www.touronthai.com

หน้าหลัก >> สุราษฎร์ธานี >> คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

 เขื่อนรัชชประภา (มี ช 2 ตัว หลายคนเขียนผิดเป็น เขื่อนรัชประภา) ที่หลายคนชอบเรียกชื่อเขื่อนเชี่ยวหลานตามหมู่บ้านเชี่ยวหลาน อยู่อำเภอบ้านตาขุน ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 90 กิโลเมตร พื้นที่กว่า 1 แสนไร่ของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน มีภูเขาสลับซับซ้อนสวยงาม ระดับน้ำประมาณ 20 เมตรไปจนลึกกว่า 100 เมตร ใสจนมองเป็นสีเขียวทั่วไปทั้งเขื่อน เสมือนเที่ยวในทะเล ทำให้มีคนมาเที่ยวกันเยอะขึ้นทุกปีๆ ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนก็มีที่พักเป็นแพให้บริการอยู่มากมายได้แก่

    หน่วยอุทยาน ขส.2 มีบ้านพัก 2 หลัง พักได้ 30 คน

    แพพักที่หน่วยฯ นางไพร มี 6 หลัง พักได้ 50 คน

    แพพักที่หน่วยฯ โตนเตย มี 7 หลัง พักได้ 10-18 คน

    แพพักที่หน่วยฯ ไกรสร มี 10 หลัง

    ราคาที่พักรวมค่าอาหารคนละ 500 บาท โดยขึ้นเรือที่ท่าริมแก่ง ค่าเช่าเรือหางยาวสำหรับเดินทางไปยังแพต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล แพนางไพร ราคา 1,200 บาท แพโตนเตยและแพไกรสรราคา 1,700 บาท

    นอกจากนี้ก็ยังมีแพของเอกชนให้บริการอีกหลายแพ เช่น แพสายชล แพ 500 ไร่ โทร. 095 4100011, 095 4100022, 095 4100033

    แพภูผาวารี โทร.077-970079, 089-5887496, 081-7879846 

    แพเชี่ยวหลานทัวร์ โทร. 082-274 2910 ฯลฯ แต่ก็ยังมีอีกที่หนึ่งที่หลายๆ คนไม่ค่อยรู้จัก และไม่ค่อยมีคนพูดถึง ซึ่งเราจะเน้นรายละเอียดของที่นี่กัน ที่ที่กำลังพูดถึงนี้ก็คือ แพที่หน่วยคลองหยา หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า คลองแสง มาจากชื่อเต็มๆ ว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง ที่คลองแสงอยู่ห่างจากท่าเรือนำเที่ยวเขื่อนรัชชประภาประมาณ 2 เท่าของแพ 500 ไร่ ที่หลายๆ คนคงรู้จัก ถ้ามาแพที่สร้างกันเยอะๆ ใกล้ๆ โซนภูเขากลางน้ำที่เรียกกันว่ากุ้ยหลินเมืองไทย ใช้เวลานั่งเรือ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าจะไปคลองแสง นั่งเรือ 2 ชั่วโมง โดยติดต่อเรือที่อุทยานแห่งชาติเขาสกได้เหมือนกัน ค่าใช้จ่าย เรือไป-กลับ 6000 บาท ค่าที่พักพร้อมอาหาร 900 บาทต่อคนต่อวัน ผู้ที่ประสงค์จะไปพักควรติดต่อที่พักล่วงหน้า โทร. 0 7729 9318-9

    การเดินทาง จากอำเภอเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 401 แยกเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขส.2 (เชี่ยวหลาน) ตรงหลักกิโลเมตรที่ 60 ระยะทาง 14 กิโลเมตร รถโดยสาร มีรถตู้ สาย สุราษฎร์ธานี - เขาสก บริการตลอดวัน

ข้อมูลเพิ่มเติม:อุทยานแห่งชาติเขาสก โทร. 0 7739 5139
เขื่อนรัชชประภา โทร.0 7724 0740-5

แก้ไขล่าสุด 2017-07-22 09:48:48 ผู้ชม 70437

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ
ท่าเรือนำเที่ยวเขื่อนรัชชประภา

ท่าเรือนำเที่ยวเขื่อนรัชชประภา พูดถึงการเดินทางมาเขื่อนเชี่ยวหลานคงไม่เล่ารายละเอียดมาก แต่สำหรับคนไม่รู้ ก็เล่าก่อนว่าเราก็มาหลายครั้งครั้งแรกเรามาด้วยรถตัวเอง ขับเที่ยวเพลินบนสันเขื่อนแล้วค่อยมาท่าเรือ ครั้งล่าสุดเรามาเครื่องบินลงสุราษฎร์โทร.เรียกรถตู้สายสุราษฎร์เขาสก 086-692 6241 เป็นเบอร์ผู้จัดการคิวรถตรงสี่แยกเข้าเขื่อน แต่เค้าช่วยประสานงานให้เราได้ รถมารับเราสนามบิน คิดค่ารถเพิ่มนิดหน่อย เป็นร้อยกว่าบาท นี่ไปลงเขาสกเลยนะ นอนเขาสกก่อนแล้วค่อยกลับมาที่เขื่อน ค่ารถเขาสกมาเขื่อน ก็ 80 บาท จากนั้นเราก็ต้องต่อรถ ลืมบอกไปเลยว่าให้โทรนัดรถของอุทยานไว้ก่อนที่เราจะมาถึง กะเวลาให้พอเหมาะ อุทยานแห่งชาติเขาสก โทร. 0 7739 5139 จะมีบริการทั้งรถรับ-ส่ง เรือพาเที่ยว ค่าที่พักต่างๆ ปกตินัดกันที่สี่แยกตรงป้ายเขื่อนรัชชประภา นั่งเข้าไปอีก 14 กิโลเมตร

เรือนำเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน

เรือนำเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน พอมาถึงท่าเรือ ก็จัดการหาอะไรกินเล่นๆ มีน้ำขวดเล็กๆ หรือจะกินน้ำอัดลมให้ชื่นใจก็ตามสบายที่ท่าเรือนี้มีร้านค้าเยอะถ้าจะไปนอนหลายวันซื้อของกินของใช้จำเป็นอย่าให้ขาด เผื่อไว้ดีกว่า เสร็จแล้วก็มายืนที่ทางลงเรือ เรือนำเที่ยวที่เขื่อนเชี่ยวหลานเดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออกอยู่ตลอดเวลา คนที่มาเที่ยวก็มายืนเรียงกันอยู่รอแต่ว่าลำไหนคือเรือของตัวเอง ส่วนเรือเข้าคลองแสงของเรา พี่คนที่ขับรถไปรับเราจากปากทางเขื่อน เป็นคนขับเรือพาเราเข้าไปด้วย สุดยอดจริงๆ ขับเป็นทุกอย่าง ที่มันเห็นแล้วสะดุดตาจนทุกคนต้องเอากล้องออกมาถ่ายรูปไม่ยอมลงเรือสักทีก็คือวิวสวยๆ ของเขื่อนแห่งนี้ที่ล้อมด้วยน้ำสีเขียวใสจนอยากกระโดดลงไปเล่น

มุ่งหน้าสู่กุ้ยหลินเมืองไทย

มุ่งหน้าสู่กุ้ยหลินเมืองไทย หลังจากที่เราเตรียมความพร้อมด้วยการซื้อน้ำไป 1 แพค ที่จริงแพทุกแพเค้ามีน้ำบริการให้หมดแหละ แต่ที่คลองแสงที่เค้าร่ำลือว่าเดินทางเข้าไปลึกนักลึกหนาเราก็ไม่รู้ว่าระบบน้ำกินน้ำใช้จะเป็นยังไง เอาเป็นว่าซื้อไปแหละดีแล้ว ขนมขบเคี้ยวมีไว้ใช่ว่า เพราะกลางคืนไม่มีอะไรทำ ก็เอาเป็นว่าเหลือดีกว่าขาดแหละนะ

    เรือพาเราแล่นออกจากท่าเร็วพอประมาณ เราต้องนั่งเรือ 2 ชั่วโมงเข้าไปถึงหน่วยคลองหยา ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง พูดง่ายๆ คือนั่งเรือนานกว่าคนอื่นเค้า 2 เท่า ระหว่างนี้เราก็จะผ่านพื้นที่ที่เป็นภูเขาตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำ ที่มีลักษณะเหมือนกุ้ยหลินของจีน เลยเรียกว่ากุ้ยหลินเมืองไทย แต่ของเราเล็กกว่า ก็เอาเถอะนี่ก็ถือว่าสุดยอดของเมืองไทยแล้ว

    เรือจะอยู่ในนี้พักนึงแล้วก็ทะลุไปอีกด้านของหุบเขา ระหว่างที่เราอยู่กลางกุ้ยหลินต่างคนต่างก็ยกกล้องกับมือถือออกมาถ่ายรูปกันใหญ่ ถ่ายวิวบ้างถ่ายเซลฟี่บ้างสนุกกันไป วิวของเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลานนี่สวยจริงๆ หลายคนมาแล้วมาอีก เราเองก็เหมือนกัน รอบสองยังไม่พอคงต้องมาอีกรอบสาม

แพต่างๆ ในเขื่อนรัชชประภา

แพต่างๆ ในเขื่อนรัชชประภา หลังจากที่เรือพาเราทะลุกุ้ยหลินออกมาแล้ว ก็จะเริ่มเห็นแพที่พักที่อยู่ในเขื่อนเชี่ยวหลาน ทีละแพๆ ที่ดังๆ ก็อย่างเช่น แพ 500 ไร่ รูปล่างขวา แพภูผาวารี รูปบนซ้าย แพนางไพรของอุทยาน แล้วก็แพของหน่วยคลองมอญ (รูปบนขวากับล่างซ้าย) นอกจากนี้ยังมีอีกเพียบที่เราไม่เห็น หรืออยู่ไกลเกินจะถ่ายรูปมาให้ดูได้ ตอนนี้เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง แสดงว่าเรามาถึงครึ่งทางของคลองแสงแล้วละ

ฝูงกระทิง

ฝูงกระทิง หลังจากที่เราผ่านแพที่พักของหน่วยฯ คลองมอญ มาได้ไม่นาน ภูเขาที่เราเห็นรอบๆ เป็นภูเขาดินไม่ใช่ภูเขาหินแบบสวยๆ ที่กุ้ยหลิน ริมตลิ่งของเชิงเขาที่เป็นดินมีหญ้าสีเขียวๆ ขึ้นเยอะ เราก็มองซ้ายมองขวาไปเรื่อย เพราะการนั่งเรือ 2 ชั่วโมงก็มีเพลียมีเบื่อ เป็นธรรมดา แล้วอยู่ๆ เพื่อนคนหนึ่งในเรือตะโกนขึ้นมาว่านั่นตัวอะไร กระทิงหรือควาย แค่นั้นแหละทุกคนหันไปดูพร้อมกันหมด พี่คนขับเรือหันหางเสือมุ่งหน้าไปทางกระทิงฝูงนั้นทันที พอไปไกล้หน่อยก็ดับเครื่องเรือให้เรือค่อยๆ ไหลเข้าไปหากระทิง พอดีเลนส์ที่หยิบไปทริปนี้มันไม่ยาวเท่าไหร่ เลยอดได้ภาพกระทิงๆ ชัดๆ เลย แต่ทุกคนที่เห็นก็ตื่นเต้นดีใจ เพราะเกิดมาไม่เคยได้เห็นฝูงกระทิงอยู่กลางธรรมชาติแบบนี้มาก่อน พอเรือไหลเข้าไปใกล้หน่อยฝูงกระทิงก็พากันเดินหนีเข้าป่า เอาแล้วไง ยังไม่ถึงหน่วยคลองหยาเลย มาเห็นของดีเข้าจะจะแบบนี้ ก็สนุกสิครับ มันเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมสำหรับการมาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน เพราะทุกคนก็พากันมาแค่รอบๆ กุ้ยหลิน โอกาสจะได้เห็นกระทิงหรือสัตว์ป่าแบบนี้คงจะยาก

