อุทยานแห่งชาติภูลังกา

อุทยานแห่งชาติภูลังกา ห่างจากตัวอำเภอบ้านแพงประมาณ 6 กิโลเมตร การเดินทาง จากตัวเมืองนครพนมใช้เส้นทางสายนครพนม-บ้านแพง ทางหลวงหมายเลข 212 ระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตรและเลี้ยวซ้ายบริเวณกิโลเมตรที่ 220 อุทยานแห่งชาติภูลังกาครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม และอำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย มีเนื้อที่ประมาณ 31,250 ไร่ หรือประมาณ 50 ตารางกิโลเมตร ลักษณะเป็นภูเขาทับซ้อนกัน 3 ลูก สลับด้วยเทือกเขาขนาดเล็กสลับซับซ้อนทอดยาวตามแนวลำน้ำโขง สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณและป่าแดงที่สมบูรณ์มีสัตว์ป่าชุกชุม เป็นต้นกำเนิดของน้ำตก และลำธารใหญ่น้อยหลายสาย

สิ่งที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ

น้ำตกตาดขาม เป็นน้ำตกที่ไหลเป็นชั้น ๆ จำนวน 4 ชั้น เฉพาะชั้นสุดท้ายจะมีแอ่งน้ำขังตลอดปี สภาพโดยรอบร่มรื่น และมีลานหินเล็ก ๆ เหมาะสำหรับพักผ่อน

น้ำตกตาดโพธิ์ กำเนิดจากเทือกเขาภูลังกา อยู่ใกล้กับน้ำตกตาดขาม ห่างกันประมาณ 4 กิโลเมตร การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 212 จากนครพนมแล้วเลี้ยวซ้ายบริเวณกิโลเมตรที่ 214 เข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร น้ำตกมีลักษณะสวยงามไม่น้อยกว่าน้ำตกตาดขาม เป็นน้ำตกที่ไหลเป็นชั้นจำนวน 4 ชั้น แต่ละชั้นสูงไม่น้อยกว่า 10 เมตร ชั้นที่ 2 สูงถึง 30 เมตร

น้ำตกกินรี เป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่ง มีลานหินกว้างรองรับน้ำตกและป็นที่นั่งพักผ่อน น้ำตกมี 2 ชั้น อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯภูลังกา ประมาณ 34 กิโลเมตร

เจดีย์กองข้าวศรีบุณเนาว์ เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากประเทศเนปาลเมื่อปี 2543 ตั้งอยู่บนลานหินที่มีลักษณะคล้ายกองข้าวซึ่งเป็นจุดสูงสุดของภูลังกาสูงประมาณ 563 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางลักษณะทั่วไปเป็นลานหินกว้างสลับด้วยพรรณไม้นานาชนิด มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ขึ้นจากแม่น้ำโขงและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในตอนเช้าที่สวยมาก เจดีย์นี้อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูลังกาประมาณ 4 กิโลเมตร

เจดีย์อาจารย์วัง เป็นเจดีย์ขนาดเล็กใช้บรรจุพระธาตุของหลวงปู่วัง เกจิอาจารย์ชื่อดังเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว ตั้งอยู่บนลานหินทรายขนาดใหญ๋ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 545 เมตร อยู่ใกล้ๆกับหน้าผา "ใจขาด" ซึ่งเป็นหน้าผาที่สูงชันมากบริเวณรอบๆมีก้อนหินรูปทรงแปลกๆเป็นจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ตกที่บริเวณบึงโขงหลงที่สวยงามมากอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 7 กิโลเมตร สามารถขึ้นไปท่องเที่ยวได้โดยการเดินผ่านไปทางเจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760 www.dnp.go.th

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานนครพนม (นครพนม สกลนคร มุกดาหาร) 0 4251 3490-1
http://www.tourismthailand.org/nakhonphanom

