www.touronthai.com

หน้าหลัก >> พัทลุง >> เขาชันรีสอร์ท

เขาชันรีสอร์ท

 ตามรอยเสด็จพระพุทธเจ้าหลวง เกาะหมาก จังหวัดพัทลุง เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของชาวปากพะยูนและจังหวัดพัทลุง เป็นเหตุการณ์แห่งความปลาบปลื้มปีติและภาคภูมิใจของชาวพัทลุง เกิดขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ.2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสหมู่เกาะสี่-เกาะห้า ทรงจับกระจง และประทับแรมบริเวณตอนกลางของทะเลสาบสงขลา เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และที่ตั้งของเขาชันรีสอร์ท ด้วยความรักในถิ่นฐานบ้านเกิดของคุณบัญญัติ พัทธธรรม ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ ของเกาะหมาก และหมู่เกาะสี่-เกาะห้า นอกเหนือไปจาก การเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของทะเลสาบสงขลา หลังจากการจัดงานรำลึกย้อนรอยประวัติศาสตร์เสด็จประพาสต้น คุณบัญญัติ พัทธธรรม ก็ได้ปรับปรุงสถานที่ประกอบการจัดงานซึ่งจำลองบรรยากาศพลับพลาที่ประทับของพระพุทธเจ้าหลวงในสมัยนั้น มาเป็นที่พักริมทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้ หันหน้าเข้าหาหมู่เกาะสี่-เกาะห้า เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลสาบสงขลา

 ไม่เพียงแต่การปรับปรุงสถานที่จัดงานย้อนรอยประวัติศาสตร์มาเป็นที่พักเท่านั้น ที่เขาชันรีสอร์ทยังมีกิจกรรมเพื่อแสดงถึงวิถีชีวิตชาวปากพะยูนด้วยการเชิญแขกที่เข้าพักร่วมกิจกรรมทำขนมพื้นบ้าน อย่างขนมโค หลังจากนั้นก็ได้นำขนมที่ทำขึ้นประกอบพิธีถวายราชสักการะพระบรมรูป รัชกาลที่ ๕ ด้วยความเชื่อว่าเป็นขนมมงคลสำหรับการสักการะบูชา จากนั้นก็มีวิดีทัศน์แสดงเรื่องราวความเป็นมาของเขาชันรีสอร์ท ย้อนไปจนถึงเหตุการณ์สำคัญในวันเสด็จประพาสทะเลสาบสงขลาด้วยเรือกลไฟ รวมทั้งความสำคัญทางด้านทรัพยากรอันล้ำค่าของพื้นที่ทะเลสาบสงขลาที่ว่ากันว่า เป็นแหล่งรังนกนางแอ่นที่ดีที่สุดในโลก รังนกที่นี่ราคากิโลกรัมละเป็นแสนครับ

 เขาชันรีสอร์ทมีบริการเรือนำเที่ยวหมู่เกาะสี่-เกาะห้า จัดอบรมสัมมนา เหมาะสำหรับการเข้าพักเป็นหมู่คณะ

สถานที่ตั้ง
 เขาชันรีสอร์ทตั้งอยู่ที่ หมู่ 7 ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ตอนกลางของเกาะหมากด้านทิศตะวันตก และเป็นบริเวณตอนกลางของทะเลสาบสงขลา ใกล้หมู่เกาะสี่-เกาะห้า

การเดินทาง
 เดินทางออกจาก อ.หาดใหญ่ หรือ พัทลุง ประมาณ 55 กิโลเมตร ไปอำเภอปากพะยูน มีสะพานเชื่อมจากตัวอำเภอปากพะยูน ข้ามไปยังเกาะหมาก จากสะพานถึงเขาชันรีสอร์ทประมาณ 17 กิโลเมตร เส้นทางเลียบริมเกาะไปทางด้านตะวันออก ถึงช่วงกลางเกาะหมากจะมีทางแยกข้ามไปฝั่งตะวันตกของเกาะ มีป้ายบอกตลอดทาง เส้นทางมีหลุมขรุขระเป็นระยะๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติของเกาะหมากที่เงียบสงบ

