ข้อมูลเพิ่มเติม:ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน โทร. 0 5361 2982-3
http://www.tourismthailand.org/maehongson
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
เดินทางมุ่งหน้าสู่ถ้ำลอด การมาเที่ยวถ้ำลอดของทีมงานเราในวันนี้เราเลือกที่จะค้างคืนอยู่ที่บ้านสบป่อง โรงแรมสบป่องริเวอร์อินน์ ซึ่งทีแรกก็อยากจะนอนที่ เดอะร็อค การ์เด้นท์ รีสอร์ท แต่พอดีห้องว่างไม่มีเลย แต่ที่พักที่เราเลือกก็ไม่เลวครับบรรยากาศดีห้องพักสวยและสะอาด บางทีการที่จะมาเที่ยวถ้ำลอดก็ไม่จำเป็นที่จะต้องค้างที่ปางมะผ้าเหมือนเรา เพียงแต่ในทริปที่เราวางแผนเอาไว้ การค้างที่นี่จะได้ประหยัดเวลาในการเที่ยวของเราได้ก็เท่านั้นเอง ออกจากบ้านสบป่อง มุ่งหน้าไปทางปาย ไม่กี่กิโลเมตรจะมีทางแยกเข้าบ้านถ้ำลอดเป็นทางแยกตัววายทางซ้ายมือผ่านสาธารณสุขปางมะผ้า เข้าไปอีก 9 กิโลเมตร เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวเดาว่าคงเป็นเพราะต้องการตัดถนนหลบต้นไม้ใหญ่ เพื่อรักษาธรรมชาติเอาไว้ให้มากที่สุดผ่านฝายเราจะเห็นชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาร่อนหาแร่น่าจะเป็นทองหรือเปล่าไม่รู้ นอกจากจะมาหาอะไรในสายน้ำแล้ว ที่ฝายแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ลงเล่นน้ำที่เด็กๆ ชื่นชอบทั้งหมู่บ้าน จนในที่สุดเราก็มาถึงลานจอดรถของถ้ำลอดเป็นจุดหมายของเราในเช้าวันนี้
บรรยากาศถ้ำลอด ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปเที่ยวถ้ำจะต้องมีแพสำหรับล่องไปตามน้ำลอดใต้ถ้ำไปทะลุอีกด้าน และต้องมีตะเกียงกับคนนำทาง ถ้ำลอดเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ บางจุดมีโถงให้ปีนขึ้นไปสูงประมาณตึกหลายชั้นจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นถ้ำ ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงไม่สามารถเดินเที่ยวเองโดยไม่มีตะเกียงกับคนนำทางและก็แพ สนนราคาสำหรับแพที่จะพาเราเข้าไปเที่ยวภายในถ้ำตั้งแต่ต้นจนไปทะลุอีกด้านหนึ่งแล้วย้อนกลับมาส่งเราที่เดิมราคาลำละ 400 บาท จุนักท่องเที่ยวได้ 4 ที่นั่ง ผู้นำทางพร้อมตะเกียงเจ้าพายุ 150 บาท รวมเป็น 550 บาท ต่อ 1 ลำ หารด้วยนักท่องเที่ยว 4 คน ถือว่าไม่แพงเลยครับ ทีแรกผมว่าแพงอยู่แต่พอเข้าไปเที่ยวจนถึงตอนขากลับออกมาจากถ้ำรู้สึกว่าถูกมากสำหรับบริการขนาดนี้ คนละร้อยกว่าบาทเอง สอบถามรายละเอียดได้ที่ซุ้มบริการนักท่องเที่ยว หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วก็เดินไปที่ปากถ้ำลอดระยะทางไม่ไกลมาก บรรยากาศร่มรื่นเพราะเป็นป่าเชิงเขาที่อนุรักษ์กันอย่างดี
