เวียนเทียนกลางน้ำกว๊านพะเยา แห่งเดียวในโลก

 เวียนเทียนกลางน้ำกว๊านพะเยา เป็นประเพณีเวียนเทียนที่ไม่เหมือนใครมีความเป็นเอกลักษณ์เพียงแห่งเดียวที่ทำพิธีกลางน้ำ ท่าเรือกว๊านพะเยาหรือวัดติโลกอาราม พิธีการเวียนเทียนกลางน้ำนี้กลายเป็นที่สนใจของพุทธศาสนิกชนจากทุกสารทิศที่พยายามเดินทางไปที่พะเยา ปีละ 3 ครั้ง คือในวัด มาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา ทัวร์ออนไทยดอทคอมก็ได้เดินทางไปเก็บข้อมูลการเวียนเทียนที่พิเศษมีเพียงแห่งเดียวนี้ถึงพะเยาได้ภาพสถานที่ท่องเที่ยวมาคุ้มจุใจตามสไตล์ทัวร์ออนเหมือนเดิม ดังนี้ครับ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เวียนเทียนกลางน้ำกว๊านพะเยา กว๊านพะเยา วัดศรีโคมคำ หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดอนาลโยทิพยาราม อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง ภาพวิถีชีวิตข้างทาง ชาวบ้านลงแขกถอนหอมหัวแดง วัดจองคำลำปาง ครัวบ้านสวน ร้านอาหารแนะนำประจำทริปเวียนเทียนกลางน้ำ

เส้นทางท่องเที่ยวของเราจัดแบบเรียบง่ายให้ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้พอเหมาะกับเวลาที่มี เพราะคนส่วนใหญ่จะหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ และอาจมีการหยุดวันพระใหญ่ 3 วันนี้เพิ่มให้ ก็จะมีเวลา 3 วัน ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนเย็นไปค้างที่บ้านทีมงานที่พิจิตร จากนั้นเดินทางต่อไปที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ใช้เวลาในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยประมาณ 3 ชั่วโมง ออกเดินทางจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ประมาณเที่ยง (ภาพอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยมีภาพที่ไปเก็บตอนเย็นจากทริปก่อนๆ ด้วยครับสวยมาก)

ถึงกว๊านพะเยาเกือบ 6 โมงเย็น ปรากฎว่าเรือที่เข้าพิธีเวียนเทียนกลางน้ำหมดไปแล้ว และเพิ่งได้ข้อมูลมาว่าการเวียนเทียนกลางน้ำด้วยเรือนั้นจัดให้เพียงรอบเดียว เริ่มพิธีประมาณ 6 โมงเย็น แต่ต้องไปถึงก่อนเวลาประมาณชั่วโมงครึ่งถึงจะมีโอกาสได้บัตรสำหรับเรือร่วมพิธี แต่การเวียนเทียนบนเกาะกลางน้ำจะยังมีไปเรื่อยๆ จนถึงเวลา 4 ทุ่ม ก็เป็นอันว่าเรารอรอบต่อไป แล้วเอาเวลาที่พอมีอยู่ไปเก็บภาพพระอาทิตย์ตกที่ริมกว๊านพะเยาบริเวณสวนสาธารณะ (จากข้อมูลที่มีอยู่พระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของกว๊านพะเยาต้องไปที่วัดศีโคมคำ แต่ไปไม่ทันเพราะพระอาทิตย์เคลื่อนลงอย่างรวดเร็วเลยไปที่สวนสาธารณะซึ่งห่างจากท่าเรือกว๊านพะเยาประมาณ 2-3 กิโลเมตร)

เก็บภาพการเวียนเทียนบนเกาะกลางน้ำวัดติโลกอารามเสร็จก็หาที่พักในเมืองพะเยา รุ่งเช้าออกเดินทางไป วัดศรีโคมคำ หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดอนาลโยทิพยาราม แต่ละแห่งล้วนใช้เวลามากทั้งนั้น เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะอาณาบริเวณวัดอนาลโยทิพยารามนั้น กว้างใหญ่มาก รวมทั้งหมดใช้เวลาจนถึงบ่าย 2 โมง กินข้าวเที่ยงแล้วเดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูนาง

ถึงอุทยานแห่งชาติดอยภูนางเก็บภาพรอบๆ รวมทั้งน้ำตกธารสวรรค์ ใช้เวลาที่นั่นอีก 1 คืน หาอาหารกินในหมู่บ้านแบบง่ายๆ เพราะรอบๆ อุทยานแห่งชาติดอยภูนางไม่มีร้านอาหารหรูๆ หรือร้านสะดวกซื้อ รอเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ที่ดอยภูนางแต่ปรากฎว่าพระอาทิตย์ขึ้นไม่ตรงทิศตามปกติ เพราะจุดชมวิวของอุทยานแห่งชาติดอยภูนางเป็นป่ามีต้นไม้ล้อมรอบเจ้าหน้าที่เปิดป่าให้เห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือให้พอดีกับทิศที่พระอาทิตย์ขึ้นในฤดูหนาวในวันที่เราเดินทางเป็นช่วงฤดูร้อนจึงพลาดวิวนี้ไป แต่ระหว่างการเดินทางจากกว๊านพะเยาไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูนางนี้เห็นชาวบ้านจำนวนหนึ่งมารวมตัวอยู่กลางทุ่ง เลยเกิดความสงสัยจนอดไม่ไหวลงไปถามดูซักหน่อยปรากฎว่าเป็นการลงแขกถอนหอมหัวแดง เป็นภาพวิถีชีวิตที่แปลกดีเลยเอามาแบ่งกันดูเป็นความรู้รอบตัว นึกว่าการลงแขกมีแต่ในการทำนาเท่านั้นเสียอีก

หลังจากอาหารเช้าในหมู่บ้านก็ออกเดินทางกลับ ระหว่างทางเห็นวัดจองคำจังหวัดลำปางอยู่ติดถนนพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 ลำปาง-ตาก ซึ่งปกติเวลาเดินทางเที่ยวสายเหนือเห็นวัดจองคำนี้ทีไรเป็นอยากแวะทุกที แต่เวลาไม่ลงตัว สำหรับทริปนี้เวลาในการเดินทางกลับไม่เร่งรัดมากนักเลยได้เข้าไปเก็บภาพรอบๆวัด จากนั้นก็เดินทางต่อระหว่างทางเกิดหิวขึ้นมาก็เลยหาร้านอาหารริมทางทีแรกก็คิดว่ากินแก้หิวให้ถึงกรุงเทพฯ ก็พอ แต่พอได้ชิมอาหารร้านนี้แล้วประกอบกับการพิจารณาด้านราคา ร้านครัวบ้านสวนเข้าเกณฑ์ทัวร์ออนคอนเฟิร์ม บริการโดนใจไปมาจริงของเรา เพราะรสอร่อย อาหารสด ราคาไม่แพง จึงได้เอามาเป็นร้านอาหารแนะนำประจำเส้นทางทริปนี้ไปด้วยครับ

จำนวนผู้ชม 5111 คะแนน 631  ให้กำลังใจคนเขียนทริปนี้ คลิก...>>