หน่วยคลองหยา

หน่วยคลองหยา 2 ชั่วโมง 10 นาที คือเวลาที่เรานั่งเรือจากท่าเรือมาถึงที่นี่ บรรยากาศท้องฟ้าช่วงเดือนมิถุนา ช่างครึ้มจริงๆ หรือฟ้าจะครึ้มแค่ในบริเวณคลองแสงก็ไม่รู้เพราะตอนนั่งเรือเข้ามากุ้ยหลินฟ้ายังใสอยู่เลย แว่บแรกที่เราเห็นหน่วยคลองหยา เราเห็นตึกร้างที่เหลือแค่ช่วงเสากับพื้นอยู่ปริ่มๆ น้ำ มีอาคารสีแดงเก่าๆ ร้างอยู่สูงบนเนินขึ้นมาหน่อย แล้วก็มีตึกค่อนข้างใหม่สีขาวอยู่สูงขึ้นไปอีก ส่วนแพที่อยู่กลางน้ำบอกเลยว่ามันดูเก่าๆ ผุๆ ไม่ได้หรูหราเหมือนแพข้างนอก แต่ก็เข้ากับบรรยากาศของการเที่ยวโซนที่คนไม่ค่อยได้มาเห็น เป็นแพกลางน้ำของเขื่อนเชี่ยวหลานที่ล้อมรอบด้วยป่าดิบ สัตว์ป่านานาชนิดส่งเสียงร้องให้ฟังตลอดวัน ออกเรือไปชมวิวชมสัตว์ป่ากันได้ เช้า บ่าย ค่ำ พอเรือมาถึงเจ้าหน้าที่ก็ออกมารับด้วยรอยยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร ดูๆ ไปก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เคยได้ยินมานะ ทริปนี้เรามีผู้หญิงสาวๆ ตั้ง 8 คน มีเราเป็นชายหนุ่มอยู่คนเดียวซะด้วย ก่อนจะมาสาวๆ ออกจะกังวลนิดๆ แต่พอมาเห็นแบบนี้แล้วก็สบายใจ

แพหน่วยคลองหยา เขื่อนเชี่ยวหลาน

แพหน่วยคลองหยา เขื่อนเชี่ยวหลาน นี่คือแพที่เราจะได้นอนค้างกัน มีทั้งแพเก่าแพใหม่ปนๆ กัน พอลงจากเรือสาวๆ ก็เดินไปเลือกบ้านที่จะนอน เราปล่อยให้เค้าเลือกกันไป เหลือหลังไหนก็นอนหลังนั้น ดูเหมือนว่าทุกคนเลือกแพที่เป็นไม้ขัดแตะกันหมดเพราะดูใหม่กว่า ที่มาเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกก็นอนหลังใหญ่ไปเลย ที่เห็นตึกสีขาวเป็นที่ตั้งของหน่วยคลองหยา หลังจากที่โดนน้ำท่วมพังไปแล้ว 2 หลัง จนได้ย้ายมาอยู่บนเนินที่น้ำท่วมไม่ถึง ส่วนที่เห็นอยู่ข้างอาคารเหมือนหอส่องสัตว์ เป็นแผงโซลาร์เซลล์ เก็บพลังงานแสงอาทิตย์ให้แพที่หน่วยคลองหยามีไฟฟ้าใช้ได้ตลอดคืน อั้ยหย่ะ มีไฟใช้ตลอดคืน ขนาดแพที่เปิดให้คนเที่ยวแพงกว่านี้ยังมีไฟให้แค่เที่ยงคืนบ้าง 4 ทุ่มบ้างเลย ที่ห่างไกลอย่างคลองแสงมีไฟตลอดคืนเนี่ยนะ สุดยอด

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

ระหว่างที่สาวๆ พากันเดินเลือกบ้านพัก ก็มีฝรั่ง 2 คน เชคเอาท์ออกไปพอดี เออละเหวย คนไทยไม่ค่อยมาเที่ยวไม่ค่อยเคยได้ยินทั้งชื่อคลองหยา คลองแสง แต่ไหงฝรั่งมากันได้ละหว่า สอบถามได้ความว่า เขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลานของไทยนี้ นอกจากจะเป็นที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเราที่ใครๆ ก็อยากจะมากันทั้งนั้นแล้ว ยังเป็นแหล่งตกปลาตามธรรมชาติที่ชื่อก้องโลกด้วย แต่ละปีจะมีนักตกปลามาประลองฝีมือกันที่นี่ปีละไม่ใช่น้อยๆ ในหน้าฝนบริเวณหน่วยคลองหยา เป็นเขตห้ามจับสัตว์น้ำเพื่อการประมง แต่ถ้าตกเป็นกีฬายังตกได้อยู่ แม้จะแปลกแต่ก็เป็นกฎของที่นี่ ฝรั่งพวกนี้มาตกปลาในเขื่อนเชี่ยวหลานบริเวณใกล้ๆ หน่วยคลองหยา เพราะที่นี่ปลาทั้งชุมทั้งใหญ่

