ข้อมูลเพิ่มเติม:044-365888
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ถึงแล้ว Palio การเดินทางมายัง Palio อันที่จริงหากยังมีที่ว่างริมทางหาที่จอดได้ก็จอดด้านหน้าที่ถนนธนะรัชต์จะได้ถ่ายรูปหมู่อาคารแถบหน้าของ Palio ได้แบบชัดๆ แต่เมื่อทำแบบนั้นไม่ได้ไม่ว่าจะกรณีมีนักท่องเที่ยวมากจนไม่มีที่ว่างจะจอดหรือว่าเป็นเขตห้ามจอดก็ตามก็เป็นอันว่าต้องขับรถเข้ามาที่ลานจอดรถด้านในของ Palio ซึ่งต้องเสียค่าจอดรถคันละ 20 บาท หากมากันหลายๆ คนจะให้คนลงก่อนด้านหน้าก็ได้แล้วขับรถเข้ามาจอดแล้วเดินเข้าด้านหลัง Palio มีอาคารมากมายเพราะคอนเซปต์ที่อยากจะสร้างให้เหมือนเมืองมากกว่าจะเป็นกลุ่มอาคารเล็กๆ เหมือนที่เคยสร้างที่ Primo Posto ที่ลานจอดรถเองก็มีอาคารลักษณะเดียวกันอยู่เป็นแถวยาวที่ยังไม่ได้เปิดขายอะไรมากนัก (ภาพบนซ้าย) มองจากลานจอดรถจะเห็นเมือง Palio โดยมีฉากหลังเป็นเขาเล็กๆ ดูสวยงามได้บรรยากาศ (ภาพบนขวา) สองภาพล่างเป็นบริเวณทางเข้าจากด้านหลังหรือลานจอดรถเมื่อเข้าประตูหลังแล้วจะโดนสะกดอยู่ที่จุดนี้เป็นเวลานานด้วยกันทั้งนั้น จุดเด่นบริเวณนี้ได้แก่หนุ่มน้อยบนจักรยานตั้งอยู่กลางน้ำพุ หน้าอาคารสไตล์ แคว้นทัสคานีของอิตาลี เป็นจุดที่จะได้เห็นนักท่องเที่ยวรวมทั้งเราด้วยถ่ายรูปอยู่หลายมุมแล้วแต่จะหากันให้ตรงกับความต้องการ เท่าที่เห็นเฉลี่ยแล้วกลุ่มละ 5-10 นาทีเห็นจะได้กว่าจะได้เดินต่อไปยังส่วนอื่นๆ ด้านในเมืองเล็กๆ แห่งนี้
จุดเด่น Palio ตรงประตูหลัง รูปหนุ่มน้อยปั่นจักรยานตั้งอยู่กลางน้ำพุแหงนหน้ามองท้องฟ้ายิ้มร่าอย่างแจ่มใสนี่เองที่ทำให้หลายคนต้องถ่ายรูปกันไปหลายนาทีคนละหลายๆ รูป ส่วนภาพขวาเป็นอาคารอีกหลังหนึ่งที่มีชั้นบนเชื่อมต่อกันตรงนี้เป็นทางเดินเข้าไปในเมืองได้เลย แต่สำหรับผมจะเดินเลียบออกไปด้านนอกก่อนแล้วค่อยวกเข้ามากลางเมืองจะได้ไม่สับสนว่าแล้วก็เดินตามทางเดินชิดซ้าย
หน้าร้านต้นข้าว ร้านต้นข้าวเป็นร้านอาหารหนึ่งในหลายๆ ร้านของที่นี่ให้เราได้เลือกหากินได้หลากหลายเมนู ที่ผมชอบที่สุดจะเป็นหมูย่างกับข้าวเหนียว แต่ร้านต้นข้าวไม่ใช่อาคารสีแดงที่เห็นในรูปนี้หรอกเป็นตึกหลังหนึ่งที่ผมยืนหันหลังให้ตอนที่ถ่ายรูปนี้ บริเวณนี้มีม้านั่งและโต๊ะจัดไว้ท่ามกลางอาคารสูงใหญ่เป็นแนวยาวๆ เกือบเป็นสวนที่น่านั่งพักผ่อนแต่ต้นไม้ที่มีใบไม้หนาๆ ไว้ให้ร่มเงาแถวๆ นี้มันไม่ค่อยมีถ้าหากแดดแรงๆ ก็ต้องเดินเลี่ยงๆ ตรงนี้ไปหาที่ร่มๆ ยืนกันดีกว่า
