ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.ลพบุรี 036-770096-7
http://www.tourismthailand.org/lopburi
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ยินดีต้อนรับ เดินทางมาถึงบริเวณพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จอดรถเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้ามาที่ทางเข้าของกำแพงซึ่งมีป้ายแขวนไว้ว่าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งเป็นอาคารหนึ่งในบริเวณพระนารายณ์ราชนิเวศน์
ม้านั่งพักผ่อนระหว่างเดิน เข้ามาภายในได้ไม่นานเราใช้เวลาในการถ่ายรูปที่ลานกว้างด้านหน้าหรือบริเวณพระราชฐานชั้นนอกกันจนเพลินก่อนที่จะเดินชมบริเวณรอบๆ กันต่อไปและเนื่องจากพระนารายณ์ราชนิเวศน์มีอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่เดินนานๆ เข้าก็เริ่มรู้สึกเมื่อยล้า จนต้องอาศัยร่มเงาต้นไม้และม้านั่งที่จัดไว้ให้ภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์กระจายอยู่ทั่วไปเป็นจุดๆ แต่ระหว่างอาคารสำคัญๆ จะไม่มีม้านั่งให้ เราก็ต้องนั่งพักก่อนเพื่อที่จะเดินกันต่อไป
ท่อประปาดินเผา เริ่มเดินเข้ามาภายในจะมีทางเดินทอดยาวไปยังเขตพระราชฐานชั้นใน โดยผ่านพระราชฐานชั้นนอกมีอาคารมากมายหลายหลังที่ชำรุดทรุดโทรมลงไปคงเหลือเพียงผนัง สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาเป็นอย่างมากอยู่กลางสนามหญ้ากว้างหน้าอาคารเหล่านั้นคือท่อประปาดินเผา จากข้อมูลหลักฐานในการสร้างพระที่นั่งและพระราชวังแห่งนี้มีการนำน้ำจากอ่างซับเหล็กมาใช้ โดยการจัดสรรน้ำใช้ท่อดินเผาเป็นผลงานของชาวฝรั่งเศสและอิตาลี ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มีการสร้างคันดินกักน้ำและทำประตูเป็นช่องระบายน้ำแล้วส่งด้วยท่อดินเผานับว่าเป็นการประปาที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
บริเวณพระราชฐานชั้นนอก อาคารหลายแห่งที่ปัจจุบันคงเหลือเพียงผนังบางส่วนกับฐานเป็นส่วนใหญ่ บนพื้นที่กว้างขวาง 41 ไร่ ณ เมืองลพบุรี พระนารายณ์โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับ ล่าสัตว์ ออกว่าราชการ และต้อนรับแขกเมือง พระองค์ทรงประทับ ณ พระราชวังแห่งนี้ประมาณ 8-9 เดือนในช่วงปลายรัชกาลและเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231
สิ่งปลูกสร้างอย่างหนึ่งที่สำคัญมากของพระนารายณ์ราชนิเวศน์ก็คือถังเก็บน้ำ ด้านซ้ายของภาพครับ เป็นถังสำหรับเก็บน้ำที่ลำเลียงผ่านท่อดินเผามายังเมือง
จากตรงนี้จะเห็นแนวกำแพงสูงมีเสมาเรียงรายบนสันกำแพง และซุ้มประตูจตุรมุขที่สวยงามเป็นเขตพระราชฐานชั้นใน ซึ่งต้องเดินจากตรงนี้ไปอีกไกลมากครับ
แนวกำแพงในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ รวมภาพแนวกำแพงสวยๆ รอบๆ บริเวณที่เราเดินผ่านเพื่อที่จะเข้าประตูไปยังเขตพระราชฐานชั้นกลางและชั้นใน
ซุ้มประตู เป็นประตูขนาดใหญ่มากๆ หากได้ไปยืนเทียบเพื่อที่จะถ่ายรูปจะเป็นการยากมากที่จะถ่ายคนยืนอยู่ที่ประตูโดยให้เห็นยอดซุ้มประตู เมื่อยืนตรงกับซุ้มประตูหนึ่งใน 11 ประตู จะมองเห็นพระที่นั่งจันทรพิศาล ตามบันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่าเป็นหอประชุมองคมนตรีสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเมื่อพระราชวังร้างและปรักหักพัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้บูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ให้มีสภาพสมบูรณ์
