ผู้เขียน หัวข้อ: ททท.ภาคกลางจัดคาราวานพิชิต 19 จว.กระตุ้นการท่องเที่ยวภาคกลาง  (อ่าน 52318 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
สถานีต่อไปของคาราวานของเรา จากสิงห์บุรีมุ่งหน้าไปจังหวัดต่อไป ลพบุรี นั่นเอง แหล่งท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้คงไม่พ้นศาลพระกาฬ และปรางค์สามยอด ไปชมลิงสามก๊ก ลิงที่อยู่ในเมืองลพบุรี ที่แบ่งพื้นที่หากิน ออกเป็นสามพื้นที่ ไม่ยอมให้ลิงเขตอื่นเข้าเขตตัวเอง

แล้วก็เดินทางเข้าที่พัก พบปะสังสรรค์ชมโชว์คาวบอยริมสระน้ำของมวกเหล็กพาราไดส์รีสอร์ท สระบุรี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 05, 2015, 09:12:20 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
วันที่หก ของการเดินทาง "คาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19จังหวัดภาคกลาง" สื่อมวลชนไทย/ต่างประเทศพันธมิตร สมาคม-ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว กว่า 120 ชีวิต
เส้นทางในการเดินทาง วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2558 (เจาะลึกจังหวัดสระบุรี – พระนครศรีอยุธยา)

 เชิญชวนคณะเดินทางแต่งกายวิถีไทยใน Theme : เที่ยวเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์

กำหนดการเดินทาง
08.00 น.​ขบวนรถคาราวานออกเดินทาง
ช่วงเช้า : ​​เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ บ้านไร่กาแฟ ต.หนองควายโซ อ.หนองแซง จังหวัดสระบุรี

12.00 น.​ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารครัวทองแดง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ช่วงบ่าย​​ : สักการะรูปหล่อหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา​ พร้อมร่วมบันทึกภาพความประทับใจ ณ พุทธอุทยานมหาราช จังหวัด​​​พระนครศรีอยุธยา ร่วมบันทึกภาพความประทับใจ

- สักการะพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ วัดใหญ่ชัย-​มงคล

- สักการะขอพร หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ช่วงเย็น​​ : เข้าที่พักแบบมีสไตล์ทันสมัยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงแรมแคนทารี่ อยุธยา

​​ ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทย ใน Theme เที่ยวเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์
 รับประทานอาหารค่ำ

นั่งรถรางชม Light up โบราณสถานยามค่ำคืน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

พักผ่อนตามอัธยาศัย

พิพิธภัณฑ์บ้านไร่กาแฟ จ.สระบุรี
อาคารพิพิธภัณฑ์กำเนิดตำนานบ้านใร่กาแฟ คือสถานที่แสดงความเป็นมาของการเกิดตำนานบ้านใร่กาแฟ รวบรวมอุปกรณ์สิ่งของเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดบ้านใร่กาแฟในยุคแรก (ปลายปี ๒๕๔๐) ถึงคนหนุ่มรุ่นปัจจุบัน เช่นของประดับร้าน แก้วรุ่นแรก เสื้อบุคลากรคนแรกฯ

จากนั้นเดินทางต่อไปร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวัน ทองแดงโต๊ะจีน กุ้งตัวโตๆ เอกลักษณ์ของเมนูอาหารในละแวกนี้
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2015, 01:41:02 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
จากร้านอาหารมุ่งหน้าต่อไปตามโปรแกรมภาคบ่าย เริ่มต้นด้วยพุทธอุทยานมหาราช ที่ประดิษฐานหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ติดถนนสายเอเซียสามารถมองเห็นได้แต่ไกลเป็นที่สะดุดตาของนักเดินทางที่ผ่านไปมา สำหรับประวัติหลวงปู่ทวด ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นพระแดนใต้ แต่ความจริงแล้วหลวงปู่ทวดจำพรรษาที่อยุธยายาวนานที่สุดกว่าที่อื่น