ด้านหน้า Palio เดินไม่ถึงนาทีก็มาถึงทางเข้าด้านประตูหน้าของ Palio เป็นจุดที่รถเข้ามาส่งผู้โดยสารลงจากรถแล้วจ่ายค่าเข้าชม 20 บาทเดินเข้ามาตรงนี้ ในกรณีที่ผมขับไปจอดด้านหลังในลานจอดรถแล้วมาเจอกับเพื่อนๆ ที่นี่ก็ได้ จากนั้นค่อยเดินเข้าไปในเมืองกัน
เริ่มต้นเข้าเมือง Palio หลังจากที่ได้เดินอ้อมมาจากข้างหลัง ถึงตรงนี้ก็ได้เวลาเข้าเมืองกันแล้วอันที่จริงการเดินชมเมือง Palio ที่สร้างให้ความรู้สึกแบบเดียวกับเมืองเก่าแก่ของอิตาลีที่ชื่อ Siena แห่งนี้ยังสามารถเลือกทางเดินได้อีกนอกจากจะตรงดิ่งเข้าไประหว่างซอกตึกที่เห็นอยู่นี้ จะเลี้ยวซ้ายเลียบหน้าตึกเลาะไปเรื่อยๆ ก็ได้เป็นด้านที่มองเห็นจากถนนธนะรัชต์ แต่ด้วยความใจร้อนก็ตรงเข้าไประหว่างตึกที่เห็นอยู่นี่เลยละกัน
หน้าตึกที่ต่างกันทั้งเมือง เริ่มจากอาคารหลังแรกด้านขวามือก่อนเดินเข้าซอกตึกมีร้านขายเสื้อลายเฉพาะของที่นี่สำหรับเป็นที่ระลึก หน้าตึกหลังนี้มีมุขยื่นออกมาซึ่งทำให้แปลกกว่าตึกอื่นๆ และในเมือง Palio แห่งนี้แต่ละตึกจะสร้างแบบต่างกันทั้งหมดไม่ใช่ลักษณะการสร้างแบบอาคารที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไปที่เหมือนกันทั้งแถบ เป็นเสน่ห์ของ Palio
สวัสดีทัสคานี เข้ามาระหว่างซอกตึกจะได้เห็นเมืองลึกเข้าไปมีมากมายหลายซอยหากเคยได้ยินชื่อ Palio แต่ไม่เคยมาหลายคนคงพอเดาๆ ได้ว่าสร้างแบบเดียวกับ Primo Posto มีอาคารเพียงไม่กี่หลังพอให้เป็นที่แวะถ่ายรูปเก๋ๆ ได้ก็เท่านั้นแต่เมื่อได้มายังสถานที่จริง Palio สร้างความประหลาดใจและน่าทึ่งให้กับผู้มาเยือนได้เป็นอย่างมาก ที่นี่ประกอบด้วยอาคารหลายหลังมากมายราวกับเป็น 1 หมู่บ้านของเราดีๆ นี่เองเวลาช่วงเช้าจนถึงก่อนเที่ยงมุมของแสงแดดที่ตกกระทบลงมาจะทำให้อาคารด้านหนึ่งโดนแสงอีกด้านเป็นเงาตึก การถ่ายรูปใน Palio คงต้องแบ่งเป็นช่วงเช้าและช่วงบ่ายถึงจะได้ตึกที่รับแสงครบทุกตึกดูรูปในหน้าเว็บหน้านี้ต้องถ่ายโดยใช้เวลา 2 วันแล้วเอามารวมกันครับ
ร้านตุ๊กตา ร้านแรกที่ได้เห็นจากด้านข้าง ยังไม่ได้เห็นหน้าร้านเลยเป็นตุ๊กตาจำนวนมากมายนั่งอยู่บนลูกกรงของหน้าต่างของร้าน หันหน้าออกมาทักทายลูกค้า ไปที่นี่ 2 ครั้งก็ต้องถ่ายรูปทั้ง 2 ครั้งเพราะชอบเป็นพิเศษ สำหรับรูปล่างขวาเพียงรูปเดียวเท่านั้นที่ถ่ายมาจากอีกร้านหนึ่งในกลางเมืองแต่ขอเอามารวมกันจะได้เป็นหมวดหมู่
บันไดอะไรกันนี่ เห็นแบบนี้คนที่มาครั้งแรกก็ต้องสงสัยกันเป็นธรรมดา มีบันไดอยู่ข้างตึกแทนที่จะอยู่ในตึก เดินขึ้นไปถึงระเบียงชั้นบนของตึกได้ บันไดแห่งนี้ต้องต้อนรับผู้มาเยือนวันละไม่น้อย เพราะเป็นบันไดที่ขึ้นชั้นบนไปชมวิวจัตุรัสกลางเมือง Palio ซึ่งเป็นวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุด บันไดทางขึ้นเท่าที่เคยเดินขึ้นไปมี 2 แห่ง ขึ้นทางไหนลงทางไหนก็ได้แล้วแต่ว่าเราเดินไปเจอบันไดอันไหน นอกจากจะเดินขึ้นไปถ่ายรูปบนระเบียงก็ยังมีการถ่ายรูปหมู่เรียงแถวตามขั้นบันไดอย่างที่เห็น