ข้อมูลเพิ่มเติม:โทรศัพท์ 089-8121276 และ 089-6119372

แก้ไขล่าสุด 0000-00-00 00:00:00 ผู้ชม 35686

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ
ที่ประดิษฐาน ร.๕ ชั่วคราว

ที่ประดิษฐาน ร.๕ ชั่วคราว หลังจากเวลาที่ยาวนานของการเดินทางจากสะพานข้ามฟาก อำเภอปากพะยูน - เกาะหมาก ระยะทาง ประมาณ 17 กิโลเมตรที่เราเห็นในป้ายบอกทางแผ่นแรกของเขาชันรีสอร์ท ทีแรกคิดว่าก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที แต่พอเอาเข้าจริง เส้นทางสายนี้ไม่ได้ราบเรียบขนาดนั้น มีหลุมบ่อเป็นช่วงๆ คดเคี้ยวไปตามแนวของเส้นรอบเกาะหมาก จากสะพานที่อยู่ทางใต้ของเกาะ เลาะไปตามทางทิศเหนือ ถึงกลางเกาะตัดข้ามฟากจากด้านตะวันออก (สะทิงพระ) ไปทางด้านตะวันตก (พัทลุง) เรามองเห็นทะเลอยู่ไม่ไกลจากถนนได้หลายช่วง สลับกับช่วงที่เป็นแผ่นดินกว้างๆ ทุ่งหญ้าสูงๆ สลับกับหมู่บ้าน ทุกๆ ทางแยกมีป้ายบอกทางไปเขาชันรีสอร์ท นับเป็นเรื่องดีที่อยากให้หลายๆ ที่เอาเป็นตัวอย่าง พอถึงทางแยกทีไร ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดีต้องอาศัยการเดา น่าปวดหัว

กว่าครึ่งชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงเขาชันรีสอร์ท เป็นอาคารที่มุงหญ้าและล้อมด้วยไผ่ขัดแตะ ด้านซ้ายเป็นศาลาหลังเล็กๆ เจ้าของรีสอร์ทนำพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มาประดิษฐานเอาไว้ หากไม้รู้มาก่อนว่าเขาชันรีสอร์ทมีความเกี่ยวข้องกับการเสด็จประพาสของพระองค์ ย่อมทำให้เข้าใจว่าเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ เคารพศรัทธาและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระองค์มากเป็นพิเศษ ส่วนคำว่าที่ประดิษฐาน ชั่วคราวนั้น ก็คงเพราะว่าเจ้าของมีโครงการจะสร้างขึ้นมาใหม่ให้ดีกว่าเดิมในอนาคตนั่นเอง

ทางด้านขวามือเป็นอาคารที่ดูสูงใหญ่ สร้างแบบเป็นแนวยาวไปตามแนวหาด น่าจะเป็นทางไปติดต่อห้องพัก และล๊อบบี้ เข้าไปติดต่อเข้าห้องพักแล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันต่อ

เขาชันรีสอร์ท

นี่ละครับอาคารที่ว่าอยู่ขวามือ ตรงข้ามกับที่ประดิษฐานชั่วคราว รูปแบบของการสร้างอาคารหลังนี้เป็นแบบย้อนยุค อาศัยวัสดุเท่าที่หาได้ในท้องที่ ดูเรียบง่ายแต่ก็มีเสน่ห์ ทางเดินด้านหน้าตรงไปทะลุที่ทะเลสาบสงขลา ด้านซ้ายและขวามีพื้นที่เป็นห้องโถงใหญ่ ใช้งานต่างวัตถุประสงค์กัน เดี๋ยวจะพาเข้าไปดูครับ

มุมประวัติศาสตร์

มุมประวัติศาสตร์ เข้ามาด้านในอาคารหลังใหญ่ ทางเข้าใช้ตู้โชว์หลายหลังแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มากมายเป็นของเก่าแก่ จนดูเหมือนพิพิธภัณฑ์เล็กๆ พอเดินเข้ามาถึงตรงกลาง อาคารมีปีกซ้ายและขวา ด้านขวามือเป็นโต๊ะอาหารเรียงรายมากมายหลายชุด สมกับเป็นสถานที่สำหรับอบรมสัมมนาที่รองรับแขกได้เป็นจำนวนมากๆ ปีกซ้ายเป็นทางเดินไปยังห้องน้ำและห้องพักที่อยู่ในอาคารอีกหลังหนึ่ง ระหว่างทางเดินเป็นภาพเรื่องราวเก่าๆ ในอดีต พร้อมกับมุมประวัติความเป็นมาของเขาชันรีสอร์ท ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นสถานที่พักผ่อนและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และทรัพยากรที่สำคัญของพัทลุง ตรงใกล้ๆ ห้องน้ำมีบันไดเดินขี้นไปชั้นบน เขียนป้ายขนาดใหญ่ว่า ห้องละหมาด สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกศาสนา อย่างทัดเทียมกัน

