ข้อมูลเพิ่มเติม:Tel. 08 9282 3437 , 044 738 428
http://www.dnp.go.th/
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ที่ทำการอุทยานฯ การเดินทางมายังอุทยานแห่งชาติไทรทอง เพื่อชมทุ่งดอกกระเจียว ส่วนมากจะวางแผนมาให้ถึงที่นี่ในช่วงเช้ามืด การได้เดินชมดอกกระเจียวท่ามกลางสายหมอกสีขาวเป็นภาพที่สวยงามและอากาศเย็นสบายเหมาะแก่การเดินกลางป่ามากกว่าที่จะมาตอนสาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนของแต่ละคน บางคนมาชัยภูมิไปอช.ป่าหินงามก่อน ก็จะได้ภาพสวยกลางสายหมอกเหมือนกัน ส่วนเราทีมงานก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะเก็บภาพทั้ง 2 อุทยาน ให้มีบรรยากาศกลางสายหมอกและท่ามกลางแดดจ้าใต้ท้องฟ้าสดใส นั่นหมายถึงการเดินทางมากกว่า 1 ครั้ง ทั้ง 2 อุทยาน พอมาถึงที่ทำการอุทยานฯ ถ้าเกิดว่ามารถเก๋งหรือรถตู้ ก็จำเป็นที่จะต้องจอดไว้ที่นี่ แล้วต่อรถกระบะข้ามลำห้วยขึ้นไปทุ่งดอกกระเจียว หรือทุ่งบัวสวรรค์ ราคาคันละประมาณ 500 บาท นั่งได้ 10 คน ตกคนละ 50 บาท แต่ถ้ามารถกระบะก็สามารถขับข้ามห้วยขึ้นเขาไปเองได้ จะขึ้นตามเส้นทางปกติหรือจะขึ้นไปยังลานกางเต็นท์ที่ทุ่งดอกกระเจียวเลยก็ได้ แต่เส้นทางขึ้นลานกางเต็นท์ที่ว่าต้องใช้ทางหลวงหมายเลข 225 (นครสวรรค์-ชัยภูมิ) แต่ถ้ามารถเก๋งกับรถตู้ก็คงต้องมาต่อรถที่นี่อยู่ดี
เริ่มต้นเดินเท้า หลังจากที่ขึ้นมาถึงลานจอดรถบนเขาแล้ว ต่อจากนี้จะต้องเป็นการเดินเท้าเข้าไปชมทุ่ง พื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรทองมีทุ่งดอกกระเจียวอยู่ 4 ทุ่ง มีระยะทางในการเดินต่างกัน เริ่มจากทุ่งที่ 3 เป็นทุ่งดอกกระเจียวสีชมพู อยู่ห่างจากร้านค้าลานจอดรถประมาณ 350 เมตร เท่ากันกับผาหำหด ประมาณของดอกกระเจียวในทุ่งที่ 3 มีไม่มากเหมือนอย่างทุ่ง 2 และ ทุ่ง 1 แต่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่อยากจะเดินไกลๆ จากนั้นเดินไปทุ่ง 2 ระยะทางจากทุ่ง 3 ไปอีก 800 เมตร มีทางแยกไปทุ่งที่ 4 ได้ จากทุ่ง 4 ก็เดินไปทุ่ง 2 ได้ ระยะทาง 500 เมตร แล้วสุดท้ายทุ่ง 1 เดินจากทุ่ง 2 ไปอีก 700 เมตร เป็นทุ่งที่มีคนมาเที่ยวมากที่สุดเพราะหลายคนก็ขับรถขึ้นมาค้างที่ลานกางเต็นท์ที่อยู่ใกล้ๆ กับทุ่งดอกกระเจียว แล้วก็ยังเป็นทุ่งที่มีปริมาณดอกไม้มากที่สุด รวมๆ แล้วถ้าเดินครบทุกทุ่งตามเส้นทางนี้จะต้องเดิน 4 กิโล ครึ่ง ก็ไม่มากไม่น้อยเป็นทางราบสบายๆ
