ผู้เขียน หัวข้อ: ททท.ภาคกลางจัดคาราวานพิชิต 19 จว.กระตุ้นการท่องเที่ยวภาคกลาง  (อ่าน 55725 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภูมิภาคภาคกลางจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวในภาคกลาง ด้วยขบวนคาราวานสื่อท่องเที่ยว ขับรถเที่ยวภาคกลาง 19 จังหวัดใน 8 วัน โดยมีนายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง ร่วมกับ  Mr. Chen Jiang ทูตวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 8 สำนักงาน ในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมสื่อท่องเที่ยวไทยและเวียดนาม เริ่มต้นขบวนจาก พอร์โต้ชิโน่ Porto Chino สมุทรสาคร จุดสตาร์ทของกองคาราวานขับรถพิชิต 19 จังหวัด.ภาคกลาง (ปีที่ 4) 1-8 พค.2558

โดยมีกำหนดการเดินทางดังนี้

คาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง (ปีที่ 4 )
วันที่ 1 – 8 พฤษภาคม 2558


เส้นทางจังหวัดสมุทรสาคร – ประจวบคีรีขันธ์ – เพชรบุรี – สมุทรสงคราม – นครปฐม – ราชบุรี – กาญจนบุรี – สุพรรณบุรี – อ่างทอง – ชัยนาท – สิงห์บุรี – ลพบุรี – สระบุรี – พระนครศรีอยุธยา – ปทุมธานี – นนทบุรี – ฉะเชิงเทรา – สมุทรปราการ – กรุงเทพมหานคร

************************************

วันศุกร์ที่  1 พฤษภาคม 2558 (สมุทรสาคร – ประจวบคีรีขันธ์ – เพชรบุรี)
เชิญชวนแต่งกายวิถีไทยใน Theme : มนต์เสน่ทะเลวัง
07.00 น.​ลงทะเบียน
07.30 น.​ออกเดินทางจาก ปอร์โต้ชิโน่ ศูนย์การค้าแห่งใหม่ในจังหวัดสมุทรสาคร เป็นจุดแวะพักริมทาง​​ของนักเดินทางลงใต้ เป็นจุดเริ่มต้นและจุดปล่อยการเดินทางคาราวานขับรถพิชิต 19 จังหวัด​​ภาคกลาง ในปีที่ 4 ครั้งนี้
11.00 น.​ร่วมกิจกรรมคาราวานพาเต่าไปห่มทราย (1 ในกิจกรรม หัวหินรำลึก คารวานรถเต่า) ณ วัดห้วยมงคล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กราบขอพรเสริมสิริมงคล หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ ​​และพบกับ UNSEEN หลวงพ่อโสธร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
12.30 น.​ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านเรือริมธาร เขาตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ​​​(ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ เป็นเจ้าภาพ)
ช่วงบ่าย​​ : เยี่ยมชม ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศน์ป่าชายเลน สิรินาถราชินี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
           - คาเมล รีพับบลิค สวนสนุกแห่งใหม่ สไตล์โมร็อกโก อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
​​           - ตัดสิน & มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทยใน Theme มนต์เสน่ห์ทะเลวัง
ช่วงเย็น​​ : เข้าที่พักจังหวัดเพชรบุรี อำเภอท่ายาง เดอะคาแนล และสวนเพชรริเวอร์วิว
​            ร่วมงานคอนเสิร์ตศิลปินเมืองเพชร พร้อมรับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านกาแฟบ่อตะกั่ว อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี (ททท.สำนักงานเพชรบุรี เป็นเจ้าภาพ)
​​พักผ่อนตามอัธยาศัย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 03, 2015, 12:28:27 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
สถานีต่อไปของคาราวาน คือวัดห้วยมงคล ร่วมโครงการปล่อยคาราวาน พาเต่าไปห่มทราย ของ ททท.ประจวบคีรีขันธ์ ขบวนรถเต่า 20 คัน รถตู้คาราวานพิชิต 19 จังหวัด รถกระบะเพนท์ลายแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละสำนักงาน ร่วมเก็บภาพที่ระลึก ลานหน้าหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ก่อนนายสมชาย ชมภูน้อย ร่วมกับนายอำเภอหัวหิน จะปล่อยขบวนรถและแจกหลวงปู่ทวดเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมขบวนคาราวาน


วัดห้วยมงคล ป็นวัดที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลกแต่เดิมใช้ชื่อว่า “วัดห้วยคต” ตั้งอยู่ ในชุมชนบ้านห้วยคต ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน นามใหม่จากห้วยคตเป็นห้วย“มงคล”ซึ่งปัจจุบัน ใช้เป็นทั้งชื่อหมู่บ้าน วัด โรงเรียน และโครงการต่างๆ อีกมากมาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 03, 2015, 12:41:59 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
หลังจากปล่อยคาราวาน พาเต่าไปห่มทราย คณะสื่อท่องเที่ยวเดินทางพิชิต 19  จังหวัดต่อไป ไปด้านหลังหลวงปู่ทวด ที่ประดิษฐานหลวงพ่อโสธรองค์ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักทองเหลือง 128 ตัน

ต่อจากนั้น  เคลื่อนขบวนไปยังร้านอาหารเรือริมธาร เติมพลังด้วยอาหารทะเลแสนอร่อยอิ่มหนำสำราญพุงกางไปตามๆ กัน ก่อนที่จะออกเดินทางปฏิบัติภารกิจต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 03, 2015, 12:53:13 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
ต่อภาคบ่าย ด้วยพื้นที่มหัศจรรย์ ป่าชายเลน ล้านไร่ ที่พลิกฟื้นขึ้นมาจากบ่อกุ้งรกร้าง ผืนดินชายเลนเสื่อมโทรมจนไม่น่าเชื่อว่าจะกลายสภาพมาเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์

ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน สิรินาถราชินี เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการฟื้นฟูป่าชายเลนจากนากุ้งร้างแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองเก่า – คลองคอย ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดิมเป็นพื้นที่สัมปทานนากุ้งในช่วงปี พ.ศ.2524-2539 ป่าผืนนี้ฟื้นชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จฯ ปราณบุรี ปี พ.ศ.2539 กรมป่าไม้สนองพระราชดำริ ด้วยการยกเลิกสัมปทานและผนวกเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำ ปราณบุรี
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อีกทั้งยังดำเนินการฟื้นฟูป่าด้วยการกำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมายปลูกป่า (Forest Plantation Targer- FPT) ในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 ในปี พ.ศ.2539 ซึ่ง บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้เข้าร่วมโครงการและดำเนินการปลูกป่าชายเลน เพื่อฟื้นฟูสภาพพื้นที่และสิ่งแวดล้อมและพัฒนาเป็นศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน ในเวลาต่อมาปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยว ควรค่าแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 03, 2015, 12:59:15 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
ต่อจากนั้นเดินทางสู่จุดหมายต่อไป จังหวัดเพชรบุรีชูที่เที่ยวใหม่สไตล์ตะวันออกคาเมล รีพับบลิค  “ประสบการณ์สุดสนุก แสนสุขทั้งครอบครัว” กับสถานที่ท่องเที่ยว Theme Park แห่งใหม่ของเมืองชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ในบรรยากาศดินแดนบนสุดของทวีปแอฟริกาตะวันออก ที่มีกลิ่นอายของชาวแขกมัวร์ เราคัดสรรเครื่องเล่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของโลกหลายตัวมาไว้ที่โครงการ “คาเมล รีพับบลิค” เพื่อให้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ อีกทั้งโซนสวนสัตว์ที่รวบรวมสัตว์หาดูยากหลายชนิด รอให้ท่านได้มาเพลิดเพลินกับการป้อนอาหารอย่างใกล้ชิด สร้างบนพื้นที่กว่า 35 ไร่ ใช้งบประมาณกว่า 400 ล้านบาท เนรมิตสถาปัตยกรรมโดยรอบตกแต่งในสไตล์โมร็อกโก (Morroccan Architecture) เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศราวกับอยู่ในดินแดนโมร็อกโก ซึ่งนอกจากสถาปัตยกรรมที่งดงามแล้ว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มอบความสุขสัมผัสกับสัตว์น่ารักๆ มากมายอย่างใกล้ชิด อาทิเช่น อูฐ ยีราฟ อัลปาก้า พาตาโกเนียนมาร่า หงส์ นกฟลามิงโก้ นกฟินซ์ 7 สี นกแก้วซันคอนัวร์ ปลาคาร์ฟ และอื่นๆ อีกมากมาย
Flying Macaw นวัตกรรมใหม่สุดจากประเทศเยอรมนี มีที่แรกในไทยและที่เดียวในเอเชีย จะพาท่านทะยานสู่ท้องฟ้าโฉบเฉี่ยวไปมาท่ามกลางเวหาได้ ฯลฯ

คลิปการเดินทางวันแรกของคาราวานเที่ยวภาคกลาง

<a href="http://www.youtube.com/v/x86vpgo6pis" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/x86vpgo6pis</a>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 02, 2015, 11:17:56 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
ออกจากคาเมลรีพับบลิค เดินทางมุ่งหน้าสู่อำเภอท่ายาง ณ ร้านกาแฟบ่อตะกั่ว สถานที่สำหรับมื้อค่ำสไตล์เรียบง่ายแบบวิถีไทย ดนตรีบรรเลงขับกล่อมจาก น้าหว่อง คาราวานและผองเพื่อนที่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ฟังเพลงระดับตำนาน แบบนี้ แล้วก็เดินทางเข้าที่พัก โรงแรมใหม่แกะกล่อง ชื่อ The Canal ห้องพักใหม่สะอาด บรรยากาศดีท่ามกลางความเป็นธรรมชาติ

เช้าวันต่อมา วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม 2558 (เพชรบุรี – สมุทรสงคราม-นครปฐม)
เชิญชวนแต่งกายวิถีไทยใน Theme : เที่ยวท่องล่องชมวิถีชุมชน
08.00 น.​ออกเดินทาง
ช่วงเช้า​​ : สัมผัสวิถีชีวิตพื้นบ้านไทยภาคกลาง ณ ตลาดน้ำท่าคาจังหวัดสมุทรสงคราม(แต่เดิมนั้นตลาด​​น้ำท่าคาจะเปิดขายเฉพาะในวันขึ้นหรือแรม 2 ค่ำ, 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ ในช่วงเช้าตรู่เป็นต้นไป ​​​เสมือนตลาดนัดแบบบ้านๆ ทางน้ำ แตกต่างจากตลาดน้ำอื่นๆ ที่มักจะขายในช่วงกลางวันหรือเย็น
12.00 น.​ รับประทานอาหารกลางวัน ณ Woodland เมืองไม้ จังหวัดนครปฐม
​​(ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเจ้าภาพ)
ช่วงบ่าย​​ : ชมแหล่งท่องเที่ยวใหม่ล่าสุด พิพิธภัณฑ์ไม้แกะสลักที่มีงานประติมากรรมที่สวยงามและมากที่สุดใน​​ประเทศไทย Woodland เมืองไม้ จังหวัดนครปฐม
​​- เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขึ้ผึ้งไทย ประติมากรรมแห่งชีวิต อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
​​เข้าที่พัก โรงแรมไมด้าทรารวดีแกรนด์ โรงแรมใหม่ล่าสุดของจังหวัดนครปฐม
​​   ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทยใน Theme เที่ยวท่องล่องชมวิถีชุชน
  รับประทานอาหารค่ำ ณ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย (ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม เป็นเจ้าภาพ)
พักผ่อนตามอัธยาศัย