แก้ไขล่าสุด 0000-00-00 00:00:00 ผู้ชม 32956

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

อุทยานแห่งชาติภูลังกา เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดไม่กว้างขวางมาก พื้นที่รอบๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีเพียงลานกางเต็นท์ ลานจอดรถ รองรับรถได้ไม่มากนักหากเทียบกับอุทยานแห่งชาติอื่นๆ อุทยานแห่งชาติภูลังกา ไม่มีร้านสวัสดิการ ร้านอาหาร ดังนั้นเราต้องเตรียมกันมาให้พร้อม แต่ที่ประทับใจในอุทยานแห่งชาติภูลังกาก็คือจำนวนห้องน้ำรอบๆ ศูนย์บริการมีการเกินพอ และสะอาดมาก จากด่านตรวจชำระค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติภูลังกา เข้ามาอีกเพียงไม่ถึง 20 เมตรก็เป็นอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและที่ทำการอุทยานในหลังเดียวกัน สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็เป็นกิจกรรมเดินศึกษาธรรมชาติภูลังกา ชมเจดีย์กองข้าว เจดีย์หลวงปู่วัง น้ำตกตาดโพธิ์ ในฤดูแล้งน้ำตกแทบจะไม่มีน้ำก็จะเหลือเพียงการเดินพิชิตภูลังกาไหว้เจดีย์กองข้าวชมพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งเป็นวิวที่สวยงามมาก

ลานจอดรถอุทยานแห่งชาติภูลังกา เป็นที่จอดรถที่จะจอดได้ไม่มาก ส่วนลานจอดรถอีกที่หนึ่งอยู่ด้านขวามือตรงจุดเริ่มต้นสำหรับการเดินชมน้ำตกตาดโพธิ์ มีลานกางเต็นท์และห้องน้ำด้วย บริเวณนี้จึงใช้จอดรถได้ในกรณีที่ลานจอดรถหลักมีรถเต็มแล้วเท่านั้น ถนนลาดยางขึ้นเนินไปที่เห็นอยู่หน้าป้ายชื่ออุทยานเป็นทางขึ้นเนินเขาไปสู่บ้านพัก

เส้นทางพิชิตภูลังกา ในวันที่เราเดินทางมาสำรวจอุทยานแห่งชาติภูลังกา เป็นฤดูหนาว (ปลายเดือนมกราคม) น้ำตกตาดโพธิ์ไม่มีน้ำให้ชม กิจกรรมเดียวของเราที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา ก็คือการเดินพิชิตยอดภูลังกา โดยเลือกเวลาในการเดินขึ้นไปเป็นช่วงชมพระอาทิตย์ขึ้น ต้องเริ่มต้นเดินกันตอนดี 4 เพื่อให้ไปทันพระอาทิตย์ขึ้น ประมาณ 6 โมงครึ่ง รูปที่เห็นนี้เป็นรูปในการเดินตอนขากลับลงจากภูลังกา เส้นทางในการเดินมีระยะทาง 4 กิโลเมตรโดยประมาณ ประกอบไปด้วยทางลาดชันสลับกับพื้นราบและลานหิน ช่วงที่เป็นเนินชันๆ มี 3 ช่วง ในภาพนี้เป็นช่วงแรก อยู่ก่อนลานหินที่พักระหว่างทางประมาณ 100 เมตร เดินมาถึงตรงนี้แสดงว่าเรามาไกลจากที่ทำการอุทยานประมาณ 2,500 เมตรแล้วครับ แต่เนินนี้ทำเอาผมเหนื่อยจนเดินไม่ไหวเลยทีเดียว

สำหรับการเดินชมดอกไม้ป่าในฤดูปลายฝนต้นหนาว ภูลังกามีดอกไม้ป่าหลายชนิดผลิบานสวยงามตลอดเส้นทาง แต่ก็ทำให้ทางเดินเป็นโคลนลื่นเดินลำบากมากขึ้นด้วย

ลานชมวิวภูลังกา เป็นลานหินขนาดเล็กๆ ที่พอจะขึ้นไปนั่งรับลมเย็นๆ ได้ดี มีลมพัดผ่านตลอดทำให้รู้สึกเย็นสบาย มองวิวสวยๆ รอบๆ พื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา เป็นจุดพักระหว่างทางสำหรับผู้ที่มาเที่ยวธรรมชาติบนเส้นทางยาว 4 กิโลเมตร สามารถมองไปได้ไกลจนถึงฝั่งโขงของประเทศลาวได้ด้วย ปกติหากเดินมาถึงจุดนี้จะพักกันนานเป็นพิเศษ หรืออาจจะเป็นจุดพักสำหรับกินข้าวเที่ยงในกรณีที่ออกเดินทางตอนสายๆ