ผาพ่อเมือง เป็นจุดแวะจุดแรกที่เราจะได้เห็นเพราะอยู่ไม่ไกลจากจุดเริ่มต้นของเราสักเท่าไหร่ จากตรงนี้เป็นต้นไปบนเทือกเขาพังเหยแห่งนี้จะมีสภาพเป็นแนวผาหินทั้งหมด มีจุดให้แวะเข้าไปถ่ายรูปได้หลายจุดบางแห่งมีชื่อบางแห่งก็ไม่มีชื่อ ผาที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นผาหำหด แต่ไม่ว่าจะมองจากผาไหนวิวที่เราเห็นก็จะเป็นวิวเดียวกันหมดจากผาพ่อเมืองทางเดินจะขึ้นเนินนิดหน่อยแต่ไม่ยาวมากระหว่างทางก็อาจจะมีหนอนและกิ้งกือตัวโตๆ โผล่มาทักทายเราเป็นระยะๆ อย่าเผลอไปเหยียบเข้าละครับสงสารแย่ แต่ถ้าเดินขึ้นเนินแล้วจะไปเกาะต้นไม้ก็ดูให้ดีๆ เพราะบางทีจะมีตัวบุ้งสีดำขนยาวๆ ถ้าไปโดนมันจะคันไม่เบาเลยทีเดียวยิ่งถ้าใครแพ้ก็จะแย่เอานะครับ
ผาหำหด เป็นหน้าผาที่หวาดเสียวที่สุดบนอุทยานแห่งชาติไทรทองก็ว่าได้ อยู่ตรงทางผ่านระหว่างทุ่งที่ 3 ไปยังทุ่งที่ 2 ถึงแม้ว่าหน้าผานี้จะเป็นผาหินแผ่นบางๆ ยื่นยาวออกไปน่ากลัวสมชื่อ แต่ก็มีคนอยากลองท้าความเสียวไปนั่งถ่ายรูปกันเยอะทีเดียว
ผาหำหด พื้นที่หมู่บ้านที่อยู่กลางหุบเขาสลับซับซ้อนเบื้องล่างจะมองเห็นได้ชัดเจนถ้าเกิดว่าเป็นเวลาสายๆ ภาพพวกนี้ผมถ่ายตอนเดินกลับจากทุ่งดอกกระเจียว แต่เอามาให้ชมก่อนตามลำดับของเส้นทางเดินจะได้ไม่งงแต่ความจริงในตอนเช้าที่เราเดินไปดูหมอกจะมีหมอกคลุมหน้าผามองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสีขาว
ดอกกระเจียวขาว เป็นดอกกระเจียวที่อยู่ในทุ่งที่ 4 แม้ว่าจะมีสีขาวสวยงามแต่ขนาดของดอกเล็กกว่าสีชมพูมาก ที่ทุ่ง 4 มีดอกกระเจียวขาวขึ้นอยู่ทั่วไปแต่พอถ่ายรูปมุมกว้างกลับมองเห็นดอกกระเจียวไม่เด่น ก็เลยต้องถ่ายมาแบบนี้แทน
บรรยากาศทางเดินกลางสายหมอก ป่าไม้ในอุทยานแห่งชาติไทรทองและอุทยานแห่งชาติป่าหินงามเป็นป่าเต็งรังเหมือนกัน ต้นไม้ที่เราเห็นส่วนใหญ่จะมีลำต้นไม่สูงมาก มีกิ่งก้านก็ไม่เยอะ เมื่อปกคลุมด้วยสายหมอกจะเป็นเป็นเส้นขอบลางๆ พอถ่ายออกมาเป็นขาว-ดำ ก็ดูมีมิติเร้นลับดีเหมือนกัน อากาศที่นี่จะเย็นอุณหภูมิจะต่ำกว่า 25 องศานิดหน่อย ถ้าอยากมาเดินชมดอกไม้กลางป่า ก็น่าจะมีเสื้อกันหนาวบางๆ มาด้วยสักตัว เพราะหลายคนชอบคิดว่าที่ชัยภูมิอากาศไม่หนาวเลยไม่เตรียมเสื้อแขนยาวมาก็ต้องมาเดินไปบ่นไปตลอดทาง
ทุ่งดอกกระเจียว เราเดินไม่นานเท่าไหร่ ก็เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของทุ่ง 2 แล้ว ระหว่างการเดินจะเห็นดอกกระเจียวขึ้นอยู่เป็นกระจุกๆ อยู่ข้างทาง แล้วจะเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าข้างทางจะไม่มีไม้กั้นแต่ก็ขอให้เข้าใจโดยอัตโนมัติเลยนะครับว่าเค้าห้ามเข้าไปครับ ถ้าเราเดินเข้าไปมากๆ เดี๋ยวกระเจียวจะตายแล้วปีหน้าไม่มีให้ชมเอานะ
ดอกกระเจียว เมื่อมีการกั้นรั้วไม้เตี้ยๆ รอบทุ่งดอกกระเจียว เราก็ต้องมองหาดอกที่อยู่ใกล้ๆ รั้วจะได้ถ่ายรูปแบบชัดๆ สักดอก