ต่อจากนั้นต่อด้วยวัดใหญ่ชัยมงคล
 เดิมชื่อวัดป่าแก้วหรือวัดเจ้าพระยาไท ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก
ตามข้อมูลประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสำนักของพระสงฆ์ซึ่งไปบวชเรียนมาแต่สำนักพระวันรัตน์มหาเถรในประเทศลังกา คณะสงฆ์ที่ไปศึกษาพระธรรมวินัยเรียกนามนิกายในภาษาไทยว่า “คณะป่าแก้ว” วัดนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดป่าแก้ว” ต่อมาคนเลื่อมใสบวชเรียนพระสงฆ์นิกายนี้  จึงมีการตั้งอธิบดีสงฆ์นิกายนี้เป็นสมเด็จพระวันรัตน์มีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายขวาคู่กับพระพุทธโฆษาจารย์เป็นอธิบดีสงฆ์ฝ่ายคันถธุระมีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายซ้าย หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดเจ้าพระยาไท” สันนิษฐานว่ามาจากที่พระเจ้าอู่ทองทรงสร้างวัดป่าแก้วขึ้น ณ บริเวณที่ซึ่งได้ถวายพระเพลิงพระศพของเจ้าแก้วเจ้าไทหรืออาจมาจากการที่วัดนี้เป็นที่ประทับของพระสังฆราชฝ่ายขวา ซึ่งในสมัยโบราณเรียกพระสงฆ์ว่า “เจ้าไท” ฉะนั้น เจ้าพระยา ไทจึงหมายถึงตำแหน่งพระสังฆราช
วัดใหญ่ชัยมงคล ยังมีความผูกพันกับประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วย กล่าวคือ ในปีพ.ศ. 2135 เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่าที่ตำบลหนองสาหร่าย เมืองสุพรรณบุรี  ทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ การสร้างพระเจดีย์อาจสร้างเสริมพระเจดีย์เดิมที่มีอยู่หรืออาจสร้างใหม่ทั้งองค์ก็ได้ ไม่มีหลักฐานแน่นอน ขนานนามว่า “พระเจดีย์ชัยมงคล” แต่ราษฎรเรียกว่า “พระเจดีย์ใหญ่” ฉะนั้นนานวันเข้าวัดนี้จึงเรียกชื่อเป็น “วัดใหญ่ชัยมงคล” ทว่าเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 บ้านเมืองถูกกองทัพพม่าเผาทำลาย วัดใหญ่ชัยมงคลจึงถูกทิ้งร้างไปในที่สุด ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์จึงมีการบูรณปฏิสังขรณ์และมีภิกษุสงฆ์จำพรรษาดังเช่นในปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ เจดีย์ชัยมงคล อนุสรณ์แห่งชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเหนือมังกะยอชวา  พระมหาอุปราชของหงสาวดี และวิหารพระพุทธไสยาสน์ สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นที่ถวายสักการะบูชาและปฏิบัติพระกรรมฐาน   ปัจจุบันมีการสร้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีผู้นิยมไปนมัสการอย่างสม่ำเสมอเป็นจำนวนมาก
วัดใหญ่ชัยมงคล เปิดเวลา 08.00 – 17.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ 20 บาท นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 03-524-2640
การเดินทางมายังวัดใหญ่ชัยมงคล จากกรุงเทพฯเข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วจะเห็นเจดีย์วัดสามปลื้ม (เจดีย์กลางถนน) ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นวัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ทางซ้ายมือ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2015, 02:16:18 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
คณะคาราวานเดินทางมาถึงอยุธยา ก็ไปไหว้พระที่วัดสำคัญๆ ได้แก่ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง แล้วขับรถชมเมืองไปรอบๆ ก่อนจะมาร่วมรับประทานอาหาร ที่ท่าน้ำตรงข้ามเจดีย์พระศรีสุริโยทัย แล้วต่อด้วยการเดินทางชมกรุงเก่ายามกลางคืนที่เปิดไฟส่องโบราณสถาน สวยงามไปอีกแบบ ก่อนจะแยกย้ายเข้าที่พักจบการเดินทางวันที่ 6
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 07, 2015, 07:45:21 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
วันที่เจ็ดของการเดินทาง
คาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง คณะสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ พันธมิตร ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 120 ชีวิต
ในวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม 2558 (เจาะลึกพื้นที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา – ปทุมธานี – นนทบุรี – ฉะเชิงเทรา)
 
ททท.เชิญชวนแต่งกายวิถีไทยใน Theme : กรุงเทพฯและปริมณฑล สุขหรรษา (แต่งกายทันสมัยเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร)

