ผู้เขียน หัวข้อ: นั่งรถเที่ยวระยอง-จันทบุรี เส้นทางในฝัน Dream Destination กับ Phototech  (อ่าน 18435 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
27 มิถุนายน - 29 มิถุนายน โห ผ่านไปไวจัง เกือบจะครบเดือนแล้วสิเนี่ยถึงจะมีโอกาสเอาภาพต่างๆ ของทริปนี้มาเขียนเล่าสู่กันชม ขออภัยด้วยนะครับ ^_^

    ตามกำหนดการ เราจะไปเจอกันที่หน้าตึกททท. ถนนเพชรบุรี เวลา 6.00 น. เช่นเดียวกันกับการเดินทางทริปก่อนๆ กับ Travel Line by นิตยสารโฟโต้เทค โครงการนี้มีชื่อว่า กินลม ชมเล บุฟเฟต์ผลไม้ ไหว้พระ ณ ระยอง-จันทบุรี ที่มีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย Thailand Convention & Exhibition Bureau (TCEB) และธนาคารกรุงเทพฯ ร่วมสนับสนุน ผมเดินทางไปถึงเวลาประมาณ 5.45 น. ก่อนเวลานัดเล็กน้อยตามสไตล์ พอจอดรถที่อาคารจอดรถของททท. ก็เดินมาที่หน้าตึก นักท่องเที่ยวหลายคนมาถึงแล้ว ต่างก็ทักทายกันเหมือนญาติสนิทมิตรสหาย บางคนที่มาเที่ยวกับโฟโต้เทคเป็นครั้งแรกอาจจะงงๆ ว่าทำไมทุกคนเหมือนรู้จักกันมานานแล้ว ผมมาร่วมทริปกับโฟโตเทคทริปแรกก็ยอมรับว่างงครับ เค้าทักทายกันหมดมีแต่เราที่ต้องมองหาคนรู้จักเพราะมาเป็นครั้งแรก นักท่องเที่ยวที่จองทริปท่องเที่ยวกับโฟโตเทคเป็นขาประจำจะมาบ่อยแทบทุกทริปเลยก็ว่าได้ เนื่องมาจากการบริการตั้งแต่ออกเดินทางจนกลับมาส่งที่จุดหมาย รายการอาหาร และที่พักที่สะดวกสบาย และราคาประหยัดอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นก็เพราะว่าซื้อแพคเกจด้วยบัตรเครดิต ธ.กรุงเทพฯ ก็ได้ส่วนลด ส่วนราคาเต็มนั้น ททท.ก็ช่วยสนับสนุนจึงได้ราคาพิเศษลงมาอีก ทัวร์อื่นๆ จึงทำราคาแบบนี้ในมาตรฐานเดียวกันได้ยาก ทุกคนก็เลยรู้จักกันเป็นอย่างดี แล้วถ้าใครมาทริปแรกลองมาอีกทริปเป็นทริปที่สองจะรู้ว่าผมเล่าความจริงเลยคุณจะเจอคนเดิมๆ ที่มากับโฟโตเทคและคุณจำได้แน่ๆ

    เมื่อมาถึงแล้วจะมีอาหารเช้าและกาแฟรออยู่ อาหารเช้ารองท้องแบบง่ายสำหรับก่อนการเดินทางคือข้าวต้มกุ้งและก๋วยเตี๋ยว ขนมเล็กน้อยสำหรับกินคู่กับกาแฟ ทุกคนจะแจ้งชื่อลงทะเบียนและได้รับแทกติดตัว ด้านหน้าเป็นแทกชื่อเรา มีหมายเลขที่นั่งบนรถ เลขที่โต๊ะอาหารและเลขที่ห้องพักให้เรียบร้อยเลย ด้านหลังเป็นกำหนดการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ จึงไม่ต้องคอยถามว่าต่อไปจะไปที่ไหน ข้อมูลอยู่ในบัตรเรียบร้อยหมดแล้ว พอได้บัตรก็ยกกระเป๋าไปที่รถที่เรานั่ง ขึ้นไปนั่งตามเลขที่ในบัตร ทริปนี้มีนักท่องเที่ยวเกือบ 100 คน คือใช้รถ 40 ที่นั่ง 2 คัน ผมได้คันแรก แล้วก็พร้อมออกเดินทาง นำขบวนด้วยรถตำรวจจากกองปราบปรามเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทางขึ้นอีกระดับ

