เขื่อนกระเสียว เที่ยวหน้าแล้งซะดีมั้ย

 

    ขับรถเที่ยวหน้านี้จะไปไหนดีน้า ถ้ามีเวลา 2 วัน 1 คืน ดูๆ แล้วอากาศก็แปลกๆ จะมีฝนหรือไม่มีฝนคาดเดาลำบากนะ ปีนี้แล้งยาวด้วยกลางกรกฎาคมแล้วยังไม่ค่อยมีฝนตกเท่าไหร่เลย วันหยุดยาวก็ยังไม่มีเราเลยมีเส้นทางขับรถเที่ยวสั้นๆ กับวันเบาๆ มาฝาก แค่สุพรรณบุรีนี่เองขับเรื่อยๆ ประมาณ 3 ชั่วโมงถึงตัวเมืองสุพรรณบุรี ท้องชักเริ่มร้อง เลยต้องแวะไปที่ศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี อ้าว งงละสิ หิวแล้วทำไมมาศาลากลางจังหวัดซะละ ก็เพราะว่าเราจะไปกินก๋วยเตี๋ยวอร่อยสูตรเด็ดที่ด้านข้างศาลากลางจังหวัดสุพรรณ นั่นก็คือ ร้านก๋วยเตี๋ยวโต๊ะเต็ม ซอยจวนผู้ว่าฯ ร้านนี้ขอบอกเลยว่าต้องลอง ทั้งก๋วยเตี๋ยวและไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวมีให้เลือกกันเยอะ สปาเก็ตตี้ ข้าวผัด ผัดกะเพรา เกาเหลา ก๋วยเตี๋ยวเค้ามีทั้งน้ำตก หมูตุ๋น ต้มย้ำกุ้งน้ำข้น เครื่องดื่มก็แจ่ม มิน่าข้าราชการในศาลากลางก็เลยเป็นขาประจำกันซะทุกคน

    จากนั้นเดินทางต่อไปที่อำเภอด่านช้าง มุ่งหน้าไปที่เขื่อนกระเสียว ถ้าไม่รีบแวะเที่ยวเมืองสุพรรณก่อนก็ดีที่เที่ยวในเมืองมีเยอะแล้วแต่ว่าอยากเที่ยวแบบไหน แต่ถ้าถามเรานะเราชอบไปที่นี่มากที่สุดเพราะไปที่เดียวเหมือนได้อยู่เมืองจีนเลย หมู่บ้านมังกรสวรรค์ลี่เจียง ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณ และพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร เดินช้อปชิลๆ ถ่ายเซลฟีสวยๆ แล้วค่อยไปต่อก็ยังได้ อำเภอด่านช้างอยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณฯ ประมาณ 105 กิโลเมตร ขับไปไม่เร่งรีบก็สักชั่วโมงครึ่ง

 

   มาถึงที่ด่านช้างช่วงบ่าย เข้าไปเช็คอินที่พักโรงแรมศรีสุพรรณ เพราะเป็นโรงแรมที่ดูดีที่สุดในย่านนี้ ห่างจากเขื่อนกระเสียวแค่ 4 กิโลเมตรเอง โรงแรมสะอาดสะอ้านน่าพัก ห้องพักกว้างเครื่องอำนวยความสะดวกครบ

    นอนเล่นให้หายเหนื่อยจากการขับรถ พอใกล้ช่วงเย็นๆ ขับรถไปที่ท้ายเขื่อนกระเสียวก่อน ไปทางสันเขื่อนขับข้ามเขื่อนไปทะลุออกอีกด้าน แล้วขับเข้าไปตามถนนตั้ง GPS ในมือถือให้ไปวัดหนองพลับเจริญธรรม ก็ได้ แล้วจะมีทางลงไปท้ายเขื่อนกระเสียว มีหาดทรายสำหรับลงเล่นน้ำ มีร้านค้าเปิดขายของกิน 127 ร้าน ยาวเหยียดเป็นกิโลเหมือนอยู่ที่ชะอำหรือว่าบางแสนยังไงยังงั้นเลย เดินถ่ายรูปชิลๆ ถ้าอยากลงเล่นน้ำก็ได้น้ำที่นี่ใสพื้นเป็นทราย กระแสท่องเที่ยวของที่นี่กำลังมาแรง คนมาเที่ยวหลายพันคนต่อวัน ผลัดกันเข้าผลัดกันออกอย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดเป็นถนนลูกรังคนก็ยังมาเที่ยวกันขนาดนี้ เล่นน้ำกันสนุกสนานลมเย็นๆ พัดผ่าน มุมถ่ายรูปเยอะดีด้วย ตอนนี้กำลังคิดกันอยู่ว่าจะเรียกหาดกระเสียวหรือหาดด่านช้างดี