กำหนดการเดินทาง

08.00 น.​คณะคาราวานออกเดินทาง

ช่วงเช้า : ​​UNSEEN โชว์รูมสินค้าที่ใหญ่ที่สุดดุจดังพระราชวังชมผลงานหัตถกรรม ตามโครงการ​​​พระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ ศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ และ​​ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดระนครศรีอยุธยา

- ชมนิทรรศการแสดงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตร​เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี

12.00 น.​ รับประทานอาหารกลางวันแบบง่ายๆ ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต จังหวัดปทุมธานี
​​(ททท.ภูมิภาคภาค​กลาง เป็นเจ้าภาพ)

ช่วงบ่าย : ​​UNSEEN สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และแก้ปีชงทุกปีเกิด ณ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 จังหวัดนนทบุรี

​​- สักการะพระพิฆเนศ ปางนั่งประทานพร(ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย) แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ณ ​​​วัดโพรงอากาศ จังหวัดฉะเชิงเทรา

ช่วงเย็น : ​​เข้าที่พัก โรงแรม ซันธารา เวลเนส รีสอร์ท จังหวัดฉะเชิงเทรา
​​ ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทย ใน Theme กรุงเทพฯและปริมณฑล สุขหรรษา และมอบประกาศนียบัตรให้ผู้เข้าร่วมโครงการขับรถเที่ยวภาคกลางพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง

​​ รับประทานอาหารค่ำ ณ ที่พัก (ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเจ้าภาพ)
​​พักผ่อนตามอัธยาศัย


โชว์รูมสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
 The Support Arts and Craft International Centre of Thailand
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นเสมือนประตูบานสำคัญที่เปิดตลาดการค้าและขยายงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านออกสู่ตลาดโลก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการออกแบบที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพมาตรฐาน รักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทย พัฒนาความแปลกใหม่ให้ผลิตภัณฑ์ (เข้าชมฟรี) คลิกๆ ดู http://www.tiewpakklang.com/unseen/269/

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางภูมิปัญญาทางด้านศิลปหัตถกรรมของไทย โดยมุ่งเน้นการฝึกอาชีพให้แก่เกษตรกร เพื่อเป็นรายได้พิเศษจากช่วงที่ว่างจากงานเกษตรกรรม
ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรนี้ริเริ่มจากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทรงเยี่ยมราษฎรในทุกแห่งหน ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เป็นระยะเวลาหลายสิบปีแล้ว พระองค์ทรงตระหนักถึงปัญญาหายากจนของราษฎร จึงทรงมีพระราชประสงค์จะจัดหาอาชีพให้ราษฎรทำเพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้เพียงพอแก่การยังชีพ ในภาวะปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงสนพระทัยในงานฝีมือพื้นบ้านหรือศิลปกรรมพื้นบ้านที่จัดทำขึ้นโดยใช้วัสดุในท้องถิ่นมาก จึงส่งเสริมในเรื่องนี้โดยการจัดให้มีครูออกไปฝึกสอนราษฎรเป็นการช่วยปรับปรุงคุณภาพ ของงานให้ดียิ่งขึ้น การส่งเสริมศิลปาชีพในครั้งนั้นได้เติบโตตามลำดับ จนกระทั่งพัฒนามาเป็นศูนย์ศิลปาชีพบางไทรอย่างในปัจจุบัน
 
ภายในศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ประกอบด้วยสถานที่และสิ่งที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ
ศาลาพระมิ่งขวัญ  เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ จตุรมุขสูง 4 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่กลางศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เป็นศูนย์สาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพของศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ และศูนย์ศิลปาชีพอื่น ๆ ทั่วประเทศ จัดแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพชิ้นยอดเยี่ยม และห้องประชุมสัมมนา
 
หมู่บ้านศิลปาชีพ ให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างบ้านเรือนของคนไทย สาธิตวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมไทยจากทั่วประเทศ และการสาธิตงานศิลปาชีพ นอกจากนี้ยังมีการแสดงนาฏศิลป์ และการละเล่นพื้นบ้านทั้ง 4 ภาคให้ชมด้วยในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์วันละ 1 รอบ ระหว่างเวลา 16.30 -17.30 น.
 