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

ปลาที่ตกได้ในเขื่อนเชี่ยวหลาน มีหลายชนิดด้วยกัน แล้วแต่ใครจะตกได้ใหญ่เล็ก แต่ตกเป็นกีฬาหมายถึงพอได้มาก็ปล่อยกลับไป ดูเอาเถอะว่าหลายปีที่ผ่านมามีคนมาตกปลาได้ตัวใหญ่ขนาดไหน ถึงว่าฝรั่งถึงรู้จักที่นี่ถึงกับดั้นด้นบินมาพักที่แพเล็กๆ ไม่หรูหราแห่งนี้

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

แสงยามเช้าอันน้อยนิด 3 วัน 2 คืนที่นอนที่หน่วยคลองหยา เราแทบจะไม่เห็นพระอาทิตย์เลย เพราะเมฆฝนหนามาก กลางคืนฝนตกหนักประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ตลอดกลางวันไม่ค่อยมีฝน มีบ้างก็ไม่นานและไ่ม่หนัก ทำให้ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ไม่ลำบากลำบนอะไรมากมายนัก ปกติถ้าไม่ใช่วันที่เมฆมากพระอาทิตย์ขึ้นที่แพหน่วยคลองหยาก็สวยไม่เบา ส่วนพระอาทิตย์ตกต้องนั่งเรือไปชมที่ต้นน้ำ เจ้าหน้าที่จะแนะนำเราทุกอย่าง ว่าเวลาไหนควรอยู่บ้าน เวลาไหนควรล่องเรือออกไปชมวิวส่องสัตว์ เป็นกิจกรรมหลักของคนที่มาพักที่นี่ แทนที่จะไปเดินจุดชมวิว หรือเข้าถ้ำปะการังเหมือนกับคนที่พักบริเวณแพด้านนอก แต่ก็นั่นแหละสิ่งที่เราได้เห็นกับสิ่งที่คนอื่นได้เห็นมันก็ต่างกันไป ถ้ามีเวลามากกว่านี้ว่าจะนอนแพนางไพร หรือแพอื่นๆ ของอุทยานที่อยู่ด้านนอก เพราะประหยัดและอยู่ใกล้กับที่เที่ยวพวกถ้ำปะการังกับจุดชมวิวยอดเขา แต่ทริปนี้เราเน้นที่จะมาผจญภัยกับสิ่งแปลกใหม่ที่คนอื่นๆ เค้าไม่ค่อยได้มาเพื่อที่จะมาบอกเล่าว่าในคลองแสงมีอะไร เป็นยังไง นี่แหละ

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

สายหมอกยามเช้า กับพวกเราในคลองแสง เจ้าหน้าที่ 2 นาย 1 แม่ครัว พวกเราอีก 11 คน แม้ว่าวิวที่เราเห็นจะไม่สวยเท่ากุ้ยหลินเพราะที่นี่เป็นภูเขาดิน แต่น้ำก็ใส หมอกก็สวยตามธรรมชาติ สิ่งที่เราได้เห็นอย่างฝูงกระทิง ก็เป็นกำไรอีกส่วนหนึ่งที่ได้จากการเดินทางมาไกล ค่าหัว 900 บาทต่อวันต่อคน สำหรับที่พักและอาหาร 3 มื้อ ไม่แพงเลยเมื่อแลกกับสิ่งที่ได้ เรามีไฟฟ้าใช้ และมี wi-fi พอให้ติดต่อกับโลกภายนอก ระหว่างที่อยู่ที่นี่เราส่งรูปขึ้นเฟส เข้าไลน์ได้สบาย เพราะที่นี่เป็นหน่วยรายงานระดับน้ำฝนของการไฟฟ้า จึงมีเสาสัญญาณมาตั้งให้ คลองแสงเป็นต้นน้ำสำคัญของเขื่อนเชี่ยวหลานแห่งนี้ แล้วพอมีเวลาเจ้าหน้าที่จะพานั่งเรือไปเที่ยวต้นคลอง ตรงที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ค่อนข้างมาก จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ มีคนได้เห็นทั้งกระทิง หมี กวาง หมูป่า ลิง ค่าง นกอีกหลายชนิด เรื่องราวเหล่านี้คนนอนด้านนอกคงไม่เคยได้เห็นได้สัมผัส 

ล่องเรือชมวิวคลองแสง ต้นน้ำแห่งรัชชประภา

ล่องเรือชมวิวคลองแสง ต้นน้ำแห่งรัชชประภา เช้าวันหนึ่งเราได้โอกาสนั่งเรือออกมาจากแพ เดินทางมุ่งหน้าขึ้นไปจุดที่อยู่ทิศเหนือ เหนือสุดของเขื่อนเชี่ยวหลาน ระยะทางหลายกิโลเมตร บริเวณนี้เราจะได้เห็นวิวเทือกเขากับสายหมอก ปกติเจ้าหน้าที่จะพาออกมาเวลาตี 5 ครึ่ง เพื่อให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่น่าเสียดายช่วงตี 3 ฝนตกหนัก หลายคนนอนไม่หลับเลยต้องตื่นสาย ตอนกลางคืนมีเขียดตะปาด หรือตัวปาด กระโดดเข้ามาในบ้าน สาวๆ กรี๊ดกันใหญ่ พากันไล่ปาดออกจากบ้าน ดูๆ ก็ฮาดี บางคนถึงกับละเมอเรื่องปาด โวยวายตอนดึกๆ แต่พออยู่ไป 3 วันทุกคนก็เริ่มชินกับเจ้าถิ่นตัวนี้ เรียกว่ากลัวจนหายกลัวนั่นแหละ แต่ถึงเราจะออกมาตี 5 ครึ่ง เราก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น เพราะพระอาทิตย์แทบไม่ออกมาจากเมฆเลยตลอด 3 วัน  พระอาทิตย์ตกก็เหมือนกันไม่งั้นคงได้วิวสวยกลับมาเพียบ 

