ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.ลพบุรี 036-770096-7
http://www.tourismthailand.org/lopburi
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง เป็นเจดีย์รูปแบบศิลปะลังกา-อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ลักษณะเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม มองเห็นได้เด่นชัดตั้งแต่ไกล เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาในวัดจะเห็นองค์เจดีย์อยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยต้นไมู้สูงใหญ่ มีถนนโดยรอบแนวกำแพง
มูลเหตุของการสร้างพระธาตุเจดีย์เนื่องจาก ราวพุทธศักราช 2535 พระครูสุคนธศีลคุณ(หลวงพ่อหอม) มีดำริจะสร้างเจดีย์ขึ้นในบริเวณวัด มีความกว้าง 40 เมตร สูง 73 เมตร มีองค์ระฆังและปล้องไฉน 32 ปล้อง เพื่อทดแทนเจดีย์หลังเดิม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าอุโบสถที่ผุพังไปตามกาลเวลาและเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระศอของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธรูปปางต่างๆ ประดิษฐานในพระเจดีย์เป็นสมบัติของศาสนาและเพื่อระลึกถึงพระคุณของพระองค์ที่สั่งสอนสัตว์โลกจนเพียบพร้อมไปด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ผู้ปฏิบัติ ยิ่งๆ ขึ้นไปจนสามารถบรรลุคุณธรรมตามความสามารถของแต่ละบุคคล
ต่อมาราวพุทธศักราช 2538 พระคุณสุคนธศีลคุณได้ทราบอาการพระประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นช่วงที่กำลังเริ่มก่อสร้างเจดีย์ ด้วยความห่วงใยในพระองค์ท่าน หลวงพ่อหอมได้ตั้งสัจจาธิษฐานว่า ขอให้ในหลวงทรงหายจากอาการพระประชวร ถ้าเป็นไปดังสัจจาธิษฐาน จะสร้างเจดีย์ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ท่าน และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อเจดีย์ว่า พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเสด็จมาเปิดเมื่อปี พ.ศ. 2543
พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง เดินทางเข้าถึงภายในของวัดท่าอิฐ มีอาคารหลายแห่งในวัดก่อสร้างอย่างปราณีตสวยงามโดยมีพระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง อยู่บริเวณกลางวัด ด้านในมีที่จอดรถกว้างพอสมควรบรรยากาศเงียบสงบของวัดทำให้จิตใจรู้สึกสงบไปด้วย พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง มีกำแพงล้อมรอบ แต่ละทิศมีซุ้มประตูทางเดินเข้าด้านในและมีบันไดเดินขึ้นเจดีย์ได้จนถึงชั้นบนสุด
อาคารอื่นๆ หน้าเจดีย์ ทางด้านตะวันออกของพระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง มีพระอุโบสถ และวิหารอีกหลายหลัง ระหว่างอาคารวิหารยังมีลานกว้างพอที่จะจอดรถได้
ซุ้มประตูกำแพง แต่ละทิศของกำแพงมีซุ้มประตูที่สร้างในลักษณะเดียวกันอยู่ด้านละซุ้ม
ชั้น 2 ของเจดีย์ เมื่อเดินเข้ามาในกำแพงจะเห็นชั้นแรกไม่มีอะไรมาก ก็เดินขึ้นบันไดขึ้นมาบนชั้น 2 จะมองเห็นพระพุทธรูปหลายองค์ประดิษฐานอยู่ โดยมีพระพุทธชินราชประดิษฐานอยู่บนฐานยกสูงตรงกลาง
พระพุทธชินราชพร้อมพระอัครสาวกซ้าย-ขวา องค์ำจำลอง พระพุทธชินราชพร้อมพระอัครสาวก ซ้าย-ขวา องค์จำลองนี้เป็นศิลปะที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัย มีพระพุทธลักษณะที่ได้สัดส่วนและมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ทั้งมีความอัศจรรย์และความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ด้วยอำนาจของพุทธานุภาพ จึงมีความจำเป็นต้องประดิษฐานพระพุทธรูปนี้ หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ตามคำที่พระครูสุคนธศิลคุณ (หลวงพ่อหอม) ท่านสั่งไว้ก่อนมรณะภาพว่า "เคยมีคณะศิษย์ปรารภจะสร้างถวายตั้งหลายหน แต่ท่านปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า ถึงเวลาอันสมควรก็จะมีผู้นำมาถวายเอง ไม่จำเป็นต้องสร้าง เมื่อประดิษฐานพระพุทธรูปต้องหันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือเท่านั้น" ต่อมาเหตุการ์ก็เป็นไปตามที่ท่านสั่งไว้ทุกประการ
ตามประวัติโดยสังเขป พระพุทธชินราชพร้อมพระอัครสาวก ซ้าย-ขวา คณะศิษย์ได้สร้างถวายเพื่อเป็นมุทิตาสักการะในการฉลองสมณศักดิ์ แด่พระญาณรังษี (หลวงปูจวบ สุภัทโท) รองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ต่อจากนั้นพระญาณรังษีทูลเกล้าถวายเนื่องในวโรกาสมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนม์พรรษาครบ ๖ รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก รัชกาลที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีพิธีเททองหล่อขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ (ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง) ณ โรงหล่อพระธรรมรุ่งเรือง จังหวัดนครปฐม โดยมีพระญาณรังษีเป็นประธานในพิธีเททองหล่อ ได้มีการนำชนวนเก่า และแผ่นทองจารอักขระจากพระอริยสงฆ์ทั่วประเทศไทยกว่า ๑๕๐ รูป มาร่วมหล่อในครั้งนั้น จากเหตุการณ์วันนั้นท้องฟ้าที่มืดครึ้มด้วยเมฆกลับกลายเป็นท้องฟ้าที่สว่างโล่ง แล้วยังปรากฎแสงระยิบระยับเป็นประกายแจ่มใส บนท้องฟ้าเป็นอันมาก
จากคำบอกกล่าวของครูบาอาจารย์หลายรูปที่มาร่วมพิธีดังกล่าว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "มีความอิ่มเอิบใจ และมีความอัศจรรย์เป็นอย่างมากที่พระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ โดยมีพระตัณหังกรพุทธเจ้ามาเป็นองค์ประธาน พระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์ทรงมาร่วมอนุโมทนาในพิธีนี้พร้อมด้วยหมู่ทวยเทพเทวาทั่วแดนโลกธาตุ นับว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง"
นอกจากนั้น พระญาณรังษีได้มอบพระอุรังคธาตุ ซึ่งเป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนอกของพระพุทธเจ้า (ลักษณะแบบเดียวกับพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในพระธาตุพนมวรวิหาร) ซึ่งเสด็จมาขณะท่านนั่งสมาธิภาวนาในปี พุทธศักราช ๒๔๘๐ มาร่วมประดิษฐาน เพื่อเป็นสิริมงคลในการสักการะบูชาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป และเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้เจริญมั่นคงถาวรสืบไป
ต้นไม้สูงใหญ่รอบบริเวณวัดท่าอิฐ พื้นที่อีกด้านหนึ่งของวัดที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารใดๆ เป็นส่วนที่มีไม้ยืนต้นสูงใหญ่อายุหลายสิบปีอยู่มากมายทำให้รู้สึกร่มรื่น
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