อาคารฝึกอบรมศิลปาชีพ รวมทั้งสิ้น 29 แผนก นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมวิธีการฝึกอบรมศิลปาชีพของศูนย์ฯได้ทุกขั้นตอนและการผลิตงานศิลปาชีพ ที่มีความประณีตวิจิตรซึ่งต้องใช้เวลาอันยาวนานเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
 
นอกจากนี้ภายในศูนย์ศิลปาชีพบางไทรยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่
วังปลา เป็นสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดพื้นเมืองของไทย และ
สวนนก เป็นกรงนกขนาดใหญ่ 2 กรง ภายในมีนกพันธุ์ที่หาชมได้ยากมากกว่า 30 ชนิด มีการจัดสภาพแวดล้อมภายในให้เหมือนธรรมชาติ อาทิ น้ำตกและธารน้ำจำลอง มีป่าจำลองที่ร่มรื่นใกล้เคียงกับธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีสะพานแขวนให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชม และถ่ายภาพนกจากด้านบนของกรงได้อย่างชัดเจน
ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เปิดให้เข้าชมวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 08.30–16.30 น. วันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30–17.00 น.  อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท  นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟเล็กได้โดยไม่เสียค่าบริการ สอบถามรายละเอียดที่ประชาสัมพันธ์ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร โทร. 0 3536 6252-4, 0 3528 3246-9

สถานีต่อมา อลังการวัดจีน ยิ่งใหญ่ดุจพระราชวัง Wat Leng Nei Yi 2
ชมความงดงามตระการตาและยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมจีนที่งดงามและสมบูรณ์แบบ จนหลายคนเปรียบไว้ว่าเหมือนได้เดินอยู่ในพระราชวังจีน ณ วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ (วัดเล่งเน่ยยี่ 2) ตั้งอยู่ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เป็นวัดจีนสาขา 2 ที่ใหญ่กว่าวัดเล่งเน่ยยี่ 1 วัดดังที่ย่านเยาวราช กรุงเทพฯ
สนใจรายละเอียด คลิกๆ http://www.tiewpakklang.com/unseen/243/

 “วัดโพรงอากาศ” อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา  มีองค์พระพิฆเนศ ปางนั่งประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นอีกหนึ่งวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาที่โดดเด่นด้วยพระอุโบสถที่มีมหาเจดีย์สีทองอร่าม เป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก โดยตัวอุโบสถใช้เสาทั้งหมด 196 ต้น และยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย อีกด้วย
  วัดนี้เกิดจากชาวบ้านที่เลื่อมใสในตัวพระอาจารย์สมชาย พุทฺธสโร ระหว่างออกธุดงด์ จึงได้บริจาคที่ดินบริเวณตำบลโพรงอากาศ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว รวมเนื้อที่ทั้งหมด ๔๘ ไร่ และพระอาจารย์สมชาย พุทฺธสโร ได้เริ่มก่อสร้างอุโบสถในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ อุโบสถใหญ่ที่สร้างแล้วเสร็จเป็นทรงมหาเจดีย์ สีทองอร่ามสวยงามจนเป็นจุดเด่นภายในตำบลโพรงอากาศสามารถมองเห็นได้แต่ไกล
  นอกจากนี้วัดโพรงอากาศ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสักการะพระพุทธรูปจำลอง ทั้ง หลวงพ่อโสธร , หลวงพ่อวัดบ้านแหลม , หลวงพ่อโต ,หลวงพ่อวัดไร่ขิง และหลวงพ่อวัดเขาตะเครา หรือว่าจะเป็นองค์พระพิฆเนศ ปางนั่งประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

การเดินทาง

จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ไปจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนเข้าตัวจังหวัดฉะเชิงเทราจะมีป้ายไป ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพ ตรงไปจนเห็นทางไปฉะเชิงเทรา ให้ขึ้นสะพานลอยไปกรุงเทพ ตรงไปจะเจอสามแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าอำเภอบางน้ำเปรี้ยว วิ่งไปประมาณ 6 กม. จะเจออีกสามแยกให้เลี้ยวซ้าย วิ่งไปอีกประมาณ 3.5 กม. จะเห็นอุโบสถของวัดโพรงอากาศเด่นแต่ไกล ให้เลี้ยวเข้าซอยตามป้าย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2015, 08:39:59 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
วันที่แปด วันสุดท้ายของการเดินทางคาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง คณะสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ พันธมิตร ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 120 ชีวิต
เดินทางในวันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2558 (เดินทางเจาะลึกในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา – สมุทรปราการ – กรุงเทพมหานคร)