    อย่างวันนี้ ไม่มีพระอาทิตย์แต่มีสายหมอกสีขาวปกคลุมไปตามแนวเขา พอเรือเลี้ยวออกมาจากช่วงที่อยู่กลางเขาสูงมาอยู่ที่โล่งมองเห็นวิว 360 องศา ทุกคนก็กดชัตเตอร์กันไม่ยั้ง ผลัดกันไปนั่งที่หัวเรือถ่ายรูปกับวิวกันสนุกสนาน

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

วิวสวย เขื่อนเชี่ยวหลาน

วิวสวย เขื่อนเชี่ยวหลาน

คลองแสงงยามเย็น

คลองแสงงยามเย็น รอบเช้าออกเรือไปแล้ว จะออกอีกรอบคือบ่ายสามโมงโดยประมาณ หรือบางทีก็เย็นกว่านั้นกะว่าให้เห็นพระอาทิตย์ตกระหว่างล่องเรือไปด้วย ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ บางวันฝนตกก็ออกเรือไม่ได้ ก็เปลี่ยนไปเป็นรอบหัวค่ำ 1 ทุ่มแทน เป็นการส่องสัตว์แบบไนท์ซาฟารี ปกติแม้ที่นี่จะปิดล้อมไปด้วยเขาสูง แต่คำบอกเล่าของคนที่เคยมาและเจ้าหน้าที่บอกตรงกันว่า พระอาทิตย์ขึ้นและตกของที่นี่สวยไม่แพ้ที่กุ้ยหลินด้านนอก เพียงแต่วันที่เราไปเมฆมันเยอะมากเท่านั้นเอง เรื่องนี้ก็ต้องทดไว้ในใจ ว่ามีโอกาสเมื่อไหร่ เราจะกลับมาที่นี่แน่นอน เพื่อเก็บภาพแสนสวยเหล่านั้นให้ได้

ส่องกวางในเขื่อนเชี่ยวหลาน

ส่องกวางในเขื่อนเชี่ยวหลาน กิจกรรมล่องเรือส่องสัตว์ เป็นครั้งแรกในชีวิตของทุกคนในทริปนี้ ปกติการส่องสัตว์คือการนั่งรถของอุทยานกับไฟดวงโตๆ แล่นไปตามป่า แต่ที่คลองแสงใช้เรือเป็นพาหนะได้อย่างเดียว สัตว์ชนิดเดียวที่เราเห็นในคืนนี้ก็คือกวาง มันจะออกมาหากินเป็นฝูงๆ อยู่ใกล้ๆ ริมน้ำ พอเห็นไฟมันจะยังไม่หนีจนเราดับเครื่องเรือปล่อยให้ลอยไปใกล้ แม้มันจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่มันจะเริ่มเดินหนีเข้าป่าไปก่อน บางคนเอา iPhone มาถ่ายรูปกวางตอนกลางคืน ปรากฏว่าถ่ายได้ซะด้วย เพราะเราอยู่ใกล้มันพอสมควรเลยละ แรกๆ พี่เจ้าหน้าที่บอกให้เราดูกวาง เราไม่รู้หรอกว่ากวางอยู่ไหน แต่พอนานๆ ไปเราก็เริ่มดูเป็น เวลาแสงไฟไปโดนตามันจะเห็นเป็นดวงเขียวๆ มันอยู่กันเป็นฝูงก็จะเห็นหลายดวง ถ้ามากันน้อยคนบอกเลยว่าน่ากลัวมาก เพราะกลางป่าเวลากลางคืนมันมืดสุดๆ จริงๆ แต่พอมากันเกือบ 10 คน ความกลัวก็น้อยลงไปเยอะ

ฝูงหมูป่า

ฝูงหมูป่า การส่องสัตว์ของเรามีหลายรอบเพราะเราอยู่กัน 3 วัน มีแต่วันสุดท้ายเท่านั้นที่ไม่มีกิจกรรมส่องสัตว์หรือล่องเรือชมพระอาทิตย์ขึ้น เพราะเราต้องรีบกลับฝั่งก่อนจะเที่ยง เพื่อนบางคนจองตั๋วเครื่องบินขากลับเอาไว้ไฟลท์บ่าย ก็ต้องออกเร็ว ไม่มีใครว่าอะไรกันมันเป็นเรื่องสุดวิสัย รอบนี้โชคไม่ค่อยดีไม่ได้เห็นหมี เห็นช้าง แต่ก็ได้เห็น ลิง ค่าง กวาง หมูป่า และกระทิง เท่านี้ก็สุดยอดแล้ว นี่ถ้าไม่ติดว่าฝนตกทุกวัน วิวสวยๆ ที่เราได้เห็นคงจะยิ่งเพิ่มความประทับใจได้มากกว่านี้ แม้ว่าหมูป่าจะเป็นสัตว์ที่เราเห็นในเมืองเพราะมีคนเลี้ยงมัน แต่เทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่เราได้มาเจอพวกมันเดินหากินอยู่ในป่าจริงๆ แบบนี้ ลูกหมูป่าตัวน้อยๆ เดินตามแม่ พอเรือมาใกล้แม่หมูป่าก็พาลูกวิ่งเข้าป่าไป

จอดเรือซุ่มถ่ายกระทิง

จอดเรือซุ่มถ่ายกระทิง เช้าวันนี้เป็นวันที่โชคดีที่สุด เราล่องเรือมาสุดคลองแสงจนไปต่อไม่ได้ พื้นที่ตรงนี้มีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เป็นที่หากินของกระทิง เจ้าหน้าที่รู้ดีจึงพาเรามาที่นี่ ครั้งแรกไม่เจอแต่มีรอยเท้ากระทิงอยู่ตามตลิ่งคลอง รอยเท้ามันใหญ่มากจนทีแรกไม่คิดว่าเป็นรอยเท้ากระทิง แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าเป็นเท้ากระทิงแน่ๆ ครั้งที่สองรอบเช้า เราเจอฝูงกระทิงพร้อมลูกตัวแดงๆ เดินเล็มหญ้าอยู่ลิบๆ เจ้าหน้าที่จอดเรือในระยะที่ห่างจนปลอดภัย แต่ห่างเกินไปสำหรับเลนส์ 200mm จนเราต้องย่องๆ เข้าไปหากระทิงอีกหลายสิบเมตร เพื่อนๆ ไม่มีใครตามมายืนรอดูสถานการณ์อยู่กับเรือเพราะไม่มีเลนส์ที่ยาวพอจะถ่ายมันได้

