ข้อมูลเพิ่มเติม:jollytravel@hotmail.com
โทร/แฟ็กซ์ : 074 783 376
มือถือ : 089 296 8866, 086 946 5779
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ระยะทางสู่เกาะในสตูล เช้านี้ที่ท่าเรือปากบารา เราจะทำการเดินทางไปสำรวจเกาะกลุ่มหนึ่งของจังหวัดสตูล เป็นเกาะเล็กๆ เงียบๆ สงบๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวทะเลแบบอินกับธรรมชาติ เกาะทั้งหมด 3 เกาะ เรียกรวมๆ ว่าเกาะบุโหลน อยู่ห่างจากท่าเรือปากบารา 22 กิโลเมตร ท่าเรือแห่งนี้คนรู้จักกันดีในฐานะ ท่าเรือที่จะไปเกาะหลีเป๊ะ นั่นเอง
กัปตันแจ๊คสแปโรว์ เมื่อมาถึงท่าเรือปากบาราแล้ว ให้มองหาบริษัททัวร์ Jolly Travel ที่อยู่รอบๆ ติดต่อไปเกาะบุโหลน แล้วก็มาขึ้นเรือ สำหรับพวกเราทีมสำรวจจะมีกัปตันแจ๊คสแปโรว์เดินทางไปด้วย พี่เค้าชอบแต่งตัวแนวนี้ ที่จริงเป็นเจ้าหน้าที่ ชื่อศักดิ์ เป็นหัวหน้าไกด์บริษัท ทำหน้าที่ควบคุม ดูแล อบรมความรู้ และสร้างกิจกรรมกระบวนการ พี่คนนี้จะทำหน้าที่เป็นไกด์พาเราไปชมเกาะต่างๆ พร้อมกับข้อมูลแบบละเอียดให้ด้วย ติดต่อสอบถามก่อนเดินทางก็ได้ที่หมายเลข 089-8872066
เทียบท่าเกาะบุโหลนไม้ไผ่ ใช้เวลาไม่นานจากท่าเรือปากบารา เรามาถึงเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง เรือสปีดโบ๊ทจะหันหลังค่อยๆ ถอยเข้าอย่างช้าๆ อย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ใบพัดไปโดนโขดหินหรืออะไรใต้น้ำเข้า สิ่งแรกที่เราเห็นคือหาดเล็กๆ ทางด้านทิศเหนือของเกาะบุโหลนไม้ไผ่ ล้อมด้วยน้ำทะเลสีเขียวใสสวยงามมาก ห่างออกไปทางซ้ายมีโขดหินเป็นที่ชื่นชอบของคนมาเที่ยวที่จะได้ถ่ายรูป
หลังจากที่เรือจอดสนิท ทุกคนเดินขึ้นเกาะ สำรวจบริเวณรอบๆ เริ่มต้นจากหาดเล็กๆ แต่สวย และน้ำใสๆ หาดแรกก่อน เกาะบุโหลนไม้ไผ่ เป็นเกาะที่อยู่ตรงกลาง มองไปด้านข้างจะเห็นเกาะบุโหลนเล และเกาะบุโหลนดอน อยู่คนละด้าน เกาะบุโหลนไม้ไผ่ไม่มีคนอยู่อาศัย แต่อีก 2 เกาะ มีชาวประมงหรือชาวเลอาศัยอยู่ และบางทีก็จะมาอาศัยเกาะบุโหลนไม้ไผ่เป็นที่หลบคลื่นลม
เกาะบุโหลนไม้ไผ่
สำรวจรอบเกาะบุโหลนไม้ไผ่ เดินขึ้นมากลางเกาะจะมีป้ายแผนที่บอกสถานที่ต่างๆ บนเกาะบุโหลนไม้ไผ่ได้แก่
ท่าเทียบเรือ ที่เราจอดเรือ
จุดชมวิว เดินขึ้นเขาประมาณ 50 เมตร
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
โรงครัว
ห้องน้ำ สร้างแบบเรียบง่ายแต่ใช้การได้
ที่ทำการหน่วยพิทักษ์
บ้านพักรับรอง
เวทีกลางแจ้ง พร้อมจุดก่อกองไฟสำหรับกิจกรรมแคมปิ้งยามค่ำคืน
ลานกางเต็นท์ นอนพักผ่อนฟังเสียงคลื่นซัด 2 ข้างของเกาะ แต่ปกติไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์ที่นี่กันมากนัก
