนี้ครั้งแรกอยากขึ้นมามากเลยในที่สุดทริปนี้เราเลยจัดซะเลย เส้นทางขึ้นวัดพระธาตุดอยคำอะไม่ชันเท่าดอยสุเทพและเดินทางไม่นานมาก ในวัดมีพระองค์ใหญ่มากที่สำคัญคือมีพระธาตุและพระเจ้าทันใจ หรือหลวงพ่อทันใจ พระพุทธรูปองค์เล็กๆ ที่อยู่ในวิหารหลังเล็กๆ ด้านข้างของวิหารใหญ่ คนศรัทธากันเยอะมากๆ ดูจากจำนวนพวงมาลัยที่นำมาแก้บนหรือนำมาไหว้ขอพรกองเต็มเป็นแถวยาวเลยทีเดียว

    ไหว้พระเสร็จแล้วมายืนดูวิวเมืองเชียงใหม่กันบ้าง ด้านนี้มีบันไดสำหรับเดินขึ้นเดินลง ถ้าใครสนใจอยากลองเดินก็เชิญมาด้านนี้เลย ส่วนเราแก่แล้วขอขับรถขึ้นมาแหละดีแล้ว

    เวลายังเหลือๆ สำหรับวันแรกของทริป ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชื่อ บ้านไร่กองขิง เค้าเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้เราได้เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตซึ่งไม่ธรรมดา เพราะชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านรักสุขภาพ เล่าด้วยตัวหนังสือเข้าใจยากค่อยๆ ดูภาพไปด้วยบรรยายไปด้วยดีกว่า

    อาหารการกินของชาวบ้านไร่กองขิง การจะเป็นหมู่บ้านรักสุขภาพได้นั้นของกินและอาหารนี่แหละหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะบอกได้ว่ารักสุขภาพแค่ไหน ชาวบ้านไร่กองขิงกินอยู่กับธรรมชาติ อาหารส่วนมากปรุงขึ้นมาจากของที่หาได้และปลูกเองตามบ้าน ไข่เจียวของที่นี่เรียกว่าไข่ป๊าม ใช้การเจียวบนใบตองวางบนเตาเหมือนย่างพอไข่สุกก็จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบตอง แค่นี้ก็ไม่ต้องใช้น้ำมันแล้ว มันเจ๋งดีนะ เมนูหน้าตาเหมือนผัดไทที่นี่เรียกว่าคั่วหมี่ เป็นการเอาเส้นขนมจีนมาทำผัดไทแต่ปรุงรสให้เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านไม่เหมือนผัดไทซะทีเดียว เส้นขนมจีนไม่เหมือนเส้นผัดไทมันเลยกรุบๆ นิ่มๆ แปลกๆ อร่อยดี 

    ชาวบ้านไร่กองขิงยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ที่นี่มีหลากหลายกิจกรรมให้เราทำ มีโฮมสเตย์บริการ หลังละไม่ถึง 1000 มีอาหารการกินแบบขันโตกรอต้อนรับ มีเสื้อผ้าทอมือผลงานของหมู่บ้านให้เลือกซื้อ มีกิจกรรมปั่นจักรยานรอบหมู่บ้านชมธรรมชาติ และที่เราชอบสุดคือการปั่นจักรยานเข้าสวนลำใย ในสวนลำใยมีโฮมสเตย์ด้วยหลังละ 600 ถ้ามาในช่วงที่มีลำใยก็เด็ดกินได้ด้วย เจ้าของสวนใจดีมากกกกก นอกจากนั้นก็ยังมีห้องฟิตเนส ห้องสปา ซาวน่า ห้องฟิตเนสและสปาใช้งบประมาณส่วนหนึ่งจากกองทุนหมู่บ้าน มันแสดงให้เห็นว่าบาวบ้านที่นี่พร้อมใจกันสร้างด้วยความรักสุขภาพของคนในหมู่บ้านนั่นเอง

    นวดย่ำขาง อีกหนึ่งบริการที่ต้องอึ้ง ทึ่ง เสียว ก็คือการนวด บ้านไร่กองขิงสืบทอดภูมิปัญญาในการนวดย่ำขาง เป็นการนวดด้วยการถ่ายเทความร้อน จากแผ่นเหล็กที่วางอยู่บนเตามาที่ตัวของคนที่จะนวดด้วยฝ่าเท้า (นี่เรียกว่านวดด้วยฝ่าเท้าของแท้และดั้งเดิมเลยนะ) การนวดแบบนี้เป็นการนวดเพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายเป็นหลัก

