ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร. 098 0175 007 , 092 5694 791
e-mail : phundanai.s@corofield.com
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ถึงแล้วโคโรฟิลด์ ได้ยินมาว่ามีสวนสไตล์ญี่ปุ่นเปิดที่สวนผึ้ง เราต้องรีบเข้ามาดูซะหน่อยว่าหน้าตาเป็นยังไง ขับรถมาสวนผึ้งเจอป้าย Coro Field เป็นอันว่าไม่ผิดแน่ เข้าไปดูข้างในกันเลยดีกว่า
แผนที่โคโรฟิลด์ เดินเข้ามาปุ๊บไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เห็นป้ายแผนที่อยู่ซ้ายมือตรงทางเข้าเลยต้องดูซะหน่อย
ห้องอาหารและเครื่องดื่ม Coro Cafe เข้ามาอาคารแรกสะดุดตากว่าใครเพราะเป็นอาคารแรก หน้าประตูเขียนบรรยายเอาไว้ว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง และเปิดปิดกี่โมง
ที่นี่จะมีกิจกรรมการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว Grow & Havest เปิดเป็นรอบ ดังนี้ 10.00 11.30 13.00 15.00 16.00 ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ คนละ 180 บาท
กิจกรรมชมสวนเมล่อน 11.00 13.30 14.30 15.30 ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ คนละ 200 บาท
ทั้งนี้และทั้งนั้น โคโรฟิลด์ เปิด จ.-ศ. 8.30 - 17.30 ส่วน เสาร์-อาทิตย์ เปิด 8.30 - 19.30 นะครับ
เมล่อนโทมิ เมื่อมาถึงที่นี่ทั้งที ควรนะควรอย่างยิ่งที่จะได้ชิมของหายาก ที่นี่มีเมล่อนพันธุ์โทมิเปลือกสีทอง เลือกมาให้เป็นพิเศษสำหรับบริการนักท่องเที่ยว เราจะได้เข้าไปชมแปลงเพาะปลูกเมล่อนนี้ ใน Coro House ที่บอกไปแล้วว่า คนละ 200 บาท นั่นเอง แล้วก็นะ สำหรับเรื่องราคา ให้ยึดเอาวันที่เป็นสำคัญนะ เราเขียนเรื่องนี้เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 ประเดี๋ยวเค้าปรับเปลี่ยนราคายังไงต่อไปในอนาคตจะได้ไม่ต้องมาเถียงกันโดยเอาข้อมูลของเราไปอ้าง
ไอศกรีมเมล่อน อันนี้ก็ต้องบอกว่าควรลองชิมเหมือนกันนะ ไหนๆ ก็มาแล้ว เนื้อไอศกรีมนุ่มมากรสหวานของเมล่อนและมีกลิ่นหอมอร่อย มีอมเปรี้ยวนิดๆ นะ พอมาเสิร์ฟปุ๊บต้องรีบเลยเพราะละลายเร็วมาก
ออกจากโคโรคาเฟ่ แล้วไปเข้าสวนกันดีกว่า ในนี้ก็อย่างที่บอกว่าเป็นสวนที่ไม่ได้เปิดให้เราเดินชมอย่างเดียว มีกิจกรรมให้ทำด้วยคือมาร่วมกันปลูกพืชผักลงไปในสวน สนนราคาคนละ 180 บาท ได้ทั้งปลูกและเก็บเกี่ยวและแน่นอนว่าต้องปลูกกันแบบญี่ปุ่น มีชุดให้ใส่ พร้อมอุปกรณ์ครบครันสำหรับการปลูกผัก
เก็บเกี่ยวมะเขือเทศ กิจกรรมที่มาพร้อมกับการปลูกก็คือการเก็บเกี่ยว สมมติว่าผักที่เราปลูกมันโตแล้วก็ต้องไปเก็บเอาผลผลิต ที่นี่ใช้มะเขือเทศสายพันธุ์จากเยอรมันเชียวละ ผลมันเล็กๆ มีทั้งสีส้มๆ เหลืองๆ ไม่ใช้สารเคมีแต่อย่างใด เก็บไปกินไปก็ได้
