ข้อมูลเพิ่มเติม:ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 5567 1466
http://www.tourismthailand.org/phrae
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ถึงอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย จากตัวเมืองแพร่มาที่อุทยานแห่งนี้ ที่จริงน่าจะใช้เส้นทาง 101 เด่นชัย - ลำปาง แต่พอดีว่าเราจะเดินทางเก็บข้อมูลอุทยานแห่งชาติและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดแพร่ ก็หลังจากเก็บภาพมาหลายที่หลายแห่ง จนเกือบจะหมดทั้งจังหวัด ทีนี้ก็เหลือแต่เส้นทางทางหลวงหมายเลข 1023 แพร่ - ลอง ผ่านอุทยานแห่งชาติผากลอง เข้าไปพักที่สวนหินมหาราช แล้วก็เดินทางต่อมาถึงอำเภอลอง เข้าไปไหว้พระธาตุศรีดอนคำ ที่จริงจากอำเภอลองใช้ถนนสายเดิมคือ 1023 มาจนถึง อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัยก็ได้ แต่พอดีมีเส้นทางเข้าไปที่แก่งหลวง กับถ้ำเอราวัณ ก็เลยเลี้ยวเข้าบ้านแม่หลู้ ไปนอนค้างริมแม่น้ำยมที่แก่งหลวง เดินชมถ้ำ แล้วตัดออกทางหลวงหมายเลข 11 เด่นชัย - ลำปาง เลี้ยวขวาไปทางลำปาง ขับมาประมาณ 30 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นเขาคดเคี้ยว รถที่ใช้เส้นทางนี้ในการสัญจร ก็ต้องชินทางโค้งพอสมควร บางช่วงลงเขาชัน เส้นทางสวนกัน 2 เลน เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ เพราะมีรถที่ชอบแซงทางโค้ง 2 ข้างทางมันเป็นต้นไม้มากมายไม่ค่อยมีจุดแวะ จนมาถึงทางแยกที่ทางหลวงหมายเลข 11 ตัดกับทางหลวงหมายเลข 1023 (แยกเข้าอำเภอวังชิ้น) กว่าจะมาถึงได้รู้สึกว่าระยะ 30 กิโลเมตร นี่มันนานจริงๆ ก็เลี้ยวซ้ายไปอีก 13 กิโลเมตร ช่วงนี้ก็ใช่เล่น เส้นทาง 2 เลน บางช่วงทำทางเหลือเลนเดียวก็ต้องค่อยๆ ไป จนมาถึงป้ายที่เขียนว่าอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย (เฮ้อถึงจนได้) เหลืออีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะถึงที่ทำการอุทยาน เวลาจะมาเที่ยวตามอุทยานผมจะกะเวลาให้มาถึงใกล้ๆ ช่วงเย็น เพราะจะได้นอนเลย แล้วเช้าค่อยว่ากันใหม่ ถ้าอุทยานแห่งไหนมีน้ำตกก็จะได้ถ่ายรูปน้ำตกได้สวยๆ
จากปากทางแยกเข้ามาอีกไม่กี่นาทีก็ถึงด่านตรวจ จ่ายค่าเข้าแล้วก็ตรงไปตามทาง จนมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและที่ทำการอุทยานฯ ใกล้ๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก็จะมีร้านค้าสวัสดิการที่คนที่นี่เรียกกันว่าสโมสร ตอนได้ยินทีแรกก็งงๆ อะไรคือสโมสร แล้วค่อยมารู้ว่ามันคือร้านค้า ในวันธรรมดาที่มีนักท่องเที่ยวน้อย (อย่างวันนี้มีผมมาคนเดียว) เจ้าหน้าที่จะให้เรากางเต็นท์ใกล้ๆ ที่ทำการอุทยานฯ ส่วนลานกางเต็นท์จริงๆ ของที่นี่มีใกล้ๆ น้ำตกแม่เกิ๋งหลวง แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมากางเต็นท์ 4 โมงกว่าแล้วต้องรีบไปที่น้ำตกก่อน