    สำหรับการนวดย่ำขางมีมานานมากแล้วแต่ปัจจุบันค่อนข้างพบเห็นน้อย และมีไม่กี่หมู่บ้านที่ยังคงสืบสานภูมิปัญญาความรู้นี้อยู่ ถ้าสนใจจะดูภาพเคลื่อนไหวคลิก คลิปนวดย่ำขาง

    นอกเหนือจากกิจกรรมปั่นจักรยานรอบหมู่บ้านเข้าสวนลำใยแล้วก็ยังมีเส้นทางปั่นไปชมธรรมชาติ เส้นทางร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวขจีสองข้างทาง ปั่นไปได้เรื่อยๆ จนจะถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีถึงได้รู้ว่าอ้าวชุมชนวิถีชีวิตเรียบง่ายแบบนี้อยู่ไม่ได้ไกลไปจากความเจริญของเมืองเชียงใหม่เลยนี่...

    จบการเดินทางวันแรกของเราไปเที่ยวตะลอนๆ มาหลายต่อหลายที่ เราขอปิดท้ายสบายๆ ด้วยอาหารแสนอร่อยบรรยากาศดีดนตรีไพเราะ เดอะกู๊ดวิวเชียงใหม่ The Good View Chiang Mai นั่นเอง จัดหนักด้วยเมนูหนักๆ ตามใจปาก (ถือว่าไปบ้านไร่กองขิงเราได้เบิร์นแล้ว อิอิ) ก็สั่งๆ กันไปเรื่อยไม่เน้นว่าจะต้องเป็นเมนูอาหารที่เข้ากัน ดูสิเราสั่งแต่ละอย่างห่างกันสุดขั่ว เน้นจี๊ดๆ ฟังเพลงไปเรื่อยๆ พอสมควรแก่เวลาเราก็เดินทางเข้าที่พัก

    เฮ้อจบทริปในวันแรก เราก็เดินทางเข้าห้องพักที่คันทารี่ฮิลส์เชียงใหม่ โรงแรมใจกลางเมืองที่มีความหรูหราพอประมาณสำหรับราคาช่วงกลางๆ ไม่แพงมากและไม่ถูกมาก ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะชอบที่ในห้องพักมีโต๊ะให้เราได้นั่งเล่นพักผ่อนหรือทำงาน โดยเฉพาะการทำงานนี่แหละที่ชอบมาก ถ้าโรงแรมไหนไม่มีโต๊ะให้เรานั่งทำงานเรามาทำบนเตียงเดี๋ยวก็หลับ งานของเราก็คือการเอารูปออกจากกล้องมาใส่คอมแล้วย่อแล้วก็มาเล่าเรื่องนี่ไงละ ^^ อีกประการหนึ่งคือ โรงแรมนี้มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ทำให้เราออกกำลังกายได้ทุกส่วนโดยมีโอกาสบาดเจ็บจากการออกกำลังกายชนิดนี้น้อยกว่าทำอย่างอื่น เพราะเราอ้วนถ้าวิ่งข้อเท้าจะเคล็ดอยู่บ่อยๆ อีกประการหนึ่งก็คือจำนวนปลั๊กไฟต้องเอาใจ Gen Y เรามีอุปกรณ์เยอะ มือถือ 2 เครื่อง กล้องอีกโนตบุคอีกต้องมีปลั๊กเพียงพอสำหรับเราไม่งั้นจะลำบาก แถม wifi ด้วยก็ดีเข้าไปใหญ่ จริงป่ะ

    เช้าอีกวันของการเดินทางเที่ยวเชียงใหม่ เราตื่นสายๆ ค่อยๆ ออกเดินทางหลังจากที่พ้นชั่วโมงเร่งด่วนไปแล้ว การมาเที่ยววันธรรมดามีข้อดีหลายอย่างแต่ถ้าเลือกนอนในเมืองเหมือนเราแล้วเรื่องชั่วโมงเร่งด่วนนี่ต้องจำไว้เลยว่าต้องเลี่ยงไม่งั้นความชิลในการมาเที่ยวในวันธรรมดาของเราจะหายไปเยอะเลยทีเดียว เราค่อยๆ ขับรถไปอำเภอจอมทองซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลและถนนเปียกๆ จากความชื้นและฝนที่ตกก่อนที่เราจะมายิ่งทำให้เราต้องไปอย่างช้าๆ แต่ก็ทำให้เราได้ชมวิวสองข้างทางไปได้นานขึ้น จากอำเภอจอมทองคงไม่ต้องบอกว่าจะไปไหนต่อแน่นอนว่าต้องไปดอยอินทนนท์แน่นอน ถึงบ้านแม่กลางหลวงแวะถ่ายรูปนาขั้นบันไดซะหน่อยตอนนี้เริ่มปักกล้าเขียวอ่อนทั่วท้องทุ่งตัดกับสายหมอกสีขาวๆ ที่ลอยอยู่บนเขา วิวแบบนี้ฟินมากใครก็คงคิดเหมือนกัน มันจะเกิดขึ้นเฉพาะในหน้าฝนนี้เท่านั้นด้วยแหละ

