ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานนครสวรรค์ โทร.056-221811
https://www.facebook.com/TAT-Nakhonsawan-103513930140126/
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ยินดีต้อนรับสู่บึงสีไฟ เปิดภาพแรกด้วยภาพชุด 4 ภาพสวยจากบึงสีไฟ การเดินทางสู่บึงสีไฟมาง่ายจากตัวเมืองพิจิตรมีป้ายบอกทางมาบึงสีไฟบนถนนแทบทุกสายแล้วยังมีถนนรอบบึงประกอบด้วยทางหลวงหมายเลข 4014 และ 3003 เป็นหลัก ถ้ามาจากต่างจังหวัดพยายามหาทางหลวงหมายเลข 115 เข้าตัวเมืองพิจิตรจะใกล้บึงสีไฟที่สุด มีวงเวียนหอนาฬิกาที่สวยงาม ในวันลอยกระทงมีการจัดหอนาฬิกาตกแต่งให้เหมือนวงเวียนกระทงขนาดใหญ่ ถ้าอยู่ในเมืองพิจิตรหรือพักที่พิจิตรยิ่งง่ายใหญ่เข้าถนนบึงสีไฟได้ก็ตรงลงมาทางทิศใต้เป็นถนนที่เข้าถึงหน้าบึงสีไฟเลย มาถึงแล้วต้องสังเกตุด้วยว่าให้นำรถเข้าได้เลยหรือเปล่า บางวันจะให้เลี้ยวซ้ายหรือขวาไปหาที่จอดรถแล้วเดินชมบึง โดยเฉพาะในวันงานลอยกระทงกว่าจะหาที่จอดรถว่างๆ ได้ลำบากทีเดียวเมื่อได้ที่จอดรถแล้วก็เดินๆๆ เป็นสถานที่พักผ่อนที่ร่มรื่นมากแห่งหนึ่งในเมืองพิจิตรมีต้นไม้น้อยใหญ่อยู่เป็นระยะๆ แต่ถ้าช่วงไหนไม่มีต้นไม้ก็ร้อนเอาการ เตรียมร่มหรือหมวกมาด้วยจะดีกว่า สถานที่สำคัญหลักๆ ที่เหมาะแก่การพักผ่อนคือศาลากลางน้ำ และบริเวณสวยหย่อมสวยๆ ที่จัดไว้ให้โดยรอบ สวนนี้คือสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ พิจิตร สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อ พ.ศ. 2527 มีเนื้อที่ 170 ไร่ เป็นพื้นดิน 120 ไร่ เป็นน้ำ 50 ไร่ เป็นสวนพักผ่อนริมบึงสีไฟ มีสะพานทอดลงน้ำสู่ศาลาใหญ่ที่จัดไว้เป็นที่พักผ่อน นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารปลาและชมอาทิตย์อัสดง ที่ทางเดินไปยังศาลากลางน้ำจะมีรูปปั้นในตำนานเรื่องพญาชาละวันกับไกรทอง นอกจากนี้ยังมีบริการเรือปั่นให้ไปชมบึงกันกลางน้ำด้วย การหาซื้อของกินเข้ามากินในบึงก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากของหลายๆ ครอบครัว
วิวสวยบึงสีไฟ ในวันงานลอยกระทงมีการจัดเวทีกิจกรรม มีการแสดงบนเวทีที่ยื่นออกไปในน้ำ มีการประดับโคมสวยๆ รอบบึง ในช่วงเช้าจะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บกระทงออกจากบึงสีไฟ เพื่อไม่ให้กลายเป็นขยะลอยไปลอยมา ผมมาที่นี่หลังคืนวันลอยกระทงในช่วง 8.00 น. แทบไม่เหลือกระทงที่เป็นขยะให้เห็นลอยไปลอยมาในบึงสีไฟเลยเหมือนกับว่ายังไม่เคยมีการลอยกระทงลงไปด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นว่าชาวพิจิตรรักบึงสีไฟนี้มาก หลังจากวันนี้แล้วคงไม่ได้เห็นโคมไฟที่ประดับอยู่ริมบึงและเวทีที่ประดับเพื่องานลอยกระทง แต่บึงสีไฟแห่งนี้ก็ยังเป็นสถานที่ที่สวยงามของคนจำนวนมากที่มาพักผ่อนอยู่เสมอ
พญาชาละวัน รูปปั้นพญาชาละวัน เป็นรูปปั้นจระเข้อยู่ด้านหน้าบึงสีไฟ ที่มีความยาวถึง 38 เมตร กว้าง 6 เมตร สูง 5 เมตร ภายในตัวจระเข้นี้ทำเป็นห้องประชุมขนาด 25-30 ที่นั่ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แม้ว่าที่เห็นรูปปั้นนี้ขนาดใหญ่มากก็จริงแต่ไม่นึกว่าจะเป็นห้องประชุมที่ให้คนเข้าไปได้ถึง 30 คนเลยครับ นอกเหนือจากนี้ยังมีไม้กลายเป็นหินอยู่ในสวน ไม้กลายเป็นหินเป็นฟอสซิลชนิดหนึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเกิดจากซากต้นไม้ที่ถูกแทนที่ด้วยน้ำบาดาล ซึ่งมีสารละลายของซิลิกาและเกิดการตกตะกอนกลายสภาพเป็นหินอย่างช้าๆ คืนแทนที่แบบโมเลกุลต่อโมเลกุล จนกลายเป็นหินทั้งหมด โดยไม่มีการเปลี่ยนรูปร่างและโครงสร้างอีก คาดว่าเกิดการสะสมตัวในยุคควอเตอร์นารีตอนต้น อายุราวประมาณ 8 แสนปี ปกติซิลิกาในเนื้อไม้จะอยู่ในรูปของโอปอล์ และคาสซิโดนี ทำให้มีสีสรรหลากหลายสวยงาม ไม้กลายเป็นหินทำให้ทราบถึงประวัติของบรรพชีวิน พฤกษศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บรรพกาล ตลอดจนอายุความเป็นมา และพัฒนาการของโลก มีคุณค่าในด้านวิชาการ เศรษฐกิจการท่องเที่ยว และการเป็นมรดกของแผ่นดิน
ลอยกระทงบึงสีไฟ เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย และใหญ่ที่สุดในพิจิตร ถึงแม้ว่าพิจิตรจะเป็นจังหวัดที่มีแม่น้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน แต่งานลอยกระทงในบึงสีไฟกลับเป็นที่นิยมไม่แพ้บริเวณริมแม่น้ำ คืนวันลอยกระทงมีประชาชนจำนวนมากทั้งในพิจิตรและจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาลอยกระทงที่บึงสีไฟ มีการจัดงานใหญ่มีกิจกรรมการแสดงสวยงาม บรรยากาศริมบึงสีไฟในวันลอยกระทงวันนี้คึกคักเป็นพิเศษ ทั้งริมตลิ่งและกลางศาลากลางน้ำ มีประชาชนจำนวนมากลงไปลอยกระทงจนต้องยืนรอคิวกันให้คนที่กำลังลอยกระทงอยู่ขึ้นมาก่อนถึงจะลงไปได้ สำหรับการลอยกระทงที่จะถึงในคราวต่อไปหากคิดไม่ออกว่าจะไปลอยที่ไหนลองพิจารณาบึงสีไฟดูก็ดีเหมือนกันนะครับ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