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เดินตามเส้นทางขึ้นไปบนเขา
จุดดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น มี 2 จุดด้วยกัน กำลังวางทุ่นเพื่อกำหนดเขตว่ายน้ำ
หาดทรายขาวด้านทิศตะวันออก จากหาดที่เราจอดเรือ เดินขึ้นมาบนเกาะแล้วทะลุมาอีกด้านหนึ่ง ไม่ไกลกันมากนักก็จะถึงหาดทรายขาวๆ ทรายนุ่มละเอียดมากๆ ยาวหลายร้อยเมตร หันไปทางทิศตะวันออก เหมาะสำหรับการตื่นขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นแบบสุดๆ เกาะที่เงียบสงบ มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไม่มาก คนไม่พลุกพล่าน เหมาะสำหรับการพักผ่อนของเราเป็นอย่างยิ่ง น้ำใสสีเขียวของทะเลอันดามัน ยิ่งทำให้ประทับใจไม่รู้ลืม
เดินมาอีกหน่อยหาดทรายนุ่มๆ ทางทิศตะวันออกของเกาะบุโหลนไม่ไผ่ จะเริ่มมีหินเล็กๆ และซากปะการัง ลอยขึ้นมาเกยอยู่บนฝั่ง ฝังตัวอยู่บนผืนทรายละเอียด ร่องรอยของน้ำทะเลที่ซัดตอนน้ำขึ้นก็ยังหลงเหลืออยู่
จุดชมวิวเกาะบุโหลนไม่ไผ่ เดินเล่นบนหาดกันจนพอใจแล้วก็ลองเดินขึ้นมาบนจุดชมวิวกันดูบ้าง เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงยอดเขาเล็กๆ ด้านหน้าเกาะ มองลงไปจะเห็นหาดทรายสีขาวสะอาดทอดยาวไปด้านทิศตะวันออก เห็นแล้วน่าลงเล่นน้ำจริงๆ
หินขาว หรือหลายคนก็เรียกว่าเกาะหินขาว แต่ดูจากขนาดแล้วขอไม่เรียกว่าเกาะดีกว่า หลังอาหารกลางวันอันแสนสงบท่ามกลางหาดทรายที่สวยงามขนาบ 2 ด้าน บนเกาะบุโหลนไม้ไผ่ ออกเรือมาไม่กี่นาทีเราก็มาถึงหินขาว สีขาวบนหินนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ส่วนหนึ่งมาจากขี้นกแต่เป็นส่วนน้อยมาก รอบๆ หินขาวนี้เป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังน้ำตื้นที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง คล้ายร่องน้ำจาบัง
ปะการังอ่อน นี่คือภาพบางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่เราเก็บมาได้จากการดำน้ำรอบๆ หินขาว เรือสปีดโบ๊ทจะจอดอยู่ห่างๆ ให้นักท่องเที่ยวลงไปดำน้ำได้ตามอัธยาศัย หลังจากที่ทะเลอันดามันของบ้านเราได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์ซึนามิ วันนี้สภาพแวดล้อมต่างๆ ในทะเลของเราได้ค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมที่สวยงามติดอันดับของโลก รอต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว
เกาะบุโหลนเล จากหินขาว ถ่ายรูปใต้น้ำกันนิดหน่อยเป็นที่พอใจแล้วก็เดินทางต่อไปยังอีกเกาะหนึ่งของ 3 เกาะบุโหลน