เด็กขายอาหารปลา ก่อนที่จะเข้าไปยังปากถ้ำ เราจะเห็นเด็กๆ นั่งขายอาหารปลาแบบเรียงแถวแบบนี้ละครับ ทำไมจึงได้มีอาหารปลาขายมากมายขนาดนี้นะเหรอ ก็เพราะว่าถ้ำลอดมีปลาอยู่ชุกชุมมาก ปลาแต่ละตัวโตๆ ทั้งนั้น ชาวบ้านไม่จับเอาปลาพวกนี้ไปกิน มันก็ยิ่งโตยิ่งเยอะระหว่างทางที่เราล่องแพอยู่ในถ้ำมืดๆ หว่านอาหารปลาลงไปในน้ำ เราจะเห็นปลาแย่งกินอาหารกระโดดกันวุ่นวายไปหมด แต่ขอบอกให้หว่านออกไปไกลๆ ไม่งั้นกล้องคุณอาจจะเปียกน้ำได้
ปากถ้ำลอด ฝั่งที่เราจะล่องแพเข้าไปปากถ้ำดูเล็กคือเตี้ยแต่กว้าง เท่าที่เคยเห็นในรูปปากถ้ำลอดนึกว่าจะสูงใหญ่กว่านี้ซะอีก อันที่จริงเป็นปากถ้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่งจะสูงใหญ่ ตอนนี้ชาวบ้านที่รับอาสามาพาเราเข้าไปเที่ยวก็จะจัดเตรียมอุปกรณ์ได้แก่แพ และการเติมน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อยจากนั้นเขาจะบอกเราว่าแพของเราลำไหนซึ่งไม่ต้องไปจำ เพราะในระหว่างการเดินทางเที่ยวภายในถ้ำเราจะต้องเปลี่ยนแพไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราเดินชมถ้ำเร็วหรือช้า พอเราลุกออกจากแพขึ้นไปเดินเที่ยวถ้ำแต่ละแห่ง นักท่องเที่ยวที่เดินสวนเราลงมาก็จะนั่งในแพเราแล้วออกเดินทางต่อส่วนเราก็ต้องต่อแพลำใหม่ที่จะมาจอดเรียงรายกันตรงที่เราลงจากแพ ดังนั้น อย่าวางสิ่งของอะไรไว้ในแพเด็ดขาด
ภายในถ้ำลอด การนั่งอยู่ในแพล่องไปตามลำน้ำ ให้ระวังหัวของเราให้ดี เพราะบางช่วงชาวบ้านจะพาแพไปตามร่องน้ำที่เชี่ยวน้อยเพื่อให้ปลอดภัย เพดานถ้ำบางช่วงมันต่ำมากและขึ้นอยู่กับระดับน้ำในวันที่เราเดินทางด้วยว่าน้ำมากแค่ไหน ชาวบ้านจะเตือนให้เราก้มลงเพื่อให้ผ่านช่วงนั้นไปได้ เดินทางไม่กี่นาทีเราจะมาถึงถ้ำแห่งแรกจากทั้งหมด 3 ถ้ำที่อยู่ในถ้ำลอดอีกที ถ้ำแรกเรียกกันว่า ถ้ำเสาหินหลวง เราจะต้องลงจากแพตรงที่ชาวบ้านจอดให้ลง แล้วเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ถ้ำแห่งนี้แม้ไม่ใช่ถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดของถ้ำลอด (พูดแล้วงง เพราะมีถ้ำอยู่ในถ้ำอีกที) แต่ก็เป็นถ้ำที่มีเสาหินสวยงามหลายแห่ง ชาวบ้านผู้ทำหน้าที่นำทางจะพาเราไปหยุดถ่ายรูปตรงเสาหินสวยๆ ในถ้ำซึ่งก็มีอยู่หลายแห่ง เสาหินงอกหินย้อยบางต้นมีผิวเรียบ บางต้นมีผิวเป็นเม็ดเล็กๆ ตะปุ่มตะป่ำ บางต้นก็จะมีลวดลายหินย้อยที่สวยงาม นับว่าแปลกมากที่มีหินงอกย้อยหินย้อยหลายรูปแบบในถ้ำแห่งเดียวกัน