    6.30 น. คือเวลาที่รถเคลื่อนตัวออกจากอาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ในการเดินทางไปยังจุดหมายแรก สำหรับทริปนี้ก็คือ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่จันทบุรี ตรงพื้นที่ที่มีศาลหลักเมืองและศาลจังหวัดอยู่ด้วย หลายคนก็เลยเรียกกันสั้นๆ ว่าสามศาล เมื่อมาถึงจุดหมายแรก ผมก็เดินลงจากรถยกกล้องมาเก็บภาพ แต่ภาพที่ได้มัวหมดเพราะความเย็นจากรถที่นั่งมาทำให้เลนส์เป็นฝ้า ต้องเช็ดๆ 3 รอบ คนอื่นๆ ก็ถ่ายกันไปเรื่อยผมยังเช็ดเลนส์อยู่เลย ทุกคนเข้าไปสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สำนึกในพระมหากุรณาธิคุณที่กอบกู้บ้านเมืองและมีความเกี่ยวพันกับชาวจันทบุรีเป็นอย่างมากในระหว่างการเคลื่อนทัพของพระองค์ หลายคนมาบนบานสานกล่าวได้สำเร็จสมประสงค์ก็จัดรำถวายแก้บน ส่วนศาลหลักเมืองอยู่อีกด้านหนึ่งที่ไม่ไกลกันมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2014, 12:46:18 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
เมื่อสักการะศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน ศาลหลักเมืองและเก็บภาพเสร็จเรียบร้อย (ลืมบอกไปครับว่าในระหว่างร่วมทริปกับโฟโตเทคจะมีการประกวดภาพถ่ายชิงรางวัลด้วยเราควรจะถ่ายภาพมากๆ จะได้เลือกมาส่งเข้าประกวด ส่วนคนที่ถ่ายไม่ค่อยเก่งหรือไม่รู้หลักการก็จะมีอาจารย์ ธวัช มะลิลา จากสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยมาสอนและแนะนำด้วย) รถออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปซึ่งอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองจันทบุรี คือ วัดเขตร์นาบุญญาราม

    วัดแห่งนี้แทบไม่มีคนรู้จัก ไม่ค่อยได้ยินชื่อเลย และไม่รู้ด้วยว่ามีความสำคัญยังไงทำไมโฟโตเทคพาเรามาที่นี่ ประการแรกที่รู้ก็คือวัดนี้น่าจะเป็นวัดจีนแต่พอเดินเข้าไปแล้วฟังไกด์อธิบายจึงได้รู้ว่าเป็นวัดญวนที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ประวัติของวัดแห่งนี้มีความเป็นมายาวนานขนาดไหน ลองอ่านดูกันครับ

    พุทธศาสนานิกายมหายานหรืออุตรนิกาย.. ได้เผยแผ่เข้าไปในเวียดนามหรือประเทษญวนเมื่อพุทธศตวรรษที่ 10 โดยท่าน โพธิธรรมเถระ ได้อาราธนาพระไตรปิฎกเข้าสู่ประเทศเวียดนามในสมัยของ พระเจ้าลี้นามเด๊ นับแต่นั้นมา พระพุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองตลอดมาเป็นเวลาถึง 1,500 ปีเศษ สามารถจะกล่าวได้ว่าพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาได้ฝังลึกอยู่ในจิตใจและสายเลือดของชาวญวนตลอดมานับพันปี