จัตุรัส Palio เป็นลานพลาซ่าขายสินค้าต่างๆ นานารอบน้ำพุ ตอนนี้เป็นสถานที่แสดงมินิคอนเสิร์ต ที่เปิดตัวสินค้าหลายอย่างโดยให้ผู้มาร่วมงานได้ดูอยู่บนระเบียงชั้นบน ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นหอนาฬิกา เป็นอาคารที่จะมีคนมาถ่ายรูปโดยใช้หอนาฬิกาเป็นฉากหลังมากที่สุดใน Palio ก็ว่าได้
บรรยากาศคึกคักกลางจัตุรัส มุมนี้เป็นมุมที่ผู้คนชอบกันมากรวมทั้งผมเองก็ด้วยเวลามาที่นี่ผมจะเดินขึ้นมาบนนี้เสมอเพื่อที่จะถ่ายรูปบรรยากาศนักท่องเที่ยวที่จอแจกันอยู่รอบๆ ลานน้ำพุจากมุมสูง ผู้คนที่มาที่นี่จะใช้เวลาในการถ่ายรูปรอบจัตุรัสเล็กๆ แห่งนี้กันนานพอสมควรหลายมุมหลายด้านแล้วก็เดินจากไป เป็นจุดนัดพบได้ดีด้วย เหมือนหอนาฬิกาที่สวนจตุจักร
อีกมุมหนึ่งของจัตุรัส Palio ระเบียงทางเดินที่เราเดินขึ้นมาชมวิวจะเดินต่อถึงกันจากตึกที่เราขึ้นมาไปยังอีกตึกหนึ่งและอีกตึกหนึ่งไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับบ้านเราที่จะได้เห็นการก่อสร้างแบบนี้ในสถานที่ใช้งานจริงอย่างอาคารพาณิชย์ หลักการออกแบบนี้ก็มาจากเมือง Siena ด้วยเช่นกัน เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นอีกด้านหนึ่งของจัตุรัส ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่ออกแบบได้ต่างกันอย่างสมบูรณ์แบบ คือแต่ละอาคารไม่เหมือนกันเลยแต่มาอยู่รวมกันได้อย่างลงตัว แล้วมาประกอบเข้ากับเขาลูกเล็กๆ ของเขาใหญ่เป็นภาพที่สวยงามมากครับ
บันไดทางลงและซอกตึก ขอเอา 2 รูปนี้มารวมเป็นรูปเดียวเพื่อให้ประหยัดเนื้อที่ในการเขียนเนื้อหาไม่ให้ยาวจนเกินไป บันไดที่เห็นในภาพขวาเป็นบันไดทางขึ้น-ลงอีกทางหนึ่งจะเดินขึ้นทางนี้แล้วไปลงอีกทาง หรือขึ้นจากอีกทางแล้วมาลงทางนี้เหมือนผมก็ได้ ส่วนภาพขวาเป็นตรอกซอกซอยที่ยกเอามาเป็นตัวอย่างเท่านั้นเพราะที่นี่มีซอยต่างๆ ระหว่างตึกมากมายและวกวนนิดหน่อย ซอยเหล่านั้นจะพาเราไปยังสถานที่หลายๆ แห่งต่างกันไปแต่ถ้าลองดูให้ดีจะมีทางเชื่อมต่อถึงกันได้หมด แต่เพราะเราไปไม่บ่อยการงงการสับสนการหลงจึงเกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก
เอกลักษณ์อันหนึ่งที่เอามาจากเมือง Siena ก็คือทางเดินระหว่างตึกในเมืองเหล่านี้เป็นทางสูงๆ ต่ำๆ เดี๋ยวลาดขึ้นเดี๋ยวลาดลง ไม่ราบเสมอกัน