ถ้ำเสาหินหลวง นี่เป็นภาพตัวอย่างของเสาหินสวยๆ ที่ชาวบ้านพาเราเข้าไปดู ถึงเสาหินแต่ละต้นชาวบ้านจะหยุดส่องไฟให้เราถ่ายรูปจนเสร็จก่อนที่จะเดินไปต่อ แสงตะเกียงสว่างกว่าไปฉายมากๆ ตะเกียงเพียงดวงเดียวให้ความสว่างไปทั่วโถงถ้ำเลยทีเดียวแต่การถ่ายรูปในถ้ำมันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี แสงแฟลชจากกล้องเพื่อนๆ ก็เริ่มจะสว่างวาบขึ้นมาเป็นระยะๆ ดีกว่าผมเอาขาตั้งกล้องมาด้วยเลยไม่ต้องพึ่งแฟลช ภาพซ้ายและภาพขวา เราจะเห็นลักษณะหินงอกหินย้อยที่คล้ายๆ กัน ส่วนภาพกลางจะมีรูปร่างที่แปลกไปจากเสาอื่นๆ น้ำที่ค่อยๆ หยดลงมาจากเพดานถ้ำ จนทุกวันนี้ก็ยังหยดลงมาเรื่อยๆ จึงมีหินงอกเกิดขึ้นตลอดเวลา อัตราการเติบโตของหินงอกหินย้อยเหล่านี้ปีละประมาณ 1 มิลลิเมตร รูปแบบของเสาหินที่เกิดขึ้นก็ขึ้นอยู่กับว่าตรงหยดน้ำที่หยดลงมานั้นประกอบด้วยแร่ธาตุอะไร รูปแบบการก่อตัวก็จะต่างกันไปคล้ายน้ำตาเทียน ถ้าลมสงบน้ำตาเทียนก็จะค่อนข้างเรียบและหยดลงข้างเดียว ถ้าลมไม่สงบน้ำตาเทียนก็จะไหลลงมาทุกด้าน ถ้ำไหนที่ยังมีน้ำหยดลงมาจากเพดาน ก็จะเรียกกันว่า ถ้ำเป็น หินงอกหินย้อยก็ยังคงเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ ส่วนถ้ำที่ไม่มีน้ำหยดลงมาแล้วก็เรียกว่าถ้ำตาย หินงอกหินย้อยเกิดขึ้นใหม่ภายในถ้ำเสาหินหลวงอยู่กระจายไปตามพื้นถ้ำ ระวังการเดินของเราอย่างไปเหยียบหรือจับหินเหล่านี้ เพราะนั่นคือการฆ่าหินงอกหินย้อย มันจะตายและหยุดการเจริญเติบโตครับ เป็นเพราะว่ามือเรามีน้ำมันหรือเหงื่อ มันจะทำให้ตะกอนที่ตกลงมาพร้อมหยดน้ำประสานกันไม่ติดครับ
สิ่งที่น่าสนใจในถ้ำเสาหินหลวง นี่เป็นภาพที่คนนำทางชี้ให้เราดู ภาพบนซ้ายเป็นหินหน้าหนุมาน ภาพบนขวาก็จะเป็นหัวเต่า ภาพล่างซ้ายเรียกว่าหินเห็ด ส่วนภาพล่างขวาเป็นโถงกว้างๆ ภายในถ้ำเสาหินหลวง ซึ่งมีการสร้างทางเดินไม้เป็นเหมือนสะพานให้เราเดินในบางช่วงเพื่อความปลอดภัยของเรา
ปากถ้ำเสาหินหลวง ตอนเดินขึ้นมาผมไม่ทันได้มองว่าฝั่งตรงข้ามของลำธารที่เราจอดแพก็จะมีที่จอดแพเหมือนกัน ห่างกันไม่มากเท่าไหร่ ก็พอที่จะเดินข้ามไปได้แต่ไม่รู้ว่าน้ำลึกขนาดไหน พอเดินเที่ยวถ้ำเสาหินหลวงจนหมดแล้วก็เดินย้อนกลับออกมา มองลงไปข้างล่างเห็นแพมาจอดแล้วคนก็ค่อยๆ เดินขึ้นไปอีกถ้ำหนึ่ง ซึ่งเป็นถ้ำที่ 2 ในถ้ำลอด เรียกว่าถ้ำตุ๊กตา จะเป็นยังไงเดี๋ยวเราก็จะได้ไปดูต่อจากนี้ละครับ