    ตามกำหนดการในแผนการเดินทาง เราเคลื่อนขบวนคาราวาน จากเพชรบุรีเข้าพื้นที่สมุทรสงคราม เยี่ยมชมตลาดน้ำเก่าแก่ของจังหวัด  ตลาดน้ำท่าคา   เป็น สิ่งหนึ่งที่คู่มากับจังหวัดสมุทรสงคราม ก็คือแม่น้ำลำคลองน้อยใหญ่ ซึ่งมีอยู่มากมาย ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตของชาวบ้านผูกพันกับแม่น้ำลำคลองเรื่อยมา ทั้งการสัญจรไปมาหาสู่กัน การประกอบอาชีพต่าง ๆ การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า และสิ่งหนึ่งที่สะท้อนภาพชุมชนริมน้ำได้ชัดเจน คือ ตลาดน้ำ ที่มีมาตั้งแต่ครั้งอยุธยา ในสมัยนั้นชาวบ้านจากสมุทรสงครามจะพายเรือนำพืชผัก ผลไม้ กุ้ง หอย ปู ปลา กะปิ น้ำปลา กุ้งแห้ง ปลาเค็ม ล่องเข้าไปขายต่อเนื่องถึงสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ ก่อนที่ตลาดน้ำจะค่อยๆ ลดน้อยลงไปราว 60 ปีที่แล้วเมื่อการสัญจรทางบกสะดวกขึ้น ภาพความคึกคักจอแจของผู้คนและเรือบรรทุกพืชผล สินค้า แน่นขนัดในลำคลอง เสียงเจรจาซื้อขาย พูดคุยทักทายกันทั่วท้องน้ำ นับวันจะหาดูได้ยากยิ่ง แต่ความมีชีวิตชีวาเหล่านี้ยังคงมีอยู่ที่ "ตลาดน้ำท่าคา"

ตลาดน้ำจะมีในวันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันขึ้นหรือวันข้างแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ 12 ค่ำ ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00- 12.00 น
บริเวณตลาดน้ำท่าคาบรรยากาศสองฝั่งน้ำร่มรื่นด้วยสวนมะพร้าวและสวนผลไม้ ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ชาวบ้านจะเริ่มทยอยพายเรือออกมาจากสวน บ้างก็มาจากละแวกใกล้เคียงบรรทุกผลไม้ พืชผัก ขนม ของกินของใช้ ล่องมาขาย สินค้าที่หลากหลายเหล่านี้เป็นตัวแทนบอกเล่าเรื่องราวในท้องถิ่น สภาพภูมิประเทศ พืชพันธุ์ ผลผลิต วิถีชีวิตผู้คน ตลาดน้ำจึงเป็นตัวเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันไว้ด้วยกัน เป็นศูนย์กลางการพบปะของคนในชุมชนและนักท่องเที่ยวจากภายนอก บริเวณที่ติดตลาดมีทางเดินปูนริมน้ำและสะพานข้ามคลอง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมตลาดน้ำได้อย่างทั่วถึง

บริเวณด้านหน้าทางเข้าตลาดน้ำมีศูนย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรตลาดน้ำท่าคา มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ในชุมชนจำหน่าย มีการสาธิตการเคี่ยวตาล หยอดตาล และบริการพาล่องเรือเที่ยวสวน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 02, 2015, 11:30:26 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
ต่อจากนั้นเดินทางต่อไปจุดหมายของเราคือที่เที่ยวจังหวัดนครปฐม ที่เพิ่งเปิดใหม่และกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย Woodland museum and Resort เป็นสถานที่รับประทานอาหารกลางวันบรรยากาศชิลๆ ริมแม่น้ำท่าจีน อิ่มท้องแล้วเดินชมงานศิลป์ที่แกะสลักจากไม้นับไม่ถ้วน

Woodland Museum & Resort แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ตั้งอยู่ที่อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ริมแม่น้ำนครชัยศรี(ท่าจีน) จังหวัดนครปฐม ภายใน Woodland Museum &Resort ภายในมีสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย “ เมืองไม้ ”อาคารแสดงงานไม้แกะสลักขนาดใหญ่มากที่มีความสูง 1.50-3.50 เมตรจํานวนมากกว่า 2000 ชิ้น และ ผลงานไม้แกะสลักขนาดต่างๆ อีกกว่า 3000 ชิ้น“วู้ดแลนด์เมืองไม้” ได้บรรจงจัดการแสดงไม้แกะสลักไว้อย่างพิถีพิถันโดยสถาปนิกไทย ผู้มีประสบการณ์ ในการจัดพิพิธภัณฑ์หลายแห่งในมหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสถึงมหัศจรรย์แห่งการก่อเกิดธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ที่นํามาซึ่งชีวิต ความเชื่อและตํานานศักดิสิทธ์ต่างๆ ที่จะทําให้ผู้เข้าชมได้เพลิดเพลิน และ ตื่นตะลึงถึงความงดงาม และความมหัศจรรย์ ของศิลปะแห่งธรรมชาติรวมไปถึงความงดงามทางศิลปะที่มนุษย์ได้บรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยความประณีต จากหลายประเทศในแถบเอเซีย ไทย จีน พม่า กัมพูชา อินโดนีเซีย ฯลฯ และชมวัตถุโบราณอายุ 200-300 ปี

    คณะคาราวานเดินทางเข้าถึง Woodland ก็มีปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด เป็นเรื่องที่น่าตื่นตาแล้วยิ่งได้เข้าไปชมภายในพิพิธภัณฑ์ผลงานศิลปะจากไม้นับพันชิ้น ยิ่งอลังการสุดจะบรรยาย ได้ยินค่าเข้า 300 ช่วงนี้โปรโมชั่นลดเหลือ 200 สำหรับคนไทย ทีแรกคิดว่าแพง แต่พอเข้าไปด้านในได้เห็นผลงานที่ตั้งแสดงอยู่นับพันชิ้น แต่ละชิ้นสวยงามละเอียดปราณีตเป็นงานแกะสลักหาชมยาก นับเป็นสุดยอดนักสะสมผลงานศิลป์จากไม้ของเมืองไทยเลยทีเดียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 03, 2015, 01:02:57 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
สถานีต่อไปยังคงอยู่ในจังหวัดนครปฐม เป็นอีกสถานที่ที่ควรมาสักครั้ง พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย นครปฐม (Thai Human Imagery Museum)

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย เกิดจากแรงบันดาลใจของผู้สร้างสรรค์กลุ่มหนึ่งนำโดย อาจารย์ดวงแก้วพิทยากร ศิลป์ ที่สนใจการสร้างหุ่นขี้ผึ้ง และศึกษาค้นคว้าทดลองเป็นเวลานานกว่า 10 ปี จึงประสบความสำเร็จ สามารถสร้างหุ่น ขี้ผึ้งยุคใหม่จากไฟเบอร์กลาสที่มีความคงทน ประณีต งดงาม เหมือนคนจริงที่สุด จนคณะผู้ร่วมงานเห็นสมควรที่ จะสนับสนุนให้ก้าวหน้าต่อไป เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติและศิลปินไทย จึงเริ่มโครงการก่อตั้งพิพิธ ภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ไทยในปี พ.ศ. 2525 สำหรับเป็นสถานที่สร้างและจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส เพื่อการ อนุรักษ์ ส่งเสริม เผยแพร่ ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีไทย อันจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าของเยาวชน โดยปัจจุบันมีหุ่นไฟเบอร์กลาสทั้งหมด 120 รูปอาคารพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยนี้เป็นอาคารสองชั้น โดยมีการจัด แสดง ด้วยกันสองชั้นคือ ชั้นล่าง จัดแสดงหุ่นชุดต่างๆ เช่น ชุดพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ราชวงค์จักรี, พระบรมรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, ชุดพระอริยสงฆ์, ชุดมุมหนึ่งของชีวิต เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย  เป็นพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดง หุ่นขี้ผึ้ง ที่หล่อจาก ไฟเบอร์กลาส แห่งแรกของประเทศไทย เกิดจากแรงดลใจของ ผู้สร้างสรรค์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำโดย อ.ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ ทำการศึกษาขี้ผึ้งยุคใหม่จากไฟเบอร์กลาส ซึ่งค้นคว้าทดลองเป็นเวลานานกว่า 10 ปี จึงประสบความสำเร็จ  สามารถสร้างหุ่นมีลักษณะเหมือนคนจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผิว ดวงตา แขน เส้นผม  ที่มีความคงทน ประณีต งดงาม เหมือนคนจริงที่สุด และมีวัตถุประสงค์ ในอันที่จะส่งเสริม เผยแพร่ อนุรักษ์ไว้ซึ่ง ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของไทย อันจะเป็นประโยชน์ ในการศึกษาค้นคว้าของเยาวชนสืบไป
ได้ที่

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

๔๓/๒ หมู่ ๑ ถนนบรมราชชนนี
(ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) กม.๓๑
ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ๗๓๑๒๐
โทร. ๐-๓๔๓๓-๒๖๐๗, ๐-๓๔๓๓-๒๑๐๙


    คณะคาราวานพิชิตเส้นทางท่องเที่ยว 19 จังหวัดภาคกลาง ปิดการเดินทางวันที่ 2 ด้วยงานเลี้ยงสังสรรค์เล็กๆ ในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวต้อนรับคณะเดินทาง ร่วมกันชมการแสดงดนตรีพื้นบ้านจากเด็กนักเรียน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 02, 2015, 10:55:25 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
คณะคาราวานเดินทางเข้าที่พัก ตามสไตล์ทัวร์นกขมิ้น ค่ำไหนนอนนั่น วันนี้ค่ำที่นครปฐมก็พักที่นครปฐม โรงแรมที่ให้การต้อนรับชาวคณะคาราวานเที่ยวภาคกลางในวันนี้คือ ไมด้า ทวารวดี แกรนด์ โรงแรมเปิดใหม่ใหญ่ตระการตา สวยหรูมีระดับ ด้านหน้ามีเจดีย์ 3 องค์ บนดาดฟ้ามีเจดีย์ตระหง่านอยู่อีก 1 องค์ เป็นเอกลักษณ์และสัญลักษณ์ของโรงแรมนี้