ท่าเทียบเรืออ่าวม่วง บนเกาะบุโหลนเล ต่างจากเกาะบุโหลนไม้ไผ่ เกาะนี้มีขนาดใหญ่กว่า มีชาวบ้านอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งทำอาชีพประมง ส่วนน้อยที่เปิดร้านค้าและรีสอร์ทอีกด้านหนึ่งของเกาะ ชาวประมงหรือชาวเลที่นี่มาอยู่อาศัยบนเกาะนี้แบบชั่วคราว โดยการสร้างเพิงเล็กๆ เอาไว้บนอ่าวม่วง สำหรับพักระหว่างฤดูกาลทำประมง พอฤดูมรสุมชาวบ้านก็จะกลับไปอยู่ที่ฝั่ง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะนี้จะจอดเรือที่อ่าวม่วงหรืออ่าวพังกาใหญ่อีกด้านหนึ่งของเกาะก็ได้
ที่มาของชื่ออ่าวม่วงมาจากเมื่อก่อนมีต้นมะม่วงป่าขนาดใหญ่กว่า 2 คนโอบ ยืนตระหง่านอยู่ที่อ่าว แต่โดนลมมรสุมพัดล้มไปเมื่อปี 2555
พอขึ้นมาบนฝั่ง เราก็จะเห็นชาวเลนั่งเก็บปูออกจากอวน เพิ่งที่พักสร้างกันแบบเรียบง่าย เพราะเป็นการอาศัยเพียงชั่วคราว ไม่ว่าหันไปทางไหนก็เห็นทุกคนง่วนอยู่กับอวนและปูที่จับมาได้ ภาพวิถีชีวิตชาวเลจะมีให้เห็นได้ในเฉพาะบางฤดูกาลเท่านั้น เดินต่อขึ้นมาบนเกาะจะมีป้ายบอกรายละเอียดสถานที่ต่างๆ บนเกาะ จุดดำน้ำชมปะการัง แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น ถ้ำค้างคาว อ่าวสบายใจ อ่าวพังกาน้อย อ่าวพังกาใหญ่ เส้นทางบนเกาะสามารถเดินถึงกันได้ด้วยเวลาไม่นาน เดินลึกเข้ามากลางเกาะจะเป็นบริเวณสวนยางพารา และบ้านเรือนของชาวเกาะที่ใช้ชีวิตบนเกาะแห่งนี้ มีโรงเรียน บ้านผู้ใหญ่บ้าน มัสยิด เป็นสถานที่สำคัญของเกาะ
ตัวเงินตัวทอง สัตว์ที่อาศัยอยู่บนเกาะบุโหลนเล มีมากมายหลายชนิด ในพื้นที่บางส่วนของเกาะยังเป็นป่าดิบที่อุดมสมบูรณ์ยังไม่มีการสำรวจ ว่ามีสัตว์อะไรอยู่บ้าง บางวันจะได้ยินเสียงร้องที่ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร สัตว์ชนิดหนึ่งที่ไม่นึกว่าจะมาอยู่บนเกาะนี้ด้วยคือตัวเงินตัวทอง ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในลำธารของเกาะซึ่งไหลมาลงทะเลที่อ่าวม่วง เราจึงเห็นมันเดินเพ่นพ่านตามบ้านชาวเล เหมือนเป็นเหตุการณ์ปกติของคนที่นี่
ที่พักบนเกาะบุโหลนเล เดินเข้ามาเรื่อยๆ ตามทางเดิน ก็จะเริ่มมีบ้านเรือนและชุมชน ที่ส่วนหนึ่งเปิดเป็นที่พัก มีทั้งโฮมสเตย์และรีสอร์ท ให้เลือกหลายแบบหลายราคา ไม่ค่อยเห็นคนไทยพักที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเพราะรสนิยมการเที่ยวเกาะเงียบๆ สงบๆ สำหรับการพักผ่อน มากกว่าจะเป็นเกาะที่มีแสงสี และสิ่งอำนวยความสะดวก ของคนไทยยังน้อยกว่าต่างชาติ แต่ถ้าใครไม่เคยลองการเที่ยวแบบนี้ ลองมาสักทริป อาจจะติดใจไปหลงรักไปเลยก็ได้
ชื่อ | เบอร์โทร | จำนวนห้อง | ราคา |
ชาวเล โฮมสเตย์ | 086-290 2519,086-967 0716 | 8 | 500 -500 |
บุโหลน รีสอร์ท | 081-897 9084,089-869 8507 | 30 | 200 - 800 |