    ชาวญวนได้อพยพหลบภัยเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเสมือนหนึ่งหนีร้อนมาพึ่งเย็นในราชอาณาจักรไทยหลายต่อหลายครั้ง เมื่อมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งอันควรแก่อัตภาพแล้ว ความยึดมั่นในพระพุทธศาสนาได้เป็นพลังผลักดันให้ชาวญวณได้สร้างวัดเป็นที่บำเพ็ญกุศล ตามศรัทธา ก่อให้เกิดวัดพุทธศาสนานิกายมหายานฝ่ายอนัมนิกายหรือฝ่ายญวนขึ้นหลายต่อหลายวัด ตามหลักฐานที่ปรากฏจนถึงทุกวันนี้ แต่จะขอกล่าวเฉพาะวัดเขร์นาบุญญาราม นี้เท่านั้น นามเดิมมีชื่อเรียกว่า วัดเพื๊อกเตี้ยนตื่อ ก่อตั้งประมาณปี พ.ศ. 2377 ในสมัยรัชกาลที่ 3 กระทั่งปี พ.ศ. 2439 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามแก่วัดในปกครองของคณะสงฆ์อนัมนิกายพร้อมกันจำนวน 3 วัด คือ 1. วัดเขตร์นาบุญญาราม จ.จันทบุรี 2. วัดถาวรวราราม จ.กาญจนบุรี 3. วัดสมณานัมบริหาร กทม.

    จากหลักฐานของท่านพระครู คณานัมสมณาจารย์ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2498 เขียนไว้มีความว่า หัวเรื่อง "ตั้งนามวัด"
    ....พระบาทสมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า แห่งประเทศไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชูปถัมป์แก่คณะสงฆ์อนัมนิกายทั้งในด้านศาสนกิจและสังฆานุเคราะห์อันควรแก่สมณะวิสัยโดยลำดับด้วยวัดที่ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลลาดขวาง อำเภอเมืองจันทบุรี ให้เจริญรุ่งเรืองงดงามไพบูลย์ในพระบวรพุทธศาสนาตลาดกาลเป็นนิจนิรันดร...

    ปี พ.ศ. 2511 พระอุโบสถเดิมที่สร้างด้วยไม้ชำรุดมาก พุทธศาสนิกชนชาวจันทบุรีจึงได้ร่วมกันก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ในครานั้น สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระราชินีในรัชกาลที่ ๗ ได้เสด็จทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2511 ได้ดำเนินการก่อสร้างจนสำเร็จได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ. 2516 และได้รับการยกเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างในปีเดียวกัน ต่อมาปี พ.ศ. 2539 ได้รับการยกย่องเป็นวัดพัฒนาดีเด่นจากกรมศาสนา

    ประวัติการกินเจ เมื่อประมาณ ปีพ.ศ. 2431 กรมการโรงเจ บ้วนเฮงเจตั๊วอัน เป็นโรงเจประจำจังหวัดจันทบุรี ยังไม่มีที่ตั้งถาวรได้มาขอที่วัดประกอบพิธีได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอันมาก จึงขอตั้งเป็นการถาวรมีกรรมการบริหารจนถึงปัจจุบัน และพุทธศาสนิกชนชาวจันทบุรีได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองจนตราบเท่าทุกวันนี้ รวมเวลา 115 ปี ของประเพณีการกินเจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2014, 02:10:51 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
จากวัดเขตร์นาบุญญารามมีถนนเดินทะลุชุมชนจันทบูร เราทุกคนก็เดินตามๆ กันไปได้ชมบ้านเรือนที่ก่อสร้างขึ้นมานานเป็น 100 ปี ชมวิถีชีวิตชุมชน ขนมในย่านนี้เป็นขนมแบบโบราณที่ยังคงสูตรดั้งเดิมรสชาตอร่อยกว่าที่อื่นๆ เดินไปอุดหนุนขนมกันไป บางคนที่เป็นผู้สูงอายุก็ได้แวะเข้ามาซื้อยาแผนโบราณที่นี่กันด้วย สักพักไปจนทะลุอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ชมอาสนวิหารที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ก่อนที่จะขึ้นรถเพื่อนเดินทางไปยังร้านอาหารปูจ๋า ร้านอาหารขึ้นชื่ออีกร้านหนึ่งของจันทบุรี