สถานที่ถวายพระราชสักการะ

สถานที่ถวายพระราชสักการะ จากทางเดินปีกซ้าย เดินลึกเข้ามาอีกหน่อย พื้นที่ส่วนหนึ่งถูกแบ่งออกเป็นที่ว่าง ยาวๆ สุดที่ว่างนี้สร้างพื้นยกระดับสูงขึ้นไป ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยโต๊ะหมู่บูชา เป็นสถานที่ถวายพระราชสักการะ ซึ่งจะมีพิธีร่วมกันหลังมื้อเย็นก่อนที่จะเข้านอน

เขาชันรีสอร์ท

ทะลุอาคารออกมาทางด้านหน้า มีสะพานยื่นยาวเข้าไปในทะเลสาบสงขลา ยาวหลายสิบเมตร ปลายสะพานมีท่าเรือ ซึ่งเป็นการจำลองพลับพลารับเสด็จ เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสมาทรงจับกระจง และประทับแรม ณ สถานที่บริเวณนี้ มองไปทางด้านซ้ายมือจะเห็นอาคารอีกหลายหลังเรียงกันไปตามแนวหาด บรรยากาศหากไม่รู้มาก่อนว่าเป็นทะเลสาบ เชื่อว่าใครหลายๆ คนก็คงคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ริมหาดของทะเลที่ไหนสักแห่ง แต่สายลมที่พัดเข้ามาประทะผิว สัมผัสรู้ว่าแตกต่างจากลมทะเลเหนียวๆ อย่างสิ้นเชิง น้ำที่นี่ค่อนข้างใส ใต้ผืนน้ำมีสาหร่ายมากมายมองเห็นได้ชัด ปลาหลายชนิดแหวกว่ายไปมา

หลังจากที่เจ้าของรีสอร์ทพาเราเดินชมห้องพัก เราได้เลือกเข้าพักที่บ้านหลังสุดท้าย เอาบรรยากาศแบบเป็นบ้านนอนรวมกันหมด น่าจะดีกว่านอนแยกเป็นห้องๆ บ้านหลังสุดท้ายที่ว่ามองเห็นในรูปนี้เป็นบ้านสองชั้น ยื่นออกมามากกว่าอาคารหลังไหนๆ อาคารหลังใหญ่ที่เรายืนอยู่ด้านหนึ่งเป็นโต๊ะอาหาร ส่วนอีกด้านปูเสื่อเรียบๆ เหมาะสำหรับการนั่งเล่นพักผ่อนรับลมเย็นๆ มีหมอนอิงขาวๆ วางเรียงกันเป็นแถว

เขาชันรีสอร์ท

สภาพของอาคารที่เห็น ดูเหมือนว่าจะทรุดโทรมลงไปมาก เพราะสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่งานย้อนรอยเสด็จประพาส ประมาณปี 2547 หลังจากเขาชันรีสอร์ทเปิดให้บริการ ก็มีแขกเข้ามาพักไม่ขาดสาย คุณบัญญัติ พัทธธรรม เล่าให้ฟังว่า ยังไม่มีแม้แต่ช่วงเวลาที่จะหยุดซ่อมแซมห้องพัก

เขาชันรีสอร์ท

เขาชันรีสอร์ท

เขาชันรีสอร์ท

หลังจากที่เดินชมทั่วบริเวณรีสอร์ท ถ่ายรูปมาหลายมุมตามสมควร ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เราจะขนข้าวของเข้าบ้านพักหลังสุดท้าย นี่เป็นวิวที่เรามองย้อนกลับไปที่ห้องอาหาร สะพานที่เชื่อมไปยังพลับพลารับเสด็จ เป็นท่าเรือของรีสอร์ท สำหรับใครที่สนใจล่องเรือเที่ยวชมหมู่เกาะสี่-เกาะห้า ก็จะต้องไปรอขึ้นเรือโดยพร้อมเพียงกันที่นั่น ส่วนคนที่ชอบการพายเรือเล่นยามว่างก็ไปติดต่อลงเรือที่สะพานนั้นเหมือนกัน อาคารที่อยู่ติดกับบ้านพักแบบเป็นหลัง เป็นอาคารแถวเดียวเรียงกันยาวตามหาด แบ่งออกเป็นห้องพักหลายๆ ห้องเรียงติดกัน ราคาก็แตกต่างกันไป

