วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน

วัดขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในพื้นที่อำเภอแม่แตงเป็นสถานที่ที่สวยงามนำพามาซึ่งศรัทธาสาธุชนทั้งใกล้และไกล วัดแห่งนี้ชื่อเต็มว่า วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน แต่เดิมชื่อ วัดสหรีศรีบุญเรือง สร้างที่พื้นที่บ้านเด่นใกล้ๆ โรงเรียนบ้านเด่น การเปลี่ยนชื่อและการเรียกชื่อของภาษาชาวบ้านทำให้วัดแห่งนี้ถูกเรียกหลายแบบ แม้แต่การสะกดคำว่า สะหลี เดิมก็เขียนว่า สหรี ยิ่งทำให้สับสน สุดท้ายเราเลยได้ชื่ออย่างเป็นทางการมาให้เรียกกันให้ถูกต้องว่า วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน วัดนี้มีมานานมากแล้วตั้งแต่ปีพ.ศ. 2437 แต่ที่มาเป็นที่รู้จักก็ในสมัย พระครูไพศาลพัฒนโกวิท (พระครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล) เป็นเจ้าอาวาสครองวัดและได้เริ่มสร้างเสนาสนะหรืออาคารต่างๆ ในวัดเมื่อ พ.ศ. 2534 คือ 20 กว่าปีหลังมานี้เอง ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสครูบาเจ้าเทืองมาก ก็ได้สร้างรูปเหมือนครูบาเทืองเอาไว้ที่ด้านหน้าบริเวณตรงกลางของอาคารต่างๆ ที่อยู่บนเนินเขา พื้นที่ 80 ไร่ นอกจากอาคารต่างๆ ในวัดทั้งโบสถ์และวิหารจะสวยงามมากแล้วยังมองเห็นวิวสวยด้านหน้าวัดได้ไกลมากด้วย

ทุกวันนี้วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน หรือวัดบ้านเด่น กลายเป็นที่รู้จักไปไกลถึงต่างประเทศ มีแฟนเพจ ชื่อ "วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน - วัดบ้านเด่น เชียงใหม่ 清迈蓝庙 Wat Banden Blue Temple" ตรงภาษาจีนมีความหมายว่าวัดขนาดใหญ่ของเชียงใหม่ และต่อชาวต่างชาติที่เป็นฝรั่งคงจะเรียกวัดนี้ว่า Blue Temple กันต่อไป เหมือนกับที่เรียกวัดร่องขุ่นว่า White Temple ยังไงยังงั้นเลย

เวลาเปิด-ปิด:07:00 - 18:00

ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร. 063 241 1987
แฟนเพจ วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน - วัดบ้านเด่น เชียงใหม่ 清迈蓝庙 Wat Banden Blue Temple
https://www.facebook.com/watbanden/
http://www.watbanden.com/

แก้ไขล่าสุด 2017-12-09 13:11:51 ผู้ชม 14811

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

นี่เป็นครั้งแรกของคณะเราที่เดินทางมาที่วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแกน จากอำเภอแม่แตงออกมาไม่นานก็เจอทางแยกมีป้ายบอก เป็นวัดที่เดินทางมาได้ง่าย พอมาถึงที่ลานจอดรถเราเลือกที่จะจอดด้านหน้าของวัด แต่หลังจากนั้นดูเหมือนทุกคนจะมีความรู้สึกตรงกันคือไม่รู้จะเริ่มถ่ายรูปจากตรงไหนก่อน

ทุกๆอาคารที่อยู่ในวัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน เป็นอาคารที่สวยงาม เน้นการใช้ไม้เป็นหลัก ส่วนหลังคาเราจะเห็นนิยมมุงเป็นสีน้ำเงิน แต่ก็ไม่ใช่จะเป็นสีเดียวกันทั้งวัด เราเริ่มเดินถ่ายรูปจากตรงกลาง สิ่งที่เรามองเห็นในภาพนี้ก็จะมี มณฑปพระเศรษฐีนวโกฏิอยู่ซ้ายสุด ยอดเจดีย์สูงสูงเรียกว่าเจดีย์ 12 นักษัตร ส่วนที่เป็นไม้หลังใหญ่ๆมีหลังคาหลายหลายชั้น คือหอพระธรรม สร้างด้วยสไตล์ล้านนา ถัดมาก็คือหอระฆัง ส่วนของหอระฆังไม่อนุญาตให้คนเดินขึ้นไป

พระวิหาร ตามคติความเชื่อของชาวล้านนาหรือชาวเหนือ การสร้างพระวิหารจะมีพระธาตุหรือพระเจดีย์อยู่ด้านหลัง ไม่บ่อยที่เราจะเห็นพระเจดีย์ตั้งอยู่ด้านหลังของอุโบสถ

พระแก้วเกล้าเจ้าบุญเรือง เป็นพระประธานที่ประจำอยู่ในพระวิหาร วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน ด้านหน้าพระประธาน มีพระพุทธรูปอีกมากมายหลายองค์ สวยงามอลังการมาก ซุ้มที่ประดิษฐานพระประธานก็ฉลุลวดลายสวยงาม ทั้งหมดใช้โทนสีทองเหลืองอร่ามงามตา

ด้านข้างของพระวิหาร จะมีพระพุทธรูปเรียงกันอยู่หลายองค์มาก ทั้งหมดเป็นปางยืน ส่วนมือของพระพุทธรูปก็แตกต่างกันไป

หอพระธรรม แบบล้านนา

มณฑปพระเศรษฐีนวโกฎิ

ส่วนตรงกลางสุดของวัด จะมีรูปเหมือนครูบาเทือง หรือครูบาเจ้าเทือง ท่านอดีตเจ้าอาวาสที่เป็นบุคคลสำคัญในการริเริ่มสร้างสิ่งต่างๆ ในวัดบ้านเด่นจนมีความสวยงามอลังการอย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้ ชาวบ้านในละแวกนี้และพื้นที่ใกล้เคียงเคารพศรัทธาครูบาเทืองมาก

เดินต่อจากรูปเหมือนครูบาเจ้าเทืองมาอีกหน่อย เราก็จะเห็นวิหารหลังเล็กๆ แต่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามตระการตา วิหารหลังนี้คือวิหารพระเจ้าปันต๋น หรือในสำเนียงภาษากลางคือพระเจ้าพันตน น่าจะมีความหมายว่าภายในวิหารมีพระพุทธรูปอยู่เป็นจำนวนมาก สลักวันที่สร้างวิหารหลังนี้ไว้ว่า 2554

พระพุทธมหาบารมีศรีศากยะวงศ์ หรืออีกนามหนึ่งว่าพระแก้วเงินทันใจ เป็นพระพุทธรูปประธานในวิหารพระเจ้าพันตน องค์พระ เป็นเนื้อเงินทั้งองค์ ประดิษฐานอยู่บนฐานบุษบกลายรดน้ำสีทองสวยงาม ผนังในห้องพระแก้วเงินทันใจ จะมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆ เรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากน่าจะเป็นที่มาของคำว่าวิหารพระเจ้าพันตน

วิหารพระเจ้าทันใจ เป็นวิหารที่อยู่ด้านซ้ายมือสุด เขียนบนซุ้มประตูหน้าบันทางเข้าว่า วิหารพระเจ้าทันใจ มาต๋ามหน้าบุญ ลงพ.ศ. 2558 แสดงว่าวัด เด่นสะหรีศรีเมืองแกน มีการสร้างพระเจ้าทันใจขึ้น 2 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงศรัทธาที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เพราะการสร้างพระเจ้าทันใจหรือหลวงพ่อทันใจ จะต้องสร้างให้เสร็จภายในคืนเดียว ปกติภายในวัดทั่วไปจะเห็นมีหลวงพ่อทันใจเพียงองค์เดียว แต่ที่วัดนี้มีพระเจ้าทันใจอยู่ถึง 2 องค์

เดินชมความสวยงามของอาคารต่างๆที่แถวหน้าสุดแล้ว เราก็เดินเข้ามาดูทางด้านหลังบ้าง ตรงที่เรายืนอยู่นี้เป็นบันไดทางขึ้นพระเจดีย์ 12 นักษัตร ที่อยู่ด้านหลังพระวิหาร

พระเจดีย์ 12 นักษัตร ตามความเชื่อแบบล้านนา รูปทรงขององค์พระเจดีย์รู้สึกมีความคล้ายกับพระธาตุลําปางหลวง

หลังจากที่เวลาผ่านไป เกือบเกือบชั่วโมงครึ่ง เราก็คงจะต้องเดินทางกันต่อไปตามโปรแกรม น่าเสียดายที่ไม่สามารถพาเข้าไปชมได้ทุกอาคารไว้คราวหน้าถ้าเรากลับมาอีกจะมาเพิ่มรูปให้ดู