คลิปการเดินทางตามเส้นทางพิชิต 19 จังหวัด ภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
<a href="http://www.youtube.com/v/o0P3zJZyMJk" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/o0P3zJZyMJk</a>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2015, 07:13:35 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2558  (นครปฐม – ราชบุรี-กาญจนบุรี)
 เชิญชวนแต่งกายวิถีไทยใน Theme : แดนสวรรค์ตะวันตก
08.00 น.​ออกเดินทาง
ช่วงเช้า​​ : กิจกรรมิเศษเปิดฤดูท่องเที่ยว นาบัว คลองมหาสวัสดิ์ จังหวัดนครปฐม แหล่งท่องเที่ยวถนนสาย-​​ดอกไม้ ตามโครงการ Dream Destinations 2 : กาลครั้งนั้น...ความฝันผลิบาน
​​- ชมการแสดงหนังใหญ่ UNSEEN หนังไทย วัดขนอน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ได้รับ​​​รางวัล UNESCO
12.00 น.​ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารอัลปาก้า อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ใน​​​บรรยากาศฟาร์มอัลปาก้า (ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเจ้าภาพ)
ช่วงบ่าย​​ : ชมต้นจามจุรียักษ์อายุ 100 ปี  อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ช่วงเย็น : ​​เข้าที่พัก โรงแรมพีรูท โรงแรมใหม่ล่าสุดของจังหวัดกาญจนบุรี
​​  ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทย ใน Theme แดนสวรรค์ตะวันตก พร้อมล่องแพชมบรรยากาศแม่น้ำแควใหญ่ พร้อมรับประทานอาหารค่ำ
(ททท.สำนักงานกาญจนบุรี ​เป็นเจ้าภาพ)
พักผ่อนตามอัธยาศัย

    คลองมหาสวัสดิ์ คลองขุดในสมัยรัชกาลที่ 4 ขุดให้เพื่อการเดินทางสัญจรจากวังหลวง กทม.-พระปฐมเจดีย์/จังหวัดนครปฐม ในสมัยนั้น และทุกๆ 4 กิโลเมตร จะมีศาลาพักริมคลอง ให้ผู้สัญจรได้แวะพัก ประกอบกับที่ศาลาเหล่านั้นได้เขียนตำรายา(คล้ายวัดโพธิ์ กทม.)ให้ความรู้กับผู้สัญจรไป-มาด้วย จึงเป็นที่มาของ "ศาลายา" มาจนถึงปัจจุบัน แต่ปัจจุบันศาลาเหล่านั้นได้หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงชื่อคำว่า "ศาลายา" ให้เราได้จัก ได้เรียกนาม กันเท่านั้น

    เปิดฤดูท่องเที่ยว "นาบัว@คลองมหาสวัสดิ์" จังหวัดนครปฐม แหล่งท่องเที่ยวถนนสาย-​​ดอกไม้ ตามโครงการ Dream Destinations 2 : กาลครั้งนั้น...ความฝันผลิบาน  ตลอดเดือนพฤษภาคม 2558
โดยมี นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการ ททท.ภูมิภาคภาคกลางได้นำคณะสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมพันธมิตร-ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว กว่า 120 ชีวิต กับคาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง เข้าร่วมกิจกรรมเก็บบัว ในนาดอกบัว เช้าวันที่ 3 พฤษภาคม 2558 ณ นาดอกบัว คลองมหาสวัสดิ์ จ.นครปฐม

 วันนี้ ททท.ขอพาทุกท่าน ไปชมดอกไม้อีกชนิดหนึ่งท่ีคนไทยเรารู้จักคุ้นเคยกันเป็น อย่างดี ก็คือ "ดอกบัว" นั่นเอง เราคงจะเคยเห็นบึงบัว ในธรรมชาติ แต่ที่พุทธมณฑลนั้นมีการปลูกบัวโดย เกษตรกรเพื่อส่งขายตลาด บึงที่ใช้ปลูกบัวจึงเรียกกันว่า นาบัว โดยบัวท่ีปลูกคือ บัวสัตตบุษย์ หรือ ฉัตรขาว บัวขาว ซ้อนดอกใหญ่ ดอกตูมเป็นรูปไข่ทรงป้อม กลีบสีเขียว อมขาว เมื่อบานจะเผยกลีบในสีขาว ที่เราใช้สําาหรับบูชา พระนั่นเอง นาบัว เป็นสถานท่ีท่ีนักท่องเที่ยวนิยมล่องเรือ มาเที่ยวชมกรรมวิธีการเก็บบัว คัดบัว ลงบัวของชาวบ้าน ซึ่งนักท่องเที่ยวยังสามารถพายเรือชมนาบัวได้เอง นาบัว เป็นหนึ่งในจุดแวะของทัวร์ล่องเรือชมวิถีเกษตรริมคลอง มหาสวัสดิ์ นอกเหนอื จากการชม นากล้วยไม้ นาข้าว และ กลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรของแม่บ้านเกษตรกร มหาสวัสดิ์ น่าสนใจอย่างย่ิงคลองมหาสวัสดิ์ หรือ คลองชัยพฤกษ์ แหล่งกำเนิดวิถีชีวิตของชาวบ้านริมน้ำ จ.นครปฐม และ ชุมชนเล็ก ๆ อย่างชุมชนคลองมหาสวัสดิ์ ได้รวมตัวกันสร้างวิถีชีวิตแบบพอเพียง ด้วยการทำไร่ ทำสวน แปรผลิตผลต่าง ๆ ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อจนกลายเป็นสินค้า OTOP ประจำชุมชน สร้างรายได้พิเศษให้แก่ชาวบ้าน ปัจจุบันเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเชิงอนุรักษ์ เป็นอีกหนึ่งชุมชนตัวอย่างที่ควรค่าแก่การมาสัมผัสเรียนรู้วิถีชีวิตแบบพอเพียง

การเดินทางไปชมนาดอกบัว ใช้เส้นทาง คลองมหาสวัสดิ์ คลองสายนี้เป็นเส้นทางสัญจรของชาวบ้านและ "คลองมหาสวัสดิ์" ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ได้รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards 2007) จาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อปี พ.ศ.2550  "เที่ยวท่องล่องชมวิถีชุมชน @ คลองมหาสวัสดิ์" มีกิจกรรมมากมายที่เป็นแหล่งความรู้สำหรับนักท่องเที่ยว เช่น ล่องเรือชมสวน ,ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ,นาข้าวศูนย์สาธิตเกษตร ,การทำนาบัว (Lotus Farm), นาสวนกล้วยไม้,ข้าวตังและวิสาหกิจชุมชน ฯลฯ ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดคือการรวมแรงร่วมใจกันของชาวบ้านชุมชนคลองมหาสวัสดิ์จนเกิดเป็นวิถีเกษตรแบบพอเพียง ควรค่าแก่การมาเรียนรู้ หรือพาน้อง ๆ หนู ๆ มาทัศนศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

ประวัติความเป็นมาของคลองมหาสวัสดิ์ หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า คลองชัยพฤกษ์ เป็นคลองลัดบางกรวย - คลองบางกอกน้อย  เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างเขตตลิ่งชันและเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร กับ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ไหลผ่านอำเภอพุทธมณฑล สู่แม่น้ำท่าจีนที่ตำบลงิ้วราย อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม รวมระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร


คลองมหาสวัสดิ์ เริ่มขุดเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2402 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เพื่อย่นระยะทางไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโก ษาธิบดี (ขำ บุนนาค) และพระภาษีสมบัติบริบูรณ์ เป็นแม่กองจ้างชาวจีนขุด แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2403 ใช้เงินทั้งสิ้น 1,101 ชั่ง 10 ตำลึง เมื่อขุดคลองมหาสวัสดิ์แล้วเสร็จ รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ จับจองที่ดินว่างเปล่าสองฝั่งคลอง ชุมชนแรก ๆ และผู้ที่เข้ามาอาศัยอยู่ส่วนใหญ่ได้แก่ชาวบ้านจากริมแม่น้ำนครชัยศรี ดอนหวาย ดาวคะนอง และชาวจีนที่มาขุดคลอง นอกจากนี้ยังได้ให้สร้างศาลาริมคลองสำหรับผู้สัญจรไป-มาเป็นระยะทุกๆ 100 เส้น หรือประมาณ 4 กิโลเมตร ได้สร้างศาลาและเขียนตำรายารักษา โรคต่าง ๆ ติดไว้เป็นการกุศล ต่อมาเรียกกันว่า "ศาลายา" ส่วนศาลาที่ 7 เรียกกันว่า "ศาลาดิน" และศาลาที่ 5 สร้างในการกุศลปลงศพคนของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ เรียกกันว่า "ศาลาทำศพ" ปัจจุบันกลายเป็น "ศาลาธรรมสพน์" และเป็นชื่อแขวงกับสถานีรถไฟในเขตทวีวัฒนาของกรุงเทพมหานคร

 

นาดอกบัว นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญอีกแหล่งหนึ่งในเชิงเกษตร และควรค่าแก่การอนุรักษ์วิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยแบบเศรษฐกิจพอเพียงเช่นนี้ หากใครได้ลองมาท่องเที่ยวที่ชุมชนคลองมหาสวัสดิ์แห่งนี้ อาจจะได้ความคิด ได้ไอเดียใหม่ ๆ ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตบ้าง ไม่มากก็น้อยครับ

การเดินทาง ไปวิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์ หมู่ที่ 1 บ้านสุวรรณาราม ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) หรือ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 338 (ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) วิ่งไปจนถึงแยกพุทธมณฑลสาย 4 ให้แยกเข้าไปทางศาลายา ผ่านมหาวิทยาลัยมหิดลเข้าสู่ถนนศาลายา-นครชัยศรี สังเกตป้ายวัดสุวรรณาราม และตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ ก็จะถึงยังวัดสุวรรณารามจุดลงเรือล่องชมคลองมหาสวัสดิ์

*สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมยามดอกไม้บานได้ตลอดทั้งปีได้ที่ :

-การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม  (สมุทรสงคราม,สมุทรสาคร,นครปฐม) 

  โทร.0-3475-2847 - 8 หรือ Fanpage : TAT Samut Songkhram

-กลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรแม่บ้านเกษตรกร บ้านผู้ใหญ่มนูญ

  โทร.0-3429-7152, 08-1495-9091

- www.เที่ยวภาคกลาง.com หรือ Fanpage : TAT_Tiewpakklang
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 03, 2015, 09:54:13 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
จากนั้นคณะคาราวานเดินทางไปร่วมรับประทานอาหารที่ ฟาร์มอัลปาก้า ที่เที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี เลี้ยงแครอทเจ้าอัลปาก้าที่น่ารักน่าชัง

ต่อด้วยการเดินทางชม Unseen หนังใหญ่ หนังไทย Nang Yai or Shadow Puppet ay Wat Khanon
ชมตัวหนังใหญ่กว่า 300 ตัวที่รำลือว่าเก่าและมากที่สุดในประเทศไทย ร่วมสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่ากับการแสดงเชิดหนังใหญ่จากนักเรียนโรงเรียนวัดขนอน ณ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี หนังใหญ่ที่สุดในโลกต้องใช้คนเชิดถึง 4 คนก็มีให้ชมที่นี่