ปลูกผักที่โคโรฟิลด์ เอาละดูคนอื่นเค้าทำไปบ้างแล้วคราวนี้ก็ตาเราละ ใส่ชุดเสื้อกันเปื้อน มีอุปกรณ์การปลูกให้ 1 ตระกร้า มีผัก 1 ต้น ช้อนสำหรับขุด ป้ายและปากกาสำหรับเขียนชื่อต้นไม้ที่เราปลูก เพื่อที่จะได้จำได้ถ้าหากว่ากลับมาดูมันอีก แต่ถ้าไม่มาในเวลาที่กำหนดผักของเราก็คงต้องไปอยู่ในจานอาหารของใครไปละนะ ^^
เก็บเกี่ยวมะเขือเทศ นี่แหละหน้าตาของมะเขือเทศสายพันธุ์จากเยอรมัน รสชาตอมเปรี้ยวตามธรรมชาติของมะเขือเทศ ก็อร่อยดี จะมีชะลอมให้เราเล็กๆ เอาไว้ใส่มะเขือเทศที่เก็บ ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับครอบครัว ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ พ่อแม่ก็ได้สอนลูกเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว ได้สัมผัสกับดินซึ่งปกติอาจจะไม่ค่อยมีเวลาพาลูกมาเล่นกับดินสักเท่าไหร่สำหรับคนเมือง ทำให้เด็กๆ รู้จักรักต้นไม้ และผลผลิตที่ได้จากการเพาะปลูก
อาคาร Coro me จากในสวนที่เรากำลังจะปลูกจะเก็บเกี่ยวมะเขือเทศกันอยู่ มองไปก็จะมีอีกอาคารหนึ่งอยู่ด้านหลัง เป็นอาคารกระจกมองเห็นด้านในคนกำลังทำอะไรอยู่ เดี๋ยวไปดูซะหน่อยดีกว่า
โคโรมี หรือ Coro me นี่เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งเรียกว่าอุปถัมป์ต้นไม้ ผู้ที่จะทำกิจกรรมนี้จะต้องเริ่มจากการเลือกต้นไม้ที่เราชอบซะก่อน แล้วจากนั้นก็เริ่มลงมือได้เลย ในอาคารมีโต๊ะให้เรานั่งแอร์เย็นสบายๆ เหมาะที่จะทำกิจกรรมที่ใช้เวลานานๆ
ขยายความคำว่า โคโรมี กันหน่อย เป็นกิจกรรมที่เราจะได้ทำการตกแต่งต้นไม้หรือสวนขนาดย่อมๆ ด้วยอุปกรณ์มากมายหลายอย่างมีไว้ให้เราเลือก ได้แก่ตุ๊กตาสัตว์จิ๋ว กรวดและทรายหลากสีให้เราเลือกใช้
ใบอุปถัมป์ต้นไม้ เป็นเอกสาร 1 แผ่น ที่เราจะได้เขียนชื่อลงไปว่าเราคือผู้หนึ่งที่ได้มาอุปถัมป์ต้นไม้ที่โคโรฟิลด์ มีตราให้ประทับลวดลายน่ารักทีเดียว เมื่อลงชื่อเสร็จสรรพประทับตรา จากนั้นก็เอาต้นไม้ที่เราเลือกและอุปกรณ์การตกแต่งสวนสไตล์เราที่เราเลือกมาเช่นกัน มาเรียงจัดวางให้กิ๊บเก๋ ตามไอเดียและพื้นที่ของกระถางที่จะอำนวย
ของที่ระลึกของโคโรฟิลด์ อีกมุมหนึ่งในอาคารเดียวกันจะเป็นโซนสำหรับเลือกซื้อของที่ระลึกจากที่นี่ มีมากมายหลายอย่างให้เลือกรวมไปถึงต้นไม้ด้วย
ชมวิวสวน Coro Field ด้านบนของอาคารโคโรมี มีบันไดให้เดินขึ้นไป เหมือนดาดฟ้าโล่งๆ มองเห็นบริเวณของโคโรฟิลด์ได้ทั้งหมดเลย สวนที่เราปลูกผักและเก็บมะเขือเทศอยู่ด้านล่างตรงหน้าเราเลย
สวนเมล่อน โคโรฟิลด์ กิจกรรมสุดท้ายของเราวันนี้คือการเข้าไปชมสวนเมล่อน ที่เราเห็นเค้าเลือกใช้สายพันธุ์โทมิ เป็นเมล่อนเปลือกสีทองที่ปกติเราไม่ค่อยได้เห็น ปลูกเอาไว้เต็มเลย เป็นแถวยาวๆ หลายๆ แถว น่ากินมาก เป็นอันว่าใช้เวลาไปประมาณ 2 ชั่วโมงทำกิจกรรมครบเลย ก็เอามาบอกเล่ากันเท่านี้ ไว้มีอะไรอัพเดตเราจะกลับไปใหม่ แล้วมาเล่ากันต่อ ไปสวนผึ้งคราวนี้อย่าให้ตกเทรนด์ เข้าไปเที่ยวชม Coro Field กันให้ได้นะครับ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