จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม

เวลาเปิด-ปิด:09:00 - 17:00

โทร:02-762-2566, 085-660-7336

ค่าเข้า:ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 100 บาท ผู้สูงอายุ 90 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร. 0-4437-3116-7
http://www.jimthompsonfarm.com

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

เปิดประเดิมการท่องฟาร์มด้วยภาพด้านหน้าตรงข้ามลานจอดรถ หลังจากที่ได้เดินทางผ่านระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร จากทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี - ปักธงชัย เข้ามาตามทางที่มีป้ายบอกตลอดระยะทางว่าไปจิมทอมป์สันฟาร์ม ลานจอดรถกว้างขวางถูกใช้จนเกือบหมดในช่วงใกล้ปีใหม่ แม้ว่าจะเป็นวันที่ 27 ธันวาคม ที่ผมเลือกเดินทางมาที่นี่ ยังเป็นวันทำงานและวันเปิดเรียนปกติ ก็ยังมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่จำนวนไม่น้อย หลายโรงเรียนใช้ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับทัศนศึกษา คนขับรถบัสนักเรียนเล่าให้ฟังว่า โรงเรียนที่มาที่นี่จะมากันยกชั้น คือ มัธยม ปีที่ 2 จำนวน 9 ห้อง มากันวันละห้อง ใช้เวลา 9 วัน จึงจะมากันครบ ทุกคนที่มาถึงมุ่งไปที่ป้านด้านหน้าของจิมทอมป์สันที่ทำด้วยต้นไม้ดัดเป็นรูปตัวอักษร พร้อมกับฟักทองยักษ์อันเป็นเอกลักษณ์ จากนั้นค่อยไปที่ห้องจำหน่ายบัตรเข้าชม บัตรผู้ใหญ่ ราคา 100 บาท ใช้ชมได้ทั่วฟาร์ม โดยการนั่งรถนำเที่ยวที่ตกแต่งเป็นรูปต่างๆ บังเอิญว่าผมได้รอบที่เป็นรถรูปแคนตาลูปที่หลายๆ คนอยากจะนั่ง พอเดินขึ้นรถรถก็ออกทันที (เป็นคนสุดท้ายอะ) เริ่มแรกรถนำเที่ยวจิมทอมป์สันฟาร์มจะพาเราไปตามเส้นทางผ่านทุ่งดอกโสนเป็นอันดับแรกแต่ไม่ได้จอดให้เราลงเที่ยว รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ ไกด์ประจำรถจะเริ่มบรรยายประวัติความเป็นมาของจิมทอมป์สันฟาร์ม จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2531 พื้นที่กว่า 600 ไร่ เชิงเขาพญาปราบ ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นแหล่งผลิตไข่ไหมจำหน่ายให้เกษตรกร พร้อมได้รับซื้อรังสดในการผลิตเส้นไหม และเป็นพื้นที่ปลูกหม่อนอันเป็นอาหารของหนอนไหม ปี พ.ศ. 2544 จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรปีละครั้ง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตร วงจรชีวิตของหนอนไหม พร้อมให้นักท่องเที่ยวได้ชมและเลือกซื้อพืชผัก ดอกไม้นานาชนิด ผลผลิตปลอดสารพิษ พร้อมทั้งเรียนรู้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสาน ถ้าจะย้อนกลับไปกว่านี้อีกก็ต้องไปสมัยสงคราม เมื่อครั้งที่ เจมส์ ทอมป์สัน ได้เข้ามาในเมืองไทย จนสงครามจบลง เจมส์ ทอมป์สัน ได้ใช้ชีวิตในเมืองไทยเพื่อสร้างฟาร์มแห่งนี้ขึ้น (ชื่อภาษาอังกฤษว่าเจมส์ จะเรียกชื่อเล่นสั้นๆ ว่าจิม) เมื่อกิจการของฟาร์มได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เจมส์ ทอมป์สัน ออกเดินทางท่องโลกกว้างจากประเทศไทย แล้วก็ไม่กลับมาอีก และไม่มีใครรู้ว่าเจมส์ ทอมป์สันหายไปไหน ต่อมาจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ถูกดูแลโดยมูลนิธีจิม ทอมป์สัน ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพฯ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางอีกแห่งหนึ่ง

ทุ่งทานตะวันและลานฟักทอง สถานีแรกที่รถนำเที่ยวพาเรามาส่งก็คือที่นี่ หลังจากที่แล่นผ่านทุ่งปอเทืองและผักปลอดสารพิษหลายชนิด ที่นี่จะเป็นที่พักรอรถนำเที่ยวคันต่อไป สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชมทุ่งทานตะวันและลานฟักทองเสร็จแล้ว มีเครื่องดื่มสมุนไพรบริการ และของกินเล่นอย่างลูกชิ้นปิ้ง และข้าวโพดคั่ว