ทางเดินบนลานหินภูลังกา หลังจากผ่านจุดพักระหว่างทางชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ออกเดินกันต่อ เส้นทางต่อจากลานหินจุดพักระหว่างทางมีเนินชันๆ อีก 2 ช่วง ทำให้เราต้องพักมาเป็นระยะๆ บางช่วงที่ชันมากๆ และพื้นทางเดินมีน้ำไหลผ่านประจำจนเซาะดินให้เป็นทางลาดชันและลื่นมากหากมีน้ำแฉะบนผิวดิน เจ้าหน้าที่เอาเชือกมาขึงให้จับเดิน จนมาถึงลานหินแห่งหนึ่ง มีการขุดฝังพื้นให้เดินเป็นระยะ 1 ก้าวเท่าๆ กัน เพราะในฤดูปลายฝนต้นหนาวที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันมากนั้น ผิวหินยังมีความชื้นและลื่นมากต้องเดินบนจุดที่ฝังปูนเอาไว้ การเดินพิชิตยอดภูลังกา ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง โดยเฉพาะผู้ที่จะขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนผม เพราะบางช่วงบนสันดอยเป็นลานหินโล่งมาก จนไม่สามารถสังเกตุเส้นทางที่ถูกต้องได้ อาจจะเดินหลงไปจากเส้นทางได้ง่าย

ซับน้ำภูลังกา ซับน้ำหรือบ่อน้ำซับเกิดจากต้นไม้อุ้มน้ำเอาไว้ และคายออกมาทีละน้อย ฉะนั้นบ่อน้ำที่เห็นในรูปนี้จึงมีความสะอาดตามธรรมชาติ สามารถดื่มน้ำในบ่อน้ำนี้ได้ ทางอุทยานแห่งชาติภูลังกาได้สร้างหลังคาและตาข่ายคลุมเอาไว้ป้องกันใบไม้ร่วงลงไป และสำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่ขึ้นมาปลีกวิเวกบนภูลังกา ทางอุทยานแห่งชาติภูลังกามีธมกรกกรองน้ำไว้บริการด้วย (ภูลังกาเป็นสถานที่ที่มีพระภิกษุขึ้นมาปลีกวิเวกเป็นประจำทุกปี โดยมีหลวงปู่วังเป็นผู้บุกเบิกการปลีกวิเวกบนภูลังกาแห่งนี้ หลวงปู่วังเป็นเกจิอาจารย์ที่มีประชาชนเคารพศรัทธามากรูปหนึ่ง)

เส้นทางพิชิตภูลังกา เป็นภาพรวมบรรยากาศเส้นทางเดินพิชิตภูลังกาที่ยาวประมาณ 4 กิโลเมตร บางช่วงจะเห็นการสร้างฝายกักเก็บน้ำไว้ใช้ มีห้องน้ำชั่วคราวที่สร้างขึ้นแบบง่ายๆ สำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่มาปลีกวิเวกบนภูลังกา นักท่องเที่ยวเองก็ใช้ห้องสุขานี้ด้วย บางช่วงจะมีสะพานสำหรับเดินข้ามรอยต่อของหินขนาดใหญ่ๆ สะพานเหล่านี้สร้างด้วยท่อนไม้ หลายจุดก็มีการชำรุดลงไปตามกาลเวลาซึ่งอุทยานแห่งชาติภูลังกา ก็จะทำการซ่อมแซมให้แข็งแรงอยู่เสมอ ภาพล่างขวาเป็นลานหินที่ใกล้จะถึงเจดีย์กองข้าวแล้วสามารถมองเห็นเจดีย์ทรงกลมได้แต่ไกล

เจดีย์กองข้าวศรีบุณเนาว์ ช่วงท้ายๆ ของการเดินผ่านลานหินที่ใกล้จุดหมายยอดภูลังกา จะมองเห็นเจดีย์กองข้าวสีทองบนยอดเขาได้ชัดเจน จากจุดนี้ไปก็น่าจะมีระยะทางคงเหลือประมาณ 800 เมตร เมื่อเข้าใกล้เจดีย์กองข้าวศรีบุณเนาว์ จะเป็นทางที่ต้องปีนหินขนาดใหญ่ขึ้นด้านข้างของเจดีย์ มีเชือกสำหรับให้จับเพื่อที่จะปีนขึ้นไป ลำบากน่าดูครับช่วงปีนหิน

