ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. ขอนแก่น โทร. 0 4322 7714-5
http://www.tourismthailand.org/khonkaen
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ถึงแล้วสะพานไม้แกดำ หลังจากที่พยายามจะหาตามอินเตอร์เน็ดว่าสะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ไหน แต่ก้ยังไม่เจอข้อมูลที่เขียนการเดินทางละเอียดจนไปตามได้ซะที ระหว่างที่รถเราก็เคลื่อนที่ออกจาก วัดป่ากุง จังหวัดร้อยเอ็ด เส้นทางที่เขียนบรรยายเอาไว้ 2-3 ทางตั้งแต่แรก บอกเลยว่าไม่ใช่ทางที่เราใช้ เพราะตจากวัดป่ากุงมีเส้นทางตัดเข้ามาที่อำเภอแกดำได้ แต่ต้องละเลาะพอสมควร พอเข้าเขตอำเภอแกดำ เลี้ยวเข้าตามป้ายที่เขียนว่า อ.แกดำ ตรงเข้ามาไม่นานก็เจอวัดโพธิ์ศรี ทีแรกก็คิดว่าน่าจะใช่วัดที่อยู่ตรงท้ายสะพาน แต่มองเข้าไปแล้วไม่ใช่ เลยตรงเข้าไปอีกหน่อยมีอีกวัดชื่อวัดดาวดึงษ์แกดำ แต่ใน Google Maps จะเห็นเป็นชื่อวัด ดาวดึง ไม่มี ษ์ ซึ่งก็คือวัดเดียวกัน จากหน้าวัดขับเลาะข้างวัดเข้าไปก็จะถึงหนองน้ำ และนี่แหละที่ตั้งของสะพานไม้ที่ยาวถึง 1 กิโลเมตร กว่าๆ ชื่อ สะพานไม้แกดำ
สภาพของสะพานไม้ที่เราเห็น บอกเลยว่าไม่ค่อยจะกล้าเดินไปเท่าไหร่ เพราะมันดูเก่ามากๆ เราต้องถือกล้องไปด้วย ถ้าสะพานพังลงระหว่างทางคงจะแย่ แต่มียายคนนึงบอกว่าเพิ่งเดินข้ามมาจากฝั่งนู้น ก็เลยกล้าลองเดินไปดู
เสาไม้เท่าที่ชาวบ้านจะหามาได้ในสมัยนั้น ปักลงไปในโคลนจนถึงดินก้นหนอง ซึ่งมันก็ไม่ได้ลึกมาก หนองน้ำในอีสานก็จะเป็นคล้ายๆ กันแบบนี้คือกว้างใหญ่แต่ไม่ลึก เวลาหน้าแล้งถึงได้แล้งสุดๆ เราก็มาหน้าแล้ง เลยไม่เห็นว่าเวลาน้ำเต็มจะเป็นแบบไหน 200-300 เมตรแรก เราแทบมองไม่เห็นน้ำ เพราะมีหญ้า กก และบัว ขึ้นจนเต็มแน่น ลมพัดเข้ามาตลอดเวลา ช่วงเย็นๆ น่ามานั่งเล่นรับลมดับร้อนหลังจากการทำนาไร่กันมานาน เมื่อก่อนคนมองว่าเป็นสะพานเก่าๆ ธรรมดาๆ แต่พอมีภาพกระจายออกไปเรื่อยๆ สะพานแห่งนี้ก็มีคนมาเยี่ยมเยียนกันมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงเย็นๆ
ระหว่างการเดินบนสะพานเรารู้ว่าสะพานมันโยกน่ากลัวอยู่ เลยไม่ค่อยกล้าเดินพร้อมๆ กันหลายคน ค่อยๆ ไปเว้นระยะการเดินให้ห่างหน่อยจะดีกว่า แต่ชาวบ้านที่นี่ที่ยังใช้สะพานไม้แห่งนี้ในการไปมาหาสู่กัน ก็เดินกันเป็นกลุ่มๆ ให้เห็น ปรากฏว่าไม่พัง แต่มันโยกๆ จนน่ากลัวเท่านั้น ร่องรอยการซ่อม ไม้บางแผ่นมีสีใหม่กว่าเพื่อน เป็นเพราะระยะเวลาที่ผ่านมา มีการซ่อมสะพานแห่งนี้หลายครั้ง ด้วยการเอาไม้แผ่นใหม่มาปะ มาเปลี่ยนแทนแผ่นเก่าๆ แต่ยังคงโครงสร้างเดิมเอาไว้ทั้งหมด ไม่น่าเชื่อว่ามีอายุเป็นร้อยปีแล้ว
ความกว้างของหนองแกดำ อาจจะไม่ถึง 1 กิโลเมตร แต่ที่สะพานไม้แกดำ ยาวถึง 1 กิโลเมตรก็เพราะว่า เค้าไม่ได้สร้างสะพานตัดตรงจากฝั่งหนึ่งไปฝั่งหนึ่ง แต่เค้าสร้างเป็นทางโค้งรูปตัว S เป็นสะพานที่สวยมาก มีมุมให้ถ่ายรูปได้หลายมุม 2 ด้านของสะพานต่างกันอย่างลิบลับ ด้านซ้ายเหมือนเป็นป่ากกและหญ้า ส่วนด้านขวาเป็นบัวสลับกับหญ้า