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
 :D

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
เนื่องจากร้านปูจ๋าอยู่ห่างตัวเมืองพอสมควรเราใช้เวลาสักพักในการเดินทางแล้วก็มาถึงที่ร้าน ทางร้านจัดอาหารไว้ให้บนโต๊ะหมดแล้ว ระหว่างการเดินทางทีมงานโฟโตเทคก็จะหาเกร็ดความรู้มากมายหลายอย่างเกี่ยวกับจังหวัดจันทบุรีมาแชร์ให้ฟัง ประสบการณ์ต่างๆ จากผู้สูงวัยที่น่าจะเรียกว่าปราชญ์คนหนึ่งคือ อาจารย์นิวัตร เปาอินทร์ ที่นอกจากจะถ่ายทอดวิชาความรู้เรื่องการถ่ายภาพแล้วแต่อาจารย์ยังมีความรู้มากมายเกี่ยวกับจังหวัดระยองมาเล่าตลอดทางด้วย ปริมาณอาหารที่เตรียมไว้ให้แต่ละโต๊ะ นับว่าเยอะมากเป็นอาหารทะเลสดที่ได้คุณภาพ ไม่มีเมนูไหนไม่อร่อย เราเดินเข้าไปนั่งบนโต๊ะตามหมายเลขที่เขียนไว้ที่แทกที่เราแขวนคออยู่ ทุกคนทานจนอิ่มปรากฏว่าปูยังเหลือ แสดงว่าอิ่มจริงไม่งั้นปูต้องหมด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2014, 02:27:06 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
อิ่มหนำสำราญแล้วก็เริ่มง่วง จากร้านปูจ๋า สถานีต่อไปของเราคือสิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของจันทบุรี เป็นสิ่งขึ้นชื่อของไทยที่ทำให้ต่างชาติรู้จักกันเลยทีเดียว ไม่ใช่ทุเรียนนะจ๊ะ สิ่งนั้นคือพลอย นั่นเอง พูดถึงเรื่องพลอยแล้วคงไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่า ย่านการค้าพลอยจันทบุรีทีแรกผมก็คิดว่าเป็นร้านขายเครื่องประดับหลายๆ ร้านเรียงกันสองข้างถนนแล้วไปเดินเลือกซื้อเลือกหาเหมือนกับย่านการค้าอื่นๆ แต่ความเป็นจริงแล้วที่สร้างเป็นอาคารขนาดใหญ่รวมร้านค้าพลอยที่ได้รับการตรวจสอบแล้วจากสมาคมผู้ค้าพลอยจันทบุรี ของในนี้ทั้งหมดจะเป็นของจริง และตัวเรือนถ้าบอกลูกค้าว่าเรือนทองแท้ต้องเป็นทองแท้จริงๆ หากถูกตรวจพบย่อมจะถูกถอนใบอนุญาตค้าพลอยไปเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครมาเสี่ยง

    เข้ามาในนี้เราจะเดินขึ้นชั้นสองกันหมดมีบันไดเลื่อนครับไม่ต้องกลัวเหนื่อย วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ คนจะมาเดินเลือกซื้อพลอยกันเยอะมากเป็นพิเศษ พอถึงชั้นสองแล้วจะมีห้องฉายหนังสามมิติเป็นเรื่องราวความเป็นมาของพลอย เรียกว่ากำเนิดพลอยเลยก็ว่าได้ พลอยซึ่งที่จริงก็คือหินชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นมาในเปลือกโลกของเราและกระจัดกระจายกันออกไปตามที่ต่างๆ บนโลกด้วยแรงของภูเขาไฟยักษ์ระเบิดในช่วงเวลาหลายล้านปีก่อน แต่ละประเทศจึงมีพลอยต่างชนิดกัน ภาพที่ฉายด้วยระบบสามมิติจะมีแว่นให้ใส่ดูตื่นตาตื่นใจมาก กระบวนการนำพลอยขึ้นมาที่เรียกว่าเหมืองพลอย จนกระทั่งการเจียรไนด้วยฝีมือคนไทยจนได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ถูกรวมมาเป็นหนังให้เราชมแบบสั้นๆ ก่อนที่เราจะเดินออกจากโรงหนังเล็กๆ ไปยังห้องพิพิธภัณฑ์พลอย เราก็จะได้เห็นพลอยชนิดต่างๆ พร้อมข้อมูลแหล่งที่มาของพลอยชนิดนั้นๆ จะเห็นได้ว่าแต่ละประเทศมีพลอยไม่เหมือนกันเลย