บุโหลน วิว พอย์ท รีสอร์ท | 074-728 005-6 | 20 | 700 - 1200 |
บุโหลน ฮิลล์ รีสอร์ท | - | 6 | 300 -600 |
โบโลเน่ รีสอร์ท | 089-869 8507,081-897 9084 | 35 | 950 - 1500 |
โรงเรียนบ้านเกาะบุโหลน | 085-685 3100,086-969 6960 | 8 | 500 -600 |
แพนแซนด์ รีสอร์ท | 074-728 132,081-397 0802 | 27 | 200 -350 |
พังกา เบย์ รีสอร์ท | 081-990 5878 | 15 | 300 - 500 |
จังเกิ้ล ฮัท | 089-735 5242 | 12 | 300 - 800 |
เจี้ยบ รีสอร์ท | - | 12 | 300 - 800 |
Sawleena Resort | - | 15 | 600 - 1200 |
มารีน่า รีสอร์ท | 081-598 2420,085-078 1552 |
อ่าวพังกาใหญ่ เดินไม่นานก็มาถึงอ่าวอีกด้านหนึ่งของเกาะ ถ้าจะให้ประมาณระยะทางคร่าวๆ ก็น่าจะอยู่ที่ 800 เมตร ป้ายแรกที่เราเห็นเมื่อมาถึงหาดคือ Mox Mix Bar ชวนให้สงสัยนัก ว่าบนเกาะแบบนี้จะมีบาร์แบบไหนกัน ลองเดินไปดูดีกว่า
Mox Mix Bar อ้อ นี่นะเอง บาร์ที่ว่า เห็นแบบนี้แล้วยิ้มออกเลย ทีแรกคิดว่าจะเป็นบาร์แบบในเมืองซะอีก ความเรียบง่ายของร้านรวงต่างๆ บนเกาะที่อยู่ใกล้หาดที่อ่าวพังกาใหญ่ ทำให้เราประทับใจมาก เพราะปกติเวลาไปเที่ยวเกาะเราจะเห็นแต่ความเจริญและพลุกพล่านที่มากเกินไป เหมือนกับว่าไม่ใช่เกาะ แต่สิ่งที่เราเห็นบนเกาะบุโหลน ช่างเหมือนกับเกาะเสม็ดเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน หากไม่มาเกาะบุโหลนในวันนี้ เราคงยังมีแต่ภาพเกาะที่เจริญรุ่งเรืองเกินไปเหล่านั้นอยู่ในหัวแน่ๆ
อ่าวพังกาใหญ่ เป็นอ่าวที่สวยงามมีโขดหินด้านซ้ายและขวาของอ่าว หาดไม่ได้เต็มไปด้วยทรายเหมือนด้านอ่าวม่วง แต่ฝั่งพังกาใหญ่มีปะการังมากมายทับถมกันจนเป็นสีขาวโพลนไปหมด รีสอร์ทและร้านอาหาร 2 -3 ร้านตั้งอยู่ริมหาด มีที่พักผ่อนมากมายให้เลือกทั้งโต๊ะ ม้านั่ง และเปล เป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวรวมกันอยู่พอสมควร เหมือนเป็นมุมสงบของหมู่เกาะเภตรา จะอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือว่านอนหลับก็สบายไปหมด
นอกเหนือจากการพักผ่อนรับลมเย็นๆ นอนสักงีบ วันนี้เรามีคนมาสีไวโอลินให้เราฟัง เป็นทำนองเพลงใต้ เอาคลิปสั้นๆ มาให้ชมกันเพลินๆ
นักเรียนเดินทางกลับบ้าน เหมือนๆ กับในพื้นที่บนฝั่ง เกาะบุโหลนก็มีชุมชนที่มีขนาดใหญ่หลายครัวเรือนจัดตั้งเป็นหมู่บ้านมีผู้ใหญ่บ้านคอยดูแล มีโรงเรียน มีนักเรียนเยอะพอดู เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน จะมีรถรับ-ส่งนักเรียน ที่หาที่ไหนได้ยาก เพราะป็นรถแทรกเตอร์สำหรับใช้งานบนเกาะ ติดพ่วงท้ายให้นักเรียนเล็กๆ นั่ง ส่วนนักเรียนโตหรือคนที่บ้านอยู่ใกล้ก็ใช้การเดินตามๆ กันไป ดูเด็กๆ จะสนุกสนานกับการเดินทางซะจริงๆ