วัดขนอน จะมีการแสดงเชิญหนังใหญ่ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 11.00 น. ชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 02:45:42 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
จากราชบุรี เรายังคงมุ่งหน้าเดินทางกันสู่จังหวัดต่อไป คือกาญจนบุรี เริ่มต้นด้วยการเข้าไปเยี่ยมจามจุรียักษ์ ที่มีกระแสว่าหักโค่นเนื่องจากลมพายุ เพื่อให้เห็นว่าต้นจามจุรีนี้ยังอยู่ดีเหมือนเดิม ต้นจามจุรียักษ์ หรือ ต้นก้ามปูยักษ์ เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจและยังไม่ไกลจากตัวเมืองกาญจนบุรีมากนัก นักท่องเที่ยวเมื่อมาถึงก็จะได้รับประสบการณ์อันมีค่าและตะลึงตื่นเต้นในความใหญ่โตและสวยงามของต้นไม้ทั้งตัวลำต้นขนาดยักษ์และกิ่งก้านสาขาอันตระการตางดงามอย่างน่ามหัศจรรย์ ผู้ไปชมจะยิ่งเกิดความตื่นเต้นประทับใจมากขึ้นเมื้อได้ทราบว่าข้อมูลของต้นจามจุรียักษ์ หรือต้นก้ามปูยักษ์นี้นั้นมีความน่ามหัศจรรย์ขนาดไหน อายุของต้นจามจุรียักษ์นี้มีมากกว่า 100 ปี ขนาดของลำต้นนั้นมีความใหญ่ยักษ์ถึงขนาด 10 คนโอบ รัศมีทรงพุ่มของต้นเฉลี่ยประมาณ 25.87 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางของร่มเงาใหญ่ประมาณ 51.75 เมตร ความสูงของต้นจากพื้นดินสู่ยอดต้นประมาณ 20 เมตร และเนื้อที่ของพุ่มนั้นมีถึงประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 4 วา ซึ่งนับว่าหาชมต้นไม้เช่นนี้ได้ยากมากในปัจจุบัน
สำหรับการเข้าชมต้นจามจุรียักษ์นี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เข้าชมได้ระหว่างเวลา 6.00 น ถึง 18.00 น ในพื้นที่รับผิดชอบของกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 กรมการสัตว์ทหารบก อยู่ที่บ้านกสิกรรม หมู่ที่ 5 ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นักท่องเที่ยวสามารถใช้เส้นทางเดินทางด้วยทางหมายเลข 3429 ที่แยกจากด้านหน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรีตรงไปข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง ผ่านป้อมตำรวจแม่กลอง จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายที่ทางสามแยกวัดถ้ำเขาแหลมไปตามทางอีกประมาณ 5 กิโลเมตรก็จะพบทางสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังเส้นทาง 3209 และขับต่อไปจนเข้าเขตพื้นที่กรมการสัตว์ทหารบก จากนั้นต่อไปจะมีป้ายบอกเส้นทางไปยังต้นจามจุรียักษ์ตลอดเส้นทาง
          ข้อมูลจาก http://thai.tourismthailand.org

วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ  จ.กาญจนบุรี อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตัววัดสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน โดยใช้ไม้ในการก่อสร้าง ภายในประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่แกะสลักจากไม้สูง 12 เมตร นอกจากนั้นยังมีเจ้าแม่กวนอิมปางต่าง ๆ ที่เเกะสลักจากไม้หอมกว่า 100 ปาง และยังมีองค์ไท้ส่วยเอี้ยหลายปางให้กราบไหว้ ขอโชค ขอลาภ เสี่ยงทาย แก้ปีชง สะเดาะเคราะห์ เสริมชะตาบารมี ใครที่เกิดปีไหนให้ไปกราบไหว้ไท่ส่วยเอี้ยปางที่ทางวัดแนะนำ โดยเฉพาะการสะเดาะเคราะห์แก้ปีชง มีผู้นิยมไปทำกันมาก 

การเดินทาง อยู่ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 15 กิโลเมตร ใช้เส้นทางไปไทรโยค แล้วเลี้ยวไปทางตำบลบ้านเก่า (ทางหลวง 3229) ขับไปจนถึงแยกแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวง 3228 ตั้งอยู่เลยจากวัดถ้ำพุหว้าประมาณ 1 กิโลเมตร 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่  หมู่ที่ 7 ตำบลหนองหญ้า  อำเภอเมือง  จังหวัดกาญจนบุรี 71120 โทร.  081-215-6882

หรือ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกาญจนบุรี โทรศัพท์. 0 3451 1200, 0 3451 2500
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 10:51:30 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ และเทพเจ้าอีกหลายองค์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเดินทางของชาวคณะ จากนั้นมุ่งหน้าสู่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่เราจะได้ร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็น บนแพที่ล่องไปตามแม่น้ำ ชมบรรยากาศยามเย็นของอาทิตย์อัสดง พบปะสังสรรค์ทำความรู้จักมิตรสหายร่วมอาชีพ ร่วมอุดมการณ์ ทั้งชาวไทย ชาวจีน และชาวเวียดนาม พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าทิ้งไว้เพียงแสงสีแดงที่สวยงามให้เราเก็บภาพ เป็นอีกหนึ่งความทรงจำในการเดินทางพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 11:16:36 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
จบการเดินทางทริป คาราวานเที่ยวภาคกลาง พิชิต 19 จังหวัด ในวันที่ 3 ลงอย่างแฮปปี้ ทุกคนเดินทางเข้าที่พัก Prelude โรงแรมใหม่ในตัวเมืองกาญจนบุรี สะอาด กว้างขวาง เครื่องอำนวยความสะดวกครบ พร้อมฟรี wi-fi แรงตลอด

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2558  (กาญจนบุรี – สุพรรณบุรี – อ่างทอง - ชัยนาท)
 เชิญชวนแต่งกายวิถีไทยใน Theme : เที่ยวเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์
08.00 น.​ออกเดินทาง
ช่วงเช้า​​ : ชมนิทรรศการ อนุสรณ์แห่งการตื่นรู้‬ แหล่งการเรียนรู้พุทธประวัติ หลักคำสอน และการเดินทาง​​ของพระพุทธศาสนา แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ณ วัดทิพย์สุคนธาราม อำเภอห้วยกระเจา จังหวัด​​กาญจนบุรี
12.00 น.​ รับประทานอาหารกลางวัน ณ นพรัตน์ภัตตาคาร จังหวัดสุพรรณบุรี ตรงข้ามวัดป่าเลยก์ไล ​​​​(ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเจ้าภาพ)
ช่วงบ่าย : ​​นมัสการพระยูไล แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุดของจังหวัดสุพรรณบุรี ณ อุทยานมังกรสวรรค์ ​​พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
 ​​ - ชม UNSEEN พระอุโบสถที่ถูกปกคลุมด้วยรากไม้ของต้นโพธ์ 4 ต้น โอมอุ้มโบสถ์ไว้ทั้ง 4 ทิศ ณ ​​วัดสังกระต่าย ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง
​​  - ชม งานศิลปะจากเศษเหล็ก ณ บ้านหุ่นเหล็ก จังหวัดอ่างทอง
ช่วงเย็น : ​​เข้าที่พักจังหวัดชัยนาทในบรรยากาศบ้านๆ มนต์รักลูกทุ่ง
​​  ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาสวิถีไทย ใน Theme เที่ยวเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์
​​  รับประทานอาหารค่ำ (ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี เป็นเจ้าภาพ)
​​พักผ่อนตามอัธยาศัย

เช้าวันที่ 4 ของการเดินทาง ออกจากที่พักในเมืองกาญจนบุรี เดินทางตามโปรแกรม มาสักการะพระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์ วัดทิพย์สุคนธาราม อำเภอห้วยกระเจา จังหวัด​​กาญจนบุรี พระพุทธรูปอิริยาบถยืนสูงทัดเทียมกับภูเขาที่อยู่ด้านหลัง เด่นตระหง่านท่ามกลางพื้นที่อันกว้างขวางและสวยงามด้วยอาคารสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ ชมพิพิธภัณฑ์การก่อสร้างองค์พระที่ผ่านกระบวนการออกแบบด้านวิศวกรรม รับแรงลมและแผ่นดินไหวอย่างน่าทึ่ง

จากนั้นเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรี รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านนพรัตน์ภัตตาคาร ตรงข้ามวัดป่าเลยก์ไล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 03:47:16 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
อิ่มหนำสำราญเบิกบานใจกันดีแล้ว ออกเดินทางสู่อุทยานมังกรสวรรค์ หมู่บ้านมังกรสวรรค์ ลี่เจียง ที่ยกเอาเมืองจีนมาจำลองไว้ที่สุพรรณบุรี บนหอชมวิวยังมองเห็นทั่วหมู่บ้าน และมังกรสวรรค์ขนาดใหญ่สัญลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัดสุพรรณบุรี ถึงวันนี้จะเป็นวันจันทร์แต่ก็มีคนมาเที่ยวกันอย่างคึกคัก

จากสุพรรณบุรี เดินหน้าต่อไป เป้าหมายถัดไปของเราอยู่ที่ จ.อ่างทอง วัดสังกระต่าย ตั้งอยู่ที่  ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง สถานที่ท่องเที่ยว Unseen แห่งใหม่ในอ่างทอง ตัวโบสถ์เก่าแก่มีต้นโพธิ์ ขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมรอบโบสถ์ 4 ต้น รวมถึงปกคลุมภายในโบสถ์ด้วย  โดยภายในโบสถ์มีทั้งหมด 3 ห้อง ภายในห้องแรกมีพระบูชา คือ หลวงพ่อแก่น เมื่อเข้ามาในห้องใหญ่มีพระประธานองค์ใหญ่ 1 องค์ คือ หลวงพ่อวันดี และอีก 2 องค์มีขนาดย่อม ลงมา คือ หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุข ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้อง ว่างเปล่า ตัวโบสถ์ไม่มีหลังคาแต่ร่มรื่น เนื่องจากอาศัยร่มเงาของต้นโพธิ์ที่ปกคลุมจนเปรียบ เสมือนหลังคาไปแล้ว ส่วนผนังโบสถ์ก็อยู่ในสภาพที่เก่าแก่ ทรุดโทรม แตกหัก แต่คงสภาพอยู่ได้โดยไม่พังทลายลงมา เพราะได้รากต้นโพธิ์ ทั้ง 4 ต้น ที่ขึ้นอยู่ 4 มุม รากได้ชอนไชยึดผนังโบสถ์ไว้ทั้งหลังอย่างแน่นหนา