ศูนย์บริการฯ น้ำตกแม่เกิ๋งหลวง จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจุดแรก ขับตามถนนเข้ามาอีกหลายร้อยเมตรกว่าจะมาถึงศูนย์บริการเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ น้ำตก ระยะทางที่ห่างกันทำให้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เรานอนที่นี่เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล จากศูนย์บริการตรงนี้เลยไปอีกไม่ถึง 100 เมตรก็จะเป็นทางลงเที่ยวชมน้ำตกแม่เกิ๋งหลวง ใกล้ๆ ทางลงจะมีศาลาที่เจ้าหน้าที่ใช้เป็นที่พักระหว่างการประจำการอำนวยความสะดวกปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่จะอยู่ที่ศาลาตรงนี้ถึงเวลา 16.30 น. และจะไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเที่ยวน้ำตก ส่วนเหตุผลนั้นเพราะว่าในช่วงเย็นหลัง 5 โมงเย็นไปแล้ว บริเวณน้ำตกแม่เกิ๋งหลวงจะมีหมูป่าออกมากินน้ำในน้ำตก มันอาจจะทำอันตรายเราได้ด้วยความตกใจที่เราเดินอยู่ในเขตของมัน หรือไม่เวลาที่มันเดินคุ้ยเขี่ยหากิน มันจะทำให้มีหินร่วงลงมาอาจจะทำให้เราได้รับอันตราย
บรรยากาศน้ำตกแม่เกิ๋งหลวง พอมาถึงตรงนี้เวลา 4 โมงเย็น กับ 20 นาที เพราะไม่เคยรู้ว่าน้ำตกจะปิด 4 โมงครึ่ง ผมเหลือเวลาแค่ 10 นาทีในการเดินน้ำตก 6 ชั้น ระยะทางทั้งหมด 200 เมตรเศษ ฟังดูน่าจะเป็นเงื่อนไขที่เป็นไปได้ พอลงจากรถก็เปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าผ้าใบ พอจะเข้าน้ำตก เจ้าหน้าที่ก็เดินมาที่ศาลา แล้วก็เปิดน้ำล้างมือ เพราะที่มือมีเลือดไหลออกไม่หยุด เป็นเพราะเจ้าทากนั่นเอง เกาะกันที่หลังมือเห็นๆ แต่เจ้าหน้าที่ไม่รู้ตัวจนมันอิ่มแล้วก็ไป งานเข้าอีกแล้วผมต้องเดินไปที่รถ เอาถุงกันทากมาใส่ เหยาะน้ำมันมวยอีกหน่อยเพื่อความมั่นใจ เหตุเพราะไม่กี่วันที่ผ่านมาตอนที่ผมเดินทางอยู่ในเขตจังหวัดสุโขทัย เข้าอุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย และน้ำตกตาดดาว ทากชุมมากโดนกัดด้วย หลังจากนั้นต้องระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับเจ้าทาก เพื่อความปลอดภัย เสียเวลาไปอีก 2 นาที รีบเดินดีกว่า เจ้าหน้าที่เองก็อยากจะกลับบ้านแล้ว
การเดินเที่ยวน้ำตกแม่เกิ๋งหลวง ขั้นแรกต้องเดินลงไปที่ลำธาร เป็นลำธารต่อจากน้ำตกชั้นที่ 2 ไหลไปที่น้ำตกชั้นที่ 1 รอบๆ จะมีที่นั่งพักผ่อนกระจายตามจุดต่างๆ ลำธารที่กว้างและมีน้ำไหลตลอด เป็นที่พักผ่อนที่ดีมากสำหรับวันหยุด บรรยากาศร่มรื่นทั่วบริเวณ ตรงทางเดินลงน้ำตกเหลือบไปเห็นซุ้มเล็กๆ แขวนเสื้อชูชีพไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่อยากจะลงเล่นน้ำ ลำธารบางช่วงลงเล่นได้ แต่ในฤดูแล้งน้ำจะไม่ลึก เฉพาะช่วงปลายฤดูฝนที่อุทยานแห่งชาติเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใหม่ๆ สายน้ำคงจะไหลเชี่ยวพอสมควร น้ำตกที่เราเห็นสูงๆ มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ข้างล่าง เป็นน้ำตกชั้นที่ 2 ความสูงและความสวยงามไม่แพ้น้ำตกชั้นที่ 7 เลยทีเดียว การลงเล่นน้ำต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ บริเวณแอ่งน้ำใกล้ๆ กับจุดที่น้ำตกลงมามีความลึกมาก ห้ามลงเล่น ทางเดินไปยังน้ำตกชั้นที่ 3 ถึง 7 เป็นทางขึ้นเขาติดกันแบบต่ิอเนื่องกันไปตลอดเรียกว่าเดิน 10 ก้าวถึงน้ำตกชั้นถัดไปเลยทีเดียว
น้ำตกแม่เกิ๋งหลวง ชั้น 2 เวลามีจำกัด เก็บภาพบรรยากาศนิดหน่อยตอนนี้ได้เวลาเดินขึ้นไปข้างบนแล้ว
น้ำตกแม่เกิ๋งหลวง ชั้น 3 แค่แป๊บเดียวจากชั้นที่ 2 ตอนนี้มาอยู่ที่ชั้นที่ 3 แล้ว น้ำตกที่นี่ดีจังเนาะ เที่ยว 7 ชั้นเดิน 15 นาทีก็ครบแล้ว เพราะอย่างนี้นี่เองระยะทางรวมทั้งหมดถึงยาวแค่ 200 เมตร กว่าๆ แต่เสียอย่างเดียวเป็นทางเดินขึ้นบันไดตลอดเลย
น้ำตกแม่เกิ๋งหลวง ชั้น 4 จากชั้น 3 เดินมาไกลพอควรเห็นมีน้ำตกอยู่หลายจุดนึกว่าเป็นชั้น 4 แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ชั้น 4 ของจริงต้องในภาพนี้ เห็นทางเดินขึ้นชั้น 5 ข้างน้ำตกชั้น 4 ที่สูงขึ้นๆ ก็เล่นเอาเริ่มจะเหนื่อยแล้วครับ ยิ่งต้องเดินรีบๆ ถ่ายรูปเร็วๆ ให้ทันน้ำตกปิดก็ยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีก
น้ำตกแม่เกิ๋งหลวง ชั้น 6 อ้าวแล้วชั้นที่ 5 มันหายไปไหน ทำไม ชั้น 4 แล้วมา 6 เลยล่ะ นั่นก็เพราะว่าที่น้ำตกชั้นที่ 5 ผมหาจุดที่จะกางขาตั้งเล็งภาพสวยๆ ไม่ได้ มุมมันค่อนข้างปิด แถมมีท่อนซุงหล่นลงมาขวางทางน้ำอีกต่างหาก ก็เลยต้องเดินเลยมาที่ชั้น 6 ตอนนี้เวลา 10 นาทีก็ผ่านไปแล้วละ เลย 4 โมงครึ่งแล้ว แต่คิดว่าเหลือชั้น 7 ชั้นเดียวเดี๋ยวถ่ายรูปเสร็จแล้วเดินกลับเลย อย่างมากก็เลยเวลาไปแค่ไม่กี่นาที เจ้าหน้าที่คงไม่ว่า น้ำตกชั้นที่ 6 ก็เป็นชั้นหนึ่งที่สวยมาก เล่ามาถึงตรงนี้แล้วข้ามเรื่องสำคัญไปได้ยังไงเนี่ย เรื่องนั้นก็คือจากชั้นที่ 2 เป็นต้นมาจะมีทางเดินที่กั้นราวไว้ยาวตลอดแนว แล้วก็มีป้ายเตือนว่าห้ามลงเล่นน้ำ เพราะฉะนั้นก็ได้แต่เดินชมความสวยงามของสายน้ำได้อย่างเดียวครับ ก็น่าเสียดายอยู่แต่ดูจากกระแสน้ำแล้วก็คงจะน่ากลัวจริงๆ เพราะในแอ่งมีน้ำตกลงมาเป็นน้ำเย็นๆ แล้วก็กดให้เราจมน้ำอยู่ตลอดมันก็คงจะไม่ไหวเผื่อเป็นตระคริว
ทางเดินในน้ำตกแม่เกิ๋นหลวง ก่อนที่จะไปเก็บภาพที่น้ำตกชั้นสุดท้าย นึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เดินมาถ่ายแต่รุปน้ำตกยังไม่มีบรรยากาศป่าไม้ตามทางเดินมาให้ชมเลย ก็เลยกดมา 1 ช็อต ที่จริงก็อยากจะหาเรื่องหยุดพักระหว่างทางเดินด้วยแหละ เพราะจากชั้น 6 มาชั้น 7 มันชันมากอย่างที่เห็นนี่ละครับ