กระทิง เขื่อนเชี่ยวหลาน

กระทิง เขื่อนเชี่ยวหลาน เราใช้เนินดินที่อยู่กลางทุ่งกว้างเป็นเครื่องพรางตัว หมอบๆ ต่ำๆ ให้หัวอยู่ระดับเดียวกับยอดหญ้า กระทิงมีลูกน้อยมาด้วยมันต้องหวงมาก ระยะที่เข้ามายังไม่ใกล้พอแต่ไปต่อไม่ได้แล้วเพราะข้างหน้าหญ้ามันเตี้ยกว่าที่เราอยู่ ถ้าไม่หมอบคลานไปกับพื้นที่แฉะๆ กระทิงคงจะมองเห็นเราซะก่อน พอได้จังหวะกระทิงเงยหน้าขึ้นก็ถ่ายมาแม้ว่าจะไม่คมชัดเหมือนเลนส์มืออาชีพ แต่นี่ก็เป็นผลงานการถ่ายสัตว์ป่าในป่าจริงเป็นงานแรกที่เราภาคภูมิใจ เราว่ามันก็เห็นเราเหมือนกันแต่มันไม่สนใจเท่านั้น แต่จะเข้าใกล้กว่านี้ก็อันตรายเกินไป พอถ่ายรูปได้แล้วก็ย่องกลับเงียบๆ

ระยะดูกระทิง

ระยะดูกระทิง ในรูปนี้มองดีๆ จะเห็นกระทิง 2 ตัว เรากับเพื่อนร่วมทริปพยายามย่องเข้าไปอาศัยต้นไม้บัง ถ่ายรูปแล้วก็กลับมา เห็นภาพนี้คงพอจะรู้ว่าเราอยู่ใกล้มันขนาดไหนมีอีกหลายตัวที่อยู่นอกภาพนี้ทางด้านขวา มีแม่ลูกอ่อนด้วย

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

หลังจากเจอกระทิง แม้ว่าเราจะยังอยากเจอสัตว์อื่นๆ อีก อย่างพวกช้างป่าแต่ไม่เจอ เพราะช่วงนี้ในป่าอุดมสมบูรณ์มากจนช้างไม่จำเป็นต้องออกมาหากินริมน้ำ แต่เรื่องราวการย่องไปถ่ายกระทิงในระยะที่ใกล้มากก็ยังเป็นเรื่องตื่นเต้นให้เราได้เมาท์กันสนุกต่อไป ทริปนี้มาคุ้มแล้ว ถ้าเจอสัตว์อื่นๆ อีก นับว่ากำไรเหลือๆ 

โฉมหน้าพลขับ

โฉมหน้าพลขับ ล่องเรือออกจากบริเวณที่เจอกระทิง เรายังมีพื้นที่อีกกว้างมากมายมหาศาลให้เราไปสำรวจ แพที่พักของหน่วยคลองหยาอยู่เหนือสุดของอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา และไม่มีแพของเอกชนอื่นๆ มาตั้งอยู่แถวนี้ พื้นที่ทั้งหมดบริเวณนี้จึงเหมือนกับเป็นของพวกเราที่พักที่คลองหยาโดยเฉพาะ เราเลยเรียกแพที่เราพักว่า แพหมื่นไร่ เพราะกิจกรรมให้ทำมากมายยิ่งกว่าที่แพไหนๆ จะมีให้ ดีใจจังที่เลือกมาที่นี่สำหรับทริปนี้ เจ้าหน้าที่เอาผ้าห่มมาห่มระหว่างขับเรือ ดูจากเค้าหน้า ทรงผมแล้ว มาห่มผ้าลายกุหลาบสีชมพู เห็นแล้วอดถ่ายรูปกลับมาไม่ได้จริงๆ มันช่างคอนทราสต์กันแบบสุดๆ จริงๆ

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

กิจกรรมยามว่างของคนมาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน รู้แหละว่าคนที่นอนด้านนอกคงไปเดินจุดชมวิว ขึ้นยอดเขาสวยๆ หรือไม่ก็เข้าถ้ำปะการัง แต่หลายคนที่กะมานอนเฉยๆ ก็คงมีไม่น้อย เพราะไม่ถนัดเรื่องเดินป่า ของพวกเราพอจบการล่องเรือชมวิวชมสัตว์ป่า เราก็เล่นน้ำ หรือไม่ก็อ่านหนังสือ เล่นเฟส ไลน์ ส่งรูปอวดใครๆ เพราะเรามี wi-fi 5555+ นอกจากนั้นก็เดินหามุมถ่ายรูปตามความชอบของแต่ละคนกันไป สาวๆ ก็โดดกันไป สนุกสนานกันไปในช่วงเวลาที่สงบล้นเหลือ เพราะเรายึดแพเอาไว้หมดแล้วนั่นเอง

เขื่อนเชี่ยวหลานนอกจากถ่ายรูปริมน้ำ กระโดดลงน้ำ เรายังมีพื้นที่อีกมากมายในการโพสท่าสวยๆ เช่นทุ่งดอกหญ้าที่ขึ้นอยู่เต็มเนินด้านหลังแพ ดูๆ แล้วภาพแบบนี้คนที่นอนแพอื่นๆ คงจะไม่มีเป็นแน่ นับเป็นอีกมุมมองหนึ่งของการมาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ภาพสวยๆ อีกมากมายที่เราใส่ไว้เป็นภาพย่อๆ เล็กๆ ด้านล่าง ทุกรูปคลิกให้ขยายได้นะ