ประวัติวัดสังกระต่าย
จากการบอกเล่าต่อกันมา วัดสังกระต่าย เดิมชื่อว่า "วัดสามกระต่าย" แต่ได้มีการเรียกชื่อผิดเพี้ยนกันมาเรื่อยๆจนกลายเป็นวัดสังกระต่าย มี "ทวดติ จันทนเสวี" ซึ่งเป็นพระมารดาของพระยาหัสกาลเป็นผู้สร้างตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาประมาณ 400-500 ปีมาแล้ว สมัยนั้นมี พระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษาอยู่นาน โดยมีสภาพเป็นวัดบริเวณด้านซ้ายเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งต่อมาได้ถมดินกลบไปแล้ว ส่วนบริเวณ ข้างโบสถ์มีกุฏิสร้างเรียงรายอยู่หลายหลัง ต่อมาพระภิกษุสงฆ์เกิดทะเลาะวิวาทกันขึ้นและทะเลาะกันเรื่อยมา ชาวบ้านเชื่อกันว่าสาเหตุน่า จะมาจากเรื่องของเจ้าที่ที่สิงสถิตในบริเวณวัดแรงมาก จึงทำให้พระสงฆ์ไม่สามัคคีกัน ต้องแยกย้ายกันไปคนละที่คนละทาง จนในที่สุด ชาวบ้านก็เริ่มเสื่อมศรัทธาไม่เข้ามาทำบุญ พระสงฆ์ไม่มีจำวัดกลายเป็นวัดร้าง หลังเป็นวัดร้างนานนับ 100 ปี ในละแวกหมู่บ้านได้มี การสร้างวัดขึ้นมาใหม่ชื่อว่า วัดไผ่ล้อม ชาวบ้านจึงหันไปเลื่อมใสศรัทธาและไปทำบุญที่วัดไผ่ล้อมแทน ต่อมาชาวบ้านได้มาย้ายกุฏิที่ วัดสังกระต่ายไปสร้างเป็นกุฏิใหม่ที่วัดไผ่ล้อม เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้จำวัด ทำให้วัดสังกระต่ายเหลือเพียงโบสถ์ร้างที่ถูกปกคลุม ไปด้วยต้นโพธิ์อย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เมื่อก่อนวัดสังกระต่าย มีเพียงพระพุทธรูป 3 องค์ที่อยู่ข้างในคือ หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุขเท่านั้น แต่มีสภาพที่โดนตัดเศียรกองไว้กับพื้น จนต้องมีการบูรณะซ่อมแซมต่อเศียรพระไว้กับองค์พระ ส่วนหลวงพ่อแก่น ได้นำเศียรพระที่ถูกตัดมาจาก อ.วิเศษชัยชาญมาบูรณะสร้างองค์ใหม่และประดิษฐานไว้ แต่ยังมีชาวบ้านบางส่วนยังมีความเลื่อมใส ศรัทธาในตัววัดถึงแม้จะเป็นวัดร้างก็ตาม บ้านไหนมีงานบุญงานมงคลจะมากราบไหว้ที่วัดแห่งนี้ ยิ่งเป็นงานบวชก็จะแห่นาคมาเวียนรอบ โบสถ์ร้างโบราณ แห่งนี้ 3 รอบบ้าง 9 รอบบ้าง ก่อนที่จะแห่นาคไปยังวัดที่จะอุปสมบทอีกที จึงได้รับการดูแลจาก สำนักงานเทศบาล ตำบลศาลาแดงและชาวบ้านเป็นอย่างดี ส่วนพื้นที่ของวัดส่วนใหญ่ชาวบ้านได้เช่าไปเพื่อประโยชน์

หลังมีเสียงร่ำลือถึง ความสวยงามของโบสถ์แห่งนี้ ก็เริ่มมีผู้คนสนใจมาชมโบสถ์มากขึ้น กรมศิลปากรได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูล เตรียมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งใหม่อีกด้วยโดยมุ่งเน้นให้คงสภาพเป็นโบราณสถานที่มีศิลปกรรมที่สวยงามตามธรรมชาติเอาไว้

 วัดสังกระต่าย ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองอ่างทองประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ไม่ไกลจากวัดขุนอินทประมูล โดยเดินทางมาจากถนนสายเอเชีย แยกเข้า จ.อ่างทอง ด้านขวามือจะผ่าน โรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาคม ตรงไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา (สะพานอ่างทอง) จะเจอสี่แยกไฟแดง ให้ตรงมาผ่านตลาด จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ เจอสี่แยกไฟแดงแยกเรือนจำให้เลี้ยวขว ผ่านเรือนจำอ่างทอง ตรงไปด้าน ซ้ายมือเห็นปั๊มน้ำมัน ปทต.ให้ ยูเทิร์นกลับ จะพบป้ายวัดสังกระต่ายอยู่ซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเทศบาลตำบลศาลาแดง ประมาณ 500 เมตรก็ถึงวัดสังกระต่าย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 04:14:36 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
ออกจากวัดสังกระต่าย สถานีต่อไป อเมซิ่งไทยแลนด์ มากๆ เป็นผลงานฝีมือที่ส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก ได้รับการยอมรับว่าฝีมือคนไทยสุดยอดโด่งดังไปไกลถึงต่างแดน ไม่ใช่อื่นไกล คนที่ปลุกทรานส์ฟอร์เมอร์ หุ่นยนต์แปลงร่างในหนังฮอลลีวู้ด ให้ออกมายืนจังก้าต่อหน้าเราได้ แถมยังทำให้มันขยับแขนขาได้แล้วด้วย บ้านหุ่นเหล็ก อ.เมือง จ.อ่างทอง

  บ้านหุ่นเหล็ก เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของนายไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ที่นำอะไหล่เก่าเหลือใช้จากเครื่องยนต์ต่าง ๆ มาสร้างเป็นหุ่นต่าง ๆ นำมาเชื่อมประกอบกันในรูปแบบต่างๆรวมทั้งหุ่นยนต์ที่โด่งดังจากภาพยนตร์หลายๆเรื่อง พวกทรานส์ฟอร์มเมอร์ส สตาร์วอร์ เอเลี่ยน ฯลฯ มีตั้งแต่ขนาดใหญ่ 2-4 เมตร ไล่มาถึงหุ่นขนาดเล็ก


เริ่มต้นบ้านหุ่นเหล็ก เมื่อประมาณ ปี 2543 เกิดจากความชอบส่วนตัวของ คุณไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ที่เริ่มต้นทำหุ่นเหล็กด้วยเศษเหล็กเหลือใช้จากเครื่องยนต์เก่า ตอนแรกก็ทำเล่นๆ เป็นงานอดิเรก ทำตั้งโชว์ที่บ้าน จนมีคนสนใจและขอซื้อจึงเริ่มทำเป็นชิ้นงานหุ่นเหล็กขนาดเล็กฝากเพื่อนขายในพัทยา จนได้รับความสนใจมากขึ้น จนกระทั้งปี 2547 จึงเริ่มทำหุ่นเหล็กแบบเต็มตัวและทำส่งออกต่างประเทศ และทำหุ่นยนต์ตามสั่งของลูกค้าในรูปแบบที่ลูกค้าต้องการ ในปี 2554 จึงย้ายโรงงานมาตั้งที่จังหวัดอ่างทอง ติดถนนสายเอเชีย ภายในบ้านหุ่นเหล็กมีทั้งส่วนที่จัดแสดง หุ่นเหล็กหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เป็นหุ่นยนต์ การ์ตูน และสัตว์ต่างๆ  หากใครชอบเป็นพิเศษอยากซื้อกลับบ้านก็มีเป็นหุ่นตัวเล็กๆ ขายในร้านจำหน่ายของที่ระลึกจากบ้านหุ่นเหล็กด้วย และยังมีส่วนของการผลิตหุ่นเหล็ก ให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชม และชื่นชมผลงานที่เป็นฝีมือของคนไทยล้วนๆ

ที่ตั้ง : ถนนสายเอเซีย(ทางหลวงหมายเลข 32) ฝั่งขาเข้า
หลักกิโลเมตรที่ 55.5
41/2 หมู่ 6 ต.ตลาดกรวด อ.เมือง จ.อ่างทอง
โทร: 081-3393345

    จากนั้นขบวนคาราวานเที่ยวภาคกลางเดินทางสู่จังหวัดที่อยู่เหนือสุดของภาค คือจังหวัดชัยนาท เราจะค้างที่นี่ 1 คืน โรงแรมที่เหมาะจะรองรับคณะ คงไม่พ้น สุวรรณาริเวอร์ไซด์ที่พักบรรยากาศดี ที่ออกแบบห้องพักให้กลมกลืนกับธรรมชาติเหมือนนอนในถ้ำ และติดแม่น้ำ มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 05:16:26 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
กำหนดการเดินทาง คาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง ในวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2558 (เจาะลึก/พิชิต พื้นที่จังหวัดชัยนาท – สิงห์บุรี – ลพบุรี - สระบุรี)
 เชิญชวนคณะเดินทางแต่งกายวิถีไทยใน Theme : ผจญภัยหัวใจสีเขียว

กำหนดการสำหรับการเดินทาง
08.00 น.​เริ่มออกเดินทาง

ช่วงเช้า​​ : ชมสินค้า OTOP เครื่องเบญจรงค์ชัยนาท สืบสานงานศิลป์แผ่นดินไทย ณ ชัยนาทเซรามิค ​​​อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท
​​- ชมโบราณสถานสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา ณ วัดมหาธาตุ ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี ​​จังหวัดชัยนาท วัดเก่าแก่ โบราณคู่เมืองแพรก สมัยกรุงศรีอยุธยา​​
- Unseen สักการะขอพรเทพพระอินทร์ ณ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี / แวะ Fly Now Factory Outlet จังหวัดสิงห์บุรี บรรยากาศสบายๆ ​​จุดแวะพักริมทาง และช้อปปิ้งสำหรับนักท่องเที่ยวริมถนนสายเอเชีย ​​​​​

เที่ยง​ : รับประทานอาหารกลางวันร้านกังหันลม  (ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเจ้าภาพ)

ช่วงบ่าย : ​​UNSEEN สักการะขอพรเทพพระพรหม ณ อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
​​- บันทึกภาพความประทับใจ เมืองลิง กับลิงสามก๊ก ฉบับลพบุรี ณ พระปรางค์ 3 ยอด, ศาลพระ-​​กาฬ และตามบ้านเรือน จังหวัดลพบุรี

ช่วงเย็น​​ : เข้าที่พัก โรงแรมมวกเหล็กพาราไดส์รีสอร์ท อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
​​  ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทย ใน Theme ผจญภัยหัวใจสีเขียว
​​  รับประทานอาหารค่ำ ณ ที่พัก (ททท.สำนักงานลพบุรี เป็นเจ้าภาพ)
​​พักผ่อนตามอัธยาศัย

จังหวัดชัยนาท มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นและการผลิตสินค้าชุมชน OTOP ที่สำคัญได้แก่ สวนนกชัยนาทเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าหัตถกรรมของจังหวัดชัยนาทและชมหุ่นฟางนกยักษ์ที่ใช้วัสดุจากฟางข้าวมาสร้างนกขนาดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้ชม การทำหุ่นฟางนกนานาชนิดที่สวยงามที่วัดโคกเข็ม การผลิตสินค้าหัตถกรรมภาชนะฝีมือประณีตที่ชัยนาทเซรามิค ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีคุณภาพของกลุ่มแม่บ้านท่าทราย การจักสานผักตบชวาบ้านอ้อย กลุ่มทำผ้าบาติก และภูมิปัญญาท้องถิ่นการทำน้ำตาลตำบลห้วยกรด การทอผ้าพื้นเมืองบ้านเนินขาม การทอผ้าพื้นเมืองลาวครั่งบ้านกุดจอก และชมศูนย์เรียนรู้สวนส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวาที่มีรสชาดอร่อยขึ้นชื่อของจังหวัดชัยนาท