พระที่นั่งพิมานมงกุฏ หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฏ สร้างในสมัยรัชการที่ 4 ประกอบด้วยพระที่นั่ง 4 องค์เชื่อมติดกันประกอบด้วยพระที่นั่งอักษรศาสตราคม พระที่นั่งไชยศาสตรากรเดิมคงเป็นที่เก็บศาสตราวุธ พระที่นั่งวิสุทธิวินิจฉัย ใช้เป็นท้องพระโรงเสด็จออกว่าราชการแผ่นดิน ส่วนที่เรียกว่าพระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นอาคารสูง 3 ชั้น ชั้นสามเป็นห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชั้นกลางเป็นห้องเสวยพระกระยาหาร ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของหมู่พระที่นั่งองค์นี้ เป็นแบบตะวันตก หลังคาพระที่นั่ง แต่เดิมมุงด้วยกระเบื้องมีลอนคล้ายเก๋งจีน แล้วมุงด้วยกระเบื้องธรรมดาในภายหลัง พระที่นั่งพิมานมงกุฎเป็นที่จัดแสดงศิลปโบราณวัตถุ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะชั้นที่ 3 เป็นห้องที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2467 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงร่วมกันจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นที่พระที่นั่งจันทรพิศาล เรียกว่าลพบุรีพิพิธภัณฑ์สถาน ต่อมาปี พ.ศ. 2504 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ปัจจุบันมีการขยายห้องจัดแสดงมาถึงพระที่นั่งพิมานมงกุฎ มีสิ่งน่าสนใจดังนี้
ชั้นที่ 1 จัดแสดงโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์อายุราว 3,500-4,000 ปี เช่น ภาชนะดินเผารูปวัว โครงกระดูกมนุษย์ ขวานหิน ขวานสำริด จารึกโบราณ เครื่องประดับทำจากหินและเปลือกหอย พระพิมพ์ที่พบตามกรุในลพบุรี รูปเคารพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โบราณวัตถุสมัยทวารวดี ฯลฯ
ชั้นที่ 2 จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่พบในลพบุรี เช่น ทับหลังแกะสลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ พระพุทธรูปสมัยลพบุรีแบบต่างๆ เครื่องถ้วยกระเบื้องทั้งของจีน และไทย เป็นต้น
ชั้นที่ 3 เป็นห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จัดแสดงฉลองพระองค์ เครื่องแก้ว และภาชนะที่มีตราประจำพระองค์
ทิมดาบ สร้างสมัยรัชการที่ 4 เป็นที่พักของทหารรักษาการณ์
พระพุทธรูปปางนาคปรก อยู่บริเวณใกล้ๆ กับพระที่นั่งจันทรพิศาล ประดิษฐานอยู่บนฐานก่อด้วยอิฐ ด้านข้างพระพุทธรูปทั้งสองข้างมีเทวรูป
พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทเป็นพระที่นั่งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลาง จุดเด่นหนึ่งของพระที่นั่งพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทนี้คือช่องประตูและช่องหน้าต่าง ที่สูงใหญ่มากๆ เราได้ไปยืนเทียบกับขนาดของช่องหน้าต่าง 3 ช่องให้เห็นกันชัดๆ ครับ ทางเดินขึ้น-ลงพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ อยู่ทางด้านซ้ายมือของรูปนี้ เป็นบันไดขึ้นไปสูงพอสมควร
มุมมองจากช่องหน้าต่าง เมื่อเข้ามาอยู่ภายในของพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทแล้วลองยืนใกล้ๆ ขอบช่องหน้าต่างมองย้อนกลับไปที่พระที่นั่งพิมานมงกุฏหมู่ ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งจะเห็นพระที่นั่งจันทรพิศาลซ้อนอยู่ด้านหลัง
ภายในพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งองค์หนึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลางของ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อปี พ.ศ. 2209
พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งท้องพระโรง มียอดแหลมทรงมณฑป ศิลปกรรมแบบไทยผสมผสานกับฝรั่งเศส ประตูและหน้าต่างท้องพระโรงด้านหน้าทำเป็นรูปโค้งแหลมแบบฝรั่งเศส ส่วนตัวมณฑปด้านหลังทำประตูหน้าและหน้าต่างเป็นซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์แบบไทย ตรงกลางท้องพระโรงมีสีหบัญชร เป็นที่เสด็จออกเพื่อมีปฏิสันถารกับผู้เข้าเฝ้าในท้องพระโรงตอนหน้า
ผนังภายในท้องพระโรงประดับด้วยกระจกเงา ซึ่งโปรดให้คนไปจัดซื้อมาจากประเทศฝรั่งเศส ดาวเพดานเป็นช่องสี่เหลี่ยมประดับลายดอกไม้ทองคำและแก้วผลึก
ผนังด้านนอกพระที่นั่งตรงมณฑปชั้นล่าง เจาะเป็นช่องเล็กๆ รูปโค้งแหลมคล้ายบัว สำหรับตั้งตะเกียงในเวลากลางคืน เช่นเดียวกับที่ซุ้มประตูและกำแพงพระราชฐานชั้นกลางและชั้นใน ซึ่งมีช่องสำหรับวางตะเกียง ประมาณ 2,000 ช่อง
