ข้อมูลเพิ่มเติม:ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 5567 1466
http://www.tourismthailand.org/phrae
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
เส้นทางสู่พระธาตุดอยเล็ง แรกเริ่มเดิมทีการเดินทางมายังเมืองแพร่ คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าต้องมานมัสการพระธาตุช่อแฮ ผมเองมาแพร่กี่ครั้งกี่ครั้งก็ต้องแวะมาไหว้พระธาตุช่อแฮให้จงได้ เป็นแบบนี้เสมอมา จนวันนี้ผมรู้สึกว่าในจังหวัดแพร่น่าจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจนอกเหนือจากองค์พระธาตุช่อแฮ หลังจากที่ไหว้พระธาตุช่อแฮเสร็จแล้ว ผมลงมาที่ลานจอดรถ เดินไปดูป้ายแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเมืองแพร่ ก็เห็นมีวัดอีก 2 แห่งที่อยู่ไม่ไกลจากวัดพระธาตุช่อแฮมากนัก แต่ไปคนละทางกัน วัดแรกก็คือวัดพระธาตุจอมแจ้ง อีกวัดหนึ่งก็คือวัดพระธาตุดอยเล็ง ก็เลยเลือกที่จะไปพระธาตุจอมแจ้งก่อน แล้วจากนั้นก็กลับมาที่พระธาตุช่อแฮ มุ่งหน้าไปตามถนนที่อยู่ข้างวัด เส้นทางสายนี้เป็นถนนที่ทอดยาวผ่านขุนเขา ทะลุไปจนถึงอำเภอท่าปลาจังหวัดอุตรดิตถ์ นี่แหละคือเส้นทางที่จะพาเราไปถึงพระธาตุดอยเล็ง
ธงชาติไทย หลังจากที่ได้ขับรถตามเส้นทางมาเรื่อยๆ ไม่กี่กิโลเมตร เราก็จะเห็นป้ายเขียนบอกว่าทางไปพระธาตุดอยเล็ง จุดชมวิวเมืองแพร่ จากนั้นเลี้ยวเข้าตามที่ป้ายบอก ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร จะมีช่วงท้ายๆ ที่ต้องขึ้นเขา แม้ว่าจะเป็นเขาที่สูงที่สุดในเมืองแพร่ ก็ยังไม่สูงมากนัก ถนนที่ตัดให้ขึ้นได้อย่างสะดวกใช้เวลาไม่นานผมก็เกือบมาถึงยอดเขา ที่เป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยเล็ง ระหว่างทางมีธงชาติปักเอาไว้ สลับกับธงธรรมจักร จำได้ว่าครั้งหนึ่งที่มีเหตุการณ์ไม่สงบในบ้านเมืองเรา มีคนค้นหาภาพธงชาติโบกสะบัด เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายแห่งความสมานสามัคคีของคนในชาติ หลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้ผมมักจะมองหาธงชาติในระหว่างการเดินทางเพื่อเก็บภาพเอามาเผื่อว่าใครจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้ แต่ไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้วนะ
ชมวิวสวยบนดอยเล็ง ก่อนที่จะถึงลานจอดรถ จะมีช่วงหนึ่งที่เราจะมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่าง เป็นเส้นทางไปอุตรดิตถ์ที่ผมบอกในตอนแรก เส้นทางสายนี้ตัดผ่านขุนเขาพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน ถนนสายเล็กๆ คดเคี้ยวไปตามแนวเขา เหมือนภาพวาดที่ชอบวาดในชั่วโมงศิลปะ ส่งคุณครู แม้ว่าจะห่างจากตัวเมืองแพร่ไม่ไกล แต่ก็เป็นป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์อวดสีเขียวขจีของผืนป่าไปจนสุดสายตา เป็นภาพประทับใจของใครๆ ที่ได้มาพบเห็น
จากลานจอดรถ เดินต่อขึ้นมาอีกไม่ไกล เราก็จะเห็นพระธาตุสีขาวขนาดไม่ใหญ่มากนัก เป็นเครื่องหมายแสดงว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคยเสด็จประทับ ณ ที่แห่งนี้ เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล ตามตำนานที่เล่าสืบกันมา ด้านหน้าขององค์พระธาตุ มีพระพุทธรูปปางนาคปรกประดิษฐานอยู่