ล่องแพในถ้ำ ประสบการณ์เดินทางอันยาวนานของผมเที่ยวถ้ำมาก็หลายแห่งทั่วประเทศ แต่ความรู้สึกของการล่องแพทะลุถ้ำแบบนี้กลับเป็นครั้งแรก มันน่าประทับใจจริงๆ ครับ ความกว้างใหญ่ของถ้ำลอดก็ยากจะอธิบาย มองในรูปดูก็แล้วกันครับ
ทางขึ้นถ้ำตุ๊กตา ข้อมูลจากชาวบ้านที่นำทางเราในวันนี้บอกว่าเส้นทางเดินขึ้นบันไดไปยังถ้ำตุ๊กตามีความสูงประมาณเทียบเท่าตึก 10 ชั้น จะจริงหรือไม่ก็ลองดูกันครับ แม้ว่าทางเดินจะสูงขนาดไหนก็ตาม ผมก็เห็นนักท่องเที่ยวที่มากันเดินขึ้นไปอย่างไม่มีลังเลเลย ไฟตะเกียงของคนนำทางก็สว่างอยู่บนบันไดเป็นจุดๆ เพราะคนนำทาง 1 คน จะมีนักท่องเที่ยวเดินตามหลัง 4 คนเท่านั้น เพื่อการดูแลได้อย่างทั่วถึง บันไดที่ผมถ่ายมานี้ยังไม่ใช่สุดปลายทางของถ้ำตุ๊กตา แต่มันยังมีทางเดินขึ้นต่อจากนี้ไปอีก ทีแรกเข้าใจว่าจะรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก แต่พอเอาเข้าจริงกลับเดินได้อย่างสบายๆ ในวันที่ผมไปก็มีคนอายุราวๆ 50 กว่าๆ ไปกันเยอะแยะครับก็เดินได้สบายเหมือนกัน คงเป็นเพราะขนาดของถ้ำที่ใหญ่มากๆ แล้วก็มีอากาศถ่ายเททะลุถ้ำได้ด้วย
ทางเดินช่วงที่ 2
หินย้อยม่านน้ำตก พอเดินขึ้นมาตามทางเดินไม้จนถึงปากทางเข้าถ้ำตุ๊กตาเห็นหินย้อยขนาดใหญ่มากๆ อยู่ตรงนี้ สวยดีครับ ที่ฐานของหินย้อยยังมีแอ่งน้ำเล็กๆ ใสๆ อยู่รอบๆ ด้วย สวยแปลกตามาก
ความสวยงามของถ้ำตุ๊กตา ตรงนี้เป็นโถงใหญ่มากๆ เป็นทางเดินที่จะพาเราไปยังดงตุ๊กตาหิน จุดไฮไลท์ของถ้ำที่ 2 ในถ้ำลอด เสาหินที่อยู่ตรงกลางมีความสวยงามมาก เห็นแล้วก็นึกไม่ถึงว่าถ้ำแห่งนี้จะเป็นที่อยู่ของหินตุ๊กตาที่มีรูปร่างแปลกประหลาด ต่างกันกับลายบนเสาหินอย่างสิ้นเชิง นึกถึงภาพในการจับตัวของตะกอนที่ต่างกันเอามากๆ ขนาดนี้ไม่ออกเลยครับ
ถ้ำตุ๊กตา ภาพบนซ้ายจะมีลักษณะเป็นดงหินงอกที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นสูงต่ำไม่เท่ากัน รูปร่างก็แตกต่างกันเป็นจำนวนมาก ก็เลยจินตนาการว่าเป็นเหมือนการเอาตุ๊กตาจำนวนเป็นร้อยตัวมาวางรวมกันไว้ตรงนี้ บ้างก็บอกว่าเป็นเหมือนดงดอกไม้หินที่มีดอกไม้มากมายหลายชนิด ส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนจะมองกัน ดงหินงอกตรงนี้มีขนาดใหญ่ ผมถ่ายรูปบนขวามาเพื่อให้เทียบกับขนาดของคนที่ไปเที่ยว ส่วนภาพล่างซ้ายเรียกว่าหลุมยุบ ลักษณะการเกิดเหมือนกับถ้ำบ่อผีซึ่งเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่มากๆ เกิดขึ้นตามธรรมชาติ บางแห่งหลุมยุบแบบนี้มีขนาดเล็กแล้วก็ลึกมากๆ ชาวบ้านจะเอาไม้มากั้นไว้รอบๆ เพื่อป้องกันคนตกลงไป