ซุ้มประตูด้านข้างพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท หลังจากเข้าชมภายในพระที่นั่งแล้วก็เดินออกมาผ่านซุ้มประตูขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนซุ้มอื่นๆ ที่เราผ่านเข้ามา จากซุ้มประตูนี้จะเป็นทางผ่านเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน ผ่านซุ้มประตูนี้ไปเป็นทางลาดลงค่อนข้างชันครับแตกต่างจากซุ้มอื่นๆ ที่เป็นทางเดินราบธรรมดา หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท และอาคารในเขตพระราชฐานชั้นกลางมีการยกพื้นที่ค่อนข้างสูง
ทางเดินลาดลงเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน การก่อสร้างทางเดินขึ้นลงพระที่นั่งทำเป็นทางลาดต่อจากซุ้มประตู ทางเดินนี้จะเป็นทางเดินเข้าชมบริเวณพระราชฐานชั้นใน ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในเขตพระราชฐานชั้นในของพระนารายณ์ราชนิเวศน์ มีพระที่นั่งเพียงพระองค์เดียว คือพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นพระที่นั่งที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระองค์ทรงเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งองค์นี้เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2231
ปัจจุบันพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ชำรุดไปมากเหลือเพียงฐานเท่านั้นครับ
ซุ้มประตูกำแพงพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของพระนารายณ์ราชนิเวศน์คือที่ซุ้มประตูกำแพงภายในเขตพระราชฐานต่างๆ เจาะเป็นช่องเล็กๆ รูปโค้งแหลมคล้ายบัว เป็นช่องสำหรับวางตะเกียงในเวลากลางคืนประมาณ 2,000 ช่อง เมื่อเดินทะลุซุ้มประตูออกมาก็จะเป็นอาคารซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานอื่นๆ ภาพขวาเป็นโรงช้างหลวง มีทั้งหมด 10 โรงด้วยกันและช้างที่ยืนโรงอยู่คงเป็นช้างทรงของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชหรือเจ้านาย
ตึกพระเจ้าเหา ตึกพระเจ้าเหา สันนิษฐานว่าคงเป็นหอพระประจำพระราชวัง และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายในตึก ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้อาจมีชื่อว่า พระเจ้าเหา จึงเป็นที่มาของชื่อตึกแห่งนี้
อาณาบริเวณพระนารายณ์ราชนิเวศน์ พื้นที่ที่กว้างใหญ่และอาคารน้อยใหญ่มากมายที่เดินชมทั้งวันก็อาจจะยังไม่ทั่วถึงหากเดินศึกษารายละเอียดของอาคารและเข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้วย
ตึกรับรองคณะทูตต่างประเทศ ตึกรับรองคณะทูตต่างประเทศตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า ตึกหลังนี้อยู่กลางอุทยานซึ่งแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส รอบตึกมีคูน้ำล้อมรอบ ภายในคูน้ำมีน้ำพุพุ่งเรียงรายได้ ระยะยาว 20 แห่ง สมเด็จพระนารายณ์ฯได้พระราชทานเลี้ยงแก่คณะทูตจากประเทศฝรั่งเศส ณ สถานที่นี้ใน พ.ศ. 2228 และ พ.ศ. 2230
ตึกรับรองคณะทูตต่างประเทศพระนารายณ์ราชนิเวศน์ คูน้ำล้อมรอบตึกเป็นจุดเด่นของอาคารหลังนี้แม้ว่าจะเหลือผนังเพียงด้านหน้าและด้านหลังเท่านั้น แต่ก็แสดงให้เห็นว่าอาคารหลังนี้มีขนาดใหญ่มาก มีช่องหน้าต่างน้อยใหญ่หลายช่อง
สิบสองท้องพระคลัง สิบสองท้องพระคลัง สันนิษฐานว่าเป็นคลังเก็บสินค้าหรือเก็บสิ่งของเพื่อใช้ในราชการเลี้ยงตึกแขกเมือง สิบสองท้องพระคลังจึงสร้างเป็นแนวยาวด้านข้างของตึกรับรองคณะทูตต่างประเทศ โดยมีคูน้ำคั่นอยู่ระหว่างอาคารสิบสองท้องพระคลังกับตึกดังกล่าว
สุดเขตพระราชฐาน หลังจากเดินตามเส้นทางภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ผ่านไปนานกว่า 1 ชั่วโมงโดยไม่มีเวลาเข้าไปชมภายในพิพิธภัณฑ์ เพราะบริเวณของพระนารายณ์ราชนิเวศน์กว้างขวางกว่าที่คิดไว้ ตอนนี้เราเดินมาสุดที่กำแพงด้านที่เราจอดรถไว้แล้ว และได้เวลาในการเดินทางกลับ จบภาพบริเวณสิบสองท้องพระคลังไว้เป็นภาพสุดท้ายสำหรับการนำเที่ยวที่นี่ครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/wiki/พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท
http://th.wikipedia.org/wiki/พระนารายณ์ราชนิเวศน์
""
รุจิรา แจ้งแสงทอง
2018-05-19 13:22:23
4/5 จาก 1 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