ทุ่งดอกกระเจียวทุ่ง 2 กลางสายหมอก ดอกกระเจียวจะบานต้นฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน - สิงหาคม ทุกปี ภาพชุดนี้ถ่ายในช่วงเดือนสิงหาคม ก็จะเริ่มเห็นบางดอกที่เริ่มเหี่ยวตามกลีบดอกแล้วก้านดอก ครั้งหลังสุดผมลองมาเดือนกรกฎาคม ปรากฏว่ายังไม่บานเต็มที่ มีดอกกระเจียวให้ดูกันอยู่หรอมแหร็ม อันนี้ก็เป็นข้อมูลให้พิจารณากันดูว่าจะมาช่วงไหนกัน แต่ทางที่ดีโทรมาถามทางอุทยานก่อนดีกว่า ที่เบอร์ 08 9282 3437 , 044 738 428
ทุ่งดอกกระเจียวทุ่ง 1 กลางสายหมอก เดินชมทุ่งดอกกระเจียวไปเรื่อยๆ เพลินๆ แป๊บเดียวเราก็เดินครบทั้ง 4 ทุ่ง ตอนที่มาถึงทุ่งที่ 1 ก็เกิดหินขึ้นมาเลยเดินไปที่ลานกางเต็นท์อุทยาน มีร้านค้าสวัสดิการขายอาหารตามสั่งแล้วก็ของกินแบบสำเร็จรูปที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีอะไรบ้าง ได้กาแฟ กับข้าวคนละจานกินให้อิ่มแล้วก็ไม่เร่งรีบ หลังจากที่เราถ่ายรูปทุ่งดอกไม้กลางสายหมอกจนทั่วแล้ว เราก็อยากจะได้ภาพทุ่งดอกไม้แบบไม่มีหมอกบ้างจะได้ครบๆ หลังจากกินข้าวอิ่มเราก็เดินเล่นอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ท้องฟ้าก็เปิดหมอกสลายหายไปเหมือนกับอยู่คนละโลกกันเลย ได้เวลาถ่ายรูปพร้อมกับเดินกลับแล้ว
ทุ่งดอกกระเจียวหลังหมอกสลาย เอาละครับนี่ก็คือภาพบรรยากาศตอนเดินกลับ หมอกสีขาวหายไปหมด มองเห็นดอกกระเจียวสีชมพูสดใสบานเต็มทุ่ง พอสายหน่อยคนก็เริ่มจะมากันเยอะ แต่ละคนก็ง่วนอยู่กับการถ่ายรูปทุ่งดอกกระเจียวมุมนั้นมุมนี้ ช่างภาพมืออาชีพหลายคนก็มาตั้งขาตั้งรอจังหวะสวยๆ นี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่อุทยานแห่งชาติไทรทองและป่าหินงาม
ต้นกระเจียวสำหรับขาย หลังจากที่ถ่ายรูปได้ครบทุกจุดตามต้องการเราก็เดินมาที่ลานจอดรถขึ้นรถกลับที่ทำการอุทยาน ภาพที่เราเห็นก็คือต้นดอกกระเจียวใส่ถุงสำหรับเอาไปปลูกชมกันที่บ้าน ราคาต้นละ 20 บาทเอง ก็น่าสนใจนะ แล้วดูเหมือนว่าดอกกระเจียวที่เอาวางขายจะดูสวยกว่าที่เดินเข้าป่าไปดูซะอีก
แผนที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง เห็นเส้นทางหมายเลข 225 นครสวรรค์ - ชัยภูมิ ที่อยู่ด้านล่างของแผนที่มั้ยครับ ช่วงที่เป็นเส้นแหลมๆ ขึ้นไปใกล้ๆ ทุ่งบัวสวรรค์ก็คือทางไปลานกางเต็นท์ใกล้กับทุ่งดอกกระเจียวที่สุด แต่ถ้าเข้าทางที่ทำการอุทยานฯ ก็ต้องต่อรถกระบะแล้วเดินไกลหน่อยอย่างที่เล่ามา แต่เส้นทางที่จะขึ้นทุ่งบัวสวรรค์ก็ชันนะครับถ้าไม่ใช่รถกระบะก็อย่าไปจะดีกว่า
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