    ธรรมชาติสร้างสิ่งสวยงามเหล่านี้ขึ้นมา คนก็ยอมรับนำขึ้นมาเป็นสิ่งที่มีมูลค่า แปลงให้เป็นเครื่องประดับชิ้นแล้วชิ้นเล่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ห้องแสดงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของกษัตริย์ในประเทศต่างๆ ก็ถูกประดับด้วยพลอยอย่างสวยงามแต่ที่เราได้ชมที่นี่เป็นของที่จำลองขึ้นมานะครับ แต่ก็สมจริงมากพอเดินทะลุพิพิธภัณฑ์พลอยออกไปก็จะเป็นย่านการซื้อขายพลอยกันแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2014, 02:49:28 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
    ย่านการค้าพลอยจันทบุรี มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ เรียงรายไปด้วยตู้กระจกของกลุ่มผู้ค้าพลอยนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว แต่ละร้านก็จะนำเอาพลอยเม็ดและเครื่องประดับที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านดีไซน์ออกมาวางให้ชมให้เลือกมีตั้งแต่พลอยเม็ดเปล่าๆ ขนาดเล็กนำไปใช้เป็นพลอยล้อม คือต้องมีพลอยหลักอยู่ตรงกลาง ไปจนถึงสร้อยคอราคาหลักล้านก็มีให้ชมด้วย ร้านค้าพลอยตั้งเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบเดินเป็นเส้นตรงกลับไปกลับมาได้หลายรอบถึงจะทั่วทั้งหมด พลอยเม็ดเปล่าๆ จะซื้อขายตามน้ำหนัก ที่เห็นๆ ส่วนใหญ่จะเริ่มกันแถวๆ หลักพันเป็นต้นไป ก็เลยคิดว่าพลอยเปล่ายังเป็นพันถ้าประกอบเรือนแล้วจะเท่าไหร่เนี่ย แต่พอเดินดูดีๆ ก็จะเจอแหวนหลายแบบหลายขนาดวางในกล่องบนตู้มีป้ายเขียนว่า Sale 1000 โอ้ พลอยก็ใหญ่ดีทำไมมาลดราคาซะละ ถามคนขายก็ได้ความว่าดีไซน์นี้เก่าแล้ว ก็เลยนำมาลด ถ้าถอดเอาพลอยออกมาใส่เรือนใหม่พลอยจะเป็นตำหนิ อืม...เข้าใจละแบบนี้ผมก็พอจะหาพลอยประจำราศีตัวเองใส่ได้ไม่ยาก ไว้มีเวลาว่างๆ พาเพื่อนๆ มาช้อปเครื่องประดับเล่นดีกว่า