น้ำตกแม่เกิ๋งหลวง ชั้น 7 ในที่สุดก็มาถึงปลายทางของสายน้ำแล้วครับ จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า น้ำตกแม่เกิ๋งหลวงที่จริงแล้วไม่ได้มีแค่ 7 ชั้น ยังคงมีน้ำตกอีกมากมายหลายสาย จนกว่าจะเดินไปถึงต้นน้ำ แต่ที่ทางอุทยานเปิดให้ชมแค่ 7 ชั้นเพราะเส้นทางต่อจากนี้มันค่อนข้างอันตราย น้ำตกแม่เกิ๋นหลวงชั้น 7 มีความสูงมากกว่าชั้น 2 แต่ก็ไม่ต่างกันมากนัก แอ่งน้ำของน้ำตกมีลักษณะเป็นรูปวงรียาวๆ ขนาบข้างด้วยผาหินสูง ตอนที่ไปยืนถ่ายรูปนี้อยู่ก็คอยจะระแวงเจ้าตัวทากว่ามันจะมาเกาะรองเท้าเกาะขาเราหรือเปล่า แต่ก็ยังดีที่มีทากน้อยกว่าที่คิด ถ้ามีทากมากเหมือนอย่างที่น้ำตกตาดดาว อช.ศรีสัชนาลัยก็คงจะแย่ มัวแต่เขี่ยทากออกจากรองเท้ายิ่งจะเสียเวลาไปกันใหญ่ ถ่ายรูปน้ำตกเสร็จแล้วไปนอนดีกว่า
จุดชมวิว มาเที่ยวอุทยานแห่งชาติทุกๆ แห่ง หนีไม่พ้นที่จะต้องหาจุดชมวิวที่ไหนสักแห่งในการเก็บภาพสวยๆ ประทับใจ ยิ่งเห็นพระอาทิตย์ตกกับพระอาทิตย์ขึ้นด้วยยิ่งดีใหญ่ หลังจากที่เดินเก็บภาพน้ำตกแม่เกิ๋นหลวงไปทั้ง 7 ชั้นแล้ว ก็ต้องกลับมาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นศูนย์ใหญ่ใกล้ที่ทำการอุทยาน พอดีแม่ค้ากำลังจะกลับบ้านพอเห็นผมมาจอดรถหน้าศูนย์บริการที่อยู่ข้างสโมสรหรือว่าร้านสวัสดิการ แม่ค้าก็เดินมาถามว่าจะสั่งอาหารหรือเปล่า เห็นว่าผมมาคนเดียวถ้าไม่มีข้าวกินคงจะลำบาก ผมก็สั่งกะเพราไป 1 จาน ตามสูตร แล้วก็มานั่งชมวิวที่ระเบียงของร้าน ร้านสวัสดิการหรือสโมสร เป็นสถานที่สำหรับชมวิวเพียงจุดเดียวของอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ตอนเย็นก็มาดูแสงสวยๆ บนท้องฟ้าก่อนที่พระอาทิตย์จะลับหายไป เสียดายที่ทิศของจุดชมวิวเฉียงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ซะเยอะ ต้นไม้ก็มีมากรอบๆ ระเบียง วิวที่เห็นเลยไม่กว้างเท่าไหร่ แต่ก็ดีที่สุดเท่าที่หาได้ในนี้แล้ว
วิวพระอาทิตย์ขึ้น หลังอาหารมื้อเย็นผ่านไป ผมก็กางเต็นท์นอนใกล้ๆ กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพราะมาคนเดียวจะไปนอนไกลๆ ที่ที่เจ้าหน้าที่อยู่เค้าก็กลัวว่าจะมีอันตรายโดยเฉพาะจากสัตว์ป่าได้ เช้าวันใหม่ก็ตื่นขึ้นมาชงกาแฟ ร้านสวัสดิการยังไม่เปิด ก็อาศัยว่าเอากาแฟมา ที่ร้านมีกระติกน้ำร้อนตั้งอยู่เราแค่เสียบปลั๊กแล้วก็รอหน่อย พอน้ำร้อนก็กดใส่แก้ว แต่ถึงไม่มีกระติกน้ำร้อนก็ไม่มีปัญหาเพราะที่ท้ายรถเอาแกสปิคนิคมาด้วย ตอนนี้ก็เป็นเวลาในการรอพระอาทิตย์ขึ้น ก็น่าเสียดายอีกนั่นแหละที่พระอาทิตย์ขึ้นไม่ตรงกับช่องของจุดชมวิวเท่าไหร่ ดีว่ายังมีสีสันของท้องฟ้าที่สวยงาม แถมมีทะเลหมอกอีกด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่า ที่อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย มีทะเลหมอกเกิดขึ้นทุกวันตลอดหน้าหนาว ถ้ามาก็จะไม่ผิดหวัง แต่วิวจะแคบไปหน่อยนะผมว่า