ลานฟักทอง สิ่งแรกที่คนหลายคนจะมุ่งหน้าเข้าไปหาเพื่อเก็บภาพที่ระลึกกันก็คือบ้านฟักทอง กระท่อมหลังเล็กๆ ที่สร้างอยู่บนกองฟาง ตกแต่งด้วยฟักทองหลายสีหลายขนาด หลายคนเข้าไปในบ้านถ่ายรูปหลายๆ มุม แม้ว่ากระท่อมหลังน้อยจะตั้งอยู่กลางแดดจัดๆ อย่างที่เห็นทุกคนก็ยังทนร้อนไปถ่ายรูปกันจนอิ่มอกอิ่มใจ

ฟักทองยักษ์ เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือลูกฟักทองสีสดใสใหญ่เบ่อเริ่มเทิ่มหลายลูกที่วางอยู่ใกล้ๆ บ้านฟักทอง ภาพนี้ทำให้เห็นว่าลูกฟักทองมันใหญ่เสียจนคนน่าจะนั่งได้ด้วยซ้ำ

ลานฟักทองและซุ้มน้ำเต้า ซุ้มเหล็กยาวหลายเมตรสร้างขึ้นให้พืชเลื้อยขึ้นไปก็อย่างเช่นน้ำเต้า ส่วนลูกฟักทองเล็กๆ หลายพันธุ์หลายสีก็เอามาตกแต่งรอบๆ ซุ้ม หลายคนก็จะเดินเข้าไปถ่ายรูปในซุ้มกัน

ทุ่งดอกไม้จิมทอมป์สันฟาร์ม เลยจากลานฟักทองไปอีกหน่อยก็จะเป็นทุ่งกว้างปลูกดอกไม้หลายชนิดแบ่งเป็นแปลงๆ ไป แปลงที่นิยมกันมากก็ไม่พ้นทุ่งทานตะวัน นอกจากนั้นก็ยังมีเนินเล็กๆ ให้เดินขึ้นไปชมวิวกว้างๆ ได้อีกด้วย อีกด้านหนึ่งจะมีอ่างเก็บน้ำลำสำลาย เป็นวิวกว้างๆ มีร่มเงาของต้นไม้หลายชนิดให้นั่งพักผ่อน

Art on farm และหมู่บ้านอีสาน เมื่อเราเที่ยวชมทุ่งทานตะวันและถ่ายรูปกับฟักทองจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็จะเดินทางไปยังสถานีต่อไปก็คือหมู่บ้านอีสาน เราจะรอรถนำเที่ยวของฟาร์มขึ้นคันไหนก็ได้ที่แล่นเข้ามาส่งนักท่องเที่ยว เป็นรถวนรอบตลอดทั้งวัน ผมขึ้นรถแล้วมาลงหมู่บ้านอีสาน สิ่งที่สะดุดตากว่าอย่างอื่นก็คือภาพบนซ้าย แลดูเป็นผี นี่เรียกกันว่า Art on farm ผลงานศิลปะจากฝีมือศิลปินหลายคนที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม แน่นอนว่าผลงานเหล่านี้จะเป็นจุดสนใจของใครหลายๆ คน จากนั้นก็เดินเข้าไปในหมู่บ้าน จะมีของเล่นมากมายที่ถ่ายทอดความเป็นอีสาน ของเล่นเหล่านี้ทำขึ้นมาจากไม้ ปัจจุบันไม่มีหมู่บ้านไหนที่จะทำของเล่นแบบนี้ให้ลูกหลานเล่นอีกแล้ว น่ายินดีที่ยังมีผู้พยายามอนุรักษ์มันเอาไว้ ส่วนภาพล่างขวาเป็นมุมถ่ายรูปที่ระลึกสุดฮิต อยู่ตรงทางไปลานอาหารอีสานอันมีเมนูส้มตำเป็นอาหารหลัก เป็นที่พักกลางวันที่เหมาะสมแก่เวลาที่สุดในระหว่างการเที่ยวในจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ที่ยังมีอีกหลายที่ที่เราจะได้ชม