ดักกุ้ง

ดักกุ้ง อุปกรณ์ที่เราเห็นเป็นเสาโผล่ขึ้นมาจากน้ำ แล้วก็มีแนวไม้ปักเรียงกันไปในทะเลสาบ นี่เป็นอุปกรณ์สำหรับดักจับกุ้ง ชาวบ้านเรียกกันว่ากุ้งหัวมัน มีขนาดใหญ่กว่ากุ้งแห้ง แต่ไม่ใหญ่มาก ตัวนึงกินพอดีคำ ปรุงเป็นอาหารได้หลายอย่าง เจ้าของไม่ได้บอกชื่อของอุปกรณ์นี้ เพียงแต่อธิบายว่ามันก็คล้ายๆ กับลอบสำหรับดักจับปลา เวลาเย็นเราจะเห็นชาวประมงเจ้าของลอบมาจุดตะเกียงแขวนไว้เหนือผิวน้ำ แสงจะเกียงที่ว่าจะทำให้กุ้งเดินเข้ามาหา โดยธรรมชาติกุ้งมันจะเดินถอยหลังเท่านั้น พอเดินมาถึงตรงตาข่ายมันก็จะติดอยู่แบบนั้น ตอนเช้าก็มายกขึ้นแล้วก็เก็บกุ้ง ภาพวิถีชีวิตแบบนี้เกิดขึ้นทุกวันหน้าเขาชันรีสอร์ท ช่วงไหนว่างๆ ลองมานั่งพักผ่อนชมภาพแบบนี้ จะช่วยผ่อนคลายจากการทำงานหนักได้เป็นอย่างดี

พายเรือทะเลสาบสงขลา

พายเรือทะเลสาบสงขลา ในยามว่างของวันพักผ่อน กิจกรรมหนึ่งอย่างที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาด คือการนำเรือออกไปพายเล่นกลางทะเลสาบ นี่ไม่ได้พูดเล่นนะครับ เขาชันรีสอร์ทมีเรือไว้ให้บริการ เราก็เอาออกมาพาย ออกไปนอกฝั่งสัก 100-200 เมตร แล้วถ่ายรูปออกมาจะดูเหมือนว่าเราพายเรือลำเล็กๆ กลางทะเลที่เวิ้งว้าง ทั้งที่จริงแล้วระดับน้ำในทะเลสาบสงขลา ลึกแค่อกเท่านั้นเอง เป็นข้อมูลจากชาวบ้านที่ขับเรือพาเราเที่ยว หลักฐานที่จะบอกว่าน้ำลึกแค่อกก็ให้ดูที่ลอบดักกุ้ง ชาวบ้านอธิบายว่า อุปกรณ์ในการจับสัตว์น้ำด้วยวิธีการปักลงไปในน้ำ จะทำได้เฉพาะบริเวณที่น้ำตื้นเท่านั้น ไม่งั้นจะปักกันยังไงละครับ จริงมั้ย

หมู่เกาะสี่-เกาะห้า

หมู่เกาะสี่-เกาะห้า เอาละวันแรกของการเข้าพักที่เขาชันรีสอร์ทใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้ว เราเข้าอาบน้ำอาบท่า แต่งตัวแล้วก็ลงมาที่ห้องอาหาร มื้อค่ำที่นี่ใกล้จะเริ่มแล้ว พร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ จะหมดลง บรรยากาศทิวทัศน์หรือว่าวิวเบื้องหน้าของเราเป็นภาพที่สวยมากขึ้นจากแสงที่เปลี่ยนไปตามเวลา เราเห็นเกาะหลายเกาะ อยู่ทางซ้ายบ้าง ขวาบ้าง นี่แหละที่เค้าเรียกกันว่า หมู่เกาะสี่-เกาะห้า ถามว่าเกาะไหนคือเกาะสี่ แล้วเกาะไหนคือเกาะห้า แล้วเกาะสองเกาะสาม อยู่ที่ไหน ใครสงสัยแบบนี้บ้าง บอกตรงๆ ว่าเหมือนผมเลย แท้ที่จริงแล้ว เกาะสี่ กับเกาะห้า ไม่ใช่ชื่อเกาะ และไม่ใช่การนับเรียงลำดับมีเกาะสอง เกาะสาม หมู่เกาะสี่-เกาะห้า เป็นคำเรียกหมู่เกาะทั้งหมดที่อยู่ในทะเลสาบสงขลา ที่มาก็คือ เวลาอยู่ปากพะยูน มองไปทางเหนือ (อำเภอกระแสสินธุ์) จะเห็นเกาะทั้งหมด 4 เกาะ แต่พอไปอยู่ที่พัทลุงมองมาทางเกาะหมาก จะเห็นเกาะ 5 เกาะ คนทั้งสองฝั่งจะเรียก หมู่เกาะสี่ กับหมู่เกาะห้า ตามที่ตัวเองมองเห็น ทำให้การเรียกชื่อหมู่เกาะนี้สับสน ไม่ตรงกัน สุดท้ายลงเอยด้วยการเรียกรวมกันว่า หมู่เกาะสี่-เกาะห้า