    เล่นน้ำเดินหาของกินไปเรื่อยๆ หรือจะหามุมถ่ายรูปกับทุ่งหญ้าสีเขียว ฉากหลังเป็นภูเขาก็เข้าท่าไปหมด แถมยังมีเรือยกยอ ที่เป็น Unseen หาดูได้ที่เขื่อนกระเสียวที่เดียว ที่อื่นถึงจะมีก็คงจะน้อย 

    แสงยามเย็นสาดส่องลงมาวันนี้ฟ้าสวยมาก แต่อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะลับหายไป ชาวบ้านก็ยังคงทยอยเข้ามาเที่ยวหาดกระเสียวอย่างต่อเนื่อง หลายคนเลือกมาตอนเย็นๆ เพราะเล่นน้ำแล้วแดดไม่ร้อน พอพระอาทิตย์จะตกจริงๆ แล้วเราก็ขับรถย้อนกลับทางเก่าไปสันเขื่อนกระเสียว แต่บอกก่อนว่าถ้าจะไปสันเขื่อนตอนเย็นต้องรีบหน่อยเพราะประตูจะปิดช่วง 6 โมงครึ่ง ใกล้ๆ พระอาทิตย์ตก พอไปถึงสันเขื่อนแทบไม่ต้องทำอะไร พระอาทิตย์จะตกอยู่รอมร่อแล้ว ต้องคว้ากล้องออกมาเก็บภาพสวยๆ นี้เอาไว้อย่างเร็ว

    ฮ้าาาาา สดชื่นสุดยอด สูดหายใจเข้าให้เต็มปอด ชีวิตช่วงการพักผ่อนในสถานที่สวยๆ แบบนี้มันดีจริงๆ เราอยู่ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกจนลับขอบฟ้าแล้วก็เดินทางกลับที่พัก สำหรับอาหารมื้อเย็นของวันนี้เรายกให้เป็นหน้าที่ของร้านสวัสดิการเขื่อนกระเสียว Coffee 47 กันไปเลย

    อิ่มหนำสำราญแล้วก็กลับโรงแรมเข้านอนพักผ่อนกายา เช้าวันต่อมา ออกเดินทางไปยังท้ายเขื่อนกระเสียวอีกรอบ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ขับรถจากโรงแรมไปที่หาดกระเสียวผ่านสันเขื่อนเหมือนเมื่อวาน ทำไมเราต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็เพราะว่าอยากจะเห็นการยกยอของชาวบ้านที่ใช้ยอติดบนเรือ ถือว่าเป็นของแปลกเพิ่งเคยมาเจอที่นี่เป็นที่แรก ของแปลกๆ แบบนี้ก็ต้องดูๆ เอาไว้เพราะหายาก แต่การที่จะออกเรือไปดูเค้ายกยอกันนี่ไม่ใช่ว่ามาแล้วก็ไปได้ เพราะตอนนี้ระบบของการท่องเที่ยวยังไม่ได้มีบริการนั่งเรือเที่ยวขนาดนั้นแต่ต่อไปก็ไม่แน่ถ้ามีคนอยากจะเห็นกันเยอะๆ ก็คงมีคนเอาเรือมารับจ้างพาไปดู เราติดต่อกับ ททท. สุพรรณ กับอาจารย์วิเชียร กัณหรัตนชัย ผู้ที่ผลักดันหาดกระเสียวให้เป็นที่รู้จักอย่างทุกวันนี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม ถ้าสนใจจริงๆ ลองโทรไปปรึกษาอาจารย์ได้ที่เบอร์ 081 7366311 