ชัยนาทเซรามิค เมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา แต่เดิมเป็นกลุ่มคนเล็กๆประมาณ 3-5 คน ที่ได้นำเทคโนโลยีการเขียนเบญจรงค์มาจากทางกระทุ่มแบนสมุทรสาคร โดยเป็นการนำภาชนะขาวมาเขียนทองและลงสีเท่านั้น ต่อมาเริ่มพัฒนาด้วยการผลิตภาชนะขาวเองพร้อมทั้งเริ่มผลิตเครื่องลายคราม โดยวิธีการผลิตบางอย่างคิดขึ้นเองจากภูมิปัญญาท้องถิ่น

ปัจจุบันชัยนาทเซรามิคได้เปลี่ยนผู้บริหารกลุ่มโดย ผู้นำกลุ่มคนใหม่คือ คุณนฤมิตร เชี่ยวชาญ ซึ่งได้ทำการปรับปรุงทุกอย่างเพื่อให้ชัยนาทเซรามิค เติบโตทันต่อความต้องการของตลาด ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงได้จัดให้เป็นศูนย์เรียนรู้เซรามิคพื้นฐานสำหรับคนชัยนาทด้วย สินค้าที่มีผลิตในปัจจุบันหลายหลากด้วยทีมพัฒนาภายในที่ทุ่มเททุกอย่างและทีมงานจากภายนอกเพื่อนพ้องมิตรสหาย สถาบันของทางรัฐบาลที่เห็นความสามารถในการเรียนรู้และตอบสนองนโยบายของทางภาครัฐอย่างเต็มที่

สินค้าในสายการผลิตขณะนี้เช่น เครื่องเบญจรงค์กำลังได้รับการพัฒนาแยกย่อยผลิตภัณฑ์ให้เกิดความหลายหลาย เกิดผลิตภัณฑ์ทองนูน ทองด้าน สีนูน ฯลฯ ตามมา เครื่องใช้รูปทรงใหม่ที่ทยอยกันออกจำหน่ายในปี พ.ศ. 2548 เริ่มพัฒนารูปแบบสินค้าเองพร้อมจดลิขสิทธิ์ ในปัจจุบันได้เพิ่มการขึ้นรูปด้วยมือเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวในแต่ละชิ้นงาน การใช้พู่กันลมสำหรับการรองรับตลาดต่างประเทศที่นิยมสินค้า Handicraft อย่างแท้จริง และการเพ็นท์สีเบญจรงค์แบบใหม่สำหรับการจัดจำหน่ายในกลุ่มผู้บริโภคที่ชอบความสดใส ความน่ารัก โรแมนติค การจำหน่ายเครื่องเบญจรงค์ที่มีผู้ผลิต Body อย่าง RoyalBone China ซึ่งได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพจากทั่วโลก ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจในคุณภาพสินค้าเกรดเอลิขสิทธิ์ถูกต้อง ทั้งหมดที่เราทำเพื่อคนชัยนาท และเพื่อคนไทยทุกคนโดยแท้จริงสืบไป

ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเด่นของชัยนาทเซรามิค คือลวดลายและรูปแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นดินเหนียวที่มีในพื้นที่ตำบล การปั้นดินเหนียวไม่มีสิ่งเจือปนใดๆ ทั้งสิ้น

ต่อมาได้มีการขยายกลุ่มโดยการฝึกสอนคนในชุมชนให้เป็นช่างฝีมือ โดยช่างเป็นช่างมืออาชีพ และได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป จนได้รับการรับรองมาตรฐาน มผช. 5 ดาวระดับภาค และชัยนาทแบรนด์ ปัจจุบันบริหารงาน โดยคุณนฤมิตร เชี่ยวชาญ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โดยคุณอัศวนนท์ วงษ์พิชัย

วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่หมู่ ๘ ตำบลแพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เดิมชื่อว่าวัดพระธาตุ หรือวัดหัวเมือง เป็นวัดเก่าแก่โบราณคู่เมืองแพรกหรือเมืองสรรค์ ที่ก่อสร้างขึ้นมาก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา มีโบราณสถานที่น่าสนใจและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ดังนี้

 วิหารวัดมหาธาตุ สภาพทั่วไปชำรุดไม่มีหลังคาคงปรากฏด้านหน้าเป็นรูปแปดเหลี่ยมแบบเสาวิหารในสมัยอยุธยา มีบัวหัวเสาเป็นบัวกมล มีทางขึ้นด้านหน้าทางเดียว ด้านหลังพระวิหารมีทางเดินเชื่อมกับระเบียงคดออกไปสู่ล่นพระธาตุได้ มีพระพุทธรูปปูนปั้นเป็นพระประธาน ๑ องค์ เป็นลักษณะช่างสกุลเมืองสรรค์ ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อใหญ่ อายุ ๗๐๐ ปี
      พระปรางค์กลีบมะเฟือง (พูมะเฟือง) สร้างด้วยอิฐถือปูน ๓ องค์ องค์พระปรางค์มีลักษณะคล้ายกลีบมะเฟือง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม (ฐานเขียง) เป็นศิลปะสมัยลพบุรี กรมศิลปากรได้บูรณะปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๖เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๔

   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาสและทรงมีลายพระหัตถ์บันทึกไว้ โบราณสถานที่น่าสนใจและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ นอกจากนั้นยังมีพระพุทธรูปศิลปะแบบลพบุรีและแบบอยุธยาตอนต้น ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งเก็บรักษาสิ่งของโบราณต่าง ๆ

   การเดินทาง อยู่ห่างจากตัวเมืองชัยนาทประมาณ ๒๐ กิโลเมตร จากอำเภอเมืองชัยนาท ใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๔๐ ถึงทางแยกเข้าอำเภอสรรคบุรี จากที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี บริเวณหอนาฬิกา เลี้ยวซ้ายไปประมาณ ๕๐๐ เมตร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 05, 2015, 11:08:00 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
พระพรหม อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ความเชื่อและศรัทธาของชาวสิงห์บุรีต่อทวยเทพองค์เทวาปรากฏเป็นรูปสักการะองค์ยิ่งใหญ่ที่สุดแผ่นดิน
ไหว้พระอินทร์ที่เมืองอินทร์ ไหว้พระพรหมที่เมืองพรหมเป็นที่เลื่องลือไกลว่า หากได้มีโอกาสไปเยือนจังหวัดสิงห์บุรีมิควรพลาดไปทำการเคารพสักการะรูปเคารพเทพองค์สำคัญในศาสนาพรหมณ์สององค์คือพระอินทร์และพระพรหม ด้วยความเชื่อที่เล่าขานกันมาจกรุ่นสู่รุ่นว่าเมืองอินทร์บุรีและพรหมบุรีเป็นเมืองทวยเทพศรัทธาแรงกล้าจึงเป็นที่มาของการสรรค์สร้างรูปหล่อพระพรหมองค์ใหญ่ที่สุดในโลกสีทองเหลืออร่ามประดิษฐานอยู่ภายในเทวาลัยสีขาวมุกงามสง่าที่ริมถนนสายเอเชียในเขตอำเภอพรหมบุรี เช่นเดียวกับรูปสักการะพระอินทร์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกายสีเขียวเข้าสะดุดตาในเครื่องทรงสีทองเรืองรองที่ตั้งรอการเคารพสักการะและการเดินทางมาขอพรเป็นสิริมงคลของผู้ที่เคารพนับถืออยู่ที่พื้นที่หมู่ 1 ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี

 

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
ขอพรองค์อินทร์เสร็จสรรพเรียบร้อยเดินช้อปของถูกใจกันพักใหญ่ จากนั้นขบวนคาราวานก็เข้ารับประทานอาหารในร้านที่อยากแนะนำให้มาชิม ร้านกังหันลม ติดถนนสายเอเซีย อาหารอร่อย ปลาสด ของหวานอย่างทับทิมกรอบไม่ควรพลาด อยู่ระหว่างพรหมบุรีและอินทร์บุรี

ต่อจากนั้นเดินทางไปสักการะ องค์พระพรหม อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมขบวนคาราวาน ทุกคนปีติยินดีที่มีโอกาส ไหว้พระพรหมและพระอินทร์ในวันเดียว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี อีก 2 ท่าน ประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสิงห์บุรี ให้เกียรติมาต้อนรับคณะคาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง ในวันนี้

แล้วยังได้ถ่ายรูปกับนักแสดงบางระจัน นายจัน หนวดเขี้ยว อีกด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 05, 2015, 02:08:17 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
สถานีต่อไปของคาราวานของเรา จากสิงห์บุรีมุ่งหน้าไปจังหวัดต่อไป ลพบุรี นั่นเอง แหล่งท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้คงไม่พ้นศาลพระกาฬ และปรางค์สามยอด ไปชมลิงสามก๊ก ลิงที่อยู่ในเมืองลพบุรี ที่แบ่งพื้นที่หากิน ออกเป็นสามพื้นที่ ไม่ยอมให้ลิงเขตอื่นเข้าเขตตัวเอง

แล้วก็เดินทางเข้าที่พัก พบปะสังสรรค์ชมโชว์คาวบอยริมสระน้ำของมวกเหล็กพาราไดส์รีสอร์ท สระบุรี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 05, 2015, 09:12:20 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
วันที่หก ของการเดินทาง "คาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19จังหวัดภาคกลาง" สื่อมวลชนไทย/ต่างประเทศพันธมิตร สมาคม-ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว กว่า 120 ชีวิต
เส้นทางในการเดินทาง วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2558 (เจาะลึกจังหวัดสระบุรี – พระนครศรีอยุธยา)

 เชิญชวนคณะเดินทางแต่งกายวิถีไทยใน Theme : เที่ยวเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์

กำหนดการเดินทาง
08.00 น.​ขบวนรถคาราวานออกเดินทาง
ช่วงเช้า : ​​เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ บ้านไร่กาแฟ ต.หนองควายโซ อ.หนองแซง จังหวัดสระบุรี

12.00 น.​ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารครัวทองแดง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ช่วงบ่าย​​ : สักการะรูปหล่อหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา​ พร้อมร่วมบันทึกภาพความประทับใจ ณ พุทธอุทยานมหาราช จังหวัด​​​พระนครศรีอยุธยา ร่วมบันทึกภาพความประทับใจ

- สักการะพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ วัดใหญ่ชัย-​มงคล

- สักการะขอพร หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ช่วงเย็น​​ : เข้าที่พักแบบมีสไตล์ทันสมัยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงแรมแคนทารี่ อยุธยา

​​ ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทย ใน Theme เที่ยวเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์
 รับประทานอาหารค่ำ

นั่งรถรางชม Light up โบราณสถานยามค่ำคืน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

พักผ่อนตามอัธยาศัย

พิพิธภัณฑ์บ้านไร่กาแฟ จ.สระบุรี
อาคารพิพิธภัณฑ์กำเนิดตำนานบ้านใร่กาแฟ คือสถานที่แสดงความเป็นมาของการเกิดตำนานบ้านใร่กาแฟ รวบรวมอุปกรณ์สิ่งของเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดบ้านใร่กาแฟในยุคแรก (ปลายปี ๒๕๔๐) ถึงคนหนุ่มรุ่นปัจจุบัน เช่นของประดับร้าน แก้วรุ่นแรก เสื้อบุคลากรคนแรกฯ