เขาชันรีสอร์ท

พิธีถวายราชสักการะ

พิธีถวายราชสักการะ เรียกกันตามแบบชาวบ้านว่าการบวงสรวง เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำที่เขาชันรีสอร์ท เป็นการถ่ายทอดวิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวใต้ ด้วยการทำขนมโค ซึ่งเชื่อว่าเป็นขนมสำหรับการบวงสรวง หรือถวายสักการะ แขกจะได้ร่วมทำขนมด้วยกัน เสร็จแล้วก็เข้าพิธีการถวายพระราชสักการะ พระบรมรูป รัชกาลที่ ๕ จากนั้นก็จะเอาขนมมาแบ่งกันกิน เชื่อว่าเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่เข้าร่วมพิธี

กิจกรรมนี้จะจัดขึ้นหลังอาหารมื้อเย็น เราทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมกันหมด โดยเฉพาะช่วงที่แบ่งขนมกันกิน รู้สึกว่ามันอร่อยกว่าที่ไปซื้อหามากินเองเสียอีก ระหว่างการทำขนม คุณบัญญัติ ก็จะเปิดวิดีโอประวัติเขาชัน และเรื่องราวที่น่าสนใจรอบๆ ทะเลสาบสงขลา เรื่อยไปจนถึงเกาะรังนก ที่เราจะไปกันวันพรุ่งนี้

อาหารที่เขาชันรีสอร์ท

อาหารที่เขาชันรีสอร์ท สำหรับเรื่องอาหาร แขกสามารถสั่งอาหารได้ แต่ในบางกรณีอย่างมื้อเช้า หรือกลางวัน ในวันที่มีแขกเข้าพักเป็นหมู่คณะ ทางรีสอร์ทจะจัดเตรียมอาหารทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว เรียกว่าเป็นชุดๆ ผมอยากจะกล่าวถึงเรื่องกุ้งเผาสักหน่อย ที่เห็นภาพกลางแถวบน กุ้งเผาสองตัวนี้เป็นกุ้งที่ชาวบ้านจับได้ คุณบัญญัติ เล่าให้ฟังว่า กุ้งขนาดนี้หายาก วันหนึ่งจะเจอไม่กี่ตัว และก็ไม่ใช่ว่าจะเจอกันทุกวัน หลายๆ วันจึงจะได้มาสักที คุณบัญญัติ ก็จะซื้อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อนำมาปรุงเป็นอาหารให้แขกที่เข้าพัก สนนราคาไม่แพงเลย ถ้าคุณบัญญัติ บอกว่ามีกุ้งเผา ละก็ สั่งเถอะครับ ไม่แพงจริงๆ

ถัดมาเป็นภาพล่างภาพแรก กั้งทอด เป็นกั้งที่ชาวบ้านดักมาได้ในช่วงที่ไปดักกุ้ง กั้งขนาดเล็ๆ ซื้อขายบนเกาะหมากไม่ได้ราคาครับ แต่ถ้าในเมืองก็ไม่แน่ เราก็เลยได้กั้งจานนี้มาฟรีๆ ขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

ขนมครก-ไก่ปิ้ง

ขนมครก-ไก่ปิ้ง รุ่งอรุณ เช้าอีกวันหนึ่งที่เขาชันรีสอร์ท ได้เวลาอาหารเช้า ปกติมีข้าวต้ม ขนมปัง กาแฟ ไว้คอยบริการ ส่วนศาลาหลังเล็กๆ ที่อยู่นอกห้องอาหารข้างทางเดินเข้ารีสอร์ท เป็นศาลาสำหรับขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นบ้าน แต่ละวันก็อาจจะไม่เหมือนกัน อย่างวันนี้มีขนมครก ส่วนศาลาอีกหลังก็จะมีไก่ปิ้งกับข้าวเหนียว เป็นของที่เราจะไปยืนรอรับเอาได้ตามอัธยาศัย กินไม่อิ่มก็วนมาเอาเพิ่มได้อีก แต่กว่าจะสุกก็ต้องรอกันหน่อยครับ