    มาถึง 8 โมงกว่าๆ ชาวบ้านกำลังเตรียมเรือยกยอ ก็แค่กางคันยอออกผูกตาข่ายเข้าไป 4 มุม ใช้เวลาแป๊บเดียวเรือก็พร้อมที่จะออกไปหาปลาได้แล้ว อุปกรณ์แบบนี้ชาวบ้านซื้อมาจากคนพิจิตร เค้าทำสำเร็จรูปมาขายเป็นชุด ติดเข้าไปกับเรือแค่นั้นเอง สามารถหาปลาได้เป็นสิบๆ ปี การยกยอเห็นมาเยอะ ทั้งริมคลอง และกลางทะเลสาบ แต่ทุกที่ยอเป็นแบบอยู่กับที่ มีแต่ที่เขื่อนกระเสียวที่ยอสามารถย้ายที่ไปได้เรื่อยๆ เพราะอยู่บนเรือ ยกตรงไหนปลาไม่ติดก็ลองย้ายไปยกที่อื่นต่อ วันไหนปลาติดดีก็ได้มากถึง 30 กิโลกรัม วันไหนไม่ได้ปลาก็ไม่ได้เลย แต่ก็ยังเป็นอาชีพที่ดีสำหรับชาวบ้านรอบเขื่อนกระเสียวเพราะลงทุนน้อย

    หลังจากที่ถ่ายรูปและเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านตามสไตล์เที่ยววิถีไทย กันไปได้พอสมควร เราก็กลับขึ้นฝั่ง เดินทางกันต่อไป สถานที่ต่อไปที่จะแนะนำเวลามาเที่ยวด่านช้างและเขื่อนกระเสียวก็คือ วัดหนองยาว ที่นี่มีพระพุทธรูปหยกขาว และเจ้าแม่ตะเคียนทอง ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านส่วนใหญ่มากราบไหว้ขอลูก จะมักจะได้ดังใจ ส่วนเจ้าแม่ตะเคียนทอง เด่นดังเรื่องโชคลาภ หลายคนมาไหว้กลับไปถูกหวยก็มาแก้บนกัน ในปีที่ผ่านมาขบวนผ้าป่าเข้ามาวัดหนองยาวรถติดยาวเหยียดไปจนถึงฝายเลย

    นอกเหนือจากนั้นแล้วหลวงพ่อวัดหนองยาว ยังมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านการทำนาย ดูดวงชะตา วันๆ มีชาวบ้านแห่มาขอดูดวงต่อคิวยาวเลยละ

    เท่านั้น ยังไม่พอ มาถึงด่านช้างทั้งทีจะเที่ยวแค่นี้ยังไม่คุ้ม ต้องไปต่ออีกสักที่ สำรวจมาเจอวัดนี้เข้า ชื่อวัดเขาตะเภาทอง เป็นวัดที่เพิ่งยกระดับขึ้นมาจากสำนักปฏิบัติธรรมเขาตะเภาทอง เมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้กำลังสร้างโบสถ์ทรงจตุรมุข ทำเลของวัดอยู่เชิงเขามีวิวสวยๆ เหมาะสำหรับการปลีกวิเวกทำจิตใจให้สงบห่างไกลผู้คน หน้าวัดสร้างพระองค์ใหญ่มาก 3 องค์เด่นตระหง่าน น่าแวะเข้าไปกราบพระทำบุญร่วมสร้างโบสถ์เพื่อความเป็นสิริมงคล แล้วค่อยเดินทางกลับบ้าน จบทริปดีๆ วันหยุดโดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนจนเมืองไทยประสบภัยแล้งกันหลายพื้นที่ แต่ที่นี่ยังมีน้ำมีหาดทรายให้มาคลายร้อน ที่ไหนจะน่าเที่ยวเท่าที่ที่มีน้ำในช่วงที่น้ำขาด จริงมั้ยละ

    พบกันใหม่ทริปหน้าของทัวร์ออนไทย กันได้จ้า อย่าลืมแวะเข้ามาอัพเดตกันนะจ๊ะ

จำนวนผู้ชม 3418 คะแนน 16  ให้กำลังใจคนเขียนทริปนี้ คลิก...>>