    จากบ้านแม่กลางหลวงเดินทางถึงที่ทำการอุทยานฯ จะว่าไปก็ใกล้เที่ยงละเลยกินข้าวที่ร้านสวัสดิการที่มีอยู่หลายร้านเรียงราย คนที่คิดเหมือนเราก็มีไม่น้อยนะขนาดวันธรรมดาหน้าฝนแท้ๆ ก็มีคนมานั่งกินข้าวอยู่หลายโต๊ะ แล้วก็กำลังจะขึ้นไปบนยอดดอยเหมือนพวกเราด้วย อิ่มหนำสำราญดีแล้วเราก็เดินทางขึ้นยอดดอยพอถึงยอดดอยจะเดินเข้าไปเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาหลวงฝนกลับตกลงมาซะงั้นหนักซะด้วย เราไม่เข้าไปในเส้นทางอ่างกาหลวงแต่ขับไปดูอุณหภูมิที่ขึ้นป้ายอยู่ตรงนั้นแทนเพิ่งรู้ว่าบนนี้อุณหภูมิ 13 องศา เย็นดีจังนึกว่าหน้าฝนอากาศจะไม่เย็นขนาดนี้แต่ก็ได้ถึงกับหนาวจนตัวสั่นมันสบายๆ บอกไม่ถูกเรารอให้ฝนเบาลงหน่อยก็ขับไปที่พระมหาธาตุเจดีย์คู่ที่อยู่บนดอยอินทนนท์อันเป็นพระมหาธาตุที่สร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระมหาธาตุทั้งสองมีความสูงเท่ากันเปรียบเสมือนสองพระองค์ที่เป็นคู่พระบารมีปกเกล้าชาวสยาม หมอกสีขาวลอยไปทั่วจนบางช่วงเรามองไม่เห็นองค์พระธาตุเลย แต่บางช่วงเราก็ได้เห็นองค์พระธาตุชัดเจนบนฉากสีขาว คนมาเที่ยวที่นี่มีทั้งฝรั่งทั้งคนไทยถึงจะไม่มากเท่าไหร่แต่ก็ทำให้เราแปลกใจได้เหมือนกัน วันธรรมดาหน้าฝนบนดอยอินทนนท์ที่ไม่น่าจะมีใครกลับมีทั้งรถตู้รถสองแถวจอดเกือบเต็มลาน เราค่อยๆ ขึ้นไปชมความสวยงามและไหว้พระพุทธรูปภายในพระมหาธาตุทั้งสององค์ เดินชมดอกไม้รอบๆ สวนแล้วค่อยเดินทางกันต่อไปเวลาแห่งความฟินนี่ผ่านไปแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่านี่จะบ่ายสามโมงอยู่แล้ว

    สถานีต่อไปของเราคือโครงการหลวงอินทนนท์ ตอนเปิดงานราชพฤกษ์เรามาที่นี่ครั้งหนึ่งได้รู้ว่าโครงการนี้เป็นส่วนสำคัญในการเพาะต้นดอกไม้ต่างๆ ที่แสดงอยู่ในงาน แต่คราวนี้เรามาสำรวจลึกกว่าเดิม เราได้เดินชมทั่วโครงการหลวงถึงได้รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่น่ามาเที่ยวมากๆ อีกแห่งหนึ่งที่หลายๆ คนไม่ค่อยรู้จัก ในโครงการหลวงมีสระน้ำขนาดใหญ่ ปลูกดอกไม้มากมายหลายสีเต็มสวนกว้างให้เราได้เดินถ่ายรูปแบบฟินเวอร์ไปได้ตลอดทาง ในสระก็มีหงส์อยู่หลายตัวบรรยากาศไม่ได้ต่างจากปางอุ๋งสักเท่าไหร่เลย โดยเฉพาะเมื่อมีบ้านให้เราได้พักด้วยแล้วการมาพักที่นี่อยู่ที่นี่ทั้งวันถือว่าไม่น่าเบื่อเลยลองมาเดินเล่นดูสักรอบเราเชื่อว่าทุกคนต้องชอบที่นี่แน่ๆ ที่นี่มีดอกไม้ให้เราได้ชมตลอดปี ไม่ว่าที่อื่นๆ จะไม่มีดอกไม้แล้วก็ตามที่โครงการหลวงอินทนนท์ยังมีให้เราเที่ยวอยู่เสมอ บ้านพักขนาด 3 ห้องนอน กลางสวนดอกไม้เป็นอะไรที่ยากจะปฏิเสธในช่วงหน้าฝนราคาเย้ายวนใจเลยทีเดียว เกือบชั่วโมงที่เดินเที่ยวถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เวลาของเราก็หมดลงเราเดินทางกลับที่พักคันทารี่ฮิลส์ในเมืองเชียงใหม่