พระธาตุช่อแฮ จุดเด่นอย่างหนึ่งของการมานมัสการพระธาตุดอยเล็ง ก็คือวิวที่เราจะมองเห็นพระธาตุช่อแฮและบริเวณใกล้เคียงได้ชัดเจนที่สุด ยอดพระธาตุช่อแฮสีทองเหลืองอร่าม อยู่ข้างวิหารขนาดใหญ่ที่กำลังอยู่ระหว่างการบูรณะ เชิงเขาเต็มไปด้วยบ้านเรือน
วิวจากพระธาตุดอยเล็ง ด้านหน้าพระธาตุดอยเล็ง จัดเป็นระเบียงสำหรับการชมวิวทิวทัศน์ในทิศที่มองเห็นตัวเมืองแพร่ บนยอดดอยเล็กๆ แห่งนี้ไม่มีเสนาสนะหรืออาคารอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ใช้การกางเต็นท์ผ้าใบเพื่อบังแดดสำหรับผู้มาเยือน
ศาลาข้างพระธาตุ สถานที่สำหรับทำบุญบริจาคซ่อมแซมพระธาตุดอยเล็ง
ไหว้พระในศาลา ตำแหน่งของศาลาหลังนี้ นอกเหนือจะอยู่ใกล้กับองค์พระธาตุดอยเล็งแล้ว ยังสร้างอยู่ริมยอดเขา จึงไม่มีอะไรมาบังวิวภูเขาน้อยใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ เดินทะลุไปด้านหลังมีระเบียงเล็กๆ อยู่ทางทิศตะวันตก เห็นแล้วอยากจะมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่นี่ แต่ก่อนหน้านั้นไหว้พระก่อนครับ มีตู้บริจาคทำบุญมากมายตามศรัทธา รูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ตังที่เป็นที่เคารพศรัทธาของคนไทย รวมอยู่ในศาลาหลังนี้แล้ว
พระนาคปรก เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ด้านหน้าของพระธาตุดอยเล็ง
พระพุทธรูปอื่นๆ
ระเบียงชมวิวเมืองแพร่ อยู่อีกด้านหนึ่งของลานเล็กๆ บนยอดดอยเล็ง ตามประวัติเล่าว่าองค์พระพุทธเจ้าเสด็จมาที่นี่แล้วมายืนเล็งผ่อ ไปทางทิศตัวเมืองแพร่ หรือพระธาตุช่อแฮ นั่นเอง จุดที่เรายืนอยู่นี้อาจจะเป็นจุดเดียวกันกับพระพุทธองค์ในสมัยนั้นก็เป็นได้ ที่ระเบียงทางวัดจัดกล้องส่องทางไกลไว้ให้หลายอัน มองเห็นพระธาตุช่อแฮได้แบบชัดแจ๋ว แล้วก็ทำบุญที่เราใช้กล้องของวัดตามศรัทธา
จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ครั้งแรกที่ผมขึ้นมาบนดอยเล็ง ผมมองไปรอบๆ เน้นทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เพราะบนเขาเหมาะที่จะเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นและตก มากๆ ถ้าเรามองหาจุดที่จะเห็นวิวเปิดสวยๆ เล็งเอาไว้ก่อน พอมีโอกาสก็มาเก็บภาพตามที่เราคิดเอาไว้ ถนนทางขึ้น-ลงดอยเล็ง ก่อนจะถึงลานจอดรถนิดหน่อยจะมีทางโค้งที่ทางวัดนำเอาไม้มาปักเป็นแนวกั้น ป้องกันคนตกลงไป แผงกั้นที่เป็นไม้นี่แหละที่ผมรู้สึกว่ามันน่าจะเหมาะกับการเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นเป็นอย่างยิ่ง เทือกเขาที่เราเห็นอยู่ไกลๆ อยู่ทิศตะวันออกซะด้วย สำหรับบ่ายวันนี้เล็งเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้ขึ้นมาแต่เช้าตามแผน