เกาะบุโหลนดอน เกาะสุดท้ายในกลุ่มเกาะบุโหลนสำหรับวันเดย์ทริปของเราในวันนี้ เราออกจากเกาะบุโหลนเล ทั้งที่จริงก็อากจะค้างบนเกาะสักคืน เมื่อได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อันที่จริงจะอยู่นานๆ ก็ดีเหมือนกัน รู้สึกสบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบแข่งขัน แต่ทริปนี้มาแบบวันเดียวกลับ เดี๋ยวมีโอกาสจะกลับมาอยู่สัก 3 วัน
เวลาในการนั่งเรือแต่ละเกาะก็น้อยมาก แป๊บเดียวมาถึงเกาะบุโหลนดอน ด้านหน้าเกาะสร้างเป็นเขื่อนหินกันคลื่นเซาะ ถัดมาหน่อยเป็นหาดทรายขาวๆ มีเรือของชาวประมงจอดเรียงอยู่ห่างกันพอสมควร พื้นที่บนแนวเขื่อนจะเห็นหอกระจายเสียง มัสยิด และอาคารเรียนหลังเล็กๆ
เรือสปีดโบ๊ทค่อยๆ ถอยหลังเข้ามาจอดที่หาดเหมือนทุกๆ เกาะที่ผ่านมา ทันทีที่ย่างเท้าลงมาบนผืนทราย บอกได้เลยว่าที่นี่ทรายนุ่มมากๆๆๆๆ รอยเท้าเราจะเป็นหลุมลงไปทันทีที่เหยียบ เหมือนเดินบนนุ่นหรือฟองน้ำ น้ำทะเลที่นี่ก็ใสและสีเขียวสวยเหมือนกับ 2 เกาะแรก ต่างกันที่ผิวทราย ดูเหมือนว่าแต่ละเกาะหาดจะไม่เหมือนกันเลย ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กันมากๆ นับเป็นความแปลกที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ให้เราจริงๆ
ร้านค้าเรียบง่ายสไตล์เกาะบุโหลน เดินขึ้นมาในหมู่บ้านที่อยู่ติดหาด บ้านทุกหลังสร้างอยู่อาศัยอย่างเรียบง่าย ทุกคนเป็นมิตร ยิ่มแย้มแจ่มใส เด็กๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานเพราะเลิกเรียนแล้ว ซุ้มเล็กๆ ที่อยู่ในหมู่บ้าน ทำให้เราสนใจเป็นพิเศษ เพราะซุ้มนี้มีน้ำอัดลม น้ำหวานขาย ในซุ้มมีเด็กตัวเล็กๆ เปิดเตาแก๊สปิคนิค เล็กๆ ทอดฮอทดอกในกระทะเพื่อขายให้เพื่อนๆ เป็นการบริหารจัดการการขายด้วยตัวเองของเด็กเล็กๆ อย่างน่าทึ่ง
ในหมู่บ้านมีซอยเล็กๆ เดินได้ทั่วเกาะ พาหนะบนเกาะมีแค่จักรยานก็เพียงพอแล้ว แต่ละบ้านจะมีเครื่องมือประมงหลายอย่าง หากินแบบพอเพียง สงบ เรียบง่าย สัตว์เลี้ยงบนเกาะบุโหลนดอน จะมีเป็ด ไก่ และแพะ เป็นหลัก สัตว์เหล่านี้เลี้ยงไว้กินไข่ กินเนื้อ
อำลาเกาะบุโหลน ได้เวลาอันสมควรหลังจากที่เราเดินเล่นไปรอบๆ หมู่บ้านทักทายชาวบ้าน อุดหนุนปูสดๆ อร่อยๆ ของชาวบ้าน แล้วก็ออกเรือเดินทางกลับท่าเรือปากบารา จบโปรแกรม เดย์ทริปเกาะบุโหลน ได้ทั้งวิวสวย ได้ทั้งพักผ่อนนอนรับลมเย็นๆ ริมหาด กินข้าวบนเกาะที่ล้อมด้วยหาดสวยๆ ชมวิถีชีวิตพอเพียงของชาวเล เที่ยวเกาะสงบๆ ที่แตกต่างจากเกาะใหญ่ๆ ดำน้ำชมปะการังอ่อนสีสวยที่ไม่ได้เห็นมานาน เท่านี้ก็สุขสุดๆ แล้ว...
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