Art on farm เป็นโครงการที่ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2552 อันเป็นผลจากการร่วมมือระหว่างหอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน และจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม โดยได้เชื้อเชิญศิลปินมาทำผลงานศิลปะในบริบทที่เกี่ยวกับการเกษตรเชิงนิเวศน์แก่ศิลปินในโครงการทำงานที่คาบเกี่ยวระหว่างศิลปะ สภาพแวดล้อม การเลี้ยงไหมเกษตรกรรม และสถาปัตยกรรมภายในบริบทของภาคอีสาน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงศิลปะ ชีวิต และธรรมชาติเข้าด้วยกัน ศิลปินได้รับการสนับสนุนให้ทำงานกับธรรมชาติ วัสดุในท้องถิ่น และวัสดุรีไซเคิล ผลงานเหล่านั้นจะได้รับการนำมาจัดแสดงตามตุดต่างๆ ในฟาร์ม

วิถีชีวิตลูกอีสาน หมู่บ้านอีสานในจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบอีสานมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง บ้านเรือนก็สร้างแบบอีสานแท้ๆ ยังมีเครื่องมือเครื่องใช้มากมายหลายอย่างที่ชาวอีสานใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน การปั่นฝ้าย การสาวไหม เครื่องสีขาวแบบโบราณ นอกจากนี้ยังมี สิมกลางน้ำ หอไตรกลางน้ำ ที่อยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านจิม ซึ่งเป็นสถานีต่อไป การสาวไหมรวมทั้งการปั่นไยฝ้าย เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาที่นี่ ความรู้หลายๆ อย่างถูกถ่ายทอดให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจจากเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่นี่ การสาวไหม และปั่นฝ้ายก็เป็นสิ่งที่ผมเพิ่งจะเคยเห็นเหมือนกันครับ

หอไตรกลางน้ำ ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นของชาวอีสานมิให้สูยหายไปกับกาลเวลา จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม จึงสร้าง "หมู่บ้านอีสาน" ขึ้นในปี พ.ศ. 2550 บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ โดยได้รวบรวมและเสาะแสวงหาบ้านเก่า ช่างพื้นบ้านฝีมือดี และวัสดุอุปกรณ์ดำรงชีวิตของชาวอีสานดั้งเดิม เพื่อจัดเก็บอย่างยั่งยืน และจัดแสดงให้เห็นคุณค่าของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น วัฒนธรรมประเพณี รวมถึงวิถีชีวิตอันทรงคุณค่าของชาวอีสาน ซึ่งนับวันจะหาชมได้ยาก นอกจากนั้น จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม มุ่งหมายที่จะให้ "หมู่บ้านอีสาน" เป็นแหล่งเรียนรู้และรวบรวมงานสถาปัตยกรรมของภาคอีสานให้ครบทุกรูปแบบ เพราะนอกจากเฮือนอีสานแล้ว ยังมีศาสนาคาร ยุ้งข้าวแบบต่างๆ รวมถึง เถียงนา (กระท่อมกลางนา) ตูบ คอกควาย กองฟาง
ในปี พ.ศ. 2554 หมู่บ้านอีสานได้ขยายพื้นที่ออกไป รวมเฮือนทั้งหมด 14 หลัง ศาสนาคาร และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ บนพื้นที่ทั้งหมด 50 ไร่ สิ่งที่น่าสนใจที่เพิ่มข้นมาในปีนั้นคือ สิมกลางน้ำที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ในปีพ.ศ. 2555 ได้สร้างหอไตรกลางน้ำขึ้นมาอีก 1 หลัง เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการหมอลำ การสร้างหอไตรกลางน้ำได้จากการรวบรวมแบบหอไตรที่สำคัญๆ หลายแห่งทั่วภาคอีสาน มาผสมผสานกับงานศิลปะแบบ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม

หมู่บ้านจิม ย้อนไปที่วัตถุประสงค์หลักของการก่อตั้งฟาร์มแห่งนี้ เริ่มมาจากการเลี้ยงไหมเพื่อเก็บไข่ จากนั้นก็ขายให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงเพื่อเก็บรังไหมมาขายให้จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม สาวเอาเส้นไหมออกมาผลิตผ้าไหมขาย หลังจากเที่ยวชมหมู่บ้านอีสาน ขึ้นรถนำเที่ยวมาลงที่หมู่บ้านจิมเป็นสถานีที่ 3 ชมหอไตร และสิมกลางน้ำ จากนั้นเดินเข้าไปยังห้องเลี้ยงไหม เราจะเห็นหนอนไหมที่ถูกเลี้ยงไว้เป็นจำนวนมาก การให้อาหารหนอนไหมด้วยใบหม่อน จนตัวไหมกลายเป็นดักแด้ จึงนำเอารังไปต้มเพื่อสาวไหม ส่วนอีกอาคารหนึ่งเป็นการสาธิตการทอผ้าไหมมีให้ชมกันหลายสีสวยงาม