วิวเมืองแพร่ก่อนรุ่งสาง เช้ารุ่งขึ้นวันใหม่ ผมกับสมาชิกทำตามแผนที่วางเอาไว้ เราออกจากที่พักกลางเมืองแพร่เวลา 05.30 น. มุ่งหน้ามาที่ดอยเล็ง ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที เราก็มาถึงวัด ถนนทางขึ้นเขามีประตูปิดเอาไว้แต่เปิดออกได้ พอขึ้นมาแล้วเราก็ปิดเอาไว้ตามเดิม แล้วมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถ ก่อนที่จะหามุมพระอาทิตย์ขึ้น ตอนนี้ยังมืดอยู่มีเวลามากมายที่จะเก็บภาพเมืองแพร่ยามที่ทุกบ้านหลับไหล ถนนหนทางมีไฟส่องสว่างเป็นทางยาว และเห็นพระธาตุช่อแฮ แบบสวยๆ ด้วยแสงไฟส่ององค์พระธาตุสีทองเหลืออร่าม
วิวพระอาทิตย์ขึ้น เอาละตอนนี้เป็นเวลาแห่งการรอคอย ผมหยิบอุปกรณ์ทุกอย่างเดินไปตรงที่ผมเล็งเอาไว้ ส่วนสมาชิกที่เหลือเดินขึ้นบนยอดดอยเล็ง คงจะไปเก็บภาพพระธาตุยามเช้า ผมคิดว่าเดี๋ยวทุกคนคงจะลงมา ตอนนี้ผมเดินหามุมเก็บภาพไปเรื่อยๆ หวังว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสวยเหมือนที่จินตนาการเอาไว้
แสงแรกแห่งเมืองแพร่ เวลาผ่านไปตามสมควร พระอาทิตย์ก็เริ่มโผล่ขึ้นมาจากเทือกเขาทีละนิดๆ เหมือนนัดกับผมเอาไว้ ช่วงจังหวะนี้ไม่ต้องบรรยายมาก เก็บภาพไว้ให้ได้มากที่สุดครับ
วิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยเล็ง นี่ละครับภาพที่ผมคิดเอาไว้ในหัวตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน ตอนนี้ผมก็เก็บภาพได้สำเร็จตามที่คิดไว้ น่าจะสวยเนาะ
วิวพระอาทิตย์ขึ้น ปิดท้ายด้วยภาพพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ อีกสักภาพจากดอยเล็ง ก่อนที่เราจะมุ่งหน้าลงจากดอยไปหาข้าวซอยกินกันในเมือง ผมยังมีรูปอีกหลายรูปมาให้ชมกันแต่กลัวว่าลงรูปใหญ่ทั้งหมดจะพากันโหลดช้า ก็เลยเพิ่มมาเป็นภาพย่อเล็กๆ ข้างล่าง ลองเลื่อนไปดูนะครับ ส่วนผู้ที่เปิดมาชมด้วยโทรศัพท์มือถือก็จะมองไม่เห็นเดี๋ยวผมจะปรับปรุงหน้าเว็บใหม่จะได้เห็นเสมอภาคกันเพราะมีรูปให้ชมเยอะ สวยๆ ด้วย
เต่าสมเด็จ เฮ้อเกือบลืมไป 1 รูป พระเอกของวัดพระธาตุดอยเล็งแท้ๆ นั่นก็คือเต่าสมเด็จตัวนี้ละครับ ทำให้ผมรู้จักวัดพระธาตุดอยเล็ง เนื่องมาจากผมไปหาเต่าปูลูที่บ้านนาตอง บังเอิญพบหลวงพ่อวัดพระธาตุดอยเล็ง ไปบ้านนาตองด้วยกิจนิมนต์ ได้สนทนากับท่าน ท่านถามว่ามาดูเต่าปูลูหรือ ผมตอบว่าใช่ ท่านเลยถามว่าอยากเห็นเต่าสมเด็จหรือไม่ ผมก็บอกว่าอยาก ท่านบอกให้ขึ้นมาดูที่ดอยเล็ง ผมบอกไปว่าผมเพิ่งจะลงมาจากดอยเล็ง ท่านก็บอกว่าให้ขึ้นไปอีกท่านจะเอาเต่าสมเด็จให้ดู ผมก็รับคำ แล้วในที่สุดก็ได้กลับมาที่ดอยเล็ง ผมพบท่านก็เลยถามว่าเต่าสมเด็จอยู่ที่ไหนครับ ท่านก็ให้คนที่วัดไปหามาให้ดู เต่าสมเด็จตัวนี้ใช้ชีวิตอย่างอิสระบนดอยเล็ง นานมาแล้วมีผู้นำมาถวาย กระดองเต่ามีลายประหลาดคล้ายพระผงพิมพ์สมเด็จทุกช่องของกระดอง นับได้ 36 ช่อง หลังจากที่เต่าสมเด็จมาอยู่ที่วัดพระธาตุดอยเล็งก็มีศรัทธาหลั่งไหลเข้ามาในวัด มาสร้างและบูรณะเสนาสนะต่างๆ มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ หลวงพ่อกลัวว่าเต่าจะหายก็เลยติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ทั่ววัด วันหนึ่งมันเดินตกเขาหงายท้องเดินไปไหนไม่ได้ โชคดีที่หลวงพ่อเห็นในกล้องวงจรปิดเลยไปช่วยมันกลับขึ้นมาได้ ใครไปดอยเล็งไม่ได้เห็นเจ้าเต่าตัวนี้เห็นทีต้องไปใหม่แล้วละครับ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