หอนาฬิกาจากกลางจัตุรัส เมื่อลงมาแล้วก็ลองเดินลงมาอยู่กลางจัตุรัสแห่งนี้ดูบ้าง คนที่อยู่ข้างบนก็คงถ่ายรูปติดเราไปเหมือนกับที่เราถ่ายรูปติดคนอื่นๆ มาเต็มไปหมด รอบน้ำพุเล็กๆ มีม้านั่งทั้ง 4 ด้านให้นั่งพัก แต่ถ้าหากว่าแดดร้อนๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนมานั่งเท่าไหร่ ส่วนใหญ่นั่งถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกแล้วเดินจากไป
PB Valley สำหรับร้านนี้เป็นร้านของ PB Valley ครับ
อีกด้านของจัตุรัส ตามทางแสงไปครับอย่าไปย้อนแสงจะได้ภาพสีสดๆ มาไม่มีอะไรเพราะว่าไปทั้งทีก็อยากจะถ่ายออกมาให้ดูกันทั่วๆ ครับ
ตึกสี่เหลี่ยมคางหมู คล้ายกับการสร้างอาคารในบ้านเราเมื่อที่ดินที่มีอยู่มีรูปร่างประหลาดๆ ก็ต้องสร้างอาคารลงไปบนพื้นที่ดินที่ประหลาดเหล่านั้นให้ได้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่หัวมุมถนน แต่เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของตึกนี้ก็ได้แก่การตกแต่งชั้นล่างด้วยหิน
มุมสงบใน Palio ระหว่างการเดินชมเมืองเล็กๆ แห่งนี้จะมีมุมสงบๆ ให้เราได้นั่งพักให้ขาหายเหนื่อยก่อนที่จะเดินกันต่อไป ม้านั่งเหล่านี้นับว่าต้องทำงานหนักทุกวันในช่วงหยุดสุดสัปดาห์และเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะในวันนี้ซึ่งเป็นวันสงกรานต์
ก่อนจะเดินเข้าซอย ตอนนี้ผมกำลังจะเดินออกจากจัตุรัส หลังจากที่ถ่ายรูปมาได้หลายมุมหลายรูปมาก ทางเดินลึกเข้าไปในเมืองมีให้เลือกหลายทางและอย่างที่บอกไว้ว่าซอยเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ซับซ้อนอย่างจงใจให้เหมือนเมืองเก่าแก่ของอิตาลี แต่ซอยต่างๆ เหล่านี้จะมีจุดที่บรรจบกันได้เรื่อยๆ และจะพาเราไปเรื่อยๆ จนวกกลับออกมาถึงทางออกได้เองดังนั้นซอยที่เราเห็นๆ อยู่เลี้ยวไปทางไหนก็ได้ แล้วค่อยๆ เดินไปซอยต่อๆ ไปจะได้ไม่ซ้ำเส้นทางเดิมเพราะอาคารเหล่านี้มีมากมายให้เราได้เลือกชม ในแต่ละอาคารยังเปิดร้านจำหน่ายสินค้ามากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านขายยา ร้านอาหาร ที่พัก ของที่ระลึก เป็นต้น
ซอยแรกที่เข้า มีร้านหลายร้านเปิดขายของหลายอย่างแต่ที่สะดุดตาที่สุดก็ได้แก่ร้านนี้ ขายโปสการ์ดและแม่เหล็กที่ระลึกมีหลายลายหลายแบบ ตกแต่งประตูร้านเหมือนลายบนซองจดหมาย
ทางแยกให้เลือก เดินมาถึงบางจุดใน Palio จะเห็นทางแยกที่คั่นด้วยตึกเดียวแบบนี้ก็มี ร้านนี้ก็มีกระเป๋า เสื้อผ้า และผ้าพันคอ อยู่ติดๆ กัน
เอกลักษณ์ตึก 2 สี เป็นอีกอาคารหนึ่งในบรรดาหลายอาคารอยู่ในเมืองแห่งนี้ที่ใช้ 2 สี ทางบนตัวตึก สีฟ้าของตึกนี้ทำให้สะดุดตาท่ามกลางตึกหลายๆ หลังที่มีสีโทนเหลืองและแดง