เดินมีถึงช่วงกลางสะพานถึงจะเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่ เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านมาหาปลา ด้วยหลากหลายวิธี มีทั้งเบ็ด ทั้งแห ทั้งลอบ ไซ ตาข่าย หลายๆ จุดในหนองน้ำนี้คนลงไปเดินได้ น้ำลึกแค่อก แต่บางช่วงที่มีการขุดลงไปน้ำจะลึกมากระดับท่วมหัว ชาวบ้านที่หาปลาบอกเล่าเรื่องราวของสะพาน 100 ปี ให้เราฟัง ปู่ย่า รุ่นที่สร้างสะพานได้ล้มหายตายจากไป ไม่มีใครรู้อายุสะพานที่แน่นอน แต่ประมาณเอาจากอายุของคนแก่ในหมู่บ้าน ย้อนหลังไปอีกรุ่น สะพานนี้น่าจะมีอายุ 100 ปี หนองแกดำเป็นหนองที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก ชาวบ้านที่หาปลาส่วนใหญ่ได้ปลาบู่ และตัวใหญ่มาก ส่วนปลาอื่นๆ ก็มีแต่อาจจะไม่ชุมเท่าปลาบู่
ปลานิล หนองแกดำ ปลาตัวนี้แปลกมาก อยู่ใกล้ๆ กับสะพานไม้ และอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีหญ้า หรือจอกแหนบัง มองเห็นตัวมันได้สบายๆ เป็นปลานิลตัวใหญ่น่าจะหนักกว่า 7 ขีด ว่ายไปว่ายมาเหมือนไม่สนใจคนที่เดินอยู่บนสะพานเลย ยกกล้องมาถ่ายรูปมันก็ว่ายมาให้ถ่ายชัดๆ อีกต่างหาก เห็นขนาดปลาตัวนี้แล้ว บอกเลยว่าในหนองแกดำนี้อุดมสมบูรณ์มากขนาดไหน น้ำก็ตื้นมากด้วย ทางการเคยมีโครงการขุดลอกและรื้อสะพานไม้แกดำ สร้างสะพานคอนกรีต แต่ชาวบ้านยังคงอยากให้รักษาของเดิมเอาไว้ เราก็ได้แต่รอดูว่าจะเป็นยังไงต่อไป
สะพานบ้านหัวขัว หนองแกดำที่กว้างใหญ่ไพศาล มีคันดินกั้นกลาง แบ่งเป็นหนองน้ำที่เล็กกว่าอีกหนองหนึ่ง หนองที่กั้นขึ้นมามีการขุดลอกให้มีความลึกมากขึ้น และอยู่ใกล้หมู่บ้าน ทำให้สะพานไม้แกดำมาสุดอยู่ที่คันดินกั้นระหว่างหนอง 2 แห่ง แล้วมีสะพานไม้ทอดอีกต่อหนึ่งข้ามหนองเล็กไปยังหมู่บ้าน การขุดลอกหนองแล้วกั้นด้วยคันดินเพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทั้งในการเกษตรและการใช้ในบ้านเรือน ไม่มีพืชน้ำขึ้นในหนองเล็ก ก็เลยกลายเป้นที่เล่นน้ำของคนในหมู่บ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่
จากบ้านหัวขัว หรือบ้านหัวสะพาน มองย้อนกลับไปตามสะพานไม้ที่เราเดินข้ามมา เราจะเห็นวัดดาวดึงษ์แกดำ เด่นตระหง่านอยู่อีกฟาก เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เรามองเห็นจากฝั่งนี้ บนสะพานไม้ก็มีทั้งคนมาเที่ยว แล้วก็ชาวบ้านเดินไปติดต่อธุระเยี่ยมญาติ หรือไปอำเภอ เรียกว่าเป็นสะพานที่ใช้งานอยู่จนทุกวันนี้ แม้ว่าจะมีถนนราดยางอีกด้านหนึ่งของหนองแล้วก็ตาม ชาวบ้านยังคงชอบเดินข้ามสะพานไม้มากกว่าขี่รถไป
สำหรับคนชอบถ่ายรูป ตอนมาถึงแล้วเจอเมฆดำก้อนใหญ่ขนาดนี้ ก็ต้องบอกว่าใจคอไม่ดี เพราะอยากได้ภาพฟ้าสดใสกันมากกว่า ภาพจะได้ดูสวยงาม แต่โชคดีที่วันนี้มีแสงแดดยามเย็นทะลุชั้นเมฆหนาลงมาเยอะมาก ก็เลยได้ภาพสวยไปอีกแบบหนึ่ง ปกติแล้ว สะพานไม้แกดำ หากมาถ่ายรูปเอาสวยก็น่าจะเป็นตอนเช้า เดินมาบนสะพานหามุมที่จะเห็นวัดเป็นฉากหลัง มีพระเดินบิณฑบาตร มีคนรอใส่บาตรอะไรทำนองนี้ ช่วงเช้าได้ภาพถ่ายตามแสง ก็น่าจะสวย แต่ทั้งนี้เราไม่เคยเห็นพระเดินบิณฑบาตรเพราะเรามาตอนเย็น ถ้าจะมาถ่ายรูปก็ไม่แน่ว่าจะเจอพระหรือเปล่านะ แต่ถ้ามาถ่ายวิวปกติ มาได้ทั้งวัน สวยแน่ๆ
ปิดท้ายเรื่องราวของสะพานไม้แกดำ อายุ 100 ปี เอาไว้เท่านี้ ว่างๆ มาเที่ยวสารคาม แล้วจะหลงรักสารคามแบบหนังเรื่อง ฮักนะสารคาม เด้อ
ขอขอบคุณ กองประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มา ณ โอกาสนี้ครับ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