  ททท. เชิญชวนแต่งกายวิถีไทยตามสบายมีสไตล์เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร

กำหนดการเดินทาง
08.00 น.​เร่ิมออกเดินทาง

ช่วงเช้า : ​​สักการะพระพิฆเนศ ปางยืน ใหญ่ที่สุดในโลก  ณ เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศ (ปางยืน) จังหวัดฉะเชิงเทรา

- ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองโบราณ  จังหวัดสมุทรปราการ

12.00 น.​ รับประทานอาหารกลางวัน  ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ (ททท.สำนักงาน​​​กรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพ)

​​   ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทย และสรุปผลการเดินทางคาราวานขับรถพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง

ช่วงบ่าย : ​​ชมการจัดแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะร่วมสมัย ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA กรุงเทพมหานคร แหล่งท่องเที่ยวแนะนำของ​กรุงเทพมหานคร

16.00 น.​สิ้นสุดการเดินทาง/ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
 


พระพิฆเนศ ปางยืน องค์ใหญ่ที่สุดในโลก รุ่นเนื้อสำริด สำเร็จ สมปรารถนา จ.ฉะเชิงเทรา

เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศร์แห่งนี้ จัดสร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง สมาคมชาวฉะเชิงเทรา กับ มูลนิธิน้ำใจไทย ในครั้งนี้มีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีมหาเทวาภิเษกฯ

พระพิฆเนศองค์นี้มีชื่อเรียกว่า "พระพิฆเนศปางยืน องค์สำริด สำเร็จ สมปรารถนา"สำหรับวัตถุประสงค์ในการสร้าง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดฉะเชิงเทรา และของประเทศไทย อีกทั้งยังส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ การขายพืชผล ก่อให้เกิดการสร้างงานในท้องถิ่น และเป็นอนุสรณ์สถานที่ทรงคุณค่าชั่วลูกชั่วหลานสืบไป
นับได้ว่าเป็นองค์พระพิฆเนศที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดสูงถึง 39 เมตร เนื้อองค์ทำจากสำริด (ประกอบด้วย ซิลิคอน, แมงกานีส, นิเกิล, เหล็ก, ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทองแดง) พระหัตถ์ทั้ง 4 นั้นถือ ดอกบัว, มะม่วง, กล้วย, อ้อย และขนุน และที่พระบาทมีหนูกอดลูกมะพร้าว ซึ่งมีความหมาย คือ ความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน พระพิฆเนศปางสำริด สำเร็จสมปรารถนานี้จะประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา

ปั้น คือ นายพิทักษ์ เฉลิมเล่า ข้าราชการกรมศิลปากร ผู้มีผลงานอาทิเช่น การซ่อมแซมพระพรหมเอราวัณ งานประติมากรรม นารายณ์กวนเกษรียรสมุทร ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

สำหรับผลงานประติมากรรมพระพิฆเนศร์องค์นี้มีองค์ประกอบที่โดดเด่น คือ พระหัตถ์ 4 ถือพืชพรรณธัญญาหาร ดังนี้ 1.กล้วย 2.ยอดอ้อย 3.ขนุน 4.มะม่วง

และเป็นผลงานประติมากรรมเพียงองค์เดียวจากนับร้อยองค์ที่ส่งเข้าประกวดที่มีผลไม้ต่างๆ ถืออยู่ครบทุกหัตถ์ และนับเป็นความลงตัวอย่างที่สุด ที่คณะกรรมการสมาคมชาวฉะเชิงเทรา ได้พระพิฆเนศองค์นี้มาเป็นต้นแบบ และสถานที่ประดิษฐานนั้นยังเป็นพื้นที่ ที่อุดมไปด้วยพืชผักผลไม้ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะเป็นแหล่งมะม่วงที่ดีที่สุดของประเทศไทย

เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2506 โดยนายเล็ก วิริยะพันธุ์ นักธุรกิจเจ้าของบริษัทวิริยะประกันภัย เป็นสถานที่รวบรวมวัฒนธรรม ของไทย อาทิ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515