เน้นเปิดช่องด้านข้าง เป็นตึกที่ออกแบบหน้าต่างกว้างหลายๆ ช่องเปิดเป็นกระจกมองเห็นภายในร้านได้มากทั้ง 2 ด้าน คล้ายๆ กับร้านสะดวกซื้อ
สุดทาง Palio เป็นช่วงที่เดินมาจนสุดทางแล้วจะต้องเดินย้อนกลับประมาณหน้าตึกนี้รูปแบบของตึกนี้ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายรูปได้มากตึกหนึ่งและอาจจะเป็นเพราะเป็นจุดที่เดินมาสุดทางแล้วต้องเลือกว่าจะวกไปทางไหนทำให้มีคนมาอออยู่ตรงนี้กันเยอะ
ร้านแว่นตา เป็นแว่นตาแฟชั่นตกแต่งร้านด้วยรูปที่เข้ากันกับอาคารอย่างกลมกลืน
ร้านแว่นตาอีกร้าน ตึกเล็กๆ อยู่โดดเดี่ยวอยู่กลางเมืองที่เต็มไปด้วยตึกชุดติดกันก็เป็นอะไรที่แปลกตาดี
Palio Inn ที่พักใน Palio ทีแรกเข้าใจว่าเป็นอาคารที่เขียนชื่อ Palio Inn แต่ไม่ได้เป็นที่พัก แต่ความจริงเป็นที่พัก B&B (Bed&Breakfast) ของ Palio เข้าพักได้ด้วยมีห้องพักไม่มากนักเน้นให้ดูสมจริงกับขนาดของเมือง Palio แห่งนี้ไม่ได้เน้นรับนักท่องเที่ยวให้ได้มากๆ
บริเวณรอบ Palio Inn หน้าโรงแรมเล็กๆ แห่งนี้มีร้านอาหารสไตล์อาหารฝรั่ง Tempi filici มีโต๊ะน่ารักๆ 3-4 ตัวหน้าร้าน แต่ละโต๊ะจัดวางซอสชนิดต่างๆ ไว้ตามสไตล์ของอาหาร อีกด้านหนึ่งเหมือนร้านขายยา 2 ภาพข้างล่างเป็นศูนย์อาหารของ Palio มีอาหารให้เลือกหลายเมนู มีเมนูพิเศษคือ Puff Stick ด้านนอกเป็นแป้งมี 3 ไส้ ในแท่งเดียวได้แก่ ปูอัด เบคอน ไส้กรอกแฮม เอาไปทอดราคาแท่งละ 20 บาท ก็ไม่แพงนะถ้าเทียบว่าเราซื้อจากใน Palio นึกว่าทุกอย่างจะแพงไปหมดซะอีก ศูนย์อาหารที่นี่จำหน่ายอาหารจานเดียวอย่างก๋วยเตี๋ยว-สุกี้ ต้องแลกคูปอง ราคาอาหารเริ่มต้นที่ 40 บาท ก็นับว่าไม่แพงมากนักฝากท้องได้เวลาหิวหลังจากที่เดินมาเกือบทั่วเมือง
สไตล์ของตึกใน Palio ช่วงท้ายๆ ของการเดินแล้วครับวนมาถึงแถวๆ นี้จะมีทางไปห้องน้ำซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับทางเข้า-ออกประตูหลัง
278 Palio del Khaoyai ร้านขายเสื้อผ้าจากนั้นก็เป็นร้านของใช้ของที่ระลึกต่างๆ ในซอยเล็กๆ บริเวณนี้มีสะพานข้ามคลองเล็กๆ เป็นอีกจุดหนึ่งที่จะได้เห็นคนขึ้นไปยืนรอคิวถ่ายรูปบนสะพานเล็กๆ
สุดท้ายจาก Palio เอารูปนี้เป็นรูปสุดท้ายของการพาทัวร์ใน Palio ครับจากอาคารหลังนี้ถ้าเดินไปสุดอาคารจะเป็นทางเข้า-ออก ตรงนี้มีร้านต้นข้าวเป็นร้านอาหารที่มีทางเข้า 2 ทางคือทางนี้ กับอีกทางที่เดินมาจากประตูหลังเมนูถูกใจผมที่ร้านต้นข้าวก็คือหมูย่างเบรกแตก ราคาไม้ละ 10 บาท ขายคู่กับข้าวเหนียวถุงละ 10 บาท เอาไว้รองท้อง หมู 3 กับ ข้าวเหนียว 1 อิ่มกำลังดี มีแรงเดินทางกันต่อไป
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