ชุดลาดตระเวน อุทยานแห่งชาติเขาสก

ชุดลาดตระเวน อุทยานแห่งชาติเขาสก วันนี้เป็นวันที่เจ้าหน้าที่จะมาเปลี่ยนเวร เจ้าหน้าที่ที่อช.เขาสก จะออกลาดตระเวนตามป่าเหมือนๆ กับอุทยานอื่นๆ แต่ละชุดออกเดินทางสำรวจป่าเขา 4 วัน รอบๆ บริเวณ บังเอิญตรงกับวันนี้ที่เราอยู่ เลยได้เห็นเจ้าหน้ามากันเยอะ แล้วอีกไม่นานก็จะออกเดินเท้ากันไป ที่นี่ก็มีการลักลอบตัดไม้อยู่เนืองๆ เหมือนกัน แต่ก็ลดลงไปแล้วบ้างเพราะการตรวจตราอย่างเข้มงวดและนักท่องเที่ยวเข้า-ออกกันเยอะขึ้น

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

อยู่ว่างๆ เราก็ลงเล่นน้ำ คนว่ายน้ำแข็ง ว่ายไม่แข็ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเรามีเสื้อชูชีพ แพของเราอยู่ห่างจากทุกแพมาก แต่ก็ไม่น่าเบื่อมีเน็ตเล่นก็อยู่ได้ทั้งวัน ร้อนๆ ก็ลงน้ำ แล้วก็ขึ้นมา แล้วก็ลงใหม่ สลับกันไปกับการถ่ายรูปโพสเฟส wink

สาวๆ อาบน้ำในเขื่อนกันหมด ไม่มีใครไปอาบในห้องน้ำ ฟอกสบู่กันแบบง่ายๆ เปลี่ยนเสื้อผ้า รอกินข้าว กินเสร็จโพสรูป ถ่ายรูป รอเวลาออกเรือเที่ยวต่อไป ทีแรกคิดว่า 3 ช่างยาวนาน แต่เอาเข้าจริง มันสั้นกว่าที่คิดเยอะ เวลาแห่งความสุขหมดไปเร็วอย่างเค้าว่ากันจริงๆ

ของว่างมาแล้ว

ของว่างมาแล้ว น้องปิ๊ก อาบน้ำไปเรียบร้อยแล้วตอนสายๆ พอบ่ายเห็นเพื่อนๆ ลงเล่นน้ำกัน เลยเอาของว่างจากครัวมาเสิรฟ มันคือข้าวเกรียบทอดใหม่ๆ มาให้กินระหว่างเล่นน้ำเลยทีเดียว แบบนี้สิไม่ใช่สวยแต่รูปนะ ใจดีด้วย heart

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

เขื่อนเชี่ยวหลาน

เขื่อนเชี่ยวหลาน ครบ 3 วันอย่างรวดเร็ว ได้เวลาที่เราจะออกเดินทางจากคลองแสงกลับออกมาที่ท่าเรือ กลุ่มที่จะขึ้นไฟลท์บ่ายก็เชคอินออนไลน์ที่ท่าเรือแล้วก็นั่งรถไปเลย ส่วนคนที่อยู่ต่อก็เดินทางเข้าในเมืองสุราษฎร์ธานี แต่ตอนนี้เรือของเราออกมาจากคลองแสง เมฆครึ้มมากๆ จนไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเลย พอออกมาถึงบริเวณกุ้ยหลิน ท้องฟ้าเริ่มโปร่งพอจะถ่ายรูปขุนเขาและสายหมอกได้บ้าง เราออกเดินทางแต่เช้าเพื่อให้มีเวลาเอ้อละเหยอยู่ในกุ้ยหลินได้สักพัก เพราะต้องถ่ายรูปมุมสวยๆ ของที่นี่กลับไปให้ได้บ้างสักหน่อยก็ยังดี

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

กุ้ยหลินเมืองไทย

กุ้ยหลินเมืองไทย ขุนเขาที่เราเห็นล้อมรอบเราอยู่ แต่ก่อนก็เป็นเขาเหมือนปกติทั่วไป ไม่มีน้ำสูงขนาดนี้ แต่พอสร้างเขื่อน น้ำก็ถูกเก็บไว้จนมีความลึกหลายสิบเมตรไปจนถึงร้อยเมตร และเป็นน้ำที่ใสจนเป็นสีเขียวสวยงามอย่างที่เห็น ในหุบเขาก็มีที่แคบบ้างกว้างบ้าง คล้ายกับกุ้ยหลิน ก็เลยถูกเรียกว่ากุ้ยหลิน ขาเข้าไปเราไม่ได้แวะอะไรมาก แค่ถ่ายรูปตอนเรือผ่าน เพราะวางแผนไว้แล้วว่าจะจัดหนักตอนขากลับ ระหว่างนั่งเรือลัดเลาะไปตามซอกของหุบเขา เราก็มีช่วงที่ผ่านแพอื่นๆ เหมือนกัน พอเห็นแพนางไพร ทุกคนก็พูดออกมาตรงกันเลยว่าวิวสวยมาก ถ้ามีที่นี่อีกต้องนอนแพนางไพรแน่ๆ เพราะอยู่ไม่ไกลจากกุ้ยหลิน น่าจะได้เห็นวิวสวยๆ ตลอดวันโดยเฉพาะเช้าและเย็น ส่วนเรื่องจะกลับไปคลองแสงก็จัดเวลา 1 วัน นั่งเรือเข้าไปนอน ทริปเดียวจะได้เปลี่ยนที่นอนหลายบรรยกาศด้วย