เกาะเทวดาหรือเกาะรังนก

เกาะเทวดาหรือเกาะรังนก หลังจากอาหารมื้อเช้าของเราผ่านไปเรียบร้อยอิ่มหนำสำราญ เรือที่เขาชันรีสอร์ทจัดเอาไว้ให้ก็มารอรับ เป็นเรือโดยสารประมาณ 40 ที่นั่ง แล่นมุ่งหน้าออกทะเลสาบสงขลา มีหมู่เกาะสี่-เกาะห้า อยู่เบื้องหน้า หมู่เกาะที่ว่ามานี้ประกอบไปด้วยเกาะหลายเกาะ แต่ละเกาะก็มีชื่อทุกเกาะ ไม่มีเกาะไหนชื่อเกาะสี่ ไม่มีเกาะไหนชื่อเกาะห้า เกาะแห่งหนึ่งที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ อยู่ประมาณกลางๆ ของหมู่เกาะ เรียกชื่อว่าเกาะเทวดา แต่ชาวบ้านมักจะเรียกว่าเกาะรังนก เพราะเกาะแห่งนี้เป็นที่อยู่ของนกนางแอ่น ว่ากันว่ารังนกที่เก็บจากเกาะนี้เป็นรังนกที่ดีที่สุดในโลก บนเกาะเป็นสัมปทานของบริษัท สยามรังนกทะเลใต้ จำกัด จึงดูค่อนข้างเข้มงวดสำหรับการเข้า-ออก บรรยากาศรอบๆ เกาะเทวดาตอนเรือเข้าเทียบท่าดูคล้ายๆ กับคลองมากกว่าเกาะ เพราะใกล้ๆ เกาะเทวดามีเกาะอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก เหลือพื้นที่น้ำระหว่างเกาะไม่กว้างมาก มีป่าชายเลนขึ้นปกคลุม ยังไงๆ ก็ดูคล้ายๆ คลอง

หลังจากที่เรือจอดเทียบท่าเกาะเทวดา ทุกคนขึ้นฝั่ง แล้วก็มุ่งตรงไปยังพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประดิษฐานอยู่บริเวณหน้าถ้ำเทวดาเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก บริเวณนี้มีบ้านพักคนงานอยู่ริมฝั่ง คนงานจำนวนหลายสิบคนที่มาอยู่บนเกาะแห่งนี้เป็นเวลานานๆ กว่าจะถึงการเก็บรังนก ซึ่งจะมีเพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น

พระบรมรูปบนเกาะรังนก

พระบรมรูปบนเกาะรังนก สิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่งที่หลงเหลือไว้ผ่านกาลเวลาเนิ่นนานนับร้อยปี คือพระปรมาภิไธย ที่สลักบนผาหน้าถ้ำบนเกาะเทวดาแห่งนี้ พระปรมาภิไธยจะอยู่บริเวณหลังพระบรมรูป

รังนกขาว

รังนกขาว หลังจากที่เดินมาพร้อมกันที่ลานพระบรมรูป ไกด์ได้อธิบายความรู้เรื่องรังนกให้เราฟัง ที่จริงข้อมูลละเอียดมาก แต่พอดีไม่ได้เอาเครื่องบันทึกเสียงไป ก็อาศัยจำเอา ได้ความว่า รังนกจะเก็บกันปีละ 2 ครั้ง คือช่วงกุมภาพันธ์ และสิงหาคม รังนกที่ดีจะเก็บในเดือนกุมภาพันธ์ ดังนั้นถ้าไปเที่ยวกันช่วงนี้ ที่บนเกาะจะมีรังนกให้เราได้ช้อปกันด้วย แต่ฟังราคาแล้วหนาวเหมือนกัน ก็กิโลกรัมละแสนบาท ว่างั้นนะ รังนกมี 2 ชนิดด้วยกันเรียกกันว่ารังนกดำและรังนกขาว รังนกขาวคือที่เห็นอยู่ในภาพนี้เอง มีสีอมแดงนิดหน่อย ส่วนรังนกดำนั้นสีจะเข้มออกสีดำ รังนกขาวราคาสูงกว่ารังนกดำ เพราะมีสิ่งปลอมปนอยู่น้อยกว่านั่นเอง ไกด์ยังได้บอกอีกว่ารังนกที่วางขายอยู่ทั่วไปไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม เกือบทั้งหมดเป็นรังนกปลอมครับ ดังนั้นถ้าผ่านไปเห็นก็อย่าไปซื้อเลย ของแท้กิโลละแสนครับ