ตัวไหม การเลี้ยงไหมเพื่อเก็บเอาไข่ไหมเมื่อหนอนไหมกลายเป็นดักแด้ ก็จะไม่นำเอาไปต้มเพื่อสาวไหม แต่จะปล่อยให้มันเจริญเติบโตเป็นตัวไหมที่เป็นแมลงเต็มวัย จากนั้นรอเวลาให้มันวางไข่ โดยเอาไปใส่ไว้ในแกนกระดาษทิชชู่แบบนี้ มันก็จะบินวนอยู่ในแกนแล้วมีไข่ออกมาเรื่อยๆ อีกถาดหนึ่งเราจะเห็นไข่ไหมจำนวนมากที่พร้อมจะนำไปเลี้ยงให้โตขึ้นมาเป็นตัวหนอนในถาดที่เต็มไปด้วยใบหม่อน นี่เป็นวัฏจักรชีวิตของไหม ว่าแต่ว่า พอได้เห็นเจ้าไหมที่เป็นแมลงบินอยู่แบบนี้ หน้าตามันก็ดูเอเลี่ยนดีเหมือนกันนะครับ

ตลาดจิมทอมป์สัน สถานีสุดท้ายของการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในฟาร์ม รถนำเที่ยวพาผมมาจากหมู่บ้านจิม มาลงที่ตลาดจิมทอมป์สัน สถานที่เลือกซื้อของฝาก ผลิตภัณฑ์เกษตร ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ที่คุณภาพดี อย่างผักปลอดสารพิษที่ปลูกในฟาร์ม ทั้งแบบบนดินและไร้ดิน จุดที่ลงจากรถจะมีทางเดินไปตลาด แล้วรถก็จะแล่นไปตามแนวสนไปยังจุดเริ่มต้นที่ซื้อบัตรเข้ามาเที่ยว เป็นอันจบรอบ จากตลาดจิมทอมป์สัน จะนั่งรถนำเที่ยวไปก็ได้ หรือจะลองเดินตามแนวสนผ่านทุ่งดอกปอเทืองและดอกไม้ ไปยังซุ้มน้ำเต้าก็ได้ ผมเลือกที่จะเดินกลับเพื่อหามุมเก็บภาพอีกนิดหน่อยหลังจากที่ซื้อของในตลาดเสร็จแล้ว

ตลาดจิมทอมป์สัน จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของการเดินชมตลาดของฝากจากฟาร์ม ก็คือบรรยากาศที่ตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิด สีสันสดใสตามทางเดิน เป็นจุดสำหรับถ่ายรูปอีกหลายรูปก่อนที่จะเดินทางกลับด้วยความสุขที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มแห่งนี้ ท้ายตลาดมีแปลงปลูกผักปลอดสารพิษแบบไร้ดิน หลายๆ ครอบครัวพาเด็กๆ เข้ามาเรียนรู้วิธีการปลูกผักแบบที่เด็กๆ เหล่านี้จะไม่เคยเห็นมาก่อน

ของฝากจากจิมทอมป์สันฟาร์ม

แปลงดอกไม้หลังตลาด

แนวสน

ทุ่งปอเทือง มุมนี้ถ่ายมาจากซุ้มน้ำเต้า หลังจากที่ผมเดินผ่านแนวสนไปจนสุดแนวรั้วของฟาร์ม ทิวทัศน์ที่เห็นแบบนี้ได้จะต้องอาศัยการเดินเท่านั้น ถ้านั่งรถนำเที่ยวกลับมาจะไม่ได้มุมนี้ครับ

จบการนำเที่ยวจิมทอมป์สันฟาร์ม

---

 "กำหนดการเปิดจิมทอมสันฟาร์มปีนี้ 8 ธันวาคม 2561 ถึง 6 มกราคม 2562 "

Akkasid Tom Wisesklin
2018-11-30 00:49:01

---

 "มาละนะฟักทองยักษ์แห่งฟาร์มในฝัน จิมทอมป์สันฟาร์ม โคราช"

Akkasid Tom Wisesklin
2017-12-04 21:11:45

---

 "อัพเดตทุ่งคอสมอสจิมทอมป์สันฟาร์มตอนนี้ยังเล็กอยู่คงออกดอกพอดีกับช่วงเปิดฤดูกาล"

Tot Farm
2017-11-24 15:54:45

---

 "บรรยากาศทุ่งนา ณ บริเวณใกล้ จิมทอมป์สันฟาร์ม"

Tot Farm
2017-11-24 15:36:52