    ถึงตัวเมืองเชียงใหม่ก่อนเข้าที่พักต้องจัดการมื้อเย็นของเราซะก่อน วันนี้เราเลือกกินข้าวต้ม กับข้าวร้อนๆ เพื่อที่จะคืนความอบอุ่นให้ร่างกายของเราหลังจากที่ไปผจญอุณหภูมิ 13 องศากลางสายหมอกมานานหลายชั่วโมง ร้านที่เราเลือกก็คือข้าวต้มย้ง เป็นร้านข้าวต้มที่คนมากินเยอะมากถึงกับยืนรอคิวที่จะได้โต๊ะว่างกันเป็นแถวยาวหน้าร้าน เคยเห็นแต่ในห้างไม่นึกว่าร้านอาหารทั่วไปก็มีการรอคิวแบบนี้ด้วยเหมือนกัน โชคดีที่เรารอไม่นานก็ได้โต๊ะเลยสั่งกันแบบจัดเต็ม 6 คนกินเป็น 10 อย่าง อาหารที่อร่อยราคาไม่แพง กระเพาะปลาน้ำแดงประทับใจมากเพราะมีแต่กระเพาะปลาเต็มชามไม่ใส่หน่อไม้ เด็กที่ยกมาเสิรฟบอกว่าใส่หน่อไม้มันเหมือนได้เยอะแต่ที่นี่ให้กระเพาะปลาล้วนเต็มชามเหมือนกันราคาแค่ 50 บาทเองด้วย ส่วนเมนูอื่นๆ ก็รสชาติไม่เลวเป็นมื้อที่อิ่มอร่อยประทับใจไปอีกมื้อ ที่อยากจะเน้นแนะนำให้ลองสั่งมาชิมคือซุปเปอร์ซี่โครง อันนี้น้ำแซ่บกระดูกอ่อนกรุบๆ อร่อยอย่าบอกใคร

 

  กลับเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน ทริปง่ายๆ หน้าฝนของเราผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ก็เต็มไปด้วยความประทับใจตลอดทั้งทริป เช้าอีกวันหนึ่งแล้วเก็บข้าวของใส่กระเป๋าแบบไม่เร่งรีบกินข้าวเช้าให้อร่อยๆ อิ่มเต็มที่จากห้องอาหารของคันทารี แล้วก็ออกเดินทางมุ่งหน้าจังหวัดเชียงรายต่อไป เรามีเรื่องราวอีกมากมายหลายอย่างที่เชียงรายเพราะเราไปแต่สถานที่จี๊ดๆ ทั้งนั้น แต่ขอแบ่งเล่าเป็นอีกทริปเพราะดูเหมือนหน้านี้จะยาวมากแล้ว เลยขอจบทริปเที่ยวเชียงใหม่สไตล์ชิลเอาท์เอาไว้แค่ตรงนี้ บ่อน้ำร้อนแม่ขะจาน จุดพักรถของเส้นทางระหว่างเชียงใหม่-เชียงรายที่น้อยคนจะไม่แวะ อย่างน้อยเราก็มาพักรถหาของกินเล่นยืดเส้นยืดสาย เอาไข่ใส่ลงในบ่อน้ำร้อนสุกแล้วก็มาปอกกินกันก่อนที่จะเดินทางกันต่อ ถ้าอยากรู้ว่าเราไปไหนบ้างในเชียงรายต้องติดตามทริปต่อไปให้ได้นะ....

    ขอขอบคุณโครงการ Chill Out Thailand 2 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงใหม่ มา ณ โอกาสนี้ครับ

จำนวนผู้ชม 3033 คะแนน 5  ให้กำลังใจคนเขียนทริปนี้ คลิก...>>
กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

แผนที่ขับรถเที่ยว เชียงใหม่ สไตล์ชิลเอาท์หน้าฝน ประสาคนชอบเที่ยว

Line id: @touronthai (ใส่ @)
www.touronthai.com