ภาพเขียนโบราณของมนุษย์ถ้ำ ภาพเขียนที่มีอายุนับพันปีแบบนี้เราเรียกกันว่าภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ ภาพเขียนนี้เป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของถ้ำแห่งนี้ เป็นภาพกวาง ธนู และพระอาทิตย์ นับอายุภาพเขียนได้ประมาณ 2-3000 ปี โดยคนล่าสัตว์ เชื่อว่าใช้ไม้ไผ่แห้งหรือไม้เกี๊ยะสำหรับให้แสงสว่าง (เปลือกไม้เกี๊ยะเป็นเชื้อไฟอย่างดี) ถ้าดูรูปนี้แล้วสงสัยว่ารูปภาพเขียนมันหายไปไหน ก็ไม่ได้สงสัยแล้วครับ เพราะรูปมันเลือนหายไปจนเกือบมองไม่เห็นแล้ว เพราะว่ามีคนไปลูบมันครับ ดังนั้นจงจำไว้เถอะว่ารูปหรือภาพเขียนถ้าอยากให้มันสวยอยู่คงทนตราบนานเท่านานอย่าไปจับมันครับ เช่นเดียวกันกับการจับหินงอกหินย้อยที่กำลังเติบโตจะทำให้มันหยุดเติบโตนั่นแหละ ศึกษาข้อมูลเหล่านี้พร้อมๆ กับการไปเที่ยว เพื่อไม่ให้การไปเที่ยวของเราทำลายสิ่งเหล่านี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ
การเดินทางสู่ถ้ำผีแมน คุ้นๆ ชื่อมั้ยครับ ถ้ำผีแมน เดิมทีเดียวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของปางมะผ้า จะเข้ามาเที่ยวถ้ำผีแมนเพียงอย่างเดียวก็ได้มีทางเดินเท้าเข้ามา แต่อย่ากระนั้นเลยมาขนาดนี้แล้วเที่ยวแบบที่ผมพามานี่แหละจะดีที่สุดได้เที่ยวถ้ำลอดและถ้ำอื่นๆ ไปด้วย จากถ้ำตุ๊กตาเดินทางไปถ้ำผีแมนเราก็ต้อนเดินลงมาเพื่อล่องแพกันต่อไป ระยะทางไกลพอสมควรเพราะถ้ำลอดมีความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ทีเดียวจากจุดนี้ไปทุกอย่างก็จะมืดสนิทไปจนถึงปากถ้ำอีกด้านหนึ่ง จะมีเพียงแสงจากตะเกียงเจ้าพายุเท่านั้น
ปากถ้ำลอด ด้วยแรงความเชี่ยวของสายธาร คนที่ควบคุมแพจะขึ้นมายืนถ่อบนแพได้ในช่วงมืดๆ นี้เพราะบริเวณนี้เพดานถ้ำสูงและกว้างมากไม่ต้องกลัวว่าแพจะชนอะไรเข้า น้ำพาเราไปเรื่อยๆ ไม่นานเราก็จะเห็นแสงลอดเข้ามาจากอีกด้านหนึ่งของถ้ำ เป็นปากถ้ำลอดที่ทะลุออกไปนั่นเอง และนี่ก็คือจุดหมายของการเดินทางสุดถ้ำลอดเป็นที่ตั้งของถ้ำสุดท้ายก็คือถ้ำผีแมน เราจะจอดแพที่ปลายถ้ำนี้แล้วเดินขึ้นไปชมโลงผีแมนกัน