จากนั้นเดินทางต่อไปร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวัน ทองแดงโต๊ะจีน กุ้งตัวโตๆ เอกลักษณ์ของเมนูอาหารในละแวกนี้
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2015, 01:41:02 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
จากร้านอาหารมุ่งหน้าต่อไปตามโปรแกรมภาคบ่าย เริ่มต้นด้วยพุทธอุทยานมหาราช ที่ประดิษฐานหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ติดถนนสายเอเซียสามารถมองเห็นได้แต่ไกลเป็นที่สะดุดตาของนักเดินทางที่ผ่านไปมา สำหรับประวัติหลวงปู่ทวด ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นพระแดนใต้ แต่ความจริงแล้วหลวงปู่ทวดจำพรรษาที่อยุธยายาวนานที่สุดกว่าที่อื่น

ต่อจากนั้นต่อด้วยวัดใหญ่ชัยมงคล
 เดิมชื่อวัดป่าแก้วหรือวัดเจ้าพระยาไท ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก
ตามข้อมูลประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสำนักของพระสงฆ์ซึ่งไปบวชเรียนมาแต่สำนักพระวันรัตน์มหาเถรในประเทศลังกา คณะสงฆ์ที่ไปศึกษาพระธรรมวินัยเรียกนามนิกายในภาษาไทยว่า “คณะป่าแก้ว” วัดนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดป่าแก้ว” ต่อมาคนเลื่อมใสบวชเรียนพระสงฆ์นิกายนี้  จึงมีการตั้งอธิบดีสงฆ์นิกายนี้เป็นสมเด็จพระวันรัตน์มีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายขวาคู่กับพระพุทธโฆษาจารย์เป็นอธิบดีสงฆ์ฝ่ายคันถธุระมีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายซ้าย หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดเจ้าพระยาไท” สันนิษฐานว่ามาจากที่พระเจ้าอู่ทองทรงสร้างวัดป่าแก้วขึ้น ณ บริเวณที่ซึ่งได้ถวายพระเพลิงพระศพของเจ้าแก้วเจ้าไทหรืออาจมาจากการที่วัดนี้เป็นที่ประทับของพระสังฆราชฝ่ายขวา ซึ่งในสมัยโบราณเรียกพระสงฆ์ว่า “เจ้าไท” ฉะนั้น เจ้าพระยา ไทจึงหมายถึงตำแหน่งพระสังฆราช
วัดใหญ่ชัยมงคล ยังมีความผูกพันกับประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วย กล่าวคือ ในปีพ.ศ. 2135 เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่าที่ตำบลหนองสาหร่าย เมืองสุพรรณบุรี  ทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ การสร้างพระเจดีย์อาจสร้างเสริมพระเจดีย์เดิมที่มีอยู่หรืออาจสร้างใหม่ทั้งองค์ก็ได้ ไม่มีหลักฐานแน่นอน ขนานนามว่า “พระเจดีย์ชัยมงคล” แต่ราษฎรเรียกว่า “พระเจดีย์ใหญ่” ฉะนั้นนานวันเข้าวัดนี้จึงเรียกชื่อเป็น “วัดใหญ่ชัยมงคล” ทว่าเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 บ้านเมืองถูกกองทัพพม่าเผาทำลาย วัดใหญ่ชัยมงคลจึงถูกทิ้งร้างไปในที่สุด ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์จึงมีการบูรณปฏิสังขรณ์และมีภิกษุสงฆ์จำพรรษาดังเช่นในปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ เจดีย์ชัยมงคล อนุสรณ์แห่งชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเหนือมังกะยอชวา  พระมหาอุปราชของหงสาวดี และวิหารพระพุทธไสยาสน์ สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นที่ถวายสักการะบูชาและปฏิบัติพระกรรมฐาน   ปัจจุบันมีการสร้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีผู้นิยมไปนมัสการอย่างสม่ำเสมอเป็นจำนวนมาก
วัดใหญ่ชัยมงคล เปิดเวลา 08.00 – 17.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ 20 บาท นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 03-524-2640
การเดินทางมายังวัดใหญ่ชัยมงคล จากกรุงเทพฯเข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วจะเห็นเจดีย์วัดสามปลื้ม (เจดีย์กลางถนน) ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นวัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ทางซ้ายมือ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2015, 02:16:18 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
คณะคาราวานเดินทางมาถึงอยุธยา ก็ไปไหว้พระที่วัดสำคัญๆ ได้แก่ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง แล้วขับรถชมเมืองไปรอบๆ ก่อนจะมาร่วมรับประทานอาหาร ที่ท่าน้ำตรงข้ามเจดีย์พระศรีสุริโยทัย แล้วต่อด้วยการเดินทางชมกรุงเก่ายามกลางคืนที่เปิดไฟส่องโบราณสถาน สวยงามไปอีกแบบ ก่อนจะแยกย้ายเข้าที่พักจบการเดินทางวันที่ 6
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 07, 2015, 07:45:21 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
วันที่เจ็ดของการเดินทาง
คาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง คณะสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ พันธมิตร ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 120 ชีวิต
ในวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม 2558 (เจาะลึกพื้นที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา – ปทุมธานี – นนทบุรี – ฉะเชิงเทรา)
 
ททท.เชิญชวนแต่งกายวิถีไทยใน Theme : กรุงเทพฯและปริมณฑล สุขหรรษา (แต่งกายทันสมัยเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร)

กำหนดการเดินทาง

08.00 น.​คณะคาราวานออกเดินทาง

ช่วงเช้า : ​​UNSEEN โชว์รูมสินค้าที่ใหญ่ที่สุดดุจดังพระราชวังชมผลงานหัตถกรรม ตามโครงการ​​​พระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ ศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ และ​​ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดระนครศรีอยุธยา

- ชมนิทรรศการแสดงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตร​เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี

12.00 น.​ รับประทานอาหารกลางวันแบบง่ายๆ ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต จังหวัดปทุมธานี
​​(ททท.ภูมิภาคภาค​กลาง เป็นเจ้าภาพ)

ช่วงบ่าย : ​​UNSEEN สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และแก้ปีชงทุกปีเกิด ณ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 จังหวัดนนทบุรี

​​- สักการะพระพิฆเนศ ปางนั่งประทานพร(ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย) แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ณ ​​​วัดโพรงอากาศ จังหวัดฉะเชิงเทรา

ช่วงเย็น : ​​เข้าที่พัก โรงแรม ซันธารา เวลเนส รีสอร์ท จังหวัดฉะเชิงเทรา
​​ ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทย ใน Theme กรุงเทพฯและปริมณฑล สุขหรรษา และมอบประกาศนียบัตรให้ผู้เข้าร่วมโครงการขับรถเที่ยวภาคกลางพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง

​​ รับประทานอาหารค่ำ ณ ที่พัก (ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเจ้าภาพ)
​​พักผ่อนตามอัธยาศัย


โชว์รูมสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
 The Support Arts and Craft International Centre of Thailand
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นเสมือนประตูบานสำคัญที่เปิดตลาดการค้าและขยายงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านออกสู่ตลาดโลก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการออกแบบที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพมาตรฐาน รักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทย พัฒนาความแปลกใหม่ให้ผลิตภัณฑ์ (เข้าชมฟรี) คลิกๆ ดู http://www.tiewpakklang.com/unseen/269/

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางภูมิปัญญาทางด้านศิลปหัตถกรรมของไทย โดยมุ่งเน้นการฝึกอาชีพให้แก่เกษตรกร เพื่อเป็นรายได้พิเศษจากช่วงที่ว่างจากงานเกษตรกรรม
ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรนี้ริเริ่มจากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทรงเยี่ยมราษฎรในทุกแห่งหน ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เป็นระยะเวลาหลายสิบปีแล้ว พระองค์ทรงตระหนักถึงปัญญาหายากจนของราษฎร จึงทรงมีพระราชประสงค์จะจัดหาอาชีพให้ราษฎรทำเพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้เพียงพอแก่การยังชีพ ในภาวะปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงสนพระทัยในงานฝีมือพื้นบ้านหรือศิลปกรรมพื้นบ้านที่จัดทำขึ้นโดยใช้วัสดุในท้องถิ่นมาก จึงส่งเสริมในเรื่องนี้โดยการจัดให้มีครูออกไปฝึกสอนราษฎรเป็นการช่วยปรับปรุงคุณภาพ ของงานให้ดียิ่งขึ้น การส่งเสริมศิลปาชีพในครั้งนั้นได้เติบโตตามลำดับ จนกระทั่งพัฒนามาเป็นศูนย์ศิลปาชีพบางไทรอย่างในปัจจุบัน
 
ภายในศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ประกอบด้วยสถานที่และสิ่งที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ
ศาลาพระมิ่งขวัญ  เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ จตุรมุขสูง 4 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่กลางศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เป็นศูนย์สาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพของศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ และศูนย์ศิลปาชีพอื่น ๆ ทั่วประเทศ จัดแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพชิ้นยอดเยี่ยม และห้องประชุมสัมมนา
 
หมู่บ้านศิลปาชีพ ให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างบ้านเรือนของคนไทย สาธิตวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมไทยจากทั่วประเทศ และการสาธิตงานศิลปาชีพ นอกจากนี้ยังมีการแสดงนาฏศิลป์ และการละเล่นพื้นบ้านทั้ง 4 ภาคให้ชมด้วยในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์วันละ 1 รอบ ระหว่างเวลา 16.30 -17.30 น.
 
อาคารฝึกอบรมศิลปาชีพ รวมทั้งสิ้น 29 แผนก นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมวิธีการฝึกอบรมศิลปาชีพของศูนย์ฯได้ทุกขั้นตอนและการผลิตงานศิลปาชีพ ที่มีความประณีตวิจิตรซึ่งต้องใช้เวลาอันยาวนานเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
 
นอกจากนี้ภายในศูนย์ศิลปาชีพบางไทรยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่
วังปลา เป็นสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดพื้นเมืองของไทย และ
สวนนก เป็นกรงนกขนาดใหญ่ 2 กรง ภายในมีนกพันธุ์ที่หาชมได้ยากมากกว่า 30 ชนิด มีการจัดสภาพแวดล้อมภายในให้เหมือนธรรมชาติ อาทิ น้ำตกและธารน้ำจำลอง มีป่าจำลองที่ร่มรื่นใกล้เคียงกับธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีสะพานแขวนให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชม และถ่ายภาพนกจากด้านบนของกรงได้อย่างชัดเจน
ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เปิดให้เข้าชมวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 08.30–16.30 น. วันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30–17.00 น.  อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท  นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟเล็กได้โดยไม่เสียค่าบริการ สอบถามรายละเอียดที่ประชาสัมพันธ์ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร โทร. 0 3536 6252-4, 0 3528 3246-9

สถานีต่อมา อลังการวัดจีน ยิ่งใหญ่ดุจพระราชวัง Wat Leng Nei Yi 2
ชมความงดงามตระการตาและยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมจีนที่งดงามและสมบูรณ์แบบ จนหลายคนเปรียบไว้ว่าเหมือนได้เดินอยู่ในพระราชวังจีน ณ วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ (วัดเล่งเน่ยยี่ 2) ตั้งอยู่ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เป็นวัดจีนสาขา 2 ที่ใหญ่กว่าวัดเล่งเน่ยยี่ 1 วัดดังที่ย่านเยาวราช กรุงเทพฯ
สนใจรายละเอียด คลิกๆ http://www.tiewpakklang.com/unseen/243/