เขาสามเกลอ แห่งเชี่ยวหลาน

เขาสามเกลอ แห่งเชี่ยวหลาน จุดหนึ่งหลักๆ เลยที่พลาดไม่ได้สำหรับคนที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา ก็คือการเข้ามาถ่ายรูปเขาสามเกลอจากมุมนี้ ช่วงสายๆ ของวันอาทิตย์ เรือของเราเข้ามาเหมือนลำอื่นๆ แต่เห็นได้ชัดเลยว่าคนที่มาเที่ยวจำนวนมากเชคเอาท์วันอาทิตย์ ก็เลยมีเรือเยอะมากแวะเวียนเข้าออกช่องเล็กๆ ของเขาสามเกลอ เพราะต่างคนต่างก็อยากถ่ายรูปที่นี่ทั้งนั้น เขาสามเกลอเป็นเขาเล็กๆ เหมือนแท่งหินปักอยู่ในน้ำ แยกขาดออกจากกัน มองเผินๆ เหมือนมี 4 แท่งแต่ด้านซ้ายสุด ยังคงติดอยู่กับภูเขาลูกใหญ่ไม่ได้ขาดออก ไม่งั้นตรงนี้คงต้องมีชื่อว่าเขาสี่เกลอแน่ๆ

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

เราออกเดินทางเกือบ 8 โมงเช้า นั่งเรือ 2 ชั่วโมงถึงท่าเรือ รถที่จะรับไปสนามบินจะมา 11 โมง เราก็เลยมีเวลา 1 ชั่วโมงในการนั่งเรือเที่ยวในกุ้ยหลิน เราจอดแช่อยู่ในเวิ้งเขาสามเกลออยู่นานเหมือนกัน แสงอาทิตย์มาๆ หายๆ บางทีไม่เห็นสีฟ้าของท้องฟ้าเลย เราก็ต้องรอไปเรื่อยๆ กว่าจะได้รูปนี้ก็นานโข ถ้าวันไหนแดดส่องลงมาแรงๆ ผิวน้ำจะไม่เข้มแบบนี้ และจะสวยกว่านี้มาก เป็นคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่

คลองแสง เชื่อนเชี่ยวหลาน

สีเขียวสดใสของผืนน้ำในเขื่อนรัชชประภา เป็นสิ่งดึงดูดคนจำนวนมากมายให้มาที่นี่ การได้เล่นน้ำจืดที่สวยเหมือนทะเลแต่ไม่เค็มไม่เหนียวตัวเหมือนไปทะเล เป็นเรื่องที่หลายคนแสวงหาและที่เชี่ยวหลานก็ตอบโจทย์ของหลายคนได้เป็นอย่างดี เขียวสวยแบบนี้มีรึใครไม่อยากมาสัมผัส

สันเขื่อนรัชชประภา

สันเขื่อนรัชชประภา สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่จะไม่มาไม่ได้ถ้ามาเขื่อนรัชชประภาไม่มีรูปนี้กลับไปอวดเพื่อนแล้วละก็เหมือนมาไม่ถึง ถ้าโชคดีมายืนตรงนี้จะมีหมอกล่องลอยอยู่เต็มไปหมด สวยจริงๆ เลย มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ รถของอุทยานที่จะออกไปส่งเราที่ปากทางแยกเข้าเขื่อนใจดีมาแวะตรงนี้ให้แต่เราก็ใช้เวลาไม่มากในการถ่ายรูปเพราะเข้าใจดีว่าเจ้าหน้าที่ก็มีงานที่ต้องทำหลังจากส่งเราแล้ว บางทีพอส่งนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งอีกกลุ่มก็มาพอดีก็ได้รับกลับเข้าไปได้เลย

ฮ้าาาาาาาา  ขอจบการพาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานเอาไว้เท่านี้ละ เป็นไงละ ได้เห็นหลายๆ ด้าน หลายๆ มุมของเขื่อนในฝันกันเลยนะ เรื่องราวที่หลายๆ คนไม่เคยรู้ของเขื่อนรัชชประภาเราก็นำเสนอมาเท่านี้ ว่างๆ ลองแวะเข้ามาดูสิ เปลี่ยนค่าแพราคาแพงๆ มาเป็นค่าเรือเข้าไปลึกๆ สัมผัสธรรมชาติที่บริสุทธิ์หาที่เปรียบได้ยาก อย่างหน่วยคลองหยา แล้ววันพักผ่อนของคุณจะมีความพิเศษยิ่งกว่าใครๆ ติดตามเรื่องราวการอัพเดตของเขื่อนเชี่ยวหลานอีกรอบ เร็วๆ นี้

0/0 จาก 0 รีวิว

10 ที่พัก/โรงแรมใกล้ คลองแสง เขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี
แพไกรสร เขื่อนเชี่ยวหลาน
  26.23 km | แผนที่ | เส้นทาง
K.K.Park Resort khao sok เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  26.93 km | แผนที่ | เส้นทาง
แพ 500 ไร่
  30.21 km | แผนที่ | เส้นทาง
500 ไร่ เขาสก โฟลตติ้ง รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  30.38 km | แผนที่ | เส้นทาง
คุระบุรี กรีนวิว รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  30.90 km | แผนที่ | เส้นทาง
บ้านพักริมเขื่อนรีสอร์ต เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  31.04 km | แผนที่ | เส้นทาง
แพคีรีวาริน เขื่อนเชี่ยวหลาน
  31.44 km | แผนที่ | เส้นทาง
ประเทศนางย่อน เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  31.98 km | แผนที่ | เส้นทาง
แพเพลินไพร เขื่อนเชี่ยวหลาน
  32.99 km | แผนที่ | เส้นทาง
แพสายชล เขื่อนเชี่ยวหลาน
  35.59 km | แผนที่ | เส้นทาง

*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ

Line id: @touronthai (ใส่ @)
www.touronthai.com