เมืองโบราณตั้งอยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 33 ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ห่างจากตัวจังหวัด 8 กิโลเมตร มีพื้นที่ 800 ไร่ ลักษณะที่ดินมีผังบริเวณคล้ายรูปขวาน เหมือนกับอาณาเขตของประเทศไทย [1] ภายในจะมีโบราณสถาน ปูชนียสถาน วัดโบราณ พระราชวัง ต่างๆ เป็นต้น และยังมี ส่วนรังสรรค์เป็นสถานที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของไทย มีไว้จัดแสดงที่นี่ด้วย ภายในเมืองโบราณยังมีค่ายพักแรม ชื่อว่า "ค่ายริมขอบฟ้า"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 10, 2015, 09:55:27 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
สถานีสุดท้ายของการเดินทางในวันที่ 8 วันสุดท้ายของทริปที่ยาวที่สุด 8 วัน พิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง คณะคาราวานมาอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA #กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์ที่เกิดจาก “ความหลงใหลในงานศิลปะ” ของ คุณบุญชัย เบญจรงคกุล แต่เหตุผลหลักที่แท้จริงนั้น คุณบุญชัยเปิด พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย อย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อเชิดชูเกียรติของ “บิดาแห่งศิลปะไทยร่วมสมัย” หรือ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี

จากหลักปรัชญา “ชีวิตสั้น ศิลปะยืนยาว” ซึ่ง ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้วางรากฐานเพิ่มพูนทักษะทางศิลปะให้บรรดาลูกศิษย์ ผสานความเชื่อ ความศรัทธาแบบดั้งเดิม เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยไว้อย่างลงตัว สะท้อนทั้งความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมและความเป็นอารยะของชนชาติไทย
งานศิลปะที่จัดแสดงใน พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA เป็นผลงานทัศนศิลป์ จากศิลปินหลายรุ่นระดับชั้นครู  แสดงถึงพลังความมุ่งมั่นของศิลปินไทย ในการคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ไทยอย่างเหนียวแน่น

ตัวอาคาร พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA ได้แนวคิดจากการนำหินทั้งก้อนมาแกะสลักอย่างประณีตบรรจงเป็นลายก้านมะลิ แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ขณะเดียวกันลายฉลุเหล่านี้ ยังเป็นช่องให้แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านมายังภายในอาคาร โดยในช่วงเวลาและฤดูกาลที่แตกต่างกันยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2555 มุ่งเน้นรากฐานอันมั่นคงและช่วยส่งเสริมให้ “สังคมศิลปะ” ในประเทศไทยเจริญงอกงามในทุกแขนง

พิพิธภัณฑ์ ศิลปะไทยร่วมสมัย เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) ส่วนค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 180 บาท, นักเรียน 80 บาท, พระภิกษุ สามเณรผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ไม่เสียค่าเข้าชม หากแสดงบัตรประจำตัว และหากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ ก็สามารถโทรมาสอบถามได้ที่ 0 -2953 -1005-7

คนที่มีใจรักในงานศิลปะโดยเฉพาะจิตรกรรมที่ร่วมสมัย และอยากรู้จักผลงานของศิลปินไทยในคอลเลคชั่นของเจ้าสัวบุญชัยว่ามีคุณค่า เพียงใด ก็ลองแวะมาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเองดู แล้วจะรู้ว่า “ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น” ดังปรัชญาของอ.ศิลป์ พีระศรี นั้นจริงแท้ขนาดไหน

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA 499/50 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ซึ่งการเข้าชมนั้นค่อนข้างมีกฎข้อห้ามพอสมควร เพื่อการรักษาผลงานศิลปะที่จัดแสดง ก่อนไปก็สามารถดูรายละเอียดจากเว็บไซต์ www.mocabangkok.com

จากนั้นก็แยกย้ายเดินทางกลับ แต่ละจังหวัดของตัวเอง จบทริปด้วยความสวัสดิภาพ มิตรภาพที่ต้องจดจำไปนานแสนนาน ระหว่างเส้นทาง ระยะทาง 2,106 กิโลเมตร และแหล่งท่องเที่ยวของ 19 จังหวัด ที่ล้วนแสดงให้เห็นว่า ภาคกลาง มีมากกว่าที่คิด

ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง สำหรับทริปดีๆ แบบนี้ แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่คัดเลือกสรรมาเป็นอย่างดี ยังคงรอต้อนรับนักเดินทางทุกท่านอยู่ใน 19 จังหวัด ที่ได้นำเสนอมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 10, 2015, 11:50:16 AM โดย admin »