เกาะกระ

เกาะกระ เกาะกระในหมู่เกาะสี่-เกาะห้า ของทะเลสาบสงขลา ชื่ออาจจะไปพ้องเอากับเกาะกระนครศรีธรรมราช ตอนที่ไกด์ได้อธิบายช่วงสั้นๆ เกี่ยวกับหมู่เกาะสี่-เกาะห้า ได้ยินชื่อเกาะเทวดา กับเกาะกระ ส่วนชื่อเกาะอื่นๆ ฟังไม่ถนัด บางช่วงก็เสียงเรือมันดังเข้ามาแทรก ถ้าหากผิดพลาดไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

โปรแกรมทัวร์หมู่เกาะสี่-เกาะห้า ของเขาชันรีสอร์ท ให้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ไกด์จะพาเราไปเกาะเทวดาก่อน จากนั้นก็ออกเดินทางมาที่เกาะกระอีกเกาะหนึ่ง อยู่ไม่ห่างกันมากนัก นั่งเรือไม่กี่นาทีก็ถึง เกาะแรกของการทัวร์หมู่เกาะเน้นไปที่เรื่องรังนก เพราะเป็นของที่ขึ้นชื่อระดับโลก ของไทย เกาะที่สองที่เราได้มาชมนี้โดดเด่นในเรื่องวัฒนธรรม มีเรื่องราวของศาสนามากมายบนเกาะแห่งนี้ เพียงได้เห็นไกลๆ อย่างศาลาสีเหลือง กับสะพานที่ดูจะมีเรื่องราวมากมายให้เราได้เข้าไปเรียนรู้

ถ้ำกระจก

ถ้ำกระจก หลังจากที่เรือนำเที่ยวเข้าเทียบท่าที่เกาะแห่งนี้ ไกด์พาเราเดินมาที่ถ้ำแห่งนี้พร้อมกับบอกว่าถ้ำนี้ชื่อถ้ำกระจก เท่านั้นแหละผมก็รีบยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปทันที ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าผมรู้ดีกว่าเป็นเงาสะท้อนของเพดานถ้ำที่สะท้อนลงบนผิวของน้ำในแอ่งของถ้ำ ผิวน้ำที่อยู่นิ่งสะท้อนภาพได้เหมือนกับกระจก ภาพแบบนี้ผมเคยเห็นที่เกาะสีชัง แต่มาที่นี่ความสวยงามเหนือกว่ามากเลยครับ

ล้วงเสี่ยงรัก

ล้วงเสี่ยงรัก หลังจากที่ถ้ำกระจก ไกด์พาเราเดินรอบเกาะแบบเวียนขวา มาเจอสถานที่แห่งนี้เข้า ผาหินด้านขวามือที่ไม่ได้อยู่ในรูปนี้จะมีช่องกลมๆ บุ๋มเข้าไปในหิน เป็นเรื่องแปลกที่มีช่องแบบนั้นบนหิน ไกด์อธิบายว่า มีความเชื่อว่าถ้าเอามือไปวางในช่องแล้วอธิษฐานจะได้คู่ ส่วนคนที่มีคู่แล้วเอามือไปวางอธิษฐานให้ความรักยืนนาน ส่วนต้นไม้ 2 ต้นตรงกลางก็มีชาวบ้านมากราบไหว้เป็นประจำ รอบๆ เกาะแห่งนี้มีสถานที่สำคัญมากมายหลายอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศรัทธาของชาวต่างประเทศมาสร้างเอาไว้ จึงมีข้อความตัวอักษรหลายจุดใช้อักษรภาษาจีน จะว่าไปถ้าบอกว่าเกาะนี้ไม่อยู่ในประเทศไทย ก็คงจะเชื่อเลยละครับ

เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์

เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ จบการเที่ยวหมู่เกาะสี่-เกาะห้า เรือนำเที่ยวพาเรามาจอดอยู่ที่อ่าวแห่งหนึ่ง ใกล้กับเขาชันรีสอร์ท ถ้ามองในแผนที่ของ Google Map ก็จะเห็นว่าบริเวณนี้เว้าเข้าไปในเกาะหมากมากทีเดียว พื้นที่ส่วนนี้เป็นเขตอนุรักษ์ เรียกว่าห้ามทำการประมงทุกชนิด รอบๆ ชายฝั่งเราเห็นอุปกรณ์ดักจับกุ้งมากมาย แต่บริเวณนี้เท่านั้นที่เห็นเพียงน้ำโล่งๆ ไร้อุปกรณ์หรือเครื่องมือใดๆ ในการจับสัตว์น้ำ ลุงคนขับเรือพามาถึงตรงนี้แล้วดับเครื่อง จากนั้นก็เริ่มเลคเชอร์ เสียดายจังที่ผมไม่นึกว่าจะได้ฟังเรื่องราวดีๆ มากมายขนาดนี้ ก็เลยไม่ได้เตรียมอุปกรณ์บันทึกเสียงมา เรื่องราวเท่าที่ฟังๆ ดูได้ความว่า

บริเวณลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เป็นพื้นที่ซึ่งนครโบราณแห่งหนึ่งได้สาบสูญไป เมืองหรือนครแห่งนั้นชื่อว่า สิงหนคร เป็นเมืองที่มีสภาพเป็นหมู่เกาะ หายสาบสูญไปเมื่อประมาณ พ.ศ. 1700 นักวิชาการหลายคนพยายามที่จะสืบค้นตามหา ตามหลักฐานกล่าวว่า เมืองนี้ต้องเดินทางจากเมืองตามพรลิงค์ เป็นเวลา 2 วัน จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังคงหาเมืองนี้ไม่พบ

ชาวพัทลุงเองก็พยายามที่จะนำเสนอทฤษฎีใหม่ๆ เกี่ยวกับเมืองสิงหนครที่หายไปว่า น่าจะอยู่ในบริเวณทะเลสาบสงขลา ก็คงเหลือเพียงการสืบค้นหาหลักฐานพยานวัตถุมายืนยันทฤษฎี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีการพบวัดโบราณในบริเวณรอบๆ ทะเลสาบสงขลาถึง 14 แห่งด้วยกัน เนื่องจากเมืองสิงหนครมีสภาพเป็นเกาะ จึงคิดกันว่าเทือกเขารอบๆ ทะเลสาบสงขลา น่าจะเป็นกำแพงเมืองธรรมชาติ มีช่องระหว่างเทือกเขาเป็นประตูเมือง ประกอบกับยังไม่มีการค้นพบเมืองสิงหนคร ความเป็นไปได้ที่นครแห่งนั้นตั้งอยู่ในทะเลสาบสงขลาก็ใกล้ความจริงมากขึ้นทุกที รัฐบาลได้เคยอนุมัติงบประมาณสำหรับการศึกษาเมืองที่หายไป ต่อมาความวุ่นวายทางการเมืองจึงทำให้โครงการนั้นยุคิลงไป ได้แต่หวังว่า สักวันหนึ่งเราจะพบเมืองแห่งนั้น

ขอจบการนำเที่ยวเขาชันรีสอร์ทและโปรแกรมเรือนำเที่ยวหมู่เกาะสี่เกาะห้าเอาไว้เท่านี้ครับ สำหรับเรื่องหมู่เกาะ ผมเห็นว่ามีรูปมากมายหลายรูปที่อยากจะให้ได้ชมกันก็เลยเขียนแยกออกไปไว้อีกหน้าหนึ่ง คลิกตามไปดูกันเลยครับ หมู่เกาะสี่ เกาะห้า

0/0 จาก 0 รีวิว

10 ที่พัก/โรงแรมใกล้ เขาชันรีสอร์ท พัทลุง
เขาชัน รีสอร์ท พัทลุง เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  0.06 km | แผนที่ | เส้นทาง
เบดแอนด์โบ๊ท อ่าวพะยูน รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  16.50 km | แผนที่ | เส้นทาง
Hadthong Resort เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  17.63 km | แผนที่ | เส้นทาง
อ่าวไทย รีสอร์ต เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  21.27 km | แผนที่ | เส้นทาง
Sanfhan Resort เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  36.23 km | แผนที่ | เส้นทาง
ระเบียงนํ้า รีสอร์ต เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  39.77 km | แผนที่ | เส้นทาง
บ้าน พูล กรีน วิว รีสอร์ต เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  46.60 km | แผนที่ | เส้นทาง
Ozone Resort & Pool Villa เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  46.92 km | แผนที่ | เส้นทาง
หาดแก้ว รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  49.33 km | แผนที่ | เส้นทาง
หาดแก้วรีสอร์ต สงขลา เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  49.58 km | แผนที่ | เส้นทาง

*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ

Line id: @touronthai (ใส่ @)
www.touronthai.com