ถ้ำลอด ภาพนี้เป็นภาพที่เพื่อนๆ คอยเชียร์ให้ผมถ่ายให้สำเร็จให้ได้ เป็นไฮไลท์ของการเดินทางในถ้ำลอด แพที่เรานั่งมาเคลื่อนที่ไปยังปากถ้ำขนาดใหญ่เบื้องหน้า แน่นอนว่าในทีมของเราก็คงมีหลายคนพยายามจะถ่ายเหมือนกัน ผมวัดแสงเอาตรงที่ปากถ้ำด้านนอก ภายในก็เลยมืดสนิทอย่างที่เห็น ก็จะมีเพียงไกด์นำทางกับแสงตะเกียงตรงหัวแพเท่านั้น
จอดแพครั้งสุดท้าย จากจุดนี้ทุกคนก็จะต้องเดินเท้าไปเหมือนๆ กับ 2 ถ้ำแรกที่ผ่านมา ทุกคนเตรียมตัวลงจากแพและเดินตามคนนำทางไปให้เร็ว เราคิดว่าเป็นถ้ำสุดท้ายแล้วเราก็อยากจะเดินให้จบๆ ไป แต่ปัญหาของผมก็คือกลิ่นขี้นกนางแอ่นที่อาศัยอยู่ในถ้ำนี้จำนวนมากมาเป็นเวลานานจนขี้ของมันทับถมกันเป็นชั้นหนา เดินลงไปจะรู้สึกว่าพื้นมันนุ่มๆ แปลกๆ นั่นแหละขึ้นกล้วนๆ แหม ผมละไม่อยากจะเดินขึ้นไปเพราะไม่ค่อยถูกกับกลิ่นแบบนี้ซะด้วย ดมไปนานๆ มันจะปวดหัวเหมือนไมเกรนเลยครับ แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปตามเพื่อนๆ
จัดระเบียบแพ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินลงจากแพไปแล้ว ชาวบ้านก็จะนำแพเข้าเทียบต่อกันอย่างเป็นระเบียบ เมื่อตอนแรกบอกไปแล้วว่าแพที่เราจะนั่งจะต้องเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ เพราะนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มเที่ยวถ้ำใช้เวลาไม่เท่ากันแพที่มาถึงก่อนจะจอดติดอยู่กับฝั่ง แพมาทีหลังจะจอดถัดออกไปพอนักท่องเที่ยวกลุ่มไหนเที่ยวเสร็จก่อนเดินลงมาที่ลำธารก็จะขึ้นแพที่จอดอยู่นอกสุดแล้วออกเดินทาง ดังนั้นที่จุดจอดแพทุกจุดเราก็จะเห็นชาวบ้านเรียงแพต่อกันอย่างเป็นระเบียบพร้อมที่จะเดินทางต่อได้ทันที
ทางขึ้นถ้ำผีแมน กลิ่นขี้นกตลบอบอวลจริงๆ ครับถ้ำผีแมนก็เหมือนกับถ้ำอื่นๆ คืออยู่สูงขึ้นไปที่เพดานถ้ำ ต้องเดินขึ้นบันไดไม้ไป หลายคนที่มาเดินเที่ยวต่างพยายามที่จะเกาะเสาของราวบันได เพราะราวบันไดมันเต็มไปด้วยขี้นก แม้ว่าการเดินเที่ยวจะทุลักทุเลแต่ทุกคนที่เดินทางมาที่นี่ก็เดินขึ้นไปกันหมด คงไม่อยากจะเสียดายกันทีหลัง
ทางขึ้นถ้ำผีแมน
ถ้ำผีแมน เพดานของถ้ำผีแมนเต็มไปด้วยหินย้อยรูปร่างประหลาดมากมายเต็มไปหมด เมื่อเรารู้ว่าสิ่งที่รอเราอยู่ที่ปลายทางของถ้ำผีแมนก็คือโลงศพที่เรียกกันว่าโลงผีแมน ประกอบกับเพดานถ้ำแห่งนี้ สร้างความรู้สึกวังเวงและน่ากลัวได้มากทีเดียว