เจดีย์กองข้าวศรีบุณเนาว์ หลังจากการเดินเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูลังกา เราก็มาถึงเจดีย์กองข้าวทรงกลมโดดเด่นบนลานหินกว้างขวางล้อมรอบองค์เจดีย์มองเห็นทิวทัศน์สวยงามด้านตะวันออกเป็นสายแม่น้ำโขงและฝั่งลาว ส่วนด้านตะวันตกเป็นบึงโขลงหลง 6 โมงเช้า พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ก็เลยเก็บภาพเจดีย์กองข้าวกับท้องฟ้าที่มีสีสันสวยงามนี้มาก่อน

เจดีย์กองข้าวศรีบุณเนาว์ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าเจดีย์กองข้าว เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากประเทศเนปาลเมื่อปี 2543 ตั้งอยู่บนลานหินที่มีลักษณะคล้ายกองข้าวซึ่งเป็นจุดสูงสุดของภูลังกาสูงประมาณ 563 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางลักษณะทั่วไปเป็นลานหินกว้างสลับด้วยพรรณไม้นานาชนิด มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ขึ้นจากแม่น้ำโขงและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในตอนเช้าที่สวยมาก เจดีย์นี้อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูลังกาประมาณ 4 กิโลเมตร

ชมวิวสวยยอดภูลังกา ด้านทิศตะวันออกมองเห็นแม่น้ำโขงเป็นสายพาดผ่านตลอดความกว้างของเลนส์ เห็นเทือกเขาดูไม่สูงมากนักอยู่ริมแม่น้ำโขงของฝั่งลาว

พระอาทิตย์ขึ้นที่เจดีย์กองข้าว ไม่นานนักหลังจากที่นั่งพักอยู่จนหายเหนื่อย พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า เราก็ต้องหามุมถ่ายรูปสวยๆ คู่กับเจดีย์กองข้าวอันเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวว่าเป็นมุมที่สวยมากมุมหนึ่งของจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นของไทย

พระอาทิตย์ขึ้นบนภูลังกา ลานหินรอบๆ เจดีย์กองข้าวกว้างมากพอสมควรถ้ามากันหลายๆ คนก็ยังมีที่มากพอที่จะเก็บภาพในมุมที่ต่างๆ กันไป ด้านขวามือของจุดชมวิวเจดีย์กองข้าวศรีบุณเนาว์จะมองเห็นยอดภูลังกาใต้ เป็นคำเรียกแบบง่ายๆ ของเจ้าหน้าที่ ยอดภูลังกาใต้มีชื่อในภาษาท้องถิ่นที่ค่อนข้างแรียกยากและก็จำยากจนผมก็ลืมไปแล้ว ที่เห็นเป็นยอดดอยไม่ไกลมากนี้หากจะเดินไปชมวิวบนภูลังกาใต้บ้างจะต้องเดินโดยใช้เวลาถึงประมาณ 2 วันเลยทีเดียว เจ้าหน้าที่อธิบายว่าเราแค่เห็นมันอยู่ใกล้แค่นั้นแต่ความจริงจะไกลมาก

วิวสวยภูลังกา พระอาทิตย์เคลื่อนขึ้นสูงเรื่อยๆ ก็ลองหามุมที่จะเก็บภาพเจดีย์ทรงกลมนี้กับพระอาทิตย์ลองดูครับ