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
ภาพเครื่องประดับต่อไปนี้เป็นภาพเครื่องประดับจากร้านเดียวกัน ภาพแรกสร้อยคอพร้อมจี้ เฉพาะสร้อยราคา 110,000 ประมาณนี้ ส่วนจี้ ผมไม่ได้ถาม ^^ มัวแต่ตกใจราคาสร้อยอยู่ การเดินชมอัญมณีและเครื่องประดับในย่านการค้าพลอยจันทบุรี มีบางร้านจะให้ถ่ายภาพได้ ส่วนบางร้านไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ดังนั้นก่อนที่จะเราถ่ายภาพถามเจ้าของร้านก่อนนะครับ เนื่องจากร้านค้าพลอยในย่านการค้ามีจำนวนมาก ผมเลยเดินเลือกถ่ายชิ้นงานที่ดูสะดุดตาก่อน แล้วนอกจากดูสวยงามแล้วเจ้าของยังต้องให้ถ่ายภาพได้ด้วย แต่เท่านี้ก็เป็นตัวอย่างให้มากพอแล้วว่าที่นี่สินค้าได้คุณภาพ สวยงาม สมราคา รับประกันของแท้ให้ด้วย สบายใจแน่นอนครับ

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
ต่อกันอีกสักนิดกับร้านแรกตรงประดูทางเข้า หรือจะเป็นร้านสุดท้ายตรงประตูทางออกสำหรับเราที่เดินมาจากพิพิธภัณฑ์ซึ่งอยู่ด้านหลัง ร้านนีจะมีเครื่องประดับอยู่ 1 ชิ้น เป็นสร้อยคอที่นางแบบใส่เดินในงานเปิดโลกอัญมณีที่ผ่านมานี่เอง สร้อยเส้นนี้สนนราคา ล้านกว่าๆ แต่มีส่วนลดให้ สนใจสอบถามเจ้าของร้านได้เลยนะครับ สร้อยเส้นแรกในภาพด้านล่าง แล้วยังมีเครื่องประดับเยอะแยะมากมายให้เลือกฝีมือปราณีตกันทั้งนั้น ล้ำค่าด้วยพลอยแท้ๆ ใหญ่ๆ กันเลยคร้าบ

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
    เดินชมพลอยจนตาลายจากที่ท้องอิ่มๆ ตอนนี้ย่อยไปเกือบหมดแล้ว เพราะที่นี่เค้ากว้างจริงๆ ออกจากย่านการค้าพลอยจันทบุรี เราใช้เวลามากกว่าที่กำหนดไว้เล็กน้อย ก็แหมของมันสวยอะเนาะ

    เราขึ้นรถจนครบทุกคน แล้วออกเดินทางกันต่อ รู้สึกว่าวันนี้เราเที่ยวเยอะจัง ปกติเวลาเรามาเที่ยวเองถึงที่นี่แล้วคงเลือกซื้อจนเย็นแล้วก็เข้าที่พัก เพราะเราก็ไปมาหลายที่เหลือเกินสำหรับวันเดียว แต่ทริปกินลม ชมเล บุฟเฟต์ผลไม้ ไหว้พระ ณ ร่ะยอง - จันทบุรี ของโฟโตเทค จัดเต็มครับ ยังมีน้ำตกพลิ้ว น้ำตกสายสำคัญที่สวยงามที่สุดของจังหวัด ที่สำคัญมีประวัติศาสตร์สำคัญกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงโปรดปรานน้ำตกพลิ้วแห่งนี้มาก และได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนน้ำตกพลิ้วหลายครั้ง รวมทั้งทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอลงกรณ์เจดีย์ ที่ระลึกเมื่อคราวเสด็จประพาสต้นพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี เมื่อปี พ.ศ.2419

    นอกจากนี้ยังมีอนุสรณ์สถานทรงปิรามิด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเนื่องจากสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี เคยเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้ว เมื่อพระชันษา 14 พรรษา ทรงโปรดความสวยงามตามธรรมชาติของสถานที่แห่งนี้เป็นอันมาก เคยทรงปรารภว่า ใคร่ที่จะเสด็จประพาสอีก แต่บังเอิญเสด็จทิวงคตเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอนุสาวรีย์บรรจุพระสุรีรางคารของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ไว้ ณ สถานที่นี้ในปี พ.ศ. 2424

    พวกเราเดินชมความสวยงามกันไปเรื่อยๆ จนถึงตัวน้ำตกถ่ายรูปกันจนเต็มที่แล้วก็เดินกลับมาที่รถ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2014, 03:34:53 PM โดย admin »