ทะเลหมอก พอเวลาผ่านไปสัก 20 นาที พระอาทิตย์จะเคลื่อนสูงขึ้นสีของท้องฟ้าก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไป จากโทนม่วงก็กลายเป็นโทนส้ม น่าเสียดายจริงๆ ถ้ามีจุดชมวิวที่เปิดกว้างมากกว่านี้ อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัยจะเป็นที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมมากกว่านี้หลายเท่าเลยทีเดียว
เลียงผา อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนมาเที่ยวที่นี่ก็คือการได้บริจาคเงินซื้ออาหารเลียงผาที่อยู่ในกรงใต้ระเบียงที่เรานั่งกินข้าวอยู่นี่เอง เอาเงินใส่กล่องไว้เจ้าหน้าที่จะเอาไปซื้ออาหารเพื่อมาเลี้ยงมัน ใต้ระเบียงที่เรานั่งมีอยู่หลายตัวแต่บางตัวจะค่อยๆ โผล่ออกมาพอเห็นเรามันก็จะตกใจกลับเข้าไปอยู่ใต้ระเบียง บางตัวมันค่อนข้างคุ้นกับคนมันก็เดินกินแบบสบายใจ
ปิดการเที่ยวอุทยานเวียงโกศัย เอาละครับหลังจากที่จัดการกับมื้อเข้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เก็บข้าวของออกเดินทางไปยงสถานที่ท่องเที่ยวลำดับต่อไป ยามเช้าในพื้นที่ของอำเภอวังชิ้น และอีกหลายๆ อำเภอในจังหวัดแพร่ จะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา การเดินทางก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ถ้าติดตามข่าวสารเป็นประจำเราจะได้ยินข่าวหมอกปกคลุมพื้นที่เกือบทั้งจังหวัดได้แก่ แพร่ และ ลำปาง อุบัติเหตุหลายๆ ครั้งเกิดขึ้นเพราะหมอกที่ลงจัดทุกเช้าตลอดหน้าหนาว
การมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ก็เหมือนเป็นการพักผ่อนสบายๆ กับบรรยากาศดีๆ มีเส้นทางเดินเที่ยวเลียบน้ำตกที่ถือว่าไม่ลำบากลำบน แต่ถ้าต้องการทริปหนักๆ ก็มีให้เหมือนกันนะครับ สำหรับนักเดินป่าตัวยงผมจะแนะนำให้เข้าน้ำตกแม่เกิ๋นน้อย ถ้ามองจากหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะเห็นสายน้ำตกไหลลงมาจากผาสูง ที่จริงมันก็สวยดี แต่ปกติแล้วไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไป เส้นทางเดินถึงน้ำตกเป็นเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการลาดตระเวนแนวป่า ระยะทางเดินประมาณ 5 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่บอกว่ามีทางเดินเห็นชัดเจนไม่ต้องให้นำทาง ไป-กลับ จะใช้เวลา 1 วันเต็ม แต่ผมว่าพอแค่นี้แหละ เท่าที่ถ่ายมานี้ก็สวยแล้ว....
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