พระธาตุภูลังกา เก็บภาพสวยๆ กันมาเยอะแล้วคราวนี้เราลองมาศึกษาข้อมูลของเจดีย์กองข้าวศรีบุณเนาว์ หรือพระธาตุภูลังกาองค์นี้กันหน่อยครับ
ประวัติความเป็นมาของพระธาตุภูลังกา ผู้นำสร้าง พระอาจารย์สมชาย ปุญญมโน เจ้าอาวาสวัดป่าสว่างบุญ ต.ชะอม อ.แก่งคอย สระบุรี ท่านเดินทางมาภูลังกาเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2542 เพื่อขึ้นมาปลีกวิเวกภาวนา ได้เดินขึ้นมาพักบนยอดเขาภูกองข้าว ซึ่งมีหินกองเป็นรูปเจดีย์เล็กๆ อยู่ ไม่รู้ว่าผู้ใดนำหินมากองไว้ ในคืนนั้นมีภูมิเทวดามาขอให้ช่วยสร้างเจดีย์ขึ้นมาใหม่ ภูมิเทวดาบอกว่าเขามีอยู่มากจะช่วยท่านเอง พอรุ่งเช้าท่านจึงเดินลงไปพบถ้ำ และตั้งชื่อถ้ำนั้นว่า "ถ้ำโพธิญาณ" ในพรรษานั้นท่านจึงจำพรรษาที่ถ้ำโพธิญาณ พอออกพรรษาจึงชักชวนชาวบ้านดงชมภูและนาโพธิ์ บอกคณะศิษย์ว่าจะสร้างพระเจดีย์บนภูลังกา ลงมือสร้างวันที่ 19 พฤศจิกายน 2542 แล้วเสร็จวันที่ 17 มกราคม 2543 รวมเวลา 59 วัน โดยไม่ได้จ้างขาวบ้านแต่ประการใด และได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้อัญเชิญมาจากประเทศเนปาล รวมทั้งพระอรหันตธาตุด้วย ใช้งบก่อสร้างรวม 1,104,097 บาท

คาถาบูชาพระธาตุ
วันทามิ เจติยัง สัพพัฏฐาเนสุ ปติฏฐิตา สะรีระธาตุง มะหาโพธิง พุทธะรูปัง สะกะลัง สะทา นาคะโลเก เทวะโลเก ตาวะติงเส พรหมะโลเก ชัมภูทีเป ลังกาทีเป สะรีระธาตุโย เกสาธาตุโย อะระหันตะธาตุโย เจติยัง คันธะกุฎิ จะตุราสีติสะหัสสะ ธัมมักขันธา ปาทะเจติยัง นะระเทเวหิ ปูชิตา อะหัง วันทามิ ธาตุโย อะหัง วันทามิ ทูระโต อะหัง วันทามิ สัพพะโสฯ

ภาพสวยๆ จากเจดีย์กองข้าวภูลังกา พระอาทิตย์ขึ้นสูงมากแล้วครับ ทิวทัศน์รอบๆ บริเวณเจดีย์กองข้าวศรีบุณเนาว์ยอดเขาภูลังกาก็สว่างไปหมด มองเห็นสีทองอร่ามบนองค์เจดีย์สวยงามสดใสครับ

ทิวทัศน์เหนือภูลังกา

ยอดเขาเจดีย์หลวงปู่วัง เจดีย์หลวงปู่วังเป็นคำเรียกเจดีย์องค์หนึ่งของขาวบ้านที่เรียกกันติดปาก เจดีย์หลวงปู่วังสร้างเพื่อรำลึกถึงเกจิอาจารย์ดังในพื้นที่นครพนมที่ได้มรณะภาพไปนานแล้ว เจดีย์หลวงปู่วังอยู่บนยอดดอยของภูลังกาห่างจากเจดีย์กองข้าวศรีบุณเนาว์ที่เรายืนอยู่ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ทั้งเจดีย์กองข้าวและเจดีย์หลวงปู่วังมีเส้นทางเดินขึ้นบันไดจากเชิงเขาขึ้นมาถึงเจดีย์ ขาวบ้านจะนิยมเดินขึ้นทางบันไดมากกว่าที่จะเดินป่าขึ้นเขาเหมือนที่ผมเดินในวันนี้ นอกเหนือจากนี้ บนยอดเขาภูลังกายังมีลานกว้างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรมบนภูลังกา เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในวันเดียวกัน และยังเดินชมดอกไม้ป่านานาชนิดในช่วงปลายฝนต้นหนาว เที่ยวน้ำตกตาดโพธิ์ที่อยู่เชิงเขาภูลังกา ซึ่งเราเองก็ต้องไปที่อุทยานแห่งชาติภูลังกานี้อีกครั้งเพื่อรวบรวมข้อมูลและรูปภาพสวยๆ มาฝากกันในโอกาสหน้า....