ถ้ำลอด ภาพที่น่าจะเรียกว่าเป็นไฮไลท์ของการเที่ยวถ้ำลอดก็คือแพที่จอดอยู่ตรงปากถ้ำ ภาพนี้หลายๆ คนที่มาก็พยายามจะหามุมต่างๆ นานารอบๆ ที่จอดแพ แม้แต่ในนิตยสารท่องเที่ยวก็ควรจะมีภาพของถ้ำลอดแห่งนี้อย่างแน่นอน แต่คนจะสร้างสรรค์ภาพที่มุมนี้ต่างกันยังไงออกมาสวยแบบไหนก็แล้วแต่มุมมองครับ หลังจากที่เดินขึ้นบันไดถ้ำผีแมนขึ้นมาจะมีช่วงที่เราพอจะหาที่ยืนเก็บภาพในมุมที่ผมถ่ายนี้อยู่ ก่อนที่จะเดินเข้าถ้ำต่อไป
โลงผีแมน โลงศพโบราณที่ค้นพบที่ถ้ำผีแมนแห่งนี้ และเป็นที่มาของชื่อถ้ำ ภายในถ้ำแห่งนี้พบโลงศพโบราณที่ขุดจากไม้จนเหมือนท้องเรืออยู่ 2 ที่ด้วยกันอยู่ห่างกันไม่กี่เมตร โลงผีแมนที่เรียกกันอยู่ด้านใน ส่วนด้านนอกก็เป็นโลงศพในยุคเดียวกัน ส่วนสิ่งของที่พบย้ายไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ สิ่งที่น่าแปลกก็คือทำไมคนในยุคนั้นจึงต้องนำศพมาเก็บไว้บนถ้ำสูงขนาดนี้ ในสมัยปัจจุบันเรามีบันไดเดินขึ้นมาแต่ในสมัยนั้นคงต้องปีนถ้ำขึ้นมาสถานเดียว ยังต้องขนโลงศพขึ้นมาด้วยคงจะยากน่าดู ถ้าเกิดว่าคนสมัยนั้นนิยมเก็บศพกันในถ้ำแล้วทำไมจึงมีโลงศพเพียง 2 โลง ปริศนาเรื่องราวในอดีตอีกมากมายบนแผ่นดินไทยยังคงมีอีกมากมายหลายอย่าง
ถ้ำผีแมน
โลงผีแมน การพบโลงศพนี้ยังมีเสาสำหรับตั้งโลงศพโดยที่เสามีการเจาะรู แล้วนำไม้มาสอดในรูปเป็นคานสำหรับการวางโลงศพไว้บนคานไม้ เหมือนกับการนำเรือขึ้นคานเพื่อการซ่อม พิธีกรรมเกี่ยวกับคนตายเริ่มต้นมาตั้งแต่หลายพันปีก่อน ศพนี้ถูกบรรจุโลงและวางอย่างดีในถ้ำที่เข้าถึงได้ลำบาก น่าจะเป็นคนสำคัญในสมัยนั้นก็เป็นได้ เราสิ้นสุดการเดินทางชมถ้ำลอดที่ถ้ำแห่งที่ 3 ถ้ำผีแมนไว้เท่านี้ แล้วเราก็เดินลงจากถ้ำเดินทางกลับมายังปากถ้ำอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแพเข้าถ้ำลอด ขามาเราล่องเข้ามาตามน้ำ ขากลับชาวบ้านจะลากแพเราทวนน้ำกลับ จบการเดินทางของเราด้วยราคา 550 บาท ต่อ 4 คน เห็นมั้ยครับว่ามันถูกมาก
เก็บตกรอบๆ ลานจอดรถ สิ่งแรกที่เราจะทำหลังจากการออกมาจากถ้ำลอดมาถึงลานจอดรถและร้านค้า ก็คือการหาของกิน เราจัดการเครปกับน้ำปั่นคนละชุดเพื่อเป็นการรองท้องในการเดินทางต่อไป ซึ่งเป็นขากลับของเรา ผ่านอำเภอปาย แวะ coffee in love ร้านกาแฟอมตะที่มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปไม่ขาดสาย ไปยังเชียงใหม่แล้วก็ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ...
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