 “วัดโพรงอากาศ” อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา  มีองค์พระพิฆเนศ ปางนั่งประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นอีกหนึ่งวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาที่โดดเด่นด้วยพระอุโบสถที่มีมหาเจดีย์สีทองอร่าม เป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก โดยตัวอุโบสถใช้เสาทั้งหมด 196 ต้น และยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย อีกด้วย
  วัดนี้เกิดจากชาวบ้านที่เลื่อมใสในตัวพระอาจารย์สมชาย พุทฺธสโร ระหว่างออกธุดงด์ จึงได้บริจาคที่ดินบริเวณตำบลโพรงอากาศ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว รวมเนื้อที่ทั้งหมด ๔๘ ไร่ และพระอาจารย์สมชาย พุทฺธสโร ได้เริ่มก่อสร้างอุโบสถในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ อุโบสถใหญ่ที่สร้างแล้วเสร็จเป็นทรงมหาเจดีย์ สีทองอร่ามสวยงามจนเป็นจุดเด่นภายในตำบลโพรงอากาศสามารถมองเห็นได้แต่ไกล
  นอกจากนี้วัดโพรงอากาศ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสักการะพระพุทธรูปจำลอง ทั้ง หลวงพ่อโสธร , หลวงพ่อวัดบ้านแหลม , หลวงพ่อโต ,หลวงพ่อวัดไร่ขิง และหลวงพ่อวัดเขาตะเครา หรือว่าจะเป็นองค์พระพิฆเนศ ปางนั่งประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

การเดินทาง

จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ไปจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนเข้าตัวจังหวัดฉะเชิงเทราจะมีป้ายไป ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพ ตรงไปจนเห็นทางไปฉะเชิงเทรา ให้ขึ้นสะพานลอยไปกรุงเทพ ตรงไปจะเจอสามแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าอำเภอบางน้ำเปรี้ยว วิ่งไปประมาณ 6 กม. จะเจออีกสามแยกให้เลี้ยวซ้าย วิ่งไปอีกประมาณ 3.5 กม. จะเห็นอุโบสถของวัดโพรงอากาศเด่นแต่ไกล ให้เลี้ยวเข้าซอยตามป้าย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2015, 08:39:59 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
วันที่แปด วันสุดท้ายของการเดินทางคาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง คณะสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ พันธมิตร ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 120 ชีวิต
เดินทางในวันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2558 (เดินทางเจาะลึกในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา – สมุทรปราการ – กรุงเทพมหานคร)

  ททท. เชิญชวนแต่งกายวิถีไทยตามสบายมีสไตล์เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร

กำหนดการเดินทาง
08.00 น.​เร่ิมออกเดินทาง

ช่วงเช้า : ​​สักการะพระพิฆเนศ ปางยืน ใหญ่ที่สุดในโลก  ณ เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศ (ปางยืน) จังหวัดฉะเชิงเทรา

- ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองโบราณ  จังหวัดสมุทรปราการ

12.00 น.​ รับประทานอาหารกลางวัน  ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ (ททท.สำนักงาน​​​กรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพ)

​​   ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทย และสรุปผลการเดินทางคาราวานขับรถพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง

ช่วงบ่าย : ​​ชมการจัดแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะร่วมสมัย ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA กรุงเทพมหานคร แหล่งท่องเที่ยวแนะนำของ​กรุงเทพมหานคร

16.00 น.​สิ้นสุดการเดินทาง/ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
 


พระพิฆเนศ ปางยืน องค์ใหญ่ที่สุดในโลก รุ่นเนื้อสำริด สำเร็จ สมปรารถนา จ.ฉะเชิงเทรา

เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศร์แห่งนี้ จัดสร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง สมาคมชาวฉะเชิงเทรา กับ มูลนิธิน้ำใจไทย ในครั้งนี้มีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีมหาเทวาภิเษกฯ

พระพิฆเนศองค์นี้มีชื่อเรียกว่า "พระพิฆเนศปางยืน องค์สำริด สำเร็จ สมปรารถนา"สำหรับวัตถุประสงค์ในการสร้าง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดฉะเชิงเทรา และของประเทศไทย อีกทั้งยังส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ การขายพืชผล ก่อให้เกิดการสร้างงานในท้องถิ่น และเป็นอนุสรณ์สถานที่ทรงคุณค่าชั่วลูกชั่วหลานสืบไป
นับได้ว่าเป็นองค์พระพิฆเนศที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดสูงถึง 39 เมตร เนื้อองค์ทำจากสำริด (ประกอบด้วย ซิลิคอน, แมงกานีส, นิเกิล, เหล็ก, ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทองแดง) พระหัตถ์ทั้ง 4 นั้นถือ ดอกบัว, มะม่วง, กล้วย, อ้อย และขนุน และที่พระบาทมีหนูกอดลูกมะพร้าว ซึ่งมีความหมาย คือ ความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน พระพิฆเนศปางสำริด สำเร็จสมปรารถนานี้จะประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา

ปั้น คือ นายพิทักษ์ เฉลิมเล่า ข้าราชการกรมศิลปากร ผู้มีผลงานอาทิเช่น การซ่อมแซมพระพรหมเอราวัณ งานประติมากรรม นารายณ์กวนเกษรียรสมุทร ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

สำหรับผลงานประติมากรรมพระพิฆเนศร์องค์นี้มีองค์ประกอบที่โดดเด่น คือ พระหัตถ์ 4 ถือพืชพรรณธัญญาหาร ดังนี้ 1.กล้วย 2.ยอดอ้อย 3.ขนุน 4.มะม่วง

และเป็นผลงานประติมากรรมเพียงองค์เดียวจากนับร้อยองค์ที่ส่งเข้าประกวดที่มีผลไม้ต่างๆ ถืออยู่ครบทุกหัตถ์ และนับเป็นความลงตัวอย่างที่สุด ที่คณะกรรมการสมาคมชาวฉะเชิงเทรา ได้พระพิฆเนศองค์นี้มาเป็นต้นแบบ และสถานที่ประดิษฐานนั้นยังเป็นพื้นที่ ที่อุดมไปด้วยพืชผักผลไม้ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะเป็นแหล่งมะม่วงที่ดีที่สุดของประเทศไทย

เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2506 โดยนายเล็ก วิริยะพันธุ์ นักธุรกิจเจ้าของบริษัทวิริยะประกันภัย เป็นสถานที่รวบรวมวัฒนธรรม ของไทย อาทิ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515

เมืองโบราณตั้งอยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 33 ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ห่างจากตัวจังหวัด 8 กิโลเมตร มีพื้นที่ 800 ไร่ ลักษณะที่ดินมีผังบริเวณคล้ายรูปขวาน เหมือนกับอาณาเขตของประเทศไทย [1] ภายในจะมีโบราณสถาน ปูชนียสถาน วัดโบราณ พระราชวัง ต่างๆ เป็นต้น และยังมี ส่วนรังสรรค์เป็นสถานที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของไทย มีไว้จัดแสดงที่นี่ด้วย ภายในเมืองโบราณยังมีค่ายพักแรม ชื่อว่า "ค่ายริมขอบฟ้า"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 10, 2015, 09:55:27 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
สถานีสุดท้ายของการเดินทางในวันที่ 8 วันสุดท้ายของทริปที่ยาวที่สุด 8 วัน พิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง คณะคาราวานมาอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA #กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์ที่เกิดจาก “ความหลงใหลในงานศิลปะ” ของ คุณบุญชัย เบญจรงคกุล แต่เหตุผลหลักที่แท้จริงนั้น คุณบุญชัยเปิด พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย อย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อเชิดชูเกียรติของ “บิดาแห่งศิลปะไทยร่วมสมัย” หรือ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี

จากหลักปรัชญา “ชีวิตสั้น ศิลปะยืนยาว” ซึ่ง ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้วางรากฐานเพิ่มพูนทักษะทางศิลปะให้บรรดาลูกศิษย์ ผสานความเชื่อ ความศรัทธาแบบดั้งเดิม เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยไว้อย่างลงตัว สะท้อนทั้งความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมและความเป็นอารยะของชนชาติไทย
งานศิลปะที่จัดแสดงใน พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA เป็นผลงานทัศนศิลป์ จากศิลปินหลายรุ่นระดับชั้นครู  แสดงถึงพลังความมุ่งมั่นของศิลปินไทย ในการคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ไทยอย่างเหนียวแน่น

ตัวอาคาร พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA ได้แนวคิดจากการนำหินทั้งก้อนมาแกะสลักอย่างประณีตบรรจงเป็นลายก้านมะลิ แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ขณะเดียวกันลายฉลุเหล่านี้ ยังเป็นช่องให้แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านมายังภายในอาคาร โดยในช่วงเวลาและฤดูกาลที่แตกต่างกันยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2555 มุ่งเน้นรากฐานอันมั่นคงและช่วยส่งเสริมให้ “สังคมศิลปะ” ในประเทศไทยเจริญงอกงามในทุกแขนง

พิพิธภัณฑ์ ศิลปะไทยร่วมสมัย เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) ส่วนค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 180 บาท, นักเรียน 80 บาท, พระภิกษุ สามเณรผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ไม่เสียค่าเข้าชม หากแสดงบัตรประจำตัว และหากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ ก็สามารถโทรมาสอบถามได้ที่ 0 -2953 -1005-7

คนที่มีใจรักในงานศิลปะโดยเฉพาะจิตรกรรมที่ร่วมสมัย และอยากรู้จักผลงานของศิลปินไทยในคอลเลคชั่นของเจ้าสัวบุญชัยว่ามีคุณค่า เพียงใด ก็ลองแวะมาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเองดู แล้วจะรู้ว่า “ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น” ดังปรัชญาของอ.ศิลป์ พีระศรี นั้นจริงแท้ขนาดไหน

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA 499/50 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ซึ่งการเข้าชมนั้นค่อนข้างมีกฎข้อห้ามพอสมควร เพื่อการรักษาผลงานศิลปะที่จัดแสดง ก่อนไปก็สามารถดูรายละเอียดจากเว็บไซต์ www.mocabangkok.com

จากนั้นก็แยกย้ายเดินทางกลับ แต่ละจังหวัดของตัวเอง จบทริปด้วยความสวัสดิภาพ มิตรภาพที่ต้องจดจำไปนานแสนนาน ระหว่างเส้นทาง ระยะทาง 2,106 กิโลเมตร และแหล่งท่องเที่ยวของ 19 จังหวัด ที่ล้วนแสดงให้เห็นว่า ภาคกลาง มีมากกว่าที่คิด

ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง สำหรับทริปดีๆ แบบนี้ แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่คัดเลือกสรรมาเป็นอย่างดี ยังคงรอต้อนรับนักเดินทางทุกท่านอยู่ใน 19 จังหวัด ที่ได้นำเสนอมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 10, 2015, 11:50:16